ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 625 เบื่อความยุ่งยาก!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 625 เบื่อความยุ่งยาก!

ยามราตรี เสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากด้านนอก คนที่มีเลือดท่วมตัวล้มลงไป ฉากนี้มักจะปรากฏในนิยายกำลังภายในเป็นประจำ และโดยทั่วไปแล้ว ครอบครัวของคนใจดีที่เปิดประตูช่วยคนมักจะซวยไปเกือบครึ่งเพราะเหตุนี้ และฉากที่คลาสสิกคที่สุดก็คือคืนวันหิมะตก แม่ของเอี๊ยคังช่วยชีวิตหวานเหยียนหงเลี่ย

เถ้าแก่โจวเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยากมาตลอด ในเมื่อคุณบาดเจ็บหนัก ก็อย่าแดดิ้นเฮือกสุดท้ายให้ก็ทรมานไปเลย และไม่ต้องเล่าเรื่องน่าสงสารอะไรด้วยความลำบากพร้อมเลือดท่วมปากหรอก เช่นนั้นในเมื่อการพบเจอคือวาสนาพรหมลิขิต ดังนั้นส่งคุณไปสู่สุคติให้ถือว่าเป็นการหลุดพ้นโดยตรงเลยดีกว่า

อิงอิงฟังคำสั่งของเถ้าแก่มาตลอด ดังนั้นเธอจึงยกกำปั้นขึ้นโดยไม่ลังเล แล้วทุบลงไปที่ศีรษะของผู้หญิง! ผู้หญิงตัวสั่น ร่างกายเกิดความโค้งอย่างน่าประหลาดและเกินจริง สามารถหลบกำปั้นของอิงอิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นเลื้อยไปบนกำแพงเหมือนงู สุดท้ายหลังติดเพดาน คว่ำใบหน้าลง จ้องมองโจวเจ๋อ

ว้าว! เถ้าแก่โจวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้มีความคล่องตัวสูง การพัฒนาท่วงท่าสามารถฆ่าครูสอนโยคะหรือโค้ชผู้หญิงได้ในพริบตา

“ผู้จับกุมเฉินล่ะ” ผู้หญิงตะคอกถามตวาดเสียง

ดูท่าทางที่เต็มไปด้วยพลังนี่สิ เหมือนคนที่บาดเจ็บสาหัสเกือบตายก่อนหน้านี้เสียที่ไหน ผู้จับกุมเฉินเป็นใคร โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย

อิงอิงกลับหมุนตัวกระโดดขึ้นไปอย่างไม่เกรงใจ ด้วยความอย่างรวดเร็วอย่างยิ่ง ผู้หญิงถึงแม้จะหลบแล้วทัน แต่กลับถูกอิงอิงจับข้อเท้าไว้ได้ ‘“ปึ้ง!’” อิงอิงใช้แรงจับผู้หญิงทุ่มลงไป กระแทกไปบนพื้น ร่างกายของผู้หญิงร่วงลงไปแล้วเด้งขึ้นมา ปรากฏมีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ในฝ่ามือซ้าย พร้อมกับอ้อมไปรอบเอวของอิงอิงเหมือนงูน้ำ ขณะเดียวกันได้แทงมีดสั้นไปที่หน้าอกของอิงอิงโดยตรง!

‘“ฉึบ!’”

‘“ปึ้ง!’”

