บทที่ 1024 สองขอบเขตเข้าปะทะ
บทที่ 1024 สองขอบเขตเข้าปะทะ
อะไรนะ?
แค่หกจากสิบส่วนหรือ?
เมื่อได้ยินว่าสยงหมิงใช้พลังไปแค่หกส่วน ผู้ข้ามผ่านทั้งหลายจึงหมดความตื่นเต้นลงไปมาก ในขณะที่เหวยเจิ้งและคนอื่น ๆ กลับมีสีหน้าพึงพอใจ
คนผู้นี้เป็นถึงเซียนลึกลับ มีหรือเซียนสวรรค์จะต่อกรด้วยได้?
ตูม!
สิ้นคำสยงหมิง เขาก็ก้าวเท้ามาข้างหน้า ก่อนออกหมัดอย่างไร้ความลังเล
“เถาวัลย์ยึดสวรรค์!” พริบตาที่หมัดถูกปล่อยออกมา กระแสพลังของกฎแห่งพฤกษาอันหนาแน่นก็พลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ผสานเข้ากับพลังหมัดและเปลี่ยนเป็นเถาวัลย์มากมายเข้าซัดเฉินซีพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
รอบข้างส่งเสียงลั่นดังสนั่น เสียงระเบิดดังก้อง
สยงหมิงสมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นเซียนลึกลับ เพราะทันทีที่ลงมือ กลิ่นอายทรงอำนาจราวกับเทพแห่งความโหดเหี้ยมก็แผ่ออกมา หมัดของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเถาวัลย์พฤกษาอันเต็มไปด้วยพลังแห่งกฎ น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
“ตัด!” เฉินซียังคงสีหน้าเดิมไว้ไม่แปรเปลี่ยน กระบี่ขยับเคลื่อนอีกครั้ง เปลี่ยนจากเปลวเพลิงเป็นโลหะคมกริบส่องประกายด้วยกฎแห่งทองไหลเวียนอยู่บนพื้นผิวยันต์ศัสตรา คละเคล้ากลิ่นอายอาฆาตร้าย พุ่งเข้าไปยังตำแหน่งศีรษะสยงหมิง
ตูม!
หมัดและกระบี่เข้าปะทะกัน ส่งผลให้ทั่วฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก้อนหินและเนินเขาเล็กทั้งหลายแตกสลายกลายเป็นผุยผงในทันที ก่อนจะกลายเป็นฝุ่นปลิวหายไปตามลม
ฟุบ!
เมื่อพลังผันผวนตีออกรอบทิศ เฉินซีก็ขยับร่างใช้ทักษะปีกกำราบผกผัน เปลี่ยนเป็นเส้นแสง ยันต์ศัสตราในมือเรืองแสงเฉียบคมคล้ายทองคำเหลว จากนั้นฉีกพลังผันผวนตรงหน้าออกแล้วซัดพลังเข้าใส่อกสยงหมิงโดยตรง
“ฮึ่ม!” สยงหมิงเห็นอีกฝ่ายทำลายการโจมตีเขาได้อีกครั้งก็หน้าเสีย พลางส่งเสียงในลำคอออกมาคำหนึ่ง ฝ่ามือพลันปรากฏโล่แสงสีเขียวขจีกำลังกลั่นตัวขึ้น
“ทำลาย!” เฉินซีตะโกนลั่นไร้ลังเล แสงเรืองรองจากยันต์ศัสตรากลั่นแน่นทรงพลังยิ่ง พลังปะทุออกมาเข้าปะทะกับโล่แสงจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ!
อำนาจยันต์ศัสตราในการโจมตีครั้งนี้เหนือความคาดหมายของสยงหมิงไปมาก เพราะโล่แสงของเขาสามารถป้องกันการโจมตีเต็มกำลังจากคนขอบเขตเซียนลึกลับได้ ทว่ากลับแพ้ทางยันต์ศัสตรา
“ของดีไม่ใช่น้อย นับว่าดีกว่าสมบัติอมตะธรรมดาอยู่นิดหน่อย แต่คิดหรือว่าจะใช้มันเอาชนะข้าได้?” สยงหมิงถอยหลบแสงคมกริบจากยันต์ศัสตรา จากนั้นพลิกฝ่ามือก่อนระฆังไม้ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกระแสพลังผันผวนอันน่าหวาดกลัวจะปรากฏขึ้นมา
นี่คือสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬที่สยงหมิงสร้างขึ้นเอง ระฆังไม้ทวิวิญญาณคราม เป็นระฆังที่มีอำนาจสูงส่ง สามารถควบคุมหรือทำลายจิตวิญญาณได้!
เคร้ง!
