ตอนที่ 619 โคมไฟแห่งแสงดาว!
กลับบ้านๆๆ…
“เถ้าแก่ๆ” ทนายอันมทองเถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองค่อยๆ ลืมตา แต่เขาเรียกสองสามครั้งแล้วเถ้าแก่กลับไม่ตอบสนองอะไร ได้แต่เม้มอ้าปากทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูด สายตาเต็มไปด้วยความสับสนอย่างลึกซึ้ง
ไม่ว่าใครภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากถูกกรอกความทรงจำนานครึ่งเดือนภายในระยะเวลาอันสั้นก็มักจะมีสภาพเป็นแบบนี้ กระทั่งแย่กว่านี้ก็มี คนปกติหลังจากตื่นจากความฝันจะรู้สึกมึนอยู่พักหนึ่ง นับประสาอะไรกับความฝันนี้ของโจวเจ๋อ รัที่นับว่าเป็นฝันร้ายของฝันร้าย
‘“ปึ้ง!’”
‘“ปึ้ง!’”
‘“ปึ้ง!’”
สวี่ชิงหล่างค้ำยันม่านค่ายกล เงาดำแต่ละเงาพุ่งเข้ามาทางนี้ ถึงแม้กระแทกเข้ามาแล้วจะเด้งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกมันกลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และเริ่มมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ
“เถ้าแก่ยังไม่ตื่นเหรอ ค่ายกลของผมจะทานกำลังไม่ไหวแล้ว!” สวี่ชิงหล่างพยายามประคองค่ายกล จึงไม่สามารถหันกลับไปดูสถานการณ์ที่อยู่ด้านหลังได้อย่างสิ้นเชิง
“เอ่อ…” ทนายอันมองเถ้าแก่สองทีแล้วเอ่ยว่า “ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นหรือยัง”
หากพูดตามหลักการถือว่าพิธีจบแล้ว และวิญญาณทหารคนนั้นได้ออกจากร่างของโจวเจ๋อไปแล้ว ซึ่งทนายอันเห็นมากับตาตัวเอง เถ้าแก่จึงน่าจะตื่นได้แล้ว หรือว่ายาของโกวซินได้ผลดีเกินไป หรือว่าจิตของเถ้าแก่ได้รับความเสียหาย
‘“ครืน!’” ฝุ่นควันลอยฟุ้งขึ้นมา ค่ายกลถูกทำลาย
แสงสีเขียวส่องประกายออกมาจากนัยน์ตาลุ่มลึกของสวี่ชิงหล่าง แสงและเงาแต่ละสายถูกปล่อยออกมาจากด้านหลังของเขา ซัดเงาดำเจ็ดแปดเงาออกไปติดต่อกัน หากมองจากไกลๆ ดูเหมือนมีหางของงูเหลือมสองสามตัวยาวออกมาจากตัวของเขา
“ไอ้พวกนี้ฆ่าไม่ตาย ทำลายก็ไม่ได้!” สวี่ชิงหล่างตะโกน
ทนายอันจึงลุึกขึ้น สองมือทำท่ามุทรา “ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความหมายคนตายไร้ความปรานีณี สลาย!”
‘“ครืน!’” เงาดำเป็นสายถูกกวาดลอยออกไป แต่ไม่ช้าก็ได้วิ่งจู่โจมออกมาจากหมอกหนาเหมือนเดิม วัตถุสีดำเหล่านี้เหมือนปรสิตที่อาศัยอยู่ในหมอกหนา ขอเพียงหมอกหนายังอยู่ พวกมันก็จะไม่หายไปไหน ฟื้นคืนชีพวนเวียนเป็นวัฏจักร ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตนที่แข็งแกร่งและวิเศษอะไร แต่หากปล่อยให้เสียเวลาต่อไปแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่มดจะกัดช้างล้มได้
“ฝ่าออกไป พาเถ้าแก่ไปด้วย! หากอยู่ที่นี่ต่อพวกมันจะยิ่งรวมตัวกันเยอะขึ้น!” สวี่ชิงหล่างตะโกน
ทนายอันยื่นมือประคองโจวเจ๋อขึ้นมา เมื่อเห็นโจวเจ๋อยังทำท่าเซ่อๆ ซ่าๆ เขาจึงแบกโจวเจ๋อขึ้นไหล่ของตัวเองโดยตรง แล้วตะโกนว่า “อิงอิงล่ะ ไปช่วยอิงอิงก่อน จากนั้นออกไปพร้อมกัน!”
โจวเจ๋อรู้สึกตัวสั่นโคลงไม่หยุด เขาพยายามปรับการมองเห็นของตัวเองให้คมชัดขึ้นหลายครั้ง แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งๆ ที่เห็นหมอกหนา แต่กลับกลายเป็นภาพของฝนตกห่าใหญ่ ความฝันและความจริงเกิดความเบี่ยงเบนอย่างรุนแรง เขาต้องใช้เวลาแยกแยะอีกครั้ง
เงาดำเยอะมากขึ้นจริงๆ แต่ถึงแม้โจวเจ๋อจะไม่ทำอะไร ก็มีทนายอันกับลัเหล่าสวี่คอยคุ้มกัน จึงไม่มีปัญหาชั่วคราว ทนายอันแบกโจวเจ๋อพร้อมกับทำมือท่ามุทราไปพลาง ให้ความร่วมมือกับเหล่าสวี่กำจัดเงาดำที่อยู่โดยรอบ ขณะเดียวกันทั้งสองคนเริ่มพุ่งไปยังทิศทางของอิงอิง ทว่าท่ามกลางหมอกหนานี้ อยากจะตามหาคนคนหนึ่งในเวลาอันรวดเร็ว เป็นเรื่องที่ยากลำบากเรื่องหนึ่งจริงๆ
‘“กริ๊ง…’” เสียงดังกังวานดังขึ้น จากนั้นสิ่งที่ตามมาคือลมกระรโชกแรง!
ทนายอันสายตาจ้องนิ่ง คุกเข่ากับพื้นโดยตรง เอามือกุมศีรษะของตัวเองด้วยความทรมานสุดขีด และโจวเจ๋อที่เดิมทีถูกเขาแบกไว้อยู่บนหลังก็ของเขาได้ร่วงลงไปบนพื้น
“แค่ก…” ก่อนหน้านั้นตะโกนเรียกแล้วก็ยังไม่ตื่น แต่ตอนนี้พอล้มลงไปจึงได้สติกลับมาบ้าง โจวเจ๋อมองไปรอบๆด้วยความฉงน หมอกหนามาก นี่คือกำลังทำอะไรอยู่
‘“กริ๊ง…’”
“โอ๊ย…” โจวเจ๋อเอามือกุมศีรษะของตัวเองด้วยความทรมานอย่างหาที่เปรียบมิได้ เหมือนทนายอันที่อยู่ข้างกาย
“เถ้าแก่ คุณตื่นแล้ว…” ในนัยน์ตาของทนายอันปรากฏเส้นเลือดเข้มๆ
“นี่คือ…กำลังทำอะไร…” โจวเจ๋อกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวด
‘กริ๊ง…’ ร่างของสวี่ชิงหล่างเริ่มโอนเอนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ พร้อมกับเสียงนี้ที่มาพร้อมสายลมแรงจน เกือบจะพัดวิญญาณของคุณออกไปได้ ความรู้สึกเหมือนวิญญาณถูกฉีกขาดออกมาจากกายเนื้อเช่นนี้ไม่ด้อยไปกว่าการโดนทัณฑ์ทรมานเลย
แต่สวี่ชิงหล่างเนื่องจากมีการปลุกเสกเทพเจ้าแห่งท้องทะเลคอยหนุน จึงเท่ากับมีคนที่อยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่นับหมื่นลี้คอยประคองเขาอยู่ ดังนั้นต่อให้ลมพัดแรงกว่านี้ เขาก็ยังยืนหยัดได้
“หมอกนี้ ลมนี้…” โจวเจ๋อมองไปรอบๆ “ทำไมเหมือนเคยสัมผัสมาก่อน”
“ประตูใหญ่บานนั้น เถ้าแก่คุณยังพอจำได้ไหม เก็บวิญญาณเข้าไป และคุณก็เก็บแส้หนังอันนั้นมาจากที่นั่น”
“อ้อ…”
‘“กริ๊ง…’”
โจวเจ๋อและทนายอันก้มศีรษะด้วยความเจ็บปวงดอีกครั้ง ครั้งนี้แม้แต่สวี่ชิงหล่างก็ยังคุกเข่า เขาทนรับไม่ไหวแล้ว
แต่หลังจากเกิดลมพัด กลับไม่เห็นเงาดำพวกนั้นที่อยู่ในหมอกหนา ดูเหมือนพวกมันจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในพายุนี้ได้
รอบๆ เริ่มมีวิญญาณปรากฏขึ้นมา และส่วนใหญ่เป็นสภาพของชาวบ้านในท้องถิ่น รวมกันเป็นทีม เดินผ่านตัวโจวเจ๋อและคนอื่นเหมือนข้างๆ ไม่มีใคร เดินไปยังสถานที่ที่พวกเขาต้องไป ทุกอย่างเหมือนตอนที่เคยเข้าไปตามหาสาวน้อยโลลิในหุบเขาลึก ตอนนั้นชาวบ้านทั้งหมู่บ้านถูกจับไปทั้งหมด
ถ้าจะพูดว่าอันตรายมากแค่ไหน ในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จริงๆ แล้วไม่ได้อันตรายมาก แต่ค่อนข้างทรมานอยู่พักหนึ่ง และพายุนี้อีกสักพักก็น่าจะหยุดแล้ว
วิญญาณของคนทั่วไปจะได้รับผลกระทบจากหมอกหนาและพายุนี้ ค่อยๆ เดินทางไปยังที่สถานที่ที่กำหนดไว้ แต่สำหรับโจวเจ๋อและทนายอัน ไม่ถึงขั้นถูกกระชากวิญญาณออกไปจริงๆ
แต่ทำไมหมอกหนานี้ถึงปรากฏอยู่ที่นี่ แล้วก็ทำไมถึงปรากฏออกมาในเวลานี้เหมือนรคำนวณไว้แล้ว นี่คือเรื่องที่โจวเจ๋อยากที่จะเข้าใจ เขาครั้งนี้เขาไม่ได้พานักพรตเฒ่ามาด้วย ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับตัวเขาเอง
ทันใดนั้นโจวเจ๋อคิดได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือตอนที่หมอกหนายังคงดำเนินอยู่ วิญญาณทั้งหมดที่ถูกปกคลุมอยู่ในบริเวณของหมอกหนานี้ล้วนถูกดูดเข้าไป และเข้าไปยังสถานที่ที่ออกแบบไว้ดีแล้ว ซึ่งไม่ใช่ทิศทางที่ไปนรกอย่างสิ้นเชิง
ตอนแรกฟังจากความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเฝิงซื่อเอ๋อร์ในตอนนั้น นี่คือฝีมือของคนใหญ่คนโตบางคนที่อยู่ในนรก เขาเฝิงซื่อเอ๋อร์แค่รับผิดชอบเก็บกวาดโซนนั้นของนรกเท่านั้น
ซึ่งหมายความว่า วิญญาณทหารเดินทัพทางไกลหลายหมื่นนายที่ตายที่นี่เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีที่แล้ว สุดท้ายก็จะโดนดูดเข้าไปใช่ไหม
จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือสิ่งนี้ใช่หรือไม่ แต่ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้
‘“กริ๊ง…’” ลมยังคงพัดต่อไป ความเจ็บปวดของโจวเจ๋อก็ดำเนินต่อไปเหมือนกัน แต่ที่เขาร้อนใจและเป็นกังวลมากกว่ากลับไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นวิญญาณทหารเหล่านี้ เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน พวกเขาออกรบเพื่อบ้านเมือง ตายระหว่างทางกลับบ้าน ตายอยู่หน้าประตูของประเทศ พวกเขารออยู่ที่นี่เจ็ดสิบกว่าปีแล้ว สุดท้ายแม้แต่จึงไม่อาจกลับเข้าสู่สังสารวัฏชาติไปเกิดก็ไม่อาจทำได้ กลับจะไม่ว่าอย่างไรก็ถูกดูดเข้าไปมาในสถานที่บ้าบอนี่อย่างนั้นเหรออยู่ดี
“เถ้าแก่ พวกเราไปกันเถอะ คุณลองดูว่าสัมผัสตำแหน่งของอิงอิงได้ไหม ลองกลายเป็นผีดิบดู” ทนายอันตะโกนพูดกับโจวเจ๋อ
“กลับ?”
“ครั้งนี้เสียเรื่องแล้ว ซวยมากจริงๆ” ทนายอันแสดงสีหน้าเจ็บปวดใจและโกรธเคืองออกมาบนใบหน้าของเขา
โจวเจ๋อกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทนายอันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่ใช้เหรอ ปกติเขาไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้ ถึงแม้เวลาดีใจหรือโกรธก็จะไม่ถึงกับไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่อย่างน้อยยังคงพยายามทำหน้ายิ้มหัวเราะเหอะๆ
“เถ้าแก่ๆ!” ในหมอกหนามีเสียงของอิงอิงดังเข้ามา
“อยู่ตรงนี้!” โจวเจ๋อตะโกนหนึ่งที ไม่ช้า อิงอิงก็จึงวิ่งออกมาจากหมอกหนาใหญ่ เธอคือคนเดียวในนี้ที่ไม่เป็นอะไรเลย ครั้งที่แล้วก็เหมือนกัน เพราะว่าเธอไม่มีวิญญาณ
แต่โจวเจ๋อถึงแม้จะเป็นผีดิบ แต่เขามีดวงวิญญาณ อิงอิงเห็นเถ้าแก่และทนายอันรวมทั้งสวี่ชิงหล่างกำลังคุกเข่าทรมานอยู่บนพื้น เธอจึงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ ฮึบ! เธอวิ่งอ้อมสวี่ชิงหล่าง
“…” สวี่ชิงหล่าง
ฮึบ! และข้ามตัวทนายอัน
“…” ทนายอัน
สุดท้าย อิงอิงจึงวิ่งมาถึงตัวโจวเจ๋อ แล้วแบกโจวเจ๋อขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“เถ้าแก่ ข้าฉันจะพาท่านคุณออกจากหมอกหนานี้ก่อน!”