มีดสั้นแทงทะลุเสื้อผ้าของอิงอิง แต่ไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังของอิงอิงได้ ร่างของผีดิบสาวหลังจากได้รับการหล่อเลี้ยงเป็นเวลานานจากเถ้าแก่ จึงยิ่งมีพลังแข็งแกร่งขึ้น แต่ผู้หญิงดันถูกกำปั้นของอิงอิงซัดไปหนึ่งที ตัวลอยกระเด็นออกไปกระแทกบนอ่างอาบน้ำ น้ำที่ยังไม่ทันระบายออกทั้งหมดกระเด็นออกมา ไหลจ๊อกๆ เต็มพื้น โจวเจ๋อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยกเท้าขึ้นมาทันเวลา ฮู่ว้ รองเท้าแตะผ้าฝ้ายไม่เปียก

ผู้หญิงตัวเซเล็กน้อย ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ จึงได้แต่ใช้มือยันพื้น เงยหน้า จ้องมองโจวเจ๋อ “นี่คือจะฆ่ากันเองเหรอ”

ฆ่ากันเอง เถ้าแก่โจวไม่เคยรู้สึกไม่พอใจคำพูดแรงๆ แบบนี้มาก่อน และยังมีคำว่าอะไรอีกนะต่อให้คนอื่นตายตัวเองก็จะไม่ยอมเสียผลประโยชน์อะไรนี่อีก ถ้าหากมีผลประโยชน์มากพอ เถ้าแก่โจวก็ชอบและยินดีที่จะทำ แต่วันนี้ฉันเพิ่งมาถึงลี่เจียง ก่อนหน้านั้นยังสะสมบุญอยู่ที่ชายแดน แล้วจะมีเวลามาจัดการคนกันเองได้อย่างไร

อิงอิงคลึงหน้าอก สีหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าถึงแม้มีดสั้นเล่มนั้นจะไม่สามารถทำอันตรายร่างของเธอได้ก็จริง แต่พลังที่ใส่เข้ามา ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง ทันใดนั้นเส้นผมของอิงอิงเริ่มกลายเป็นสีขาว นัยน์ตาสงบนิ่ง เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน จากนั้นหายตัวมาอยู่ตรงหน้าผู้หญิง ผู้หญิงขยับร่างทันที แต่กลับถูกมือที่รวดเร็วของอิงอิงบีบคอโดยตรง ‘“กรึก!’” หักคอหักทันทีโดยไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว!

ผีดิบสาวนอกจากทำตัวออดอ้อน ‘ฮือๆๆ’ อยู่ต่อหน้าเถ้าแก่ของตัวเองแล้ว เวลาที่อยู่ข้างนอก นิสัยของเธอไม่ค่อยดีเลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้คอจะถูกบิดหักไปแล้ว ศีรษะที่เอียงลงไปของผู้หญิงกลับลืมตาอย่างกะทันหัน เลือดเนื้อสองมือสองขามีเข็มเงินแทงทะลุออกมาจากเลือดเนื้อตรงสองมือสองเท้าในพริบตา ราวกับแมงมุมตัวหนึ่ง มือและเท้าของเธอเหมือนกับหนวดปลาหมึกแทงไปที่อิงอิงโดยตรง

“กาแฟ!” วินาทีนั้น ควันสีดำทั้งห้าสายได้ล็อกคแขนและขารวมทั้งหน้าอกของเธอโดยตรง ลากเธอลงมาจากตัวของอิงอิงทันที โจวเจ๋อที่นั่งพิงอยู่บนเก้าอี้แบฝ่ามือของตัวเอง ปลายนิ้วส่ายไปมาเล็กน้อย เล็บสีดำทั้งห้านิ้วส่องประกาย

“ผู้จับกุมเฉินอยู่ที่ไหน ฉันไม่ยอม!” ผู้หญิงตะเบ็งเสียงดังออกจากลำคอของเธอ เธอที่โดนอิงอิงหักคอไปแล้วฟื้นสภาพกลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ และเริ่มแหกปากร้องกรี๊ดออกมา!

โจวเจ๋อกำนิ้ว หมอกดำหายไป ผู้หญิงร่วงลงไปบนพื้น “ดูเหมือนคุณจะตามหาผิดคนแล้ว ผมไม่รู้จักผู้จับกุมเฉิน”ผู้จับกุมที่อยู่ในความทรงจำของโจวเจ๋อดูเหมือนจะแซ่กู่ และถูกเขาฆ่าไปแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ ฉันมาตามตำแหน่งที่ระบุในหนังสือรับรองยมทูต สถานที่นัดหมายของผู้จับกุมเฉินได้สร้างค่ายกลรอเรียบร้อย…” ผู้หญิงพูดไปเรื่อยๆ แต่สายตาของเธอกลับมองไปที่ป้ายเที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าโจวเจ๋อ จากนั้นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที จ้องมองโจวเจ๋อและคลานขึ้นมา จากนั้นพูดโดยไม่อยากจะเชื่อว่า “คุณเป็นผู้จับกุมต่างเมือง”

‘“พลัุ่ก!’ ” อิงอิงที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงถีบเข่าของผู้หญิงหนึ่งที ผู้หญิงร้องเสียงอู้อี้แล้วคุกเข่าลงไป

“คุกเข่าพูดกับเถ้าแก่ของข้าฉัน!” อิงอิงตวาด

“อย่างนั้นคือหาผิดคน และตำแหน่งก็ผิดเหรอ” โจวเจ๋อหยิบป้ายของตัวเองขึ้นมาใหม่ จึงพบว่าตอนนี้ท้องของผีซิวเซี่ยจื้อที่อยู่บนป้ายมีวงกลมอันหนึ่ง เขาใช้นิ้วกดลงไปออกแรงเล็กน้อย ‘“ครืน!’” สีทองบนป้ายหายไปทันที กลายเป็นสีดำโบราณเรียบง่ายธรรมดาประหลาดสุดๆ

เอ่อ ป้ายนี้มีฟังก์ชันเปิดปิดในตัวเองอัตโนมัติด้วยเหรอ ดังนั้นเป็นเพราะก่อนหน้านั้นเขาตัวเองเปิดเครื่องตลอด ดังนั้นจึงทำให้ตัวนำทางของยมทูตหญิงคนนี้เกิดปัญหา เป็นผลทำให้มาหาเขาตัวเองถึงที่นี่ โจวเจ๋อวางป้ายลง เลียปากแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุม มีหลายอย่างยังไม่เข้าใจ” ขอโทษ เพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ มีหลายฟังก์ชันที่ไม่เข้าใจ อันที่จริงทนายอันน่าจะรู้ แต่เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรจึงไม่ได้บอก คิดว่าพกเพจเจอร์เครื่องบีบีติดตัวก็แล้วกัน

ไม่ใช่เพราะความประมาทเลินเล่อ แต่ไม่คิดว่าจะมีปัญหาเลยด้วยซ้ำ เหมือนวินาทีที่ทนายอันกับโจวเจ๋อออกจากนรกแล้วเพิ่งรู้ว่าเถ้าแก่ของตัวเองไม่เข้าใจคาถาง่ายๆ อย่างการล็อกคเป้ากายเนื้อกลับสู่โลกมนุษย์ ผู้หญิงคุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาวาววับไม่หยุด ทันใดนั้นเหมือนจะคิดอะไรออก จึงตะโกนพูดกับโจวเจ๋อ “รีบหนี!!!”

สวี่ชิงหล่างเดินเล่นอยู่ในเมืองโบราณคนเดียว เดิมทีเขาอยากจะไปฟังเพลงที่บาร์ แต่ตอนที่เดินผ่านเข้าบาร์แต่ละแห่ง เขากลับหยุดความคิดนี้ รู้สึกว่านานๆ ทีจะมีเวลาว่างได้ใช้ชีวิตสบายๆ อย่างนี้มีสติหน่อยจะสบายกว่า ปกติโดนถ้าอยู่ดีๆ ไปรับเอามลพิษทางเสียงมาอยู่แล้ว แบบนี้คงน่าเสียดาย

