ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 506 ฉินเซียวสละบัลลังก์

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 506 ฉินเซียวสละบัลลังก์

บทที่ 506 ฉินเซียวสละบัลลังก์

แม้ลู่หยวนยังคงมีสีหน้าเกียจคร้าน แต่รอยยิ้มของเขากลับจางหาย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเซียวก็รู้สึกว่าเป้าหมายของเขาได้บรรลุแล้ว

เขาสะกดสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหารเล็กน้อยก่อนจะฝืนยิ้มบางออกมา “หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าใจแล้วยังต้องการอยู่ที่นี่เพื่อหาความสำราญ ข้าจะขอให้ใครสักคนติดตามท่าน บุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการ…”

ก่อนจะทันเอ่ยคำจบ เสียงของลู่หยวนก็ดังขึ้น “ขั้นเซียนยุทธ์สามสิบเจ็ดคน ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์สิบสามคน และขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าวขึ้นไปเพียงเจ็ดคน ในหมู่พวกเจ้า นอกจากเจ้าแล้วก็มีขั้นจ้าวยุทธ์เพียงสองคน ส่วนที่เหลือเป็นขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าวซึ่งกำลังจะตายอยู่รอมร่อ”

ใบหน้าของลู่หยวนเต็มไปด้วยรอยยิ้มหยัน “ฉินเซียว ด้วยอำนาจไร้ค่าเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงอาจหาญกับข้า?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเซียวแข็งทื่อเล็กน้อย

คาดไม่ถึงว่าลู่หยวนจะทราบพละกำลังคนของเขาเร็วขนาดนี้

แม้กระทั่งผู้อาวุโสของตระกูลฉินขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าวผู้กำลังคุ้มกันสุสานจักรพรรดิก็ยังถูกลู่หยวนพบตัว!

ลู่หยวนลุกขึ้นขณะอำนาจมังกรทั้งหลายทะยานออกไป จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าหาฉินเซียวทีละก้าว

ทุกย่างก้าวที่ขยับทำให้ฉินเซียวรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับบนบ่า

น้ำหนักที่กดทับลงมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและไม่สามารถสลัดมันออกไปได้!

ฉินเซียวใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อยืนขึ้น ทว่ากู้ชิงหรันก็ลุกขึ้นพร้อมกับปราณกระบี่ที่กวาดออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะล้อมเขาเอาไว้!

เมื่อใดที่เขาขยับ ปราณกระบี่ของนางก็จะทะยานผ่านท้องนภาเพื่อปลิดชีพทันที!

หัวใจของฉินเซียวดิ่งวูบ

นับตั้งแต่ที่ลู่หยวนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงบนแผ่นดินหลัก ฉินเซียวก็เริ่มให้ความสนใจ

มันเป็นช่วงเหตุการณ์ในแดนมัชฌิมที่ทำให้เขาสังเกตเห็นตัวตนของฉินอี่หาน!

แม้ฉินอี่หานจะออกจากราชวงศ์ไปตั้งแต่อายุยังน้อย เขาก็ทำการตรวจสอบประสบการณ์ชีวิตของนางจนย้อนกลับไปถึงช่วงที่ถือกำเนิดขึ้นมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกับลูกสาวของพี่ชายที่หายตัวไป

แต่ใบหน้าและรูปลักษณ์นี้ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้!

หลังจากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของฉินอี่หานแล้ว ฉินเซียวจึงได้ข้อสรุปว่านางคือลูกสาวของพี่ชาย!

หลังจากทราบว่าลู่หยวนพาฉินอี่หานไปหุบเขาบูรพาและเข้าสู่ดินแดนจิ้งจอกสวรรค์ เขาก็ทราบทันทีว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คาดเอาไว้!

ฉินเซียวส่งคนไปสืบจนแน่ชัดว่าลู่หยวนกำลังทำอะไรในสามดินแดน ก่อนจะเริ่มทำการปกป้องตัวเอง

เขาทราบถึงพละกำลังของลู่หยวนดี แม้อีกฝ่ายจะอยู่เพียงขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าว แต่กลับสามารถบดขยี้ผู้ไปถึงขั้นจ้าวยุทธ์ได้!

ถ้าเป็นเช่นนั้น ในด้านการต่อสู้เพียงอย่างเดียว ทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวงไม่อาจต้านทานคนคนเดียวได้!

ทว่า ในเมื่อกล้าปล่อยให้ลู่หยวนเข้ามา หมายความว่าเขาก็มีแผนสมบูรณ์แบบเตรียมเอาไว้แล้ว!

ฉินเซียวมองลู่หยวนเดินมาหาทีละก้าวขณะสีหน้ายิ่งดูเคร่งขรึม

ก่อนลู่หยวนจะทันได้พูดอะไร ฉินเซียวก็กัดฟันพลางเอ่ย

“ไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้ายอมสละบัลลังก์!”

ลู่หยวนไม่คาดคิดว่าท่าทีของฉินเซียวจะเปลี่ยนไปมาก ทำให้เขาเผยท่าทางสนใจขึ้นมา

ฉินเซียวเอ่ยต่อ “เส้นชีพจรจักรพรรดิมักเป็นสิ่งที่มีเพียงผู้มากความสามารถเท่านั้นจึงจะครอบครองได้ ในตอนนั้น พี่ชายของข้าไม่สามารถทำได้ ดังนั้นข้าจึงอยากแทนที่เขา ตอนนี้ฉินอี่หานได้รับการปกป้องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แล้ว ข้าจึงยอมที่จะสละเส้นชีพจรจักรพรรดิและบัลลังก์เพื่อแลกกับหนึ่งชีวิตเท่านั้น!”

“ส่วนเชื้อสายของข้าก็นับเป็นประชากรส่วนน้อย ข้าจึงอยากขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์แสดงน้ำใจด้วยการมอบหนทางการใช้ชีวิตให้กับทุกคน หากท่านยินยอม พวกข้าจะยังช่วยจัดการเรื่องราวทั้งหลายในราชวงศ์อู๋ซวงให้ แต่ถ้าไม่ยินยอม ข้าก็จะพาครอบครัวจากไปทันที!”

ลู่หยวนไม่เอ่ยคำใดขณะสายตาจับจ้องฉินเซียว

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฉินเซียวก็มีสีหน้าวิตกกังวลก่อนจะเอ่ยว่า “จะให้อยู่หรือตาย บุตรศักดิ์สิทธิ์สามารถตัดสินใจได้ ไม่จำเป็นต้องทรมานกันแบบนี้!”

ลู่หยวนหรี่ตาก่อนจะหันไปมองกู้ชิงหรันผู้อยู่ข้างกาย ทั้งสองต่างเห็นรอยยิ้มบางในดวงตาของอีกฝ่าย

ภายในรอยยิ้มดังกล่าวเต็มไปด้วยแสงเย็นเยือกน่าขนลุก

“ก็ได้”

ลู่หยวนพลันเอ่ย “วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! แล้วเจ้าจะสละบัลลังก์เมื่อไหร่?”

เมื่อเห็นลู่หยวนตอบตกลง ใบหน้าหนักอึ้งของฉินเซียวก็ผ่อนคลายเล็กน้อยราวกับหลบหนีออกจากประตูนรกมาได้

“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้าจะเรียกขุนนางทั้งหลายเพื่อประกาศสละบัลลังก์ให้กับฉินอี่หานต่อสาธารณะ บุตรศักดิ์สิทธิ์คิดเห็นอย่างไร?”

ลู่หยวนแย้มยิ้ม “ได้”

“ในเมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ตอบตกลงแล้ว โปรดอนุญาตให้ข้าได้กลับไปเตรียมตัวเสียหน่อย ข้าได้เตรียมวังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถเข้าไปพักผ่อนก่อนได้ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเชิญไปเข้าร่วมพิธี”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฉินเซียวก็นิ่งงันก่อนจะเหลือบมองฉินอี่หาน “นางควรใช้ชีวิตกับบุตรศักดิ์สิทธิ์”

ลู่หยวนสะกดแรงกดดันเอาไว้ก่อนจะยอมรับข้อตกลงของฉินเซียวโดยไม่ออกความเห็นอะไร

หลังจากฉินเซียวไม่โดนกดดันแล้ว ใบหน้าของเขากลับไม่มีความสุข มันถูกแทนที่ด้วยร่องรอยความเศร้าโศกราวกับกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญมากไป

เขาประสานมือคำนับก่อนจะจากไป

สาวใช้ที่เหลืออยู่ในวังเริ่มสนทนากันอย่างแผ่วเบา

ไม่นานหลังจากนั้นก็มียามมาพาพวกลู่หยวนไปที่วังอีกหลัง

ฉินอี่หานหวาดกลัวกับท่าทางดังกล่าว ถึงกระนั้นนางยังสามารถก้าวเดินได้ ก่อนจะตามลู่หยวนออกไป

วังแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต หลังจากเดินอยู่สักพัก พวกเขาก็มาถึงด้านหน้า

เห็นได้ชัดว่าวังแห่งนี้เพิ่งถูกสร้างมาได้ไม่นาน เมื่อเทียบกับอาคารโดยรอบ มันมีสภาพค่อนข้างใหม่ ของใช้ทั้งหลายก็หรูหรายิ่งนัก

ไข่มุกใต้ทะเลลึก รูปปั้นทองและหยก รวมถึงสัตว์มงคลล้วนอยู่ภายในวัง

ลู่หยวนเหลือบมองรอบข้างขณะหลับตาพลางครุ่นคิดสักพัก ทันใดนั้นเขายิ้มออกมาก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในวัง

ทันทีที่เข้าไป สิ่งแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือหินหยกโปร่งใสขนาดใหญ่ มันถึงกับเป็นไข่มุกสีม่วงเจ็ดเม็ดเรียงกันอยู่ในอากาศธาตุ

ไข่มุกทั้งเจ็ดนี้เรียงรายประหนึ่งกระบวยใหญ่โดยมีกลิ่นอายสีม่วงเชื่อมต่อกันอยู่ตรงกลาง ภายใต้การสะท้อนของแสงอาทิตย์ พวกมันถึงกับต่างออกไปเล็กน้อย

เมื่อเห็นสายตาของลู่หยวนกำลังจับจ้องของดังกล่าว ยามก็รีบแนะนำ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้มีชื่อว่า กระดานปราณวิญญาณเจ็ดดารา มันสามารถรวบรวมปราณวิญญาณเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนได้!”

ลู่หยวนเพียงเหลือบมองสักพัก จากนั้นจึงหันไปมองที่อื่น ยามตั้งใจจะแนะนำต่อ แต่ลู่หยวนเพียงเหลือบมองเขาก่อนจะบอกให้หุบปากแล้วออกไป

แน่นอนว่ายามไม่กล้าพูดอะไรก่อนจะคำนับและจากไปอย่างระมัดระวัง

ฉินเซียวกลัวว่าลู่หยวนจะไม่ชอบใจ ดังนั้นเขาจึงขอให้สาวใช้รออยู่นอกวัง จากนั้นจึงเข้าไปหลังจากได้รับคำสั่งจากอีกฝ่าย

ตอนนี้มีเพียงสามคน รวมถึงลู่หยวนที่ยังอยู่ในวัง

ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันต่างมองรอบข้างขณะครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ

“ฉินเซียวจะต้องลงมือช่วงตีหนึ่งถึงตีสามไม่ผิดแน่”

ลู่หยวนได้ข้อสรุปทันที

เดิมทีเขาไม่เชื่ออยู่แล้วว่าฉินเซียวจะสละตำแหน่งที่ได้จากการปล้นอย่างง่ายดายเช่นนี้!

ตอนที่เขาอยู่ในวังแล้วกวาดมองเครื่องเรือนรอบข้าง เห็นได้ชัดว่าฉินเซียวต้องการให้ผ่อนคลายความระมัดระวัง

สายตาของกู้ชิงหรันจับจ้องกระดานปราณวิญญาณเจ็ดดารา “วังแห่งนี้คือค่ายกลขนาดใหญ่ ในเมื่อเจ้ากับข้าเข้ามาแล้ว อยากให้ทำลายมันเลยหรือไม่? แบบนี้จะได้หมดปัญหาตอนเกิดการต่อสู้”

เนื่องจากกระดานปราณวิญญาณเจ็ดดาราทำหน้าที่รวบรวมปราณวิญญาณ จึงทำให้มันกลายเป็นดวงตาค่ายกลที่ดีที่สุด!

ลู่หยวนพลันยิ้มหยัน “ไม่จำเป็น”

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน