ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 613 โกรธ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 613 โกรธ!

โจวเจ๋อพ่นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไป และรู้สึกจนใจอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องของโกวซินก่อนหน้านั้น บวกกับสิ่งที่เคยผ่านมาในอดีต การเดินทางไกลครั้งนี้ เขาจึงตั้งใจไม่พานักพรตเฒ่ามาด้วย แต่ผลปรากฏว่ายังโดนความปากเสียของเขาเข้าอย่างจัง

โชคดีที่เหมือนตอนที่นักพรตเฒ่าพูดผ่านโทรศัพท์ดาวเทียมก่อนหน้านั้น สำหรับทีมของพวกเขาแล้ว หากต้องเจอกับพวกที่ก่ออาชญากรตามเขตชายแดน คนที่ซวยไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นคนร้ายพวกนั้นต่างหาก

ทว่าเถ้าแก่โจวไม่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่เลยสักนิด และไม่มีความตระหนักถึงสิ่งที่พ่อบุญธรรมพูดกับสไปเดอร์แมนว่า‘พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ เมื่อฟังคำพูดของทนายอันแล้ว เขาจึงส่ายหน้าทันทีแล้วเอ่ยว่า“อย่างนั้นพวกเราก็เดินหลบกันเถอะ”

“อืม” ทนายอันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน “พวกเราเดินไปทางนั้น ปล่อยให้พวกเขาเดินไปก่อน”

ทนายอันเคยเผชิญกับความผันผวนในวงการข้าราชการเป็นทำอาชีพลักลอบนำคนเข้าเมืองมาก่อน และความคิดของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่คนตาย สำหรับคนเป็นนั้นเขาไม่เคยสนใจเลย

เถ้าแก่โจวก็เป็นคนเกียจคร้าน และตอนนี้ก็ได้รับบทเรียนมาจากคนตาบอดที่เซี่ยงไฮ้แล้ว เมื่อเรื่องยุ่งยากมาหาตัว ดูก่อนว่าคุณจะจัดการด้วยอารมณ์แบบไหน แต่ไม่เคยเป็นฝ่ายเข้าไปหาเรื่องยุ่งวุ่นวายและออกแรงช่วยก่อน

ทุกคนเก็บข้าวของแล้วเดินไปที่บนที่ราบลุ่มพื้นที่ดินที่ยุบตัวตรงหน้าโดยไม่ตั้งใจที่จะซ่อนตัว แค่เปลี่ยนตำแหน่งแล้วนั่งลง ในป่ามีกิ่งไม้หนาทึบในป่านี้ และเนื่องจากเป็นยามเช้าจึงเกิดหมอก ทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดต่ำมาก

ทนายอันหยิบเอ็มพีสามออกมาจากกระเป๋า เป็นรุ่นที่เก่ามาก แต่น่าจะมีค่าเมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่สมาร์ตทโฟนจะได้รับการพัฒนา เอ็มพีสามและเอ็มพีสี่เป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษาอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับมีคนใช้น้อย ทนายอันยัดหูฟังเข้าไปในหูของโจวเจ๋อ จากนั้นกดปุ่มเล่น

“ธงพลิ้วปลิวไสว ม้าร้องดังฮี้ๆ ปืนอยู่บนบ่า ดาบอยู่ที่เอว เลือดอันเร่าร้อนฮึกเหิม…” เสียงเทเนอร์ของผู้ชายร้องด้วยความฮึกเหิมดังกึกก้องขึ้นมา โจวเจ๋อมองไปทางทนายอันอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

“เถ้าแก่ ฟังไปก่อน เนื้อเพลงไม่เยอะ จำทำนอง รีบใช้เวลาเรียนรู้เข้า” ถึงแม้ทนายอันจะเป็นกังวลอะไรมาตลอด จึงไม่พูดถึงจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ออกมา แต่ในใจของโจวเจ๋อก็พอจะเดาออกอยู่บ้าง เขาจึงพยักหน้าทันที แล้วเริ่มฟังเพลงอย่างอดทน