เมืองโบราณที่มีชื่อเสียงสองสามแห่งในประเทศจีน เต็มไปด้วยบรรยากาศของการทำธุรกิจอย่างบ้าคลั่ง และไม่มีอะไรน่าเดินเที่ยว ทางเดินหินกำแพงโบราณที่เรียบง่ายเดิมทีเป็นบรรยากาศที่ดีมาก แต่เมื่อประกอบกับร้านค้าที่มีสไตล์ที่ทันสมัย มักจะให้ความรู้สึกว่าไม่เข้ากันแยกประเภทไม่ถูกกับผู้คน เมื่อเดินเล่นได้พักหนึ่ง สวี่ชิงหล่างจึงเดินออกมา ตรงทางออกมีร้านซี่โครงหมูตากแห้งคุณยายร้านหนึ่ง ถือว่าเป็นร้านแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น

สวี่ชิงหล่างเดินเข้าไปหาที่โต๊ะว่างแล้วนั่งลง จากนั้นสั่งหม้อไฟซี่โครงหมูตุ๋นหนึ่งชุด พร้อมกับอาหารอื่นอีกสองสามอย่าง เขาครุ่นคิดเล็กน้อย เถ้าแก่น่าจะขี้เกียจออกมา ทนายอันก็ไม่ว่าง จึงไม่ได้เรียกเขา ดังนั้นจึงสั่งเบียร์ ‘เฟิงฮวาเสวี่ยเยวี่ยว่’ มาสองขวดไปเลย ดื่มเหล้าเมาคนเดียว เบียร์มาเสิร์ฟก่อนอาหาร เขารินหนึ่งแก้วแล้วดื่มหนึ่งที พลางครุ่นคิดจากนั้นสวี่ชิงหล่างจึงเรียกพนักงานเอา ‘เบียร์เสวี่ยฮวา’ มาเสิร์ฟอีกสองขวด ตอนที่เขารินเบียร์แก้วที่มี่สาม หม้อตุ๋นมาแล้ว ข้างบนเป็นผักกาดขาว ข้างล่างเป็นซี่โครงหมู สวี่ชิงหล่างกินผักกาดขาวก่อน รู้สึกว่าสดชื่นและอร่อย เรียกน้ำย่อยได้ดี

เขาคีบซี่โครงหมูหนึ่งชิ้นแล้วกินมัน เหล่าสวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเป็นคนทงเฉิง รสชาติอาหารของในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงไม่ถึงกับจืด แต่ถ้าค่อนข้างพิถีพิถันกับคำว่า ‘สด’ แล้ว คนที่นั่นชอบใช้เครื่องปรุงแต่น้อยเพื่อดึงรสชาติของตัววัตถุดิบออกมา รสชาติของของหมักดองและตากแห้งแบบนี้ เหล่าสวี่กินไม่ค่อยถนัด ยังมีเนื้อรมควันอีกอย่างที่ไม่คุ้นปากเช่นกันจึงกินไม่ได้แล้วก็ยังมีเบคอน ดังนั้นในร้านหนังสือ ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนเมนูบ่อย แต่จริงๆ แล้วทำตามรสชาติของตัวเอง และไม่คิดที่จะบังคับให้ตัวเองต้องลองทำอาหารรสชาติอาหารพิเศษดั้งเดิม

เขาขอข้าวเปล่า แล้วก็กินผักกาดขาวกับข้าวครึ่งชาม จากนั้นสวี่ชิงหล่างก็วางตะเกียบ จุดบุหรี่หนึ่งมวน ฟ้ามืดนานแล้ว แต่เมืองโบราณยังมีแสงไฟสว่าง พอมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่อยู่แต่ไกล ที่มาพร้อมกับความรู้สึกสง่าและสวยงาม เขายื่นมือลูบหน้าอกของตัวเอง ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้ว เขาพ่นควันบุหรี่ออกมา จู่ๆ สวี่ชิงหล่างก็รู้สึกชอบสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าถึงแม้จะชอบแต่ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นหากใช้เวลากับความรู้สึกชอบแบบนี้ทำลายจนมันเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างช้าๆ กลับไม่สวยเลย

‘กรับๆๆๆๆ!!!!!’

‘กรับๆๆๆๆ!!!!!’

เสียงม้าวิ่งตะบึง สวี่ชิงหล่างแปลกใจเล็กน้อย ดึกดื่นป่านนี้ยังมีม้าวิ่งในลี่เจียงเหรอ และรู้สึกว่าไม่ใช่ม้าวิ่งตัวเดียวธรรมดาแน่นอน แต่เป็นม้าวิ่งหลายตัว เมื่อเสียงเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดูทรงพลัง สวี่ชิงหล่างลุกขึ้นช้าๆ แต่กลับแปลกใจเมื่อพบว่า ลูกค้าคนอื่นในร้านรวมถึงพนักงานเหมือนจะไม่มีใครสนใจ ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะ ‘เจอเรื่องแปลกจนชิน’ แต่ไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ

สวี่ชิงหล่างเดินมาหน้าร้าน “หนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดหยวนครับ คุณผู้ชาย” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ตะโกนแล้ววิ่งตามมา เขาคิดว่าสวี่ชิงหล่างคิดจะหนี เวลานี้ในสายตาของสวี่ชิงหล่าง ปรากฏอัศวินสวมชุดเกราะโบราณกลุ่มหนึ่ง ส่วนที่ชุดเกราะของอัศวินชุดเกราะเหล่านี้ส่วนที่ไม่สามารถปกปิดไปไม่ถึงได้คือโครงกระดูกขาวทั้งหมด กระทั่งยังสามารถมองเห็นใยแมงมุมอยู่บนตัวของม้าศึก เป็นภาพที่น่าประหลาดใจอย่างมาก ในย่านธุรกิจเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยผู้คน จู่ๆ มีวิญญาณของอัศวินกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมา

สวี่ชิงหล่างหมุนตัวทันที ไม่มองพวกเขา แต่เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ รอผ่านไปสักพักหนึ่ง อัศวินกลุ่มนี้เหมือนจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของสวี่ชิงหล่าง มุ่งหน้าไปยังปากทางที่สวี่ชิงหล่างเดินออกมาก่อนหน้านั้น เมื่อจ่ายเงินแล้ว สวี่ชิงหล่างจึงเดินไปทางนั้น นักท่องเที่ยวเดินไปมาเป็นปกติ พวกเขาคงจะมองไม่เห็น และไม่อาจรับรู้ถึงกลุ่มวิญญาณทหารม้าที่เพิ่งผ่านตัวพวกเขาไปเมื่อครู่ถึงขนาดที่ว่าแทบจะบดขยี้ตัวของพวกเขา มีสองสามคนที่สวี่ชิงหล่างมองเห็นความเขียวอยู่ตรงระหว่างคิ้วของพวกเขา นี่คือโดนของ คาดว่าคงต้องซวยหรือป่วยหนักสักครั้ง

รอจนเลี้ยวโค้งหนึ่งเข้าไปในเมืองโบราณแล้ว สวี่ชิงหล่างจึงเห็นวิญญาณอัศวินกลุ่มนี้มาหยุดอยู่ด้านนอกโฮมสเตย์ที่ตัวเองพักอยู่

“โว้วๆๆๆ!!!!!” เหล่าอัศวินส่งเสียงร้อยออกมา จากนั้นหยิบแหขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปที่อาคารของโฮมสเตย์แห่งนี้ ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว แหสีดำแต่ละอันได้ปกคลุมไปทั่วโฮมสเตย์แห่งนี้ เหมือนถูกตัดขาดจากทุกสิ่งหนึ่ง ในนั้นมีอัศวินสวมชุดเกราะสีแตกต่างจากคนอื่นชักกระบี่ทหารม้าขึ้นสนิมของตัวเองออกมา “ฆ่า!”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท