บทที่ 511 ภูตผีน้อย
บทที่ 511 ภูตผีน้อย
ไม่มีใครในห้องโถงกล้าขานตอบ แล้วโทสะอันลึกล้ำของฉินเซียวก็ถูกปกปิดก่อนจะถูกแทนที่โดยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองบนใบหน้าชั่วร้าย
“ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนไม่คัดค้าน เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน!”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วในที่สุดอู่กังก็เป็นคนแรกที่ก้าวตามฉินเซียว
คนที่เหลือบลอบถอนหายใจ ค่ายกลร้อยภูตผีเสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อเปิดใช้งานก็จะไม่มีทางหันหลังกลับได้อีก
พวกเขาเพียงหวังว่าหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ในวันนี้ ทุกอย่างจะยังคงเหมือนเช่นวันวาน
เมื่อพวกฉินเซียวมาถึงนอกวัง มันก็เข้าสู่ช่วงโฉ่วจื่อแล้ว
อักขระบางส่วนลอบเคลื่อนไหวอยู่รอบนอกวัง
วังทั้งหลังนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วภายในสามวัน โดยอิฐและหินทุกก้อนเต็มไปด้วยความเร้นลับ ว่ากันว่ามันคือวังที่สร้างขึ้นสำหรับลู่หยวน แต่แท้จริงแล้วมันคือค่ายกลจองจำที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออีกฝ่ายโดยเฉพาะ!
ฉินเซียวทราบเช่นกันว่าด้วยอุบายของลู่หยวนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงออกจากค่ายกลจองจำ แต่ไม่ว่าอุบายดังกล่าวจะทรงพลังแค่ไหน อีกฝ่ายก็ต้องถูกขังเอาไว้ในระยะเวลาหนึ่ง
ระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว!
พวกฉินเซียวเพิ่งยืนอยู่นอกค่ายกลไม่ทันไร ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันก็สัมผัสได้ พวกเขาลืมตาขึ้นพร้อมกันในห้องของตัวเองขณะกวาดสายตาไปทางที่ฉินเซียว
ทั้งสองลุกขึ้นขณะเคลื่อนไหว พริบตาเดียวพวกเขาก็มายืนเคียงบ่าเคียงไหล่ในห้วงอากาศขณะกวาดสายตามองไปทั่ววัง แล้วร่างที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ปรากฏแก่สายตา
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง สายลมราตรีพัดผ่านจนชุดคลุมปลิวไสวเล็กน้อย เขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับทุกสิ่งในโลกล้วนอยู่ในกำมือ
“ไง ฉินเซียว ในที่สุดเจ้าก็พร้อมแล้วหรือ? ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว”
ฉินเซียวไม่ประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงคำพูดของลู่หยวน หากอีกฝ่ายไม่สงสัยหรือไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย เกรงว่าคงเป็นเขาที่คิดว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ!
ลู่หยวนเป็นคนแบบไหน? มีประสบการณ์แบบใด?
ฉินเซียวทราบอยู่แล้วว่าลู่หยวนกำลังรอให้พวกเขามาพร้อมกัน!
ฉินเซียวเผยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า ขณะควบคุมค่ายกลที่ถูกห้อมล้อมโดยกลิ่นอายสีดำในมือต่อไป
แม้ค่ายกลจะยังไม่ปรากฏ แต่กลิ่นอายสีดำก็เริ่มรวมตัวจนลู่หยวนกับกู้ชิงหรันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาดเช่นกัน
กู้ชิงหรันคิ้วขมวดเล็กน้อยราวกับไม่ชอบกลิ่นอายดังกล่าว นางเพียงสะบัดมือก่อนปราณกระบี่จะทำการปัดป้องออกไป
“ปราณภูตผี”
ริมฝีปากสีแดงของกู้ชิงหรันยกยิ้มเล็กน้อย “นอกจากนี้ยังมีคนเป็นที่ถูกบังคับให้เข้าสู่วิถีภูตผีประมาณห้าสิบคน แถมพวกเขายังเป็นภูตผีดุร้าย”
แม้ลู่หยวนจะยิ้มบาง แต่สายตาของเขากลับจริงจัง “ด้วยการฝึกฝนหมื่นกฎเกณฑ์ แม้กระทั่งเผ่ามารก็สามารถฝึกฝนจนเข้าสู่วิถีเพื่อทำความเข้าใจโลกได้ แต่มีเพียงวิถีภูตผีเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้น”
“วิถีภูตผีเป็นหยินชั่วร้าย ไม่มีความเป็นความตาย มีเพียงความโกรธ ความไม่รู้ ความขุ่นเคือง ความคิด และความเกลียดชัง เมื่อกลิ่นอายทั้งห้าเข้ามาพัวพัน ฟ้าดินก็ไม่อาจยุติ แล้ววิถีภูตผีก็จะไม่มีวันดับสูญ!”
“ฉินเซียวผู้นี้อยากฆ่าพวกเราด้วยภูตผีน้อย”
กู้ชิงหรันกุมกระบี่หักในมือไว้มั่น “ข้าแค่เคยได้ยินเท่านั้น แต่ยังไม่เคยเจอใครจากวิถีภูตผีมาก่อน ข้าไม่รู้ว่ากระบี่นี้จะสามารถสังหารได้มากน้อยเพียงใด”
“ข้าก็ไม่เคยเจอมาก่อนเหมือนกัน”
ลู่หยวนพลันยกยิ้ม “ข้าสงสัยเหลือเกินว่าวิถีภูตผีนี้จะลึกลับมากแค่ไหน!”
คำพูดของลู่หยวนกับกู้ชิงหรันไม่ได้ถูกปกปิดจนลอยไปถึงหูของทุกคน แน่นอนว่าคนที่เหลือไม่กล่าเอ่ยคำใด
แต่ฉินเซียวกลับหัวเราะเริงร่า “ทั้งสองท่านไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวจะได้รู้เองว่าวิถีภูตผีนี้ทรงพลังมากแค่ไหน!”
สิ้นคำ ฉินเซียวคลายมือออก แล้วค่ายกลร้อยภูตผีคล้ายกับถูกปลดพันธนาการก่อนจะเคลื่อนลงสู่พื้นดินอย่างไร้ร่องรอย!
ฉินเซียวเงยหน้ามองลู่หยวน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ หลานสาวขี้เหงาของข้าอยู่ที่ไหน? เหตุใดไม่ให้นางออกมารับชมด้วยเล่า?”
ลู่หยวนยิ้มกว้าง “ข้าต้องแสดงฉากนี้ให้นางดูก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าชะตากรรมของตัวเองถูกกำหนดตั้งแต่ที่ผู้เป็นพ่อตาย!”
“ไม่ว่านางจะใช้ความพยายามมากแค่ไหน ไม่ว่าจะมีคนที่ผูกพันมากเท่าใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกอย่างก็ล้วนไร้ความหมาย! ราชวงศ์อู๋ซวงสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้! ส่วนฉินอี่หานไม่ต้องสอดมือเข้ามายุ่ง!”
ลู่หยวนยิ้มหยัน “เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นตอนกระบี่ในมือของนางแทงทะลุหัวของเจ้าเอง!”
ทันทีที่สิ้นคำ ลู่หยวนก็ยื่นมือขวาออกไป แล้วง้าวมังกรครามแปดแดนร้างก็ปรากฏในพริบตา
นอกจากอำนาจมังกรอันโอ่อ่าแล้ว ยังมีกลิ่นอายจักรพรรดิพรั่งพรูออกมาเล็กน้อย!
กู้ชิงหรันถือกระบี่หักขณะแผ่ปราณกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดออกมา
“เช่นนั้นข้าก็อยากรู้นักว่าเจ้ามีความสามารถมากเพียงใด!”
รอยยิ้มของฉินเซียวเลือนหายก่อนจะเริ่มทำการท่องคาถา
“ร้อยภูตผี! โจมตี!”
สิ้นเสียงของฉินเซียว ทั่วทั้งราชวงศ์อู๋ซวงก็เริ่มสั่นไหว!
เส้นชีพจรปฐพีทั้งหมดเริ่มผันผวนและปูดโปน พวกมันเคลื่อนเข้าหาวังทีละน้อย!
กลิ่นอายสีดำไร้ที่สิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นมา!
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ การสั่นไหวก็หยุดนิ่ง ดินที่ปูดโปนกลับผันผวนก็ไม่ขยับเขยื้อน ถึงกระนั้นกลิ่นอายสีดำจำนวนมากก็ยังคงกระจายออกมา
“ซู่!”
สิ่งที่ดูเหมือนมนุษย์ปรากฏขึ้นจากดินราวกับลูกธนูหักที่ถูกยิงออกไป แต่ร่างของพวกมันเป็นเพียงภาพมายา ผิวดำ นิ้วเรียว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย!
สิ่งนั้นเคลื่อนที่ได้ไวมาก!
เพียงพริบตา มันพุ่งเข้าหาลู่หยวนแล้วฟาดนิ้วทั้งห้าเข้าใส่
ลู่หยวนเพียงขยับง้าวก่อนจะแทงตรงไปที่ภูตผีน้อย!
พลังอันหนักอึ้งเกาะติดกับง้าวมังกร ก่อนจะเคลื่อนเข้าหาร่างของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
ภูตผีน้อยถูกแทงอย่างไร้สุ้มเสียง!
ทันทีที่ง้าวของลู่หยวนหยุดนิ่ง มันกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างมายาเคลื่อนผ่านง้าวไป
มือของภูตผีน้อยยังคงวางอยู่บนง้าว สีหน้าที่เดิมดุร้ายก็เริ่มหัวเราะราวกับพบความหรรษา
“แทงไม่ตายหรือ?”
ลู่หยวนคิ้วขมวด
ในตอนนี้ ภูตผีน้อยจำนวนมากพุ่งออกมาจากดิน แล้วกู้ชิงหรันก็ฟาดฟันกระบี่หักออกไป แม้ปราณกระบี่จะกวาดผ่านออกไป แต่ก็ไม่อาจทำอันตรายพวกมันได้แม้แต่น้อย!
“พวกมันไม่มีตัวตน แตกต่างจากพวกวิญญาณกระบี่อย่างเห็นได้ชัด”
กู้ชิงหรันดึงกระบี่กลับขณะมายืนเคียงข้างลู่หยวน “แม้วิถีภูตผีจะคงอยู่มานานแต่กลับไม่มีตำราเล่มไหนอธิบายวิธีสังหารสิ่งเหล่านี้”
ลู่หยวนนิ่งเงียบขณะง้าวหยุดนิ่ง แล้วอำนาจมังกรก็ทะยานออกไปเพื่อกวาดผ่านภูตผีน้อย
อีกฝ่ายยังคงจับง้าวเอาไว้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบเมื่อครู่ ใบหน้าของมันยังคงแย้มยิ้ม
ฉินเซียวพึงพอใจยิ่งเมื่อเห็นเช่นนี้
แม้พวกลู่หยวนจะทำอะไรภูตผีเหล่านี้ไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะทำร้ายอีกฝ่ายกลับไม่ได้!
“ร้อยภูตผี ฆ่าพวกมัน!”
ฉินเซียวตะโกน
ภูตผีนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากพื้นดินรอบวัง!
ร่างมายาทำการโจมตีใส่ลู่หยวนกับกู้ชิงหรัน พวกมันทำการปกปิดร่างกายทันทีที่เข้าใกล้
ฉินเซียวยกมืออีกครั้งราวกับบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น!
ทันทีที่ผนึกสมบูรณ์ ทั่วทั้งวังก็สั่นสะเทือน!
แสงสีแดงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากรอบวัง ก่อนจะทำการปิดล้อมจนมีรูปทรงประหนึ่งกรงนก!
————————————-