“อิงอิง คุณพาเถ้าแก่ออกไปก่อน เขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ร่างกายไม่ดี พาเขาออกไปก่อน ไม่ต้องสนใจพวกเรา”ทนายอันเอ่ย
“ได้!” อิงอิงไม่แม้แต่จะหันกลับมา แบกเถ้าแก่พุ่งออกจากหมอกหนาโดยตรง
“…” ทนายอัน
สวี่ชิงหล่างพูดอย่างจนใจ “ผมรู้สึกว่า อิงอิงแบกเพิ่มอีกคนวิ่งออกไปก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร”
ทนายอันก้มหน้า เขาก็คิดไม่ถึงว่าผีดิบสาวจะฟังไม่ออกแม้แต่คำพูดเกรงใจ จึงได้แต่พูดว่า “อดทนอีกหน่อย อีกสักพักก็ไม่เป็นไรแล้ว หมอกนี้ทำอะไรพวกเราได้ไม่มากนักได้ และไม่มีอันตรายอะไร”
ครั้งแรกยังแปลกหน้าครั้งที่สองจะคุ้นชินไปเอง เมื่อมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ทนายอันจึงมั่นใจมากในครั้งนี้
อิงอิงแบกเถ้าแก่วิ่งออกมาได้พักหนึ่ง เธอวิ่งเร็วปานสายลม และยังมีแรงเยอะ จึงไม่ต้องหยุดพักเลยก็ได้
แต่ตอนที่กำลังวิ่งอยู่ ใต้เท้าของเธอเหมือนสะดุดอะไรบางอย่าง แต่อิงอิงไม่ได้ล้มลง ทว่าแต่สิ่งที่สะดุดเท้าของเธอกลับถูกดึงออกมาจากพื้นดินที่เป็นดินโคลน
‘“กรึก!’” เป็นกระติกน้ำสำหรับทหาร
ภายในพิพิธภัณฑ์ทหารกองทัพหรือพิพิธภัณฑ์สะสมของโบราณ มักจะเก็บสะสมกระติกน้ำทหารลักษณะนี้ แต่กระติกน้ำที่อยู่ในนั้นถูกทำความสะอาดหมดแล้ว ทว่าอันที่อยู่ตรงหน้ากลับสกปรกมาก
โจวเจ๋อที่ถูกอิงอิงแบกใส่หลังรู้สึกเหมือนเห็นสิงหลังจากเห็นของสิ่งนี้สิ่งที่อยู่ในศีรษะหลังของเขาก็ราวกับเกิดเสียงดัง ‘ตูม’ ภาพที่เห็นอยู่ท่ามกลางสายฝนก่อนหน้านั้นเริ่มลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“อิงอิง หยุดก่อน หยุดเดี๋ยวนี้!”
“เถ้าแก่?” อิงอิงหยุดเดิน
“วางผมลง”
“อ้อ ได้เจ้าค่ะ”
โจวเจ๋อถูกวางลงมา
‘“กริ๊ง…’”
“โอ๊ย…”
โจวเจ๋อตัวเซล้มไปบนพื้น แต่เขายังคงดิ้นรนคลานลุกขึ้นมา จนกระทั่งเขาเอื้อมมือคว้ากระติกน้ำทหารที่อยู่ตรงหน้าได้สำเร็จ
“เถ้าแก่ พวกเราไปม่กันเถอะเจ้าค่ะ ครั้งนี้ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร พวกเรากลับบ้านก่อนดีไหมเจ้าคะ” อิงอิงพูดโน้มน้าวอยู่ข้างๆ
โจวเจ๋อเม้มปาก หยิบกระติอกน้ำที่เต็มไปด้วยโคลนเข้ามา ฝืนทนความเจ็บปวดเหมือนวิญญาณถูกฉีกออก แล้วนำกระติกน้ำใส่ไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง เขามองไปรอบๆ หมอกหนาที่ขมุกขมัวนี้ โจวเจ๋อรู้สึกว่าสายตาของตัวเองพร่าเลือนอยู่บ้าง ทั้งๆ มีที่หมอกลอยฟุ้งไปทั่ว แต่เขาเหมือนจะมองเห็นศพมากมายนอนอยู่บนพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกตลอดไป เขาเห็นคนใช้น้ำมันราดตัวจุดไฟเผาตัวเองรวมทั้งแสงไฟที่ลุกโชนไม่หยุด
“เถ้าแก่ เป็นอะไรไปเจ้าคะ” อิงอิงยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อไม่รู้สึกแม้แต่นิดเดียว และได้แต่พึมพำอย่างเงียบๆ ว่า “กลับบ้าน…”
พวกเราหนาวมาก พวกเราเหนื่อยมาก พวกเราอยากกลับบ้าน…
……………………………………………………………………….