บทที่ 527 วิถีสวรรค์
บทที่ 527 วิถีสวรรค์
ฟั่นโจวตกตะลึงกับคำพูดของลู่หยวน ถึงอย่างไร อีกฝ่ายจะยังติดตามเขา…
เหตุใดถึงต้องติดตามด้วย หรือคิดว่าเขาจะเจอกับของดีเข้า?
ทว่าฟั่นโจวไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธ เพราะเขาทราบดีว่าต่อให้พูดไป แต่ถ้าลู่หยวนต้องการติดตาม อีกฝ่ายก็มีวิธีนับร้อยที่จะทำเช่นนั้น
ประกอบกับหากมีลู่หยวนอยู่ข้างกาย เขาก็จะมีหลักประกันความปลอดภัย
“ได้ หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เต็มใจ เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน”
ลู่หยวนย่อมพยักหน้า
ฟั่นโจวพบสถานที่แห่งหนึ่งก่อนจะเริ่มออกเดินทางโดยมีลู่หยวนตามอยู่ข้างกาย
แม้ทั้งสองจะเดินทางอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากสักคำ
และในตอนนี้!
ท่ามกลางซากปรักหักพัง เหนือทะเลสาบขนาดใหญ่
ทะเลสาบดังกล่าวรายล้อมด้วยภูเขาหินที่ปกคลุมท้องนภา!
ผิวน้ำไร้ซึ่งระลอกคลื่น แม้ในตอนนี้จะมีสายลมแรงกล้าพัดโบกไปมา แต่น้ำเหนือทะเลสาบกลับสงบยิ่ง ปราศจากการไหวติง!
บนทะเลสาบขนาดใหญ่ คนทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันจากระยะไกล
คนหนึ่งสวมมงกุฎทองคำกับปั่นปักผมหยก แต่งกายด้วยชุดสีขาว สายตาเย็นชาและมีกระบี่หักอยู่ข้างกาย นางคือกู้ชิงหรัน!
ส่วนคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวมผ้าปักกับชุดคลุมสีม่วง สีหน้าเต็มไปด้วยความน่ายำเกรง เขาดูเหมือนกับซ่งชิง!
คนทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันขณะกลิ่นอายยิ่งแรงกล้าเพื่อหมายจะบดขยี้อีกฝ่าย ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่ากัน!
ระลอกคลื่นแรกไม่สม่ำเสมอ ส่วนระลอกคลื่นอีกลูกกำลังเพิ่มขึ้น ทำให้ห้วงอากาศฉีกขาดและหลอมรวม ส่งผลให้ฟ้าดินเกินความปั่นป่วนเล็กน้อย
ซ่งชิงยิ้มบางพลางเอ่ย “กู้ชิงหรัน เจ้าน่าจะรู้ตัวตนของตัวเองไม่มากก็น้อย!”
“ถึงอย่างนั้น เจ้ายังอยากอยู่กับลู่หยวนอีกงั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหมั้นหมายกับเขา เพราะอย่างนั้นถึงได้ให้การช่วยเหลือเช่นนี้สินะ”
“แต่ต่อให้หมั้นหมายกันแล้วจะทำอะไรได้? มันคุ้มค่าที่จะยืนเคียงข้างเขาเพราะแบบนี้หรือ?”
สีหน้าของกู้ชิงหรันยิ่งเย็นชาและนิ่งเฉย นางเพียงมองซ่งชิงโดยไม่มีความคิดที่จะตอบกลับแต่อย่างใด
ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรอีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก กลิ่นอายของซ่งชิงก็ลดลง ส่วนอำนาจของกู้ชิงหรันก็หายไปอย่างเงียบงันเช่นกัน
แม้ทั้งสองจะต่อสู้กันมานาน แต่ก็ไม่มีใครตั้งใจจะลงมือสังหาร!
“ค่าโชคชะตาสามแสนปี ช่างน่าเสียดาย…”
ซ่งชิงยิ้มหยัน “กู้ชิงหรัน ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของเจ้าจะมาจากการทำนายหรือความตั้งใจจริง แต่เจ้าควรรู้ว่าทันทีที่วิถีสวรรค์ตัดสินใจแล้ว ผลลัพธ์ของทั่วหล้าก็จะถูกกำหนดด้วยเช่นกัน!”
ซ่งชิงชี้นิ้วไปทางท้องนภา “ลู่หยวนมีชะตาก่อนจะตกลงสู่วิถีสวรรค์ ข้าเองก็เช่นกัน”
“ชะตาของข้าถูกกำหนดโดยพลังที่อยู่นอกเหนือวิถีสวรรค์ แต่ลู่หยวนนั้นไม่ใช่ ชะตาของเขาถูกกำหนดโดยวิถีสวรรค์ ต่อให้จะก้าวข้ามไปแล้ว สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี”
“หากเจ้าช่วยเขา ชะตาของเจ้าก็จะถูกตัดสินโดยไม่มีจุดจบทางที่สอง”
ซ่งชิงสะบัดแขนเสื้อขณะหันข้างแล้วเผยรอยยิ้มบาง “กู้ชิงหรัน หลังจากผ่านมาสามแสนปี แต่ในภาพรวมแล้วเจ้าก็เป็นเพียงตัวหมากเท่านั้น เจ้าจะไปทำอะไรได้? ข้าแนะนำว่าให้เจ้าเติมเต็มชะตาของตัวหมากนี้อย่างเหมาะสม ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะกลายเป็นตัวหมากที่ถูกใช้แล้วทิ้ง!”
กู้ชิงหรันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอันแผ่วเบา “แล้วเจ้าเล่า? เจ้าก็เป็นตัวหมากเหมือนกันหรือไม่?”
ซ่งชิงยิ่งยิ้มกว้าง แล้วกลิ่นอายป่าเถื่อนก็ปรากฏบนใบหน้า “ชะตาของข้าจะถูกกำหนดให้เป็นตัวหมากได้อย่างไร? ข้าไม่ได้อยู่ในวิถีสวรรค์! ข้ามีพื้นฐานแตกต่างจากลู่หยวน!”
ทันทีที่สิ้นคำ กู้ชิงหรันก็เงยหน้า รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่เดิมเย็นยะเยือกประหนึ่งภูเขาน้ำแข็ง
แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มบาง แต่ก็มากพอจะบดบังฟ้าดินได้
แม้กระทั่งซ่งชิงก็ตกตะลึงจนหัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย
“ภายในวิถีสวรรค์? นอกวิถีสวรรค์?”
รอยยิ้มของกู้ชิงหรันจางหาย “สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน พวกเราไม่ได้นับเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมทั้งหมดนี้ด้วยซ้ำ หากชะตาของลู่หยวนตกอยู่ภายใต้วิถีสวรรค์จริง แล้วชะตาของเจ้าจะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร?”
“อย่าคิดว่าเจ้าคือสิ่งที่แม้แต่วิถีสวรรค์ก็ไม่กล้าเข้ามายุ่ง ข้าพอจะรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งเจ้าและลู่หยวนต่างมีอุบายพิเศษบางอย่าง ซึ่งสิ่งนี้ข้าอาจจะไม่เคยเห็นและมันอาจจะไม่เคยปรากฏในแผ่นดินหยวนหงมาก่อนก็จริง”
“ถึงกระนั้น เจ้าต้องทราบก่อนว่าหากอุบายเช่นนั้นปรากฏขึ้นภายใต้วิถีสวรรค์นี้ นั่นหมายความว่ามันคือสิ่งที่ยอมรับได้”
“ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าวิถีสวรรค์ไม่ได้เป็นผู้ประทานให้?”
กู้ชิงหรันหันหลังแล้วถอนหายใจอย่างเย็นชา “ซ่งชิง จงยินดีในช่วงที่ยังทำได้เถอะ ข้าเพียงวางเดิมพันทั้งหมดกับคนที่ยังไม่ได้เห็นทุกสิ่งชั่วคราว ส่วนเรื่องจุดเปลี่ยน มีกับไม่มีแล้วมันต่างกันยังไง? สู้มีความสุขในช่วงที่ยังทำได้ดีกว่า…”
“วิถีสวรรค์เป็นเพียงกระดานหมากที่ถูกผลักดัน…”
สิ้นคำ กู้ชิงหรันก็ชี้ไปที่ห้วงอากาศแล้วกวาดออกไปเป็นทางยาว
ซ่งชิงถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียว เขาหลุบตาพลางครุ่นคิดถึงทุกคำพูดที่กู้ชิงหรันเพิ่งบอกกล่าวประกอบกับข้อมูลที่อยู่ในมือ แต่ยิ่งขบคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าคล้ายกับมีข้อมูลบางอย่างที่ตนเองพลาดไป!
ซ่งชิงสอบถามระบบในใจ แต่มันกลับไม่ตอบราวกับเมินเฉยคำพูดของเขา
ซ่งชิงทราบดีว่าทุกครั้งที่ระบบไม่ตอบ นั่นหมายความว่ามันกำลังสัมผัสส่วนสำคัญของโลก!
เดิมทีซ่งชิงคิดว่าเขาเข้าใจทุกอย่าง แต่ตอนนี้ดูท่าว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ซ่งชิงก็สะกดความคิดทั้งหลาย ในเมื่อโลกมันเป็นแบบนี้ คำพูดของกู้ชิงหรันก็อาจจะไม่น่าเชื่อถือทั้งหมดก็ได้!
เช่นนั้นทำไมไม่ไปดูด้วยตัวเองเล่า!
หลังออกจากซากปรักหักพังนี้ก็จะเป็นวันที่ต้องไปเกาะสังหารเซียน!
หากไปถึงที่นั่น หลายสิ่งก็จะได้รับการยืนยัน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งชิงก็สะกดความคิดทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป!
ลู่หยวนติดตามฟั่นโจวขณะหยิบจับของจำนวนมากระหว่างทาง สำหรับฟั่นโจว พวกมันคือสมบัติที่ประเมินค่ามิได้!
แต่ในสายตาของลู่หยวน มันไม่ต่างกับการหยิบขยะ
ฟั่นโจวสุภาพพอที่จะให้ลู่หยวนเลือกก่อน แต่เมื่อเห็นสีหน้าเหยียดหยันของอีกฝ่าย เขาก็เข้าใจเช่นกันว่าของเหล่านี้หาได้อยู่ในสายตาไม่
ฟั่นโจวเก็บของทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนด้วยความสุขใจ!
สมบัติเหล่านี้สามารถเพิ่มพละกำลังได้มหาศาล!
ขณะฟั่นโจวกำลังยินดีกับการเลือกของทั้งหลาย เสียงของเจิ้งชิงเทียนที่ไม่ได้ยินมานานก็ดังขึ้นในใจของลู่หยวน
“นายท่าน”
ลู่หยวนคิ้วขมวด ก่อนหน้านี้เขาให้วิญญาณของชิวชิงหลีถูกดูดกลืนโดยเจิ้งชิงเทียน มันคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนาง เดิมทีตนเองคิดว่าต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวสักพัก แต่คาดไม่ถึงว่าจะหายดีไวขนาดนี้
“ความแข็งแกร่งของเศษเสี้ยววิญญาณที่กำลังฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่หยวนถามในใจ
เจิ้งชิงเทียนตอบกลับ “เรียกว่าดีวันดีคืน แม้ความแข็งแกร่งของข้าจะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แต่ข้ายังสามารถตอบสนองการต่อสู้ได้”
“ในเมื่อสามารถตอบสนองการต่อสู้ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ถึงเวลาที่เจ้ากับอู๋เต้าต้องเตรียมร่างใหม่ให้พร้อม การแสดงตัวตนด้วยเศษเสี้ยววิญญาณไม่ใช่ความคิดที่ดีเสมอไป”
เจิ้งชิงเทียนกับอู๋เต้าต่างรู้สึกซาบซึ้งพลางเอ่ยพร้อมกัน “ขอบคุณนายท่าน!”