ระฆังไม้ส่งเสียงกระจ่างใสน่าฟัง แสงสีเขียวเป็นรัศมีกระจายตัวออกรอบทิศจนคล้ายกับคลื่นสีเขียว ส่งผลให้เฉินซีต้องถอยไปหลายก้าว
“เจ้าตัวบัดซบเอ๋ย เจ้าบีบให้ข้าต้องใช้ระฆังไม้ทวิวิญญาณครามได้ก็นับว่าตายตาหลับแล้ว!” สยงหมิงหัวเราะเสียงเหี้ยม ก่อนจะสร้างผนึกขึ้นมาแล้วชี้ไปทางระฆังไม้
เคร้ง!
ฝนลูกธนูเขียวขจีจำนวนนับไม่ถ้วนถูกควบแน่นจากคลื่นเสียงพุ่งออกมาจากระฆังไม้
แรงพลังของการโจมตีนี้น่ากลัวยิ่ง หากคนขอบเขตเซียนลึกลับถูกมันเข้าก็คงถูกลูกธนูจำนวนมากเสียบทะลุร่าง
ปัง!
กลิ่นอายพลังยันต์ศัสตราในมือเฉินซีเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของสยงหมิง ครั้งนี้มันกว้างขวางเหมือนธารน้ำขนาดใหญ่ คล้ายธารดาราที่ไหลลงมาจากสรวงสวรรค์
กฎแห่งวารีรองรับได้ทุกสิ่งอย่าง!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ห่าธนูเต็มท้องฟ้าปะทะกับเจตจำนงกระบี่จนเกิดระเบิดไปทั่วทุกทิศ แรงพลังกระจายออกรอบทิศดั่งลมพายุ
สยงหมิงถูกแรงพลังจนถอยไปหลายก้าว เขายกระฆังไม้ทวิวิญญาณครามในมือขึ้น ปรากฏเป็นม่านแสงเข้าป้องกันแรงพลังนั้น
ในขณะที่เฉินซีถูกบีบให้ถอยไปหลายสิบก้าวเช่นกัน แต่กลิ่นอายเขาไม่ลดน้อยถอยลงแม้แต่นิด แต่ยิ่งดูดุดันมากขึ้น คล้ายกำลังใจต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้เขาเพิ่งกลั่นพลังกฎแห่งธาตุทั้งห้าได้ จึงคิดจะต่อสู้ให้หนำใจ เพื่อขัดเกลาความแข็งแกร่งของตนเอง
ทั้งสองแลกกระบวนท่ากันนับไม่ถ้วน แต่ละกระบวนท่ารุนแรงยิ่งกว่าเก่า ทำเอาผู้รับชมการต่อสู้รู้สึกตกตะลึงแทบหายใจไม่ออก
เหวยเจิ้งและคนอื่น ๆ เดิมทีคิดว่าหากสยงหมิงลงมือก็คงสามารถจัดการเฉินซีได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะไม่เสียเปรียบเลยสักนิดทั้งที่ความต่างของพลังสูงขนาดนั้น
ภาพเช่นนี้ทำให้ในใจของผู้ข้ามผ่านทั้งหลายรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่ง พลันเกิดความเข้าใจขึ้นมา ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้เฉินซีจะกล้าเรียกสยงหมิงว่าไอ้บัดซบ และไม่กลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะเขาแกร่งเกินพลังบ่มเพาะตนเองไปแล้ว!
ทว่ากลับเป็นสยงหมิงที่มีสีหน้าไม่สู้ดี
ผู้ข้ามผ่านคนหนึ่งที่เพิ่งกลั่นพลังแห่งกฎสำเร็จกลับสามารถสู้กับเขาได้อย่างสูสีหลายกระบวนท่า หากคนอื่นรู้เข้าคงถูกหัวเราะเยาะแน่!
“เจ้านี่มันคนประหลาด ด้วยฝีมือการต่อสู้ในพลังบ่มเพาะขอบเขตนี้ นับว่ามีความสามารถโดดเด่นเหนือใครแล้ว”
“แต่ในเมื่อเจ้ามาล่วงเกินข้า เจ้าก็ต้องตายในวันนี้!” สิ้นน้ำเสียงเยือกเย็น ร่างสูงกำยำของสยงหมิงพลันระเบิดพลังออกมา พลังแห่งกฎส่งเสียงดังครืน ปราณเซียนพิสุทธิ์คลุ้มคลั่งดั่งลมพายุ
ทั้งผม เครา และเล็บ ผิวทุกส่วนในร่างเต็มไปด้วยเถาวัลย์เขียวขจี คล้ายเปลี่ยนร่างไปเป็นต้นไม้โบราณที่เต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขาแผ่ออกรอบกาย เหมือนเป็นราชันหนึ่งเดียว พลังผันผวนที่เปล่งออกจากร่างกระเพื่อมเป็นรัศมี ราวกับสามารถควบคุมทุกสิ่งได้
เคร้ง!
ระฆังไม้ทวิวิญญาณครามลอยสูงขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนส่งเสียงดังกังวานก้อง เปล่งแสงสีเขียวกระจ่างออกมา เสริมพลังให้กลิ่นอายดุดันของสยงหมิงยิ่งมีกำลังวังชามากขึ้นกว่าเดิม
“ช่างเป็นปราณเซียนพิสุทธิ์ที่ทรงพลังยิ่ง นี่น่ะหรือพลังที่แท้จริงของผู้ที่อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับ?” ห่างออกไปไกลยังมีผู้ข้ามผ่านหลายคนสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังที่แผ่ออกจากร่างสยงหมิง เลือดในกายราวกับแข็งไปแล้ว ทั่วร่างรู้สึกชาวาบ ทั้งในใจยังเกิดความหวาดกลัวจนอยากหันหลังหนีไปเสียให้สิ้นเรื่อง
น่ากลัวยิ่งนัก!
พวกเขาเป็นเหมือนมดตัวน้อยต่อหน้าสยงหมิง เป็นความรู้สึกด้อยกว่าและไร้อำนาจ ราวกับจะถูกสังหารได้ทุกเมื่อ ในใจไม่อาจคิดต่อต้านได้เลย
“ผู้ข้ามผ่านบ้านั่นสามารถต้านท่านสยงหมิงจนทำให้เขาต้องใช้วิชาออกมาขนาดนี้ได้ คงไม่ต้องดูการต่อสู้ต่อแล้วล่ะ เพราะมันคงจะจบในการโจมตีนี้แล้ว!” ดวงตาเดียวของเหวยเจิ้งเผยแววชั่วร้ายโหดเหี้ยมออกมา
“นี่คืออำนาจของวิญญาณเซียนแสงมรกตจากการเอาชนะด่านแรกจากทั้งหมดสามด่านแห่งความลึกล้ำ ด่านสวรรค์ลี้ลับเป็นแน่! มีแต่ผู้อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับเท่านั้นจึงจะมีพลังนี้ รวมกับระฆังไม้ทวิวิญญาณครามของท่านสยงหมิง เจ้าเด็กนี่ไม่รอดแน่!”
“ดูท่าท่านสยงหมิงคงจะโกรธมาก ไม่คิดล้อเล่นกับเจ้าเด็กนี้อีก ก็น่าจะลงมือตั้งนานแล้ว ในเมื่อเด็กนี่สามารถกลั่นพลังแห่งกฎทั้งห้าได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสองวัน นับว่ามีพรสวรรค์เกินตัว ต้องรีบกำจัดโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นต่อไปต้องสร้างปัญหาใหญ่แน่”
โหลวเฟิงกับเซวียคุนหัวเราะเสียงเย็น พวกเขาเชื่อว่าเมื่อการโจมตีถูกซัดออกมา การต่อสู้ก็คงจบลงอย่างแน่นอน
“ไม่รู้ว่าเฉินซีจะรับการโจมตีนี้ไหวหรือไม่” แววตามู่หลิงหลงเต็มไปด้วยความกังวล เพราะการโจมตีครั้งนี้อาจทำให้การต่อสู้จบลงได้ทันที และจะตัดสินชะตาเป็นตายได้ทีเดียว!
เฉินซีที่อยู่กลางอากาศก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าเกรงขามเช่นกัน เป็นความต่างระหว่างขอบเขตที่ไม่ได้มาจากพละกำลังของแต่ละคน
แรงกดดันเช่นนี้ทำให้เขาสะท้านไปถึงจิตวิญญาณ ทว่ามันไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความตื่นเต้น เป็นความรู้สึกโหยหา!
เซียนสวรรค์คนอื่นคงหลีกหนีแรงกดดันจากสยงหมิง หรือไม่สามารถต่อสู้ได้อีก ทว่าเฉินซีนั้นแตกต่าง รากฐานขอบเขตเซียนสวรรค์ของเขามั่นคงมาก นับว่าเหนือกว่าใครในระดับเดียวกัน
เมื่อควบรวมกับความสามารถในการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นสูงหลังจากกลั่นพลังกฎแห่งธาตุทั้งห้าได้สำเร็จ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่
“ไอ้บัดซบ เจ้าไม่มีโอกาสให้มานั่งเสียใจได้อีกแล้ว!” สยงหมิงย่ำเท้าเดินไปบนท้องฟ้า ในขณะที่ส่งสายตาเหี้ยมโหดมองไปทางเฉินซี รู้สึกถึงพลังพลุ่งพล่านภายในร่าง ภายในเกิดความมั่นใจเหลือล้