ส่วนทนายอันได้หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา หาหูฟังอีกหนึ่งคู่แล้วใส่หูของตัวเอง ที่นี่ไม่มีสัญญาณ จึงใช้โทรศัพท์ฟังเพลงได้เท่านั้น เมื่อเห็นเถ้าแก่ฟังเนื้อเพลงและท่องอย่างตั้งใจ ทนายอันจึงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า นิ้วมือเคาะหัวเข่าของตัวเองเบาๆ พร้อมกับฮัมเพลงไปพลาง “เธอสวยที่สุดในสายตาของฉัน ทุกรอยยิ้มทำให้ฉันเคลิบเคลิ้ม ความร้ายของเธอ ความดีของเธอ เธอทำปากจู๋เวลาโกรธ”

แต่ใครจะคิดว่าจะได้ยินเสียงปืนดัง ‘ปัง!’ เข้ามา ทำลายบรรยากาศที่สงบสุขของ ‘การฟังเพลงระหว่างท่องเที่ยวนอกเมือง’ ของทุกคนในยามนี้

ไป๋อิงอิงยื่นมือคว้าโดยตรง จากนั้นจึงแบฝ่ามือออกช้าๆ กระสุนลูกหนึ่งถูกบดขยี้อยู่ในมือของเธอ ถ้าหากอิงอิงไม่ขวางไว้ คำนวณจากทิศทางแล้ว ทนายอันคงต้องกินลูกปืนแทน ทนายอันถอดหูฟังด้วยใบหน้าที่อาฆาตแค้น!

เถ้าแก่โจวก็ได้ยินเสียงปืน และมองเห็นอิงอิงรับลูกกระสุน แต่น่าจะเป็นกระสุนที่ยิงมาแต่ไกลมาถึงตรงนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ใช่เพราะเจอตำแหน่งของทุกคน จึงไม่เป็นไร โจวเจ๋อไม่แม้แต่ที่จะดึงหูฟังออก แล้วฟังเพลงต่อไป

ทนายอันรู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง แม่งเอ๊ย ฉันอุตส่าห์ยอมถอยทัพให้เก้าสิบลี้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง พวกแกเล่นสนุกของพวกแก แต่กระสุนกลับลอดมาถึงรังของฉัน เมื่อเดินริมน้ำบ่อย มีหรือที่รองเท้าจะไม่เปียก ทนายอันใช้กายเนื้อของมนุษย์ หากไม่ระวังโดนกระสุนปืนลูกหลงเข้าจะต้องทรมานเหมือนกัน ถ้าหากโดนจุดสำคัญแล้วเขาจะไปหากายเนื้อจากที่ไหนอีก

เวลานี้เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนยาดังติดต่อกันสองสามครั้งมาจากทางนั้นอีกแล้ว

“เถ้าแก่ การได้พบคือวาสนาพรหมลิขิต พวกเราต้องทำประโยชน์เพื่อชาติบ้างใช่ไหม”

โจวเจ๋อรู้ว่าทนายอันโกรธ คิดอยากจะแก้แค้นสั่งสอนคน เขาจึงไม่ทักท้วง เพียงแค่จึงได้แต่พยักหน้าแบบขอไปที ปล่อยเขาไป

ทนายอันกวาดตามองอิงอิงหนึ่งที แต่ลังเลเล็กน้อย อิงอิงเป็นผีดิบ ไม่แน่ว่าหากฆ่าคนแล้วจะโดนฟ้าผ่า แต่เหล็กดีต้องใช้บนดาบ ไม่จำเป็นต้องนำมาใช้อย่างสิ้นเปลืองในตอนนี้

และตัวเขาเองก็เป็นคนมีความผิดติดตัวถูกถอดยศจากนรกจึงไม่อยากทำตัวเด่นเกินไป ปกติรับมือกับวิญญาณเร่ร่อนหรือไม่ก็พวกปีศาจจึงไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากไปยุ่งกับชีวิตของคนเป็นจะไม่ใช่เรื่องดี

สุดท้ายสายตาของเขาจึงตกไปที่สวี่ชิงหล่าง “คุณไปน่าจะดีกว่า ถือเสียว่าขจัดภัยพาล อภิบาลคนดีดูแลความสงบสุขของบ้านเมือง ก่อนหน้านี้ได้กินควันธูปเทียนเข้าไป ต้องออกกำลังเสียหน่อย เดี๋ยวระบบย่อยไม่ดี” แต่ยังมีอีกหนึ่งประโยคที่ทนายอันไม่ได้พูด สวี่ชิงหล่างก่อเวรฆ่าคนที่นี่ มากสุดงูเหลือมที่อยู่มุมใดมุมหนึ่งของทะเลกว้างใหญ่อันไกลโพ้นอาจจะโดนฟ้าผ่าสองสามครั้ง ไม่ว่าอย่างไรมันมีหนังหนาหยาบกร้าน ถือเสียว่าเป็นการฝึกโดนทัณฑ์สวรรค์ล่วงหน้าก็แล้วกัน

เมื่อเห็นสายตาของทนายอันมองมาทางนี้ สวี่ชิงหล่างก็จึงไม่ลังเลแต่อย่างใด พยักหน้าทันที ยื่นมือแหวกกิ่งไม้ใบไม้ที่อยู่ตรงหน้าเดินไปทางนั้น ถึงแม้ส่วนหนึ่งของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะถูกบังคับให้ผนึกอยู่ในร่างของเขา แต่เขาไม่เคยคิดว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นคนของตัวเอง ระหว่างทั้งสองคนเคยมีบุญคุณความแค้นต่อกันในอดีตที่ผ่านมา ปล่อยให้มันโดนยฟ้าผ่าสักครั้งสองครั้ง สวี่ชิงหล่างยังดีใจที่ได้เห็นด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นผิวหนังที่อยู่ใต้ร่มผ้าของเหล่าสวี่เริ่มมีเกล็ดงูสีเขียวงอกออกมา ส่วนลึกในดวงตาข้างซ้ายของเขาปรากฏวังน้ำวนสีเขียวเข้ม ระหว่างปากของเขาปรากฏเขี้ยวงูพิษให้เห็นอยู่เนืองๆ

หลังจากกลืนพลังแห่งควันธูปเทียนครั้งที่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายลึกซึ้งขึ้นหรือว่าอีกฝ่ายอยากตอบแทนน้ำใจซึ่งกันและกัน สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าตัวเองสามารถยืมพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้มากขึ้นไม่น้อย และครั้งนี้ก็ได้เวลาทดสอบพอดี

‘“สวบๆๆ…’” ตอนแรกเขาเดินออกไปช้าๆ หลังจากเดินไปสองสามก้าว จึงกลายร่างเป็นเงาสีเขียวแล้วพุ่งออกไปโดยตรง

“โอ๊ยๆๆ!!!!”

“ผี!!!”

“โอ๊ยๆๆ!!!”

ทางนั้นเกิดเสียงร้องน่าสงสารขึ้นเป็นระลอก และส่วนมากพูดภาษาจีน เถ้าแก่โจวเปิดเพลงซ้ำสองรอบ ตอนที่อยากจะเปลี่ยนเพลง เขาพบว่าทนายอันใส่เพลงนี้ไว้ในเอ็มพีสามแค่เพลงเดียวเท่านั้น!

โจวเจ๋อจึงได้แต่ถอดหูฟังออกอย่างจนใจ บังเอิญว่าสวี่ชิงหล่างที่อยู่ทางนั้นก็จัดการเสร็จพอดี เมื่อไม่กังวลดังนั้นจึงไม่ออมมือ ท่านพ่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลสอนความเป็นมนุษย์ให้กับคุณโดยตรง

อิงอิงช่วยแหวกกิ่งไม้ตรงหน้าโจวเจ๋อ เถ้าแก่โจวหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วคาบไว้ อิงอิงจึงหยิบไฟแช็กออกมาจุดให้โจวเจ๋อทันที มือหนึ่งถือเอ็มพีสาม มือหนึ่งคีบบุหรี่ เถ้าแก่โจวเดินไปยังสถานที่เกิดเหตุเหมือนหนุ่มเสเพล

บนพื้นมีคนนอนอยู่ไม่น้อย มีสองสามคนน่าจะถูก ‘ฆ่าทิ้ง’ ด้วยฝีมือของพวกเดียวกัน และยังีมีอีกเจ็ดแปดคนที่ถูกฆ่าโดยสวี่ชิงหล่าง เพราะแยกแยะได้ง่ายมาก คนที่เพราะถูกสวี่ชิงหล่างฆ่าไม่มีเลยสักคนที่เหลือสภาพศพครบสมบูรณ์ทั้งตัว

เวลานี้สวี่ชิงหล่างกำลังยืนอยู่ข้างศพศพคนหนึ่ง มองหลังมือของตัวเองซึ่งมีคราบเลือดสดอยู่บนนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เลือดของเขา

มองเห็นสวี่ชิงหล่างมองดูเลือดสดๆ ที่หลังมือของสวี่ชิงหล่างด้วยท่าทางที่อยากจะเลียแต่ก็อยากจะอาเจียนและปฏิเสธมัน โจวเจ๋อจึงหัวเราะ แล้วพูดว่า “อยากดื่มก็ดื่มเลย เพราะทั้งหมดไม่ใช่คนดีอะไร นายไม่ต้องรู้สึกบาป” เถ้าแก่โจวมองเรื่องพวกนี้อย่างปล่อยวาง

สวี่ชิงหล่างกลับส่ายหน้า แต่ตอนที่เขาหยิบกระดาษทิชชูอยากจะเช็ดหลังมือนั้น ร่างกายจู่ๆ ก็สั่นขึ้นมา ส่วนลึกในนัยน์ตาปรากฏปณิธานอันแก่กล้า! ชั่วเวลาเดียวบุคลิกของเหล่าสวี่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เขามองไปทางโจวเจ๋อด้วยใบหน้าที่ดิ้นรนและบิดเบี้ยว แต่ยังเอ่ยว่า “พวกเจ้า อยากตายหรือ”

ดูเหมือนจะเป็นเพราะเหล่าสวี่กำลังดิ้นรนและต่อต้านพลังจิตของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่เข้ามากะทันหัน เป็นผลทำให้ท่านเทพเจ้าแห่งทะเลต้องกัดฟันพูดทีละคำสองคำ

ขณะที่สวี่ชิงหล่างกำลัง ‘ช่วยขจัดความชั่วผดุงคุณธรรม’ อยู่ทางนี้ คาดว่าในท้องทะเลอันกว้างใหญ่นับหมื่นลี้ คงมีงูเหลือมยักษ์บางตัวเงยหน้าเห็นก้อนเมฆดำทะมึนบนท้องฟ้า ดังนั้นจึงส่งพลังจิตมาซักถามเอาความโดยตรง

หน้าอกของสวี่ชิงหล่างเกิดแสงจางๆ กระจายออกมาไม่หยุด เป็นตราผนึกก่อนหน้านั้นกำลังบังเกิดผล และดูจากท่าทางของสวี่ชิงหล่างแล้วเขาไม่ได้สูญเสียการควบคุมของร่างนี้อย่างสิ้นเชิง

“เหอะๆ กินของคนอื่นจึงปากอ่อน พลังของควันธูปเทียนก่อนหน้านั้นเจ้ากินอย่างสบายใจมากไม่ใช่เหรอ ทำไมเล่า ได้เงินแล้วไม่อยากทำงาน บนโลกนี้ไม่มีหลักและเหตุผลเช่นนี้อยู่” ทนายอันพูดพลางแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชาอยู่ข้างๆ

สวี่ชิงหล่างวางแผนจับงูเหลือมใหญ่ตัวนี้ ทนายอันก็รู้ และแถมยังรู้ก่อนที่เรื่องราวจะเกิดขึ้นเสียอีกหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่เคยห้ามและไม่เตือนโจวเจ๋อ เรื่องที่อันตรายมากขนาดนี้ สุดท้ายกลับประสบความสำเร็จ ทนายอันจึงตกใจเล็กน้อย

“คิดว่า ข้า ไม่กล้า ฆ่าพวกเจ้ารึ”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงยื่นเอ็มพีสามในมือให้อิงอิง จากนั้นเดินยิ้มเล็กน้อยไปหาเหล่าสวี่ ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าสวี่ แล้วเห็นนัยน์ตาสีเขียวลุ่มลึกคู่นั้นกำลังจ้องมองตัวเขาอยู่ตลอดเวลา เล็บมือซ้ายทั้งห้านิ้วของโจวเจ๋องอกออกมา บังใบหน้าของสวี่ชิงหล่างโดยตรง!

เขาไม่ได้แทงเข้าไป แต่อยู่ห่างจากใบหน้าของเหล่าสวี่สี่เพียงสองสามเซนติเมตรเท่านั้น ทว่าหมอกสีดำแต่ละสายนั่นกลับแทรกซึมออกมาจากปลายเล็บ โจวเจ๋อถอยหลังแล้วออกแรงเหมือนกำลังชักเย่อ เงาร่างสีเขียวถูกโจวเจ๋อดึงออกมาจากภายในร่างของสวี่ชิงหล่างเกือบครึ่งหนึ่ง! มันเป็นหัวงูสีเขียว!

“แหกตาของแกดู ฉันเป็นใคร” โจวเจ๋อมองเงาแสงของหัวงูแล้วพูดคำราม ขณะเดียวกันผิวหนังของโจวเจ๋อปรากฏสีเขียวเข้มออกมา เขี้ยวผีดิบงอกออกมาจากมุมปากอย่างชัดเจน ส่วนลึกในนัยน์ตายิ่งลึกล้ำมองไม่เห็นก้นบึ้ง

ตอนที่สวี่ชิงหล่างกำลังผนึกเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในร้านบะหมี่ตอนนั้น โจวเจ๋อนั่งอยู่ในรถนอกร้าน ทั้งยังได้พบหน้าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วย ทำให้เจ้าทะเลแห่งความตายอย่างเจ้าโง่สั่งสอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลผู้นี้ไปเล็กน้อย ว่าอะไรคือความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นของจริง

“เจ้า…”

“น้ำตื้นคนเลวเยอะ” โจวเจ๋อหัวเราะ “อย่าลืมนะ เมื่อก่อนพวกเราเคยมีความแค้นต่อกัน เชื่อไม่เชื่อหากวันไหนผมว่างจัด จะวิ่งไปคุยเล่นกับคุณที่ทะเล พวกเราจะได้คิดบัญชีกัน”

มือซ้ายของโจวเจ๋อออกแรงดึงมือซ้ายอีกครั้ง ดึงหัวงูที่บิดเบี้ยวไม่ได้รูปออกมา แต่ครั้งนี้เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่ได้ต่อต้านและดิ้นรน หลังจากโจวเจ๋อปล่อยมือแล้ว เงาแสงสีเขียวได้กลับเข้าไปในร่างของสวี่ชิงหล่างอีกครั้ง สวี่ชิงหล่างกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยสมบูรณ์

โจวเจ๋อยื่นมือช่วยจัดคอเสื้อให้สวี่ชิงหล่าง แล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

สวี่ชิงหล่างถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร”

“อืม”

โจวเจ๋อยื่นมือ อยากจะช่วยหยิบใบไม้ที่ติดอยู่บนเส้นผมของสวี่ชิงหล่างลงมา สวี่ชิงหล่างกลับถอยหลังหนึ่งก้าวเผยแววตาที่รังเกียจออกมาแล้วเอ่ยว่า “น่ารังเกียจ”

โจวเจ๋อพยักหน้า รู้สึกแบบนั้นอย่างลึกซึ้งพลางพูดว่า “น่ารังเกียจจริงๆ”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท