ตอนที่ 632 ค่ายกลพิฆาต!
โจวเจ๋อเดินไปข้างตัวเต่าตัวใหญ่ด้วยความสงสัยอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ห่างจากน้ำ หรือว่าถูกเฝิงซื่อเอ๋อร์ฟาดด้วยแส้หนังจนพลังต้นกำเนิดพังทลาย ตอนนี้ มันเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า น้ำหนองสีดำ สีขาว สีแดงไหลออกมาจากท้องของมัน ส่งกลิ่นเหม็นเป็นระยะ มองแค่แป๊บเดียว โจวเจ๋อก็ทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นเดินห่างออกไปไกลเล็กน้อย
“เถ้าแก่ ยาหม่องน้ำ” อิงอิงเดินมาข้างหน้าอย่างใส่ใจ ยื่นขวดขนาดเล็กที่ใส่ยาหม่องน้ำให้โจวเจ๋อ ออกมาครั้งนี้อิงอิงขนสัมภาระมามากมาย ดังนั้นของที่เตรียมมามีเยอะแยะหลากหลายเป็นธรรมดา
โจวเจ๋อเทออกมาพอประมาณ และถูไปที่ระหว่างปากและจมูก ถึงได้รู้สึกโล่งสบายขึ้นบ้าง ขณะเดียวกันยังไม่ลืมที่จะพูดแซวว่า “เทพเจ้าแห่งแม่น้ำตายแล้ว ไม่ควรออกมาถามคุณว่า ผู้ตรวจสอบหนุ่ม เจ้าทำขวานทองหรือว่าขวานเงินหายล่ะหรือไง”
เฝิงซื่อฟังแล้ว จึงหัวเราะอย่างมีมารยาท สวี่ชิงหล่างมอง ‘ญาติสนิท’ ของตัวเองที่อยู่บนพื้นตรงหน้าด้วยความสงสัยอยากรู้ อันหนึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล อันหนึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ สามารถพูดได้ว่าเป็น ‘ญาติสนิท’ จริง
จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าช่วงนี้เหล่าสวี่รสนิยมเปลี่ยนไปอย่างน่าเหลือเชื่อ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะการหลอมรวมเข้ากับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล หรือว่าช่วงนี้เขาค่อนข้างทำตามอำเภอใจ โจวเจ๋อเห็นสวี่ชิงหล่างหยิบกิ่งไม้เขี่ยเต่าแก่เน่าตัวนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนว่า “อาหารหมดอายุนะ”
เขากลัวว่าสวี่ชิงหล่างจะมีความคิดบ๊องๆ อยากนำเต่าแก่ตัวนี้ไปทำอาหาร และด้วยฝีมือการทำอาหารของแม่นางสวี่ ไม่แน่เขาอาจจะมีความสามารถทำให้เนื้อเน่านี้ไร้กลิ่นคาวได้ สามารถทำอาหารให้หอมเย้ายวนใจ แล้วยกมาเสิร์ฟให้โจวเจ๋อกับทนายอันได้กินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นเขาก็ยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ
“เสียดาย เต่าเน่าเสียแล้ว” สวี่ชิงหล่างเสียดายอยู่บ้าง เนื้อไม่สามารถกินได้แน่นอน แต่กระดองเต่ายังมีประโยชน์ ทว่าตอนนี้เต่าแก่ตัวนี้ไม่ไหวแล้ว คุณหยิบมาใส่ถุง ไม่แน่หลังจากสิบห้านาทีผ่านไปอาจจะกลายเป็นถุงน้ำหนองทั้งถุง แม้แต่จะเก็บชิ้นเนื้อสักชิ้นขึ้นมาก็หาไม่เจอ
และในเวลานี้ มีคนลอยออกจากผิวน้ำอีกครั้ง เป็นหญิงชราคนหนึ่ง “ท่านสี่ ข้าขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ!”
เฝิงซื่อพยักหน้า เห็นได้ชัดว่า นี่คือชุ่ยฮวาเอ๋อร์ ชุ่ยฮวาว่ายน้ำขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ทั้งตัวถูกพันไปด้วยสาหร่าย แต่ก็ดี ถือว่าใส่เสื้อผ้าอีกหนึ่งชั้น
เธอขี้เกียจวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ จึงพูดรายงานโดยตรง “ท่านสี่ ปากถ้ำนั่นเหมือนถูกขยายทางแล้ว มีร่องรอยทิ้งไว้เมื่อไม่นานมานี้เจ้าค่ะ” นั่นคือฝีมือของอิงอิงก่อนหน้านี้ อิงอิงได้รับคำสั่งจากโจวเจ๋อให้ลงไปขยายทางหน้าปากถ้ำ เพื่อที่จะเข้าไปได้สะดวก “จากนั้นข้าก็เข้าไปด้านใน แต่ใครจะรู้ว่าข้างในมีแขนขาถูกอัดแน่นไปหมด ข้าจึงดึงออกมาทีละอันเจ้าค่ะ มันเยอะมากจริงๆ ท่านดู…”
ขณะที่พูด ชุ่ยฮวาชี้ไปที่ผิวน้ำ “ตอนที่ดึงแขนกับขาออกมาหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเต่าขนยาวตัวหนึ่งติดอยู่ในนั้น ปิดทางเข้าเอาไว้เหมือนกับที่เสียบก้น ติดแน่นมากเจ้าค่ะ ข้าผ่ามันอยู่นาน และดึงอยู่พักใหญ่ ถึงดึงเต่าแก่ตัวนี้ออกมาได้ เต่าแก่ตัวนี้มีเคล็ดวิชาเล็กน้อย แต่หลังจากดึงมันออกมาแล้วข้าก็ไม่สนใจเจ้าค่ะ ไม่ว่ายังไงข้ารู้ว่ามีท่านสี่อยู่ข้างบน เต่าแก่ตัวนี้คงแผลงฤทธิ์อะไรไม่ได้
ใครจะรู้ว่าหลังจากดึงเต่าแก่ตัวนี้ออกมา ในนั้นกลับมีน้ำเลือด ‘ปุดๆ’ ออกมา กลิ่นเหม็นเปรี้ยวมาก เปรี้ยวมากกว่าผักดองที่ข้าหมักอีกเจ้าค่ะ พอรอให้น้ำเลือดผ่านไป ข้าจึงเข้าไปดูข้างใน ในนั้นมีแท่นอันหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าด้วยสาเหตุใด บนแท่นนั้นไม่เปียกน้ำ และยังมีราวเหล็กอันหนึ่งอยู่ข้างบน บนนั้นยังมีโซ่และเครื่องทรมานแขวนอยู่ บางอันทำจากเหล็ก บางอันทำจากหิน พื้นที่ไม่ใหญ่มาก ของก็ไม่เยอะ มีแค่ไม่กี่อย่าง”
“อืม” เฝิงซื่อยื่นมือตบศีรษะของชุ่ยฮวาเอ๋อร์เบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าทำดีมาก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
“เจ้าค่ะ ท่านสี่” ชุ่ยฮวาเอ๋อร์เดินมาตรงหน้าอิงอิง เนื่องจากเป็นคนแก่ ทั้งหัวและตัวจึงมีการหดตัว ชุ่ยฮวาเอ๋อร์เวลานี้เงยหน้ามองอิงอิง “นี่ ขอยืมเสื้อผ้าของเจ้าใส่หน่อย!”
อิงอิงมองไปทางโจวเจ๋อ เมื่อเห็นโจวเจ๋อพยักหน้า อิงอิงจึงพาชุ่ยฮวาเอ๋อร์เข้าไปในเต็นท์หาเสื้อผ้า
ทนายอันเดินมาข้างๆ เฝิงซื่อเอ๋อร์ เหมือนปรึกษากับเขา โดยไม่ได้กดเสียงต่ำ แต่พูดเสียงดังชัดเจน “เทพเจ้าแห่งแม่น้ำติดอยู่ข้างล่าง เพื่อปิดผนึกเหรอ”
เฝิงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย “น่าจะใช่ ดูท่าแล้ว น่าจะอยู่มานานแล้ว อย่างน้อยก็ก่อนสาธารณรัฐจีน”
ก่อนสาธารณรัฐจีน ห่างจากตอนนี้อย่างน้อยหนึ่งร้อยปี โจวเจ๋อขยับเข้าหาสวี่ชิงหล่าง ใช้ศอกกระทุ้งเขาเล็กน้อย สวี่ชิงหล่างกำลังจะขยับเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาสองสามประโยค แต่ถูกโจวเจ๋อกระทุ้ง จึงเข้าใจทันที เถ้าแก่กำลังถามเขาว่า ‘ปิดผนึก’ หมายความว่าอะไร
“นี่คือวิธีการพูดอย่างหนึ่งในภาษาของฮวงจุ้ย อย่างเช่น สถานที่หนึ่งเกิดเคราะห์ร้ายมาตลอด คนท้องถิ่นจะรู้สึกว่ามีปัญหาที่ฮวงจุ้ย การปิดผนึกก็เหมือนกับฝังเข็มตามร่างกายของคน ใช้ฮวงจุ้ยเพื่อปรับแก้ให้ถูกต้อง ถึงแม้ในยุคปัจจุบัน ในหมู่บ้านตามชนบทบางแห่ง ยังสามารถเห็นกำแพงอิฐหรือกำแพงปูนตั้งอยู่อย่างไม่มีสาเหตุอยู่ในไร่นาบางแห่ง ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ กลับตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวดาย นี่อาจจะเกิดเรื่องแปลกประหลาดอะไรในท้องถิ่น ถึงได้เชิญซินแสหยินหยางมาช่วย ‘ปิดผนึก’”
ทนายอันหัวเราะ ยื่นมือชี้ไปที่แม่น้ำ แล้วพูดกับเฝิงซื่อว่า “ซื่อเอ๋อร์ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ล้วนเป็นโบราณวัตถุ”
โจวเจ๋อเพิ่งตระหนักได้ว่า แขนขาที่ถูกตัดขาดบนแม่น้ำได้กระจุกรวมตัวกันอยู่ในแม่น้ำช่วงนี้ ตั้งแต่ที่พวกมันลอยขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่ไหลไปตามกระแสน้ำเลย
ท่ามกลางความมืดมิด ดูเหมือนจะมีบางสิ่งนำพวกมันมาพันธนาการไว้ที่นี่ รวมตัวกันไม่ให้กระจายไปไหน
เฝิงซื่อเอ๋อร์ดึงแส้หนังของตัวเองออกมาอีกครั้ง แล้วฟาดไปบนแม่น้ำสามที ชั่วเวลาเดียว แขนขาที่ขาดเหล่านี้เริ่มไหลไปตามกระแสน้ำตอนล่าง คาดว่าเด็กๆ ที่พักอยู่ตรงแม่น้ำตอนล่างไม่ช้าจะต้องตกใจกับฉากนี้
“ฝีมือประณีตมาก ผมอยากจะเก็บกลับไปสะสมสักหนึ่งอัน” สวี่ชิงหล่างพูดอย่างเสียดาย
โจวเจ๋อกลอกตาใส่สวี่ชิงหล่างหนึ่งที พลางคิดในใจว่าช่วงนี้ตัวเองละเลยเขาเกินไปหรือเปล่า ทำให้เขากลายเป็นเช่นนี้ แต่พอนึกถึงตอนแรกที่เพิ่งรู้จักกัน เหล่าสวี่ก็ทำหนังคนสองตัวแล้ว กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนพวกเขาทุกวัน ดูเหมือนว่าตอนแรกเหล่าสวี่จะมีรสนิยมค่อนข้างหนักอยู่แล้ว เพียงแต่เขาค่อนข้างหน้าตาดี ดังนั้นจึงทำให้คนละเลยไปโดยไม่รู้ตัว
“นั่นสิ โบราณวัตถุ ถึงแม้วัสดุจะทำมาจากคนก็ตาม แต่ก็เหมือนศพโบราณโหลวหลานกับมัมมี่ในอียิปต์ น่าจะมีมูลค่ามาก” ทนายอันกล่าว
หลายปีก่อน หลังจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ความสนใจเรื่องโบราณคดีจึงเกิดขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยถ่อไปถึงทะเลทรายเพื่อขุดมัมมี่ออกมาขายโดยเฉพาะ ในนั้นยังมีคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ขุดศพมัมมี่โบราณเหล่านั้นขายให้กับชาวอังกฤษโดยเฉพาะ ทำเงินได้มหาศาล แต่หลังจากนั้นก็ถูกจับโดนยิงตายทันที
อันที่จริงแค่เห็นมือและเท้าพวกนี้ถูกแช่อยู่ในน้ำนานหลายปี กลับยังสดใหม่เหมือนเดิม หากตัดปัจจัยซับซ้อนหลายอย่างออกไป สิ่งของเหล่านี้แต่ละชิ้นถือเป็น ‘ผลงานศิลปะ’ จริงๆ และยังนับได้ว่าเป็นการตกผลึกทางภูมิปัญญาของคนทำงานในสมัยโบราณ
“ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองโบราณค่อนข้างใกล้ หากไม่มีอะไรผิดคาด ในตอนนั้นน่าจะเกิดปัญหาบางอย่างในจวนมู่หวัง จากนั้นจึงไปหาผู้ฝึกเต๋าที่มีตบะแก่กล้า ภายใต้การแนะนำของคนผู้นั้น จึงได้ทำการปิดผนึกที่นี่ไว้”
เขตแดนของลี่เจียง ก่อนและหลังเกือบหกร้อยปี ตระกูลที่มีเงินและอำนาจมากที่สุดก็คือตระกูลของมู่หวัง ‘เจ้าพ่อท้องถิ่น’ ที่ไม่เคยล้มหลายต่อหลายรุ่น
เมื่อนึกเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่บ้านแถวบ้านคุณหนึ่งปีสามารถหาเงินได้เท่าไรก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว นับประสาอะไรกับทำเงินได้หกร้อยกว่าปี
“เต่าแก่ตัวนี้น่าจะโดนปิดผนึกในตอนนั้น ถูกบังคับให้โดนผนึกอยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้เทพเจ้าต่างๆ ตามภูเขา แม่น้ำ และทะเลสาบมีน้อย ถึงแม้เมื่อก่อนจะมีตำแหน่งข้าราชการ แต่ก็ถูกทำลายยับเยิน ตลกเจ้าเต่าแก่ตัวนี้เมื่อกี้เหมือนอยากจะแว้งกัดข้า ปลอมตัวเป็นชุ่ยฮวาคิดอยากจะหลอกข้า” เฝิงซื่อหัวเราะขณะที่พูด
ปีศาจตามภูเขาและแม่น้ำเหล่านี้ มีวิชาที่เป็นของพวกมันเอง และน้ำก็คือตัวนำของ ‘ภาพมายา’ อย่างหนึ่ง เนื่องจากสามารถสะท้อนแสงได้ ดังนั้นจึงแฝงไว้ด้วยการหลอกลวงจิตใจคน ปีศาจที่อุบัติขึ้นในน้ำส่วนใหญ่จะมีความสามารถที่คล้ายกันแบบนี้
เวลานี้ชุ่ยฮวาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมา เธอใส่ชุดกีฬาชุดหนึ่ง
“เห็นอะไรข้างล่างบ้าง วาดออกมาก่อน” เฝิงซื่อออกคำสั่ง
“ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านสี่”
“ผมมีปากกากับกระดาษครับ” สวี่ชิงหล่างหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากเต็นท์ของตัวเอง แล้วจึงหยิบปากกากับกระดาษยื่นให้ชุ่ยฮวา ปกติเขาชอบวาดยันต์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงพกของพวกนี้เป็นประจำ
ชุ่ยฮวาก็ไม่เกรงใจ รีดกระดาษให้เรียบ หยิบของสิ่งหนึ่งทำเป็นที่รอง แล้วจึงนั่งลงยองๆ เริ่มวาดทันที
“โอ้ว ฝีมือการวาดภาพ มองไม่ออกจริงๆ ซ่อนเก่งเชียวนะ” โจวเจ๋อพูดชม อิงอิงที่อยู่ข้างๆ เบะปาก! หึงแล้ว! อีกฝ่ายเป็นทาส ตัวเธอเป็นสาวใช้ จะยอมให้คนอื่นมาเปรียบเทียบได้อย่างไร!
เดิมทีโจวเจ๋อคิดว่าสาวโก๊ะคนนี้นอกจากผักดองแล้วอย่างอื่นทำไม่เป็น คิดไม่ถึงว่าจะมากความสามารถเช่นนี้ สักพักหนึ่ง ภาพสเก็ตช์ให้ความรู้สึกเหมือนภาพสามมิติใบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาบนกระดาษ
นี่คือแท่นอันหนึ่ง บนแท่นมีราวเหล็กอันหนึ่ง บนนั้นยังมีโซ่ตรวน ข้างๆ มีขวานคล้าย ‘เครื่องประหารหัวสุนัข’ ของเปาบุ้นจิ้น แล้วก็ยังมีของอย่างอื่นเรียงกันเป็นตับ ล้วนเป็นเครื่องทรมานทั้งสิ้น
ทนายอันกับเฝิงซื่อสบตากันหนึ่งที ก่อนหน้านี้ตอนที่ฟังการบอกเล่าจากปากของชุ่ยฮวา พวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่เห็นรูปแบบการจัดวางของภาพวาดใบนี้แล้ว สีหน้าของทั้งสองคนนิ่งขรึมกว่าก่อนหน้านี้อยู่ไม่น้อย
“เป็นอะไร” โจวเจ๋อถาม
สวี่ชิงหล่างนั่งลงยองๆ หยิบปากกาที่ชุ่ยฮวาเพิ่งวางลงไป จากนั้นชี้ขวาน ดาบเล่มใหญ่ ราวเหล็ก และเครื่องทรมานต่างๆ เหล่านี้แล้วพูดว่า “ตำแหน่งการจัดวางของสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับวิชาฮวงจุ้ยโดยบังเอิญ ถือว่าเป็นค่ายกลพิฆาตอย่างหนึ่ง”
“ค่ายกลพิฆาต” โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย “เอาไว้ฆ่าคนเหรอ”
สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า หันไปมองโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเองอย่างตั้งใจแล้วเอ่ยว่า “นี่คือรูปแบบการจัดฮวงจุ้ยทำลายพลังพิฆาต เอาไว้ฆ่าผีดิบโดยเฉพาะ!”
เฝิงซื่อพยักหน้า แล้วพูดเพิ่มเติมว่า “ถูกแล้ว จัดเพื่อฆ่าผีดิบโดยเฉพาะ เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนอาจจะมีผีดิบก่อความวุ่นวาย คนของจวนมู่หวังจึงเชิญซินแสหยินหยางที่มีความรู้วิชาเต๋าระดับลึกมาปิดผนึกที่นี่ ถือว่าเป็นการสร้างหลุมกับดัก แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กับดักนี้กลับไม่ได้ใช้งาน เมื่อดูแบบนี้แล้ว คนที่วางแผนตลบหลังคุณชายโจว น่าจะเป็นคนพื้นเมือง ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จักสถานที่แบบนี้ คนผู้นั้น มีจุดประสงค์ตรงไปตรงมามาก ก็คือจะหลอกฆ่าเจ้า”
……………………………………………………………………….