บทที่ 523 หยกปีศาจ
บทที่ 523 หยกปีศาจ
ทั้งสองจับจ้องด้วยสายตากระตือรือร้นก่อนจิตวิญญาณต่อสู้จะก่อเกิดภายใน
“วิ้ง!”
แสงสีแดงพลันวูบไหวบนท้องนภาขณะไหลหลั่งทั่วหล้าในทันที!
ทุกคนหรี่ตา ไม่กล้ามองแสงที่สาดเข้ามา
ผ่านไปหลายอึดใจ ในที่สุดแสงสว่างก็จางหาย
จากช่องขนาดเล็กในท้องนภาที่เดิมฉีกขาดเมื่อครู่ บัดนี้กลับเปิดออกกว้าง วงแสงก็เล็ดลอดออกมาจากภายใน
แสงดังกล่าวเป็นจังหวะและทรงพลัง
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ทั้งสองฝั่งหายไปพร้อมกัน ท้องนภาถูกปกคลุมโดยหมู่เมฆมืดครึ้ม เหลือเพียงรอยแยกสีแดงใจกลางผืนฟ้าที่ยังส่องแสงประหนึ่งดวงอาทิตย์เจิดจ้ากำลังแผ่ขยายอย่างไร้ขอบเขต
ซ่งชิงทะยานออกไปเพื่อเข้าสู่รอยแยกดังกล่าวทันที
ตามมาด้วยจ้าวเยี่ยน
ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันก็กระโดดเข้าไปเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเข้าไปแล้ว พวกเขาก็พากันตรงไปที่รอยแยก
หลังจากฝูงชนไหลหลั่งเข้าไปก็เหลือเพียงสตรีผู้หนึ่งที่ยืนอยู่พร้อมกับกระบี่คู่กาย ดวงตาเต็มไปด้วยระลอกคลื่นจับจ้องไปยังแผ่นหลังของทุกคนที่เข้ารอยแยกไป
ใบหน้าของนางสวมผ้าคลุมบางขณะถือกระบี่ยาวในมือ ปราณกระบี่รอบข้างผันผวนอย่างน่าประหลาด กลิ่นอายของมันทรงพลังยิ่งนัก
ห่างออกไปเล็กน้อย ชายผู้หนึ่งก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนี้ จึงประสานมือทักทางสตรีผู้นั้น “ศิษย์พี่ซวี่รั่วหลิง ท่านจะไม่เข้าไปใช่หรือไม่?”
ชายผู้นั้นจับจ้องใบหน้าของซวี่รั่วหลิงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีขาวด้วยความหลงใหล ในตอนนี้ นางไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
สายตาของซวี่รั่วหลิงเคลื่อนจากรอยแยกมาทางชายผู้นั้น “เฉินจง เจ้าพูดจบแล้วหรือยัง?”
น้ำเสียงของซวี่รั่วหลิงเย็นชา
นางออกมาในครั้งนี้เพียงเพื่อพบลู่หยวนเท่านั้น
นางเพียงทราบว่าลู่หยวนจะมาที่นี่ก็เลยตามมา หาได้สนใจสิ่งที่เรียกว่าวาสนาแต่อย่างใด
นับตั้งแต่ลู่หยวนออกจากแดนเหนือ นางก็ไม่เคยมีโอกาสมาอยู่เคียงข้างเขาเหมือนอย่างตอนนี้
ตอนลู่หยวนจากไป เขาปล่อยให้ฝึกฝนเจตจำนงกระบี่อย่างวางใจ ตอนนี้นางประสบความสำเร็จครั้งใหญ่จนถึงขั้นระดับที่สูงกว่า เมื่อตระหนักได้ถึงเจตจำนงดาบด้วยตัวเอง ทั่วทั้งสำนักในแดนเหนือต่างพากันก้มหัวให้
ความสำเร็จเช่นนั้นถือได้ว่าไม่ทำให้ลู่หยวนอับอาย
แต่เมื่อออกมาในวันนี้ นางก็ได้เห็นคนที่ตามติดมา
คนผู้นี้ถือว่าเป็นดาวรุ่งแห่งแดนเหนือ เขาเกิดมาไม่สูงส่ง พ่อแม่ตาย แต่มีพรสวรรค์เหลือล้น ช่างพูดช่างจา ไม่ต่างกับยอดฝีมือที่สังหารได้ยาก
เขาเปี่ยมด้วยท่าทางมั่นใจขณะเริ่มก่อกวนซวี่รั่วหลิงตั้งแต่วันที่รู้จักกัน
แม้ระหว่างทางในครั้งนี้จะไม่ได้ทำอะไรนอกจากตามติดไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป แต่ซวี่รั่วหลิงก็รู้สึกรำคาญกับสิ่งนี้
เฉินจงย่อมทราบความกังวลของซวี่รั่วหลิง แต่ทันทีที่เห็นนาง เขาก็รู้สึกสงบขึ้นมา
เขาต้องการผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ชีวิต!
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะจะแตกต่างกันมาก แต่นั่นไม่สำคัญ!
เฉินจงเชื่อว่าเขาจะมั่นคงไม่แปรเปลี่ยน แล้ววันหนึ่งตนเองจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้!
ไม่ว่าจะเป็นลู่หยวนผู้ออกจากแดนเหนือเช่นเขาจนรู้จักในนามลูกครึ่งราชามาร หรือซ่งชิงผู้เป็นประมุขน้อยตำหนักประตูสวรรค์ พวกเขาล้วนต้องอยู่ภายใต้ตนเองในภายภาคหน้า!
“ศิษย์พี่ซวี่รั่วหลิง ข้าเพียงอยากเตือนท่านว่าเวลาที่รอยแยกเปิดนั้นมีจำกัด ดังนั้นอย่าชักช้าจะดีกว่า!”
ซวี่รั่วหลิงจับจ้องด้วยสายตาหงุดหงิด “เลิกประจบประแจงเสียที เจ้าประจบไม่ได้หรอก”
สิ้นคำ เฉินจงผู้ตัวแข็งทื่อก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วซวี่รั่วหลิงก็จากไปเพียงลำพัง
เฉินจงไม่คาดคิดว่านางจะพูดจาโหดเหี้ยมเช่นนี้!
เมื่อมองรูปร่างสง่างามของซวี่รั่วหลิง เฉินจงก็เผยรอยยิ้มบาง
หากไม่ให้ประจบแล้วจะเรียกว่าประจบประแจงได้อย่างไร การทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการแสดงความรัก!
ไม่มีผู้หญิงคนใดที่เขา เฉินจง หมายตาแล้วจะหลุดมือไปได้!
เมื่อเฉินจงคิดได้ดังนี้ เขาก็ตามเข้าไป!
…
หลังจากลู่หยวนกับซ่งชิงเข้าไปในรอยแยก แสงสว่างก็วูบไหวก่อนจะหายไป
ลู่หยวนอยู่บนเขาเพียงลำพังขณะเปิดจิตเทวะ เขามองเห็นผู้คนบางส่วนกระจัดกระจายภายในระยะหลายพันลี้ ถึงกระนั้นก็ไม่มีพวกซ่งชิงหรือแม้กระทั่งกู้ชิงหรัน
ดูท่าว่าหลังจากเข้ารอยแยกมาแล้วก็จะถูกสุ่มเคลื่อนย้าย
ทว่าตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป ในเมื่อสมบัติยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นแล้ว ซ่งชิงก็ต้องปรากฏตัวเช่นกัน!
ลู่หยวนมองรอบข้างก่อนจะพบว่าที่นี่ค่อนข้างแห้งแล้ง ซึ่งมีหญ้าขึ้นเพียงไม่กี่ชั้น
ทัศนวิสัยกว้างขวางขณะมีซากปรักหักพังบางส่วนอยู่ไกลออกไป!
เมื่อลู่หยวนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า เขาก็สัมผัสได้ถึงการดีดดิ้นไปมาในอ้อมแขนของเขา แล้วเฝยเฝยก็กระโจนออกมา!
ลู่หยวนหลุบตาก่อนจะพบว่าเฝยเฝยยืดเส้นยืดสาย จากนั้นจึงจับจ้องไปทางที่อยู่ถัดจากซากปรักหักพัง
บริเวณดังกล่าวมีแสงสลัว ไม่ทราบได้ว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น
แม้แต่ลู่หยวนก็ไม่สามารถตรวจจับด้วยจิตเทวะได้ในขณะนี้
เฝยเฝยดึงมุมเสื้อคลุมของลู่หยวน มันกำลังบอกว่าต้องการไปที่นั่น
“อยากไปหรือ?”
ลู่หยวนคิ้วขมวด
เฝยเฝยพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ลู่หยวนอุ้มเฝยเฝยขึ้นมา “มีของดีใช่หรือไม่?”
เฝยเฝยยังคงพยักหน้า
“ได้”
ลู่หยวนขยับเพียงหนึ่งก้าวก็ทะยานออกไปยังสถานที่นั้นพลางเอ่ย “หากของเหล่านั้นไม่มีประโยชน์กับข้า ข้าจะจับเจ้าไปตุ๋น!”
เฝยเฝยตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นมันมองลู่หยวนด้วยสายตาคับข้องใจเล็กน้อย
เอาเถอะ หากพูดถึงเรื่องการช่วงชิงที่นี่ อย่าหวังว่าใครจะเอาของดีไปได้!
แค่พาเขาไปที่นั่นแล้วแบ่งสันปันส่วนก็ทำให้แข็งแกร่งขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ?!
ในไม่ช้า ลู่หยวนก็เข้าสู่ดินแดนแสงสลัว สถานที่แห่งนี้คล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของซากปรักหักพังวังเก่า เพียงแต่มันถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสลัว
ท่ามกลางซากปรักหักพังของวังเก่าเหล่านั้นก็มีเพียงเศษซาก หาได้มีอะไรสะดุดตาไม่
แต่บนเสาหินที่ถูกทำลายต้นแล้วต้นเล่าคล้ายกับมีร่องรอยการต่อสู้จำนวนมาก
เฝยเฝยยังคงนำลู่หยวนเดินเข้าไปข้างใน
สภาพแวดล้อมยิ่งเข้ามายิ่งมืด ซึ่งลู่หยวนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสิ่งชั่วร้าย
ที่นี่มีวัตถุชั่วร้ายด้วยหรือ?!
ลู่หยวนคิ้วขมวด หากไม่ใช่ของที่ดีกว่าโลหิตราชาจิ้งจอกสวรรค์ มันก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่!
หรือว่าเฝยเฝยเพียงแค่ต้องการกินให้อิ่มท้อง?!
ตอนนี้เองอู่เต้าจึงเอ่ยขึ้น “นายท่าน สถานที่นี้ไม่ธรรมดา อาจจะมีสิ่งที่พวกเราต้องการก็ได้ แม้ตอนนั้นจะได้โลหิตของราชาจิ้งจอกสวรรค์ แต่ก็ต้องหาวัสดุในการอาบยา วัสดุส่วนใหญ่รวบรวมได้ง่าย แต่มีอยู่สามอย่างที่หาใช้ได้ยาก หรือหากหาสิ่งอื่นมาทดแทนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ผลของมันจะลดลงไปมาก การหาไปใช้เองย่อมเป็นผลดีที่สุด!”
“หนึ่งในนั้นคือหยกปีศาจที่สามารถหลอมรวมเป็นวัตถุชั่วร้ายนับพันได้!”
อู่เต้านิ่งสักพักก่อนจะลอบถอนหายใจเล็กน้อย
“ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าสิ่งนี้จะปรากฏขึ้นทุกหนึ่งหมื่นปีหรือไม่ แต่ข้าคิดว่าสถานที่นี้ไม่เลว เป็นไปได้ว่าหยกปีศาจน่าจะอยู่ที่นี่!”
ทันทีที่สิ้นคำ ย่างก้าวของลู่หยวนก็หยุดนิ่ง แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้ม แม้สถานที่ตรงหน้ามืดมิด แต่กลับมีลำแสงสีแดงสองสายวูบไหวไปมา!
“ช่างเรื่องหยกปีศาจแล้วฆ่าคนที่ขวางทางก่อนดีกว่า!”