บทที่ 992 พู่กันที่ทำให้จักรวาลสั่นสะท้าน
บทที่ 992 พู่กันที่ทำให้จักรวาลสั่นสะท้าน
ณ ยอดเขาหมื่นกระแส
ราชาฉู่เจียงได้เปิดเผยแผนการของเขาอย่างตรงไปตรงมา บรรยากาศก็หยุดนิ่งในทันทีและกลายเป็นความเงียบสงัดเข้าปกคลุม
กับดักนี้ได้ใช้เฉินซีเป็นเหยื่อล่อ ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของมันก็คือจับกุมมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก และสังหารเขา
ราชาฉู่เจียงได้เสียสละผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก และฝืนอดกลั้นอย่างอดทนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ อีกทั้งเขาได้แจ้งราชานรกอีกสี่องค์ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับภพเซียนตั้งแต่ต้นแล้ว ด้วยความตั้งใจที่จะรักษากับดักนี้เพื่อให้ได้เปรียบอย่างแท้จริง
เหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าล้วนแสดงให้เห็นว่าถึงเวลาที่อวนของกับดักนี้จะถูกรวบเข้ามาแล้ว และปลาน้อยใหญ่ในอวนจะต้องถูกทำลายเท่านั้น เพื่อให้กับดักบรรลุอย่างสมบูรณ์
มันจึงจินตนาการได้ว่า เมื่อเรื่องราวนี้สิ้นสุดลง ภูมิภาคน้ำพุยมโลกที่สูญเสียการปกป้องจากมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของภพเซียน ซึ่งราชาฉู่เจียงเป็นตัวแทน
ในเวลาเดียวกัน การฆ่าเฉินซีซึ่งเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามจะทำให้พวกเขาได้รับสุดยอดศาสตร์เต๋าอย่างเพลงหมัดเทพอัคคี เจ็ดกระบวนท่าแห่งการพิพากษา และคัมภีร์สยบสวรรค์แห่งการลืมเลือน
มันเป็นดั่งการนกฆ่าสองตัวด้วยหินก้อนเดียว!
ดังนั้นมันจึงอธิบายได้ว่า เหตุใดราชาฉู่เจียงผู้เฉลียวฉลาดจึงไม่สามารถห้ามตัวเองจากการระเบิดเสียงหัวเราะได้ในเวลาสนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนคนนั้นคงจะรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ได้เห็นภาพนี้
เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ใบหน้าของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็ดูมืดมนอย่างมาก ในขณะที่เขายังคงนิ่งเงียบ
เฉินซีก็เป็นเช่นนั้นเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ธรรมดาทั้งหมดที่นี่ ชายหนุ่มคล้ายถูกเมินเฉย เป็นเพียงปลาบนเขียงที่ต้องขึ้นอยู่ความเมตตาของผู้อื่น
“ถ้าข้าต่อสู้อย่างสิ้นหวังและเอาชีวิตเข้าแลก อาจมีมากกว่าหนึ่งคนที่บาดเจ็บล้มตายในหมู่พวกเจ้า” ทันใดนั้น มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและเด็ดเดี่ยว
ในขณะที่กล่าว เขาได้ชี้ไปทางเฉินซี และกล่าวว่า “ปล่อยเขาไปซะ แล้วข้าจะให้ตัวเองอยู่ในความเมตตาของพวกเจ้า พวกเจ้าทุกคนสามารถปกครองภูมิภาคน้ำพุยมโลกได้เช่นกัน นี่คือขีดจำกัดความอดทนของข้า”
ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ออกมา เฉินซีก็ตกตะลึงและสะเทือนใจอย่างมาก
เขาเคยได้พบกับมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกโดยบังเอิญเพียงครั้งเดียวในอดีต แต่ตอนนี้ มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกกลับไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเขา เพื่อแลกกับชีวิตของเฉินซี เพียงเพราะเขาเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม ดังนั้นเฉินซีจะไม่หวั่นไหวกับความใจกว้างและความกล้าหาญนี้ได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโส…” เฉินซีกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรทั้งนั้น” มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก โบกมือของเขา พร้อมกับกล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่
เฉินซีลอบเม้มริมฝีปากของเขา ในขณะที่คลื่นซัดสาดเข้ามาในหัวใจ จนเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้สักระยะ …ชายหนุ่มไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่เขารู้สึกได้ แต่เขาแน่ใจว่านับจากนี้เป็นต้นไป ตัวเขาเฉินซี…ติดหนี้บุญคุณของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกเข้าแล้ว!
“หากข้าโชคดีพอที่จะมีชีวิตรอดได้ ข้าจะทำตามความคาดหวังของท่านอย่างแน่นอน!” เฉินซีกัดฟันและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“เพื่อมดตัวเล็ก ๆ จากภพมนุษย์ เจ้ากลับไม่ลังเลที่จะแลกชีวิตของเจ้าเลย เจ้าคู่ควรแล้วที่เป็นมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกที่ปกครองภูมิภาคน้ำพุยมโลกมานานนับไม่ถ้วน ความใจกว้างและความกล้าหาญเช่นนี้ อาจถือได้ว่าสามารถสั่นคลอนใต้หล้าได้อย่างแท้จริง”
ราชาฉู่เจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา โดยไม่ได้แฝงความเยาะเย้ยไว้ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย จากนั้นเจ้าตัวจึงกล่าวว่า “น่าเสียดายที่เจ้าประเมินชีวิตของตัวเองสูงส่งเกินไป เมื่อราชาผู้นี้ได้วางกับดัก ย่อมป้องกันไม่ให้เจ้าแลกชีวิตด้วยความสิ้นหวัง ดังนั้นราชาผู้นี้จะยอมให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงได้อย่างไร”
ทันทีที่กล่าวจบ ภูเขาหมื่นกระแสทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่ขุ่นมัว และย้อมโลกทั้งใบด้วยสีของพระอาทิตย์ตกที่เผยให้เห็นบรรยากาศที่น่าเศร้า
ครืน!
ในเวลาเดียวกัน ระลอกคลื่นมหาศาลพุ่งออกมาจากทะเลทุกข์ที่อยู่ทางด้านข้างของภูเขาหมื่นกระแส เหมือนกับมังกรทะยานที่พุ่งเข้าหาภูเขาหมื่นกระแสจากทุกทิศทุกทาง
พวกมันเป็นเหมือนกองทัพที่น่าเกรงขาม!
ยิ่งกว่านั้น มันเหมือนสายน้ำนับไม่ถ้วนที่ไหลกลับไปสู่ต้นทาง!
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ มันเหมือนกับดวงดาวเคลื่อนคล้อยเข้ามา พระอาทิตย์และพระจันทร์สลับตำแหน่งกัน ทิวทัศน์รอบภูเขาหมื่นกระแสได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
คลื่นโคลนซัดสาด ในขณะที่ฟ้าร้องส่งเสียงดังกึกก้อง และภูเขาหมื่นกระแสที่ตั้งตระหง่านอยู่นั้น ดูจะถูกปกคลุมด้วยน้ำทะเลโคลนที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ซึ่งนอกจากหน้าผาแล้ว ที่อื่นล้วนถูกน้ำทะเลกลบหมดสิ้น
ทันใดนั้น เฉินซีรู้สึกราวกับถูกฟ้าดินทอดทิ้ง ตัวเขาถูกกักขังไว้ด้วยสนามพลังที่น่ากลัวจนสุดแสนจะพรรณนา ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะอยู่ในกรงที่ไม่มีที่ให้หลบหนี และได้กลายเป็นนักโทษ
“ค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแส!”
มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ในขณะที่สายตาของเขาปกคลุมด้วยความหนาวเย็นและความไม่เชื่อ
“ถูกต้อง! มันคือค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแส” ราชาฉู่เจียงหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า “ด้วยภูเขาหมื่นกระแสเป็นรากฐานและทะเลทุกข์เป็นแหล่งกำเนิดพลัง มันจึงสามารถผนึกสวรรค์และกักขังเหล่าทวยเทพได้! จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามสร้างค่ายกลนี้ขึ้นด้วยตัวเองเมื่อหลายปีก่อน น่าเสียดายที่ในระหว่างการต่อสู้กับเหล่าทวยเทพเมื่อหลายปีก่อน จักรพรรดิได้ถูกสังหารก่อนที่จะเปิดใช้งานค่ายกลนี้ จึงทำให้ค่ายกลนี้ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนในโลก”
“เป็นเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ? แพะเฒ่าอย่างเจ้าที่พยายามฟื้นฟูมรดกของจักรพรรดดิยมโลกองค์ที่สามอย่างสุดใจ แต่ตอนนี้เจ้ากลับกำลังจะตายอย่างสงบอยู่ในค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแสนี้” ราชาฉินก่วงที่อยู่ใกล้เคียงระเบิดเสียงหัวเราะ
ราชาซ่งตี้ ราชาฉินซานและราชาเปี้ยนเฉิงที่อยู่ใกล้ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเช่นกัน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและสมเพช เพราะมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกพยายามฟื้นฟูมรดกของจักรพรรดดิยมโลกองค์ที่สามขึ้นมาใหม่อย่างสุดใจก็จริง แต่เขากำลังจะตายในค่ายกลที่จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามสร้างขึ้น …มันช่างย้อนแย้งจนน่าขันเสียจริง!
มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของพวกเขา สีหน้าของเขาจึงเศร้าหมองยิ่งกว่าเดิม เขามองดูทุกสิ่งที่ถูกเตรียมการมาอย่างพิถีพิถันเพื่อจัดการตัวเขา แม้ว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจไม่คำนึงถึงชีวิตและวางเดิมพันดูสักตั้ง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นเยียบและเศร้าโศกใจ
“จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามมีพรสวรรค์และมีความคิดกล้าได้กล้าเสีย เมื่อมีอำนาจ เขาได้ปกครองเหนือโลกทั้งใบ แม้แต่เทพเจ้า พุทธองค์ หรือเซียนและอสูรก็ไม่กล้าล่วงล้ำเข้ามา ทว่าตอนนี้ ค่ายกลที่เขาทิ้งไว้กำลังถูกใช้โดยสุนัขแห่งภพเซียน ช่างน่าเสียดายอะไรเช่นนี้!?
“ลงมือเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น” ราชาฉินก่วงที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวเตือน
“ฮ่า ๆ! เอาล่ะ ข้าได้ชิมอาหารเรียกน้ำย่อยแล้ว และได้เวลาเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงแล้ว” ราชาฉู่เจียงระเบิดเสียงหัวเราะ
ในช่วงเวลาถัดมา ราชานรกทั้งห้าได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และเข้าประจำตำแหน่งของธาตุทั้งห้า พวกเขาถือคัมภีร์นักพรต ดาบล้ำค่า ธง หรือเตาสัมฤทธิ์ พวกเขาทั้งหมดเป็นเหมือนเทพเจ้าที่จุติลงมายังโลก และร่างกายของพวกเขาแผ่กระจายพลังแห่งกฎเกณฑ์ของเซียนทองคำที่เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ซึ่งแย่งชิงแสงสว่างในโลกไว้
“ปราบปราม!”
“จำกัด!”
“ยับยั้ง!”
“กับดัก!”
“สะบั้น!”
มันเป็นคำพูดเพียงห้าคำ แต่กลับเหมือนเสียงคำรามของทวยเทพที่เปล่งออกมาจากปากของราชานรกทั้งห้า และพวกมันมีพลังพิเศษราวกับเป็นคำสั่งของทวยเทพ ทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกหูหนวกจนอื้ออึง ทั้งยังกระแทกเข้าสู่หัวใจ!
ทันใดนั้น น้ำทะเลโคลนที่ไร้ขอบเขตก็เดือดพล่าน และกลายปรากฏการณ์มากมายที่โจมตีเฉินซีกับมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก
ปรากฏการณ์ดูจะกลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้ และพวกมันสร้างฉากของทะเลเลือดในนรก เส้นทางทั้งหกที่ปราบปรามวิญญาณ ปารมิตาที่ไร้ขอบเขต ปีศาจนับไม่ถ้วนถูกลากไปสู่การลืมเลือน หรือประตูนรกเปิดออกกว้าง และวิญญาณที่สร้างความหายนะ…
ทุกปรากฏการณ์มีความผันผวนทางพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากในขณะที่มันบดขยี้ เพียงแค่กลิ่นอายที่เกรงขามของมัน ก็ทำให้เฉินซีรู้สึกราวกับว่าตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง และมันกระตุ้นความสิ้นหวังในหัวใจของเขา
“พ่อหนุ่ม อภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่มีพลังพอที่จะฝ่าวงล้อมนี้ไปได้”
เสียงถอนหายใจของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกดังขึ้นที่ข้างหูของเฉินซี มันเผยให้เห็นถึงความไม่เต็มใจและความสิ้นหวัง เพราะนี่คือค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแสที่จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามสร้างขึ้นด้วยตัวเอง และตอนนี้มันถูกควบคุมโดยราชานรกทั้งห้า จึงไม่มีใครในยมโลกหลบหนีจากมันไปได้
แม้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ร่างผอมสูงของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเฉินซีในขณะนี้ “สิ่งเดียวที่ข้าทำได้ในตอนนี้คือ เผาผลาญพลังชีวิตและเสียสละตัวเองเพื่อทุ่มสุดตัว”
ตู้ม!
ในขณะนี้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ได้ฉีกทะลุท้องฟ้าและถาโถมลงมาแล้ว แสงลุกโชนอันน่าสะพรึงได้สะท้อนบนใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก มีเพียงความแน่วแน่และความเด็ดเดี่ยวที่ไม่อาจสั่นคลอนได้
เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินใจเสียสละตัวเองและทุ่มสุดตัว แม้ว่าตัวเขาจะเป็นเหมือนตั๊กแตนตำข้าวที่พยายามจะหยุดล้อเกวียนก็ตาม
ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ แสดงท่าทางดูถูกเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้
“ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนเรียก ฉีซานเหอว่าแพะเฒ่าฉี เขากล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่ก็เหมือนแพะเฒ่าที่มองสถานการณ์ไม่ชัดเจน การตายของเขาไม่มีอะไรต้องเสียใจ!”
“ข้าจัดการเอง” ในขณะนี้ เสียงทุ้มต่ำและชราดังขึ้นข้างหูของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก และก่อนเขาจะทันได้ตอบสนอง มือเรียวใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตา
มือนี้ทั้งกว้าง มั่นคง และดูราวต้นสนสีเขียวที่หยั่งรากอยู่บนขอบหน้าผา
มีพู่กันอยู่ในฝ่ามือนี้ มันดูจะทำจากเหล็กแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก ดูเหมือนจะทำจากหยกแต่ก็ไม่ใช่หยกเช่นกัน มันเป็นสีดำสนิท และไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย มันเป็นสีดำชนิดหนึ่งที่บริสุทธิ์ยิ่ง พู่กันนั้นเย็นจัดและคำว่า ‘พิพากษามาร’ ถูกเขียนด้วยจังหวะที่รุนแรง ทันทีที่มองดูมัน จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดจะพรรณนาก็จู่โจมเข้าใส่ใบหน้า ทิ่มแทงดวงตาจนปวดแปลบ
ชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งฟ้าดินก็กลับคืนสู่ความสงบ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ล้วนถูกแช่แข็งในอากาศ แม้แต่จิตสังหารและความผันผวนที่พลุ่งพล่าน ก็ดูเหมือนจะตกใจอย่างรุนแรงและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพู่กันด้ามเดียว!
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของพู่กันนั้น และคำโบราณที่เขียนด้วยจังหวะอันทรงพลังอย่างชัดเจน แม้ว่าจิตใจของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกจะสงบมาก แต่เจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างรุนแรง หัวใจของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นในมหาสมุทร เช่นเดียวกับดวงตาที่เปล่งประกายจากความรู้สึกตื่นเต้นยินดี!
“นั่นมัน?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เหตุใดถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น?”
กระแสเสียงที่เต็มไปด้วยงุนงงดังขึ้น ในขณะที่ราชาฉู่เจียงกับคนอื่น ๆ ไม่ทันตั้งตัว และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่หลังจากนั้น สายตาของพวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยบุคคลหนึ่ง
มันเป็นร่างสูงใหญ่ที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลา เขาก็คือเฉินซี นั่นเอง แต่ท่าทีของชายหนุ่มในเวลานี้เปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่เขายืนอยู่เบื้องหน้ามหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกอย่างสบายอารมณ์ เฉินซีก็ได้เปล่งกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของการดูแคลนทุกสิ่งในโลกและอำนาจในการควบคุมจักรวาลออกมา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเขา พวกมันทั้งลึกล้ำ มากด้วยประสบการณ์ และอาบไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา เมื่อมองดูอย่างระมัดระวัง พวกมันดูจะไม่มีความรู้สึก มีเพียงความเฉยเมย สงบ และไร้ความปรานี
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งนี้ แม้แต่มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็ยังถูกบดบังรัศมี และเขาก็เป็นเหมือนไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถส่องแสงเจิดจรัสแข่งขันกับพระจันทร์ได้
เมื่อเผชิญกับสายตานี้ หัวใจของราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ก็กระตุกวูบ ในขณะที่พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากดวงวิญญาณ มันเหมือนกับตอนที่พวกเขาได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิ …มันกระตุ้นความหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนาในใจพวกเขา!
“เจ้าเด็กนี่คือใครกันแน่?”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาตระหนักอย่างชัดเจนว่าเฉินซีเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ชายหนุ่มในขณะนี้กลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และไม่สามารถเทียบได้กับเมื่อก่อน
เพราะแม้ว่าเฉินซีจะมีความแข็งแกร่งของยอดราชันขอบเขตเซียนปฐพี แต่เท่าที่พวกเขารู้ อีกฝ่ายก็ยังตัวเล็กจ้อยดั่งมดที่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้อยู่ดี!
แต่ตอนนี้ เฉินซีกลับทำให้ทุกคนที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในยมโลก ซึ่งครอบครองการบ่มเพาะขอบเขตเซียนทองคำรู้สึกถึงความหวาดกลัว!
“นั่น…นั่น…” ในขณะนี้ ราชาฉินก่วงร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่มือของเฉินซีด้วยดวงตาที่เบิกโพลง และท่าทางคล้ายกับถูกฟ้าผ่าอย่างจัง!
—————————————