ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 628 สิ่งผิดปกติย่อมมีผี!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 628 สิ่งผิดปกติย่อมมีผี!

ในที่สุดโจวเจ๋อก็จึงคิดออก มีทนายอันที่ช่วยล่อตัวประหลาดสองตัวให้ตัวเองเมื่อครู่ยังอยู่ด้านล่าง โจวเจ๋อรีบวิ่งออกจากห้อง มองเห็นทนายอันกำลังเล่นเกมซ่อนแอบกับอัศวินโครงกระดูกสองคนอยู่ในลานกว้าง มือกระดูกขาวของทนายอันปล่อยหมอกสีชมพูออกมาเป็นสาย ซึ่งดูเหมือนจะรบกวนการตัดสินใจของอัศวินโครงกระดูกทั้งสอง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลง จึงทำให้ทนายอันมีโอกาสกระโดดหนีได้ทัน

แต่สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจคือ กลิ่นคาวเลือดที่ได้กลิ่นตั้งแต่อยู่ในห้อง หลังจากตัวเขาเดินออกมากลับยิ่งฉุนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า ลูกค้าที่พักอยู่ในโฮมสเตย์แห่งหลังนี้หลายคนน่าจะถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอัปมงคลใด ถึงแม้จะก่อกวนอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ส่วนมากจะพิถีพิถันกลัวจะสร้างบาปกรรมให้ตัวเอง คนที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดกล้าปละฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ ถือว่ามีน้อยมากจริงๆ เราทำอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนมองเห็น เล่นมากไปก็จะโดนทำโทษ

พอเงยหน้า โจวเจ๋อจึงเห็นว่าเหนือโฮมสเตย์แห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยแหสีดำหนึ่งชั้น ถูกตัดขาดจากทำให้ภายนอกและภายในตัดขาดจากกัน หลอกทั้งตัวเองและผู้อื่นอย่างนั้นหรือต้องทำร้ายกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ พอดูจากตอนนี้แล้วอัศวินโครงกระดูกเหล่านี้น่าจะได้รับการกระตุ้นจากก้อนหินสีเขียวที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปขโมยในสุสาน จึงไล่ตามมาจากในสุสาน และน่าจะอาศัยการทำงานตาม ‘สัญชาตญาณ’ ที่กำหนดคิดไว้ล่วงหน้า ดังนั้นจึงไม่กลัวและกังวลอะไรเลย

ถ้าหากมีคนคอยควบคุมจะต้องไม่กล้าฆ่าคนธรรมดาแบบนี้แน่นอน สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋อนึกถึงเจ้าโง่ที่ปรากฏตัวครั้งที่แล้ว “สาร…เลว…”

‘ปัง!’

ตอนที่โจวเจ๋อยังไม่ทันลงมาข้างล่าง ประตูใหญ่ของโฮมสเตย์ถูกเปิดออกกะทันหัน อัศวินโครงกระดูกสี่คนขี่ม้าพุ่งเข้ามาโดยตรง ทนายอันงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเงยหน้ามองพบว่าเถ้าแก่ยืนอยู่ตรงนั้น จึงรีบร้องขอให้ช่วย “เถ้าแก่ ผมต้านไม่ไหวแล้ว!”

“สววรรค์และโลกไร้ขอบเขต จิตใจลึกล้ำคือธรรมมะ!” บนขอบกำแพง สวี่ชิงหล่างท่องคาถา ขณะเดียวกันได้กัดปลายลิ้น จากนั้นจึงพ่นเลือดที่ปลายลิ้นไปบนดาบเหรียญทองแดง “ไป!” ดาบเหรียญทองแดงกลายเป็นลำแสงหนึ่ง ตัดศีรษะด้านหลังหน้าอกของอัศวินเหล่านั้นทันที ‘ปึ้งๆๆๆ!’ เสียงลมรั่วดังติดต่อกัน อัศวินโครงกระดูกทั้งหกคนที่อยู่ข้างล่างสลายกลายเป็นฝุ่นผง กองอยู่บนพื้น

“จริงๆ เลย!” ทนายอันอ้าปากหวอทมองสวี่ชิงหล่างที่นั่งยองๆ อยู่ริมบนกำแพง แล้วพูดด้วยความทึ่งว่า “คุณบรรลุอีกแล้วเหรอ” เก่งจริงๆ!

“คอยสังเกตมาพักหนึ่งแล้ว” สวี่ชิงหล่างกระโดดลงมาจากกำแพง แล้วอธิบายว่า “สายตาของผมค่อนข้างดีสามารถมองเห็นเส้นไหมที่อยู่หลังศีรษะของพวกเขาได้”

นับตั้งแต่ที่บังคับพยายามผนึกพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่วนหนึ่งไว้ในร่างกายแล้ว นัยน์ตาของสวี่ชิงหล่างจะกลายเป็นนัยน์ตาของงูเป็นบางครั้ง จึงมีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่ผิดปกติสูงมาก

“ผมก็ว่าอยู่ แม่งไอ้พวกนี้เป็นหุ่นเชิดนี่เอง ต่อสู้ยังไงก็ไม่มีประโยชน์” ทนายอันเดาะปากเสียงดัง ก่อนหน้านี้เขาเห็นเถ้าแก่เปิดโหมดผีดิบ ยังจัดการอัศวินโครงกระดูกพวกนี้ไม่ได้เลย แน่นอนว่า จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งอันที่จริงก็ไม่ได้แข็งแกร่งนัก ถึงแม้จะเป็นในหมู่หุ่นเชิดด้วยกัน ก็แต่ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนอันน่าทึ่ง เพราะจุดอ่อนของพวกเขาชัดเจนเกินไป

จากนั้นสวี่ชิงหล่างจึง ‘ฟึบ’ จัดการไปเลยหกคน และอีกฝ่ายก็ไม่มีเวลาตอบโต้ แต่ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด อาศัยร่างของหุ่นเชิดนี้ ไม่แน่อาจจะมีผลกระทบที่น่ากลัวกว่ามากกว่านี้ อย่างน้อยที่สุด ก็รับมือกับคนทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหา

โจวเจ๋อนำคำพูดของผู้หญิงคนนั้นมาเล่าอีกรอบ แล้วจึงพูดถึงประสิทธิภาพของก้อนหินสีเขียวอีกหนึ่งรอบ

“สิ่งนี้มีไว้ใช้เฝ้าสุสานเหรอ” ทนายอันยื่นเท้าเตะไปที่ชุดเกราะ ด้านในของชุดเกราะมีอักขระที่ปลุกเสกแล้วโดยเฉพาะ หลังจากเส้นไหมนั่นถูกสวี่ชิงหล่างตัดขาด อักขระถูกทำลาย ชุดเกราะจึงกลายเป็นเหล็กธรรมดา “ตัวเร่งความซวยนี้ หากใครเข้าไปในสุสานแห่งนี้ พกเครื่องยิงจรวดไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพวกมันสามารถทะลุกำแพงได้ และตรงชั้นสองนั่น ตอนที่ผมฉันลงมา คู่รักคู่ทรหดที่กำลังสื่อสารกันอยู่บนเตียง ถูกแทงติดอยู่ด้วยกันเหมือนขนมเสียบไม้ถังหูลู่ติดอยู่ด้วยกัน”

“คุณไม่ได้ไปผ่อนคลายเหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม

“เหอะๆ” ทนายอันหัวเราะเย็นชา “ผมเงยหน้ามองปรากฏการณ์ดวงดาวตามหลักโหราศาสตร์ รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องในคืนนี้ จึงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา” แต่จริงๆ แล้วในใจคิดว่า เขาอันปู้ฉี่ถึงแม้จะไม่ขาดเงิน แต่สามารถทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมก่อกวนสภาพแวดล้อมของตลาดได้

สวี่ชิงหล่างเหมือนจะนึกอะไรออกจึงถามว่า “ เถ้าแก่ คุณบอกว่าพิษผีดิบในของหินก้อนนั้นใช้ได้ผลกับคุณ อย่างนั้นก็เท่ากับยาบำรุงใช่ไหม”

โจวเจ๋อหรี่ตาเล็กน้อย เขาเข้าใจความหมายของสวี่ชิงหล่างแล้ว อันที่จริงเขาได้คาดเดาถึงเรื่องนี้แล้ว แต่อยากให้มั่นใจกว่านี้ “ยังต้องดูว่าก้อนหินพวกนั้นมีเท่าไร ถ้าหากมีนิดหน่อยก็ปล่อยให้วางไว้เป็นของล้ำค่าอยู่ที่นั่นแค่นิดหน่อย ไม่มีประโยชน์อะไร”

“มีเยอะมาก มีทั่วทั้งหุบเขา สุสานหลักก็อยู่บนหุบเขานั่้น หินประเภทนี้มีอยู่ทุกที่ในที่แห่งนั้น จะหยิบอย่างไรก็ได้!” ผู้หญิงเอ่ยทันที ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นเกินเหตุ

โจวเจ๋อไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ไม่รู้ความ การสื่อสารกับคนยังต้องระวังอยู่บ้าง นับประสาอะไรกับผี

“คุณวิ่งไปทำอะไรที่นั่นตอนว่างเหรอ” อันปู้ฉี่ถามพลางหัวเราะเหอะๆ ถาม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องมองผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา

“นี่คือเรื่องที่ฉันกับผู้จับกุมอีกคนหนึ่งได้ตกลงกัน เขาต้องการสิ่งนี้ ฉันจึงช่วยไปเอามาให้เขา จากนั้นเขาจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับฉัน”

“ค่าตอบแทน เงินกระดาษเหรอ”

“เขากับฉันเดินสายเดียวกัน เขาสามารถช่วยสร้างกระดูกให้ฉันได้” ผู้หญิงตอบ

“อ้อ” ทนายอันพยักหน้า รู้สึกน่าเบื่ออยู่บ้าง เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องของยมทูตกับผู้จับกุมในเมืองลี่เจียงเท่าไร แต่ก็ยังถามต่อ “แล้วเขาล่ะ”

“ฉันไม่รู้ ฉันออกมาจากสุสาน ก็วิ่งสิ่งไปตามจีพีเอสบนหนังสือรับรองยมทูต จากนั้นก็มาถึงที่นี่”

“โอเคๆ พอก่อนๆ ต่อไปก็พาพวกเราไปดูสุสานนั่นเถอะ เวลาไม่ค่อยท่า เถ้าแก่ โฮมสเตย์นี้มีคนตายไม่น้อย เผาเงินกระดาษหน่อยแล้วค่อยไปกันเถอะ”

“พวกคุณสามารถใช้ฉัน…”

“พวกเราไม่ต้องการชีวิตของคุณ” ทนายอันยังคงพูดตัดบทผู้หญิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บรรยากาศกร่อยไปชั่วขณะ “พวกเราไม่เหมือนคนอื่น ฆ่ายมทูตคนหนึ่งสำหรับพวกเราแล้วไม่มีผลกระทบอะไร และไม่ต้องกังวลว่าจะโดนลงโทษจากยมโลก” ขณะที่พูดไปเรื่อยๆ ทนายอันพลางเกาศีรษะแล้วพูดด้วยความเสียใจอยู่บ้าง “เถ้าแก่ ผมแข็งทื่อเกินไปแสดงไม่ถึงบทบาท ถ้าหากผู้หญิงคนนี้เกิดแค้นขึ้นมาหลอกทำร้ายพวกเราหลังจากที่เข้าไปในสุสานพวกเราจะทำยังไง ถ้าอย่างนั้นผมตอนนี้ผมจึงดึงวิญญาณของเธอออกมาก่อนดีไหม เธอแค่เจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ช้าก็จะแตกดับไป”

“…” ผู้หญิง

“แล้วแต่คุณเลย” โจวเจ๋อกำชับทนายอัน จากนั้นจึงมองอิงอิง “หยิบเงินกระดาษออกมาหน่อย พวกเราเผาแล้วก็ออกเดินทางไป”

“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่!”

ทนายอันเลียปาก ยื่นมือจับไหล่ของผู้หญิง “มา พวกเราไปตกลงราคากันทางโน้น อ้อไม่ ตกลงเงื่อนไข ไม่ว่ายังไงต้องให้คุณไปกับพวกเราอย่างสบายใจ”

อิงอิงไปหยิบเงินกระดาษจากข้างในกระเป๋าเดินทาง โจวเจ๋อจุดบุหรี่ เห็นสวี่ชิงหล่างนั่งลงยองๆ พลิกชุดเกราะไปมา “เป็นอะไร สนใจเหรอ”

สวี่ชิงหล่างมีความสนใจด้านอักขระเป็นอย่างมาก ในเรื่องของยันต์กระดาษและค่ายกล ก็มีความรู้อยู่ในระดับที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ในร่างกายของเขา ก็เป็นเพราะเขาคือการใช้เวลาฝึกฝนเรียนรู้ด้วยตัวเองถึงทำได้สำเร็จ และได้แต่พูดว่าโอกาสและโชคชะตาของทุกคนไม่เหมือนกัน อาจารย์ของเขาถ้าหากตัดปัจจัยอื่นออกไป เขาจะเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งแน่นอน

“อักขระพวกนี้เสียหายหนักมาก ผมจะลองจำบางส่วนไว้ ดูว่ากลับไปแล้วจะซ่อมคืนได้ไหม”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้น ในหัวของเขาปรากฏภาพคนตัวใหญ่เหล่านี้อยู่ในร้านหนังสือและมีภาพขนาดใหญ่ของคนตัวอ้วนใหญ่ทันที พอลิงลองคิดดูก็ไม่แย่ ถ้ารู้จุดอ่อนแล้วคนตัวใหญ่เหล่านี้สามารถพูดได้ว่าไร้ประโยชน์ แต่ถ้าหากคนอื่นบุ่มบ่ามเข้ามา และมีคนตัวใหญ่เหล่านี้อยู่ด้วยถือว่าสะดวกเป็นอย่างมาก

“อีกสักพักถ้าเข้าไปในสุสาน น่าจะมีโอกาสได้เห็น ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นของอย่างอื่น” โจวเจ๋อกล่าว

“อืม” สวี่ชิงหล่างพยักหน้า ลุกขึ้น ปัดตบมือ มองโจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า คืออักขระบนตัวของคุณ เดี๋ยวกลับไปร้านหนังสือแล้ว ตอนที่คุณอาบน้ำ เข้าสู่สภาวะผีดิบ ผมจะหยิบกระดาษและปากกากันมาบันทึกไว้”

โจวเจ๋อไม่ปฏิเสธ อันที่จริงตัวของเขาเองก็ได้สังเกตเช่นกัน ดูเหมือนจะได้รับการกระตุ้นจากภูเขาคะฉิ่นบวกกับการปลุกวิญญาณทหารหลายหมื่นนาย จึงเป็นผลทำให้รูปแบบการแสดงออกของสภาวะผีดิบเปลี่ยนแปลงไป

น่าจะเกิดการวิวัฒนาการขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น แต่พอนึกถึงคนนั้นที่อยู่ในศูนย์วิจัยใต้ดินของกองทัพญี่ปุ่น ถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่ยังคงมีอานุภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เช่นนั้นถ้าหากยังมีชีวิตอยู่เล่า ทุกคนตอนเริ่มต้นเล้วนเป็นหมือนคนโง่เหมือนกัน เขายกระดับกายเนื้อถึงระดับสูงสุดแล้ว ตัวเองก็น่าจะทำได้เหมือนกันใช่ไหม

“เถ้าแก่ เงินกระดาษมาแล้ว” โจวเจ๋อรับเงินกระดาษมาจากในมือของอิงอิง แล้วหยิบไฟแช็กจุดไฟเผาอยู่ตรงหน้าประตูโฮมสเตย์นี้ เวลานี้แหสีดำยังไม่เลือนหาย จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนนอกเข้ามารบกวน

ทนายอันโอบผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา ดูเหมือนคุ้นเคยกันอย่างมากแล้ว เขาเอ่ยว่า “ตกลงเรียบร้อยแล้ว ผมออกเงิน รับรองว่าไม่ต้องทำให้ยมทูตหญิงคนนี้ของพวกเราต้องพอใจ ไม่คิดตุกติกแน่นอน” ดูเหมือนจะพูดตรงเกินไป ยมทูตหญิงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง

สวี่ชิงหล่างกลับสังเกตเห็นว่า ที่คอของยมทูตหญิงมีรอยเล็บ น่าจะเป็นทางหนีทีไล่ที่ทนายอันทิ้งไว้เมื่อครู่ ใช้ผลประโยชน์ผูกมัดคน ไม่ว่าจะมีผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหนล้วนต้องเจอกับความเสี่ยง วิธีที่ดีที่สุดคือ หยิบชีวิตของคนคนนั้นมาข่มขู่ ถึงจะสามารถลดอัตราความเสี่ยงได้ในระดับที่มากใหญ่ที่สุด สวี่ชิงหล่างหันหน้ากวาดตามองโจวเจ๋อที่เผาเงินกระดาษอยู่ตรงนั้น เขามองออกไหม หรือว่ามองออกแต่กลับทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าทำไม สวี่ชิงหล่างนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาสองครั้งอาลัยรักในตอนแรก เธอเป็นถือถุงมือสีขาว[1]ที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่งมายังโลกมนุษย์

เช่นนั้นทนายอันที่อยู่ในร้านหนัังสือ ตอนนี้ก็กำลังรับบทกลายเป็นตัวละครนี้ใช่ไหม เถ้าแก่ยังคงขี้เกียจเหมือนเดิม ไม่กระตือรือร้นต่อสิ่งภายนอกเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มิอาจให้คนรู้ได้หรือวิธีที่โดนดูถูกเหยียดหยาม ทนายอันเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด

เมื่อจุดไฟเผาเงินกระดาษใบสุดท้ายแล้ว โจวเจ๋อจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”

“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน รอเดี๋ยว เถ้าแก่ บนดาดฟ้ายังมีคนเป็นที่ถูกผมทำให้สลบ ผมจะไปหามเธอลงมาก่อน เวลาเธอตื่นขึ้นมาแล้วจะได้ไม่ตกใจ” ทนายอันเอ่ยแล้วจึงหมุนตัวขึ้นไปข้างบน ผู้หญิงที่อยู่บนดาดฟ้านอนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว คาดว่าคงโดนลมพัดจนไม่สบายไปแล้ว ทนายอันมองสาวงามที่ตกลงราคากับตัวเองอยู่พักหนึ่ง รู้สึกเสียดายและเสียใจอยู่บ้าง

“คิดจะตกลงราคากับฉัน ชีวิตของเธอฉันเป็นคนช่วยไว้ ยังคิดจะพูดเรื่องราคา ต่ำช้าจริงๆ!” พูดจบ ตอนที่ทนายอันอุ้มเธอเตรียมตัวเดินลงมา กลับหยุดการเคลื่อนไหวทันที แล้ววางเธอกลับไป จากนั้นหมุนตัวยื่นมือเข้าไปคลำหาของใต้เตาปิ้งย่าง ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันนิ่งงัน ตอนที่ชักมือกลับมา กลับมีป้ายของผู้จับกุมเพิ่มมาอยู่ในมือ!

“หึฮิๆ” ทนายอันหัวเราะเย็นชาเล็กน้อย “ฉันว่าแล้ว ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้”

……………………………………………………………………….

[1] ถุงมือสีขาว หมายถึง เป็นมือที่คอยทำเรื่องสกปรกโดยแอบซ่อนไว้ภายใต้ถุงมือสีขาว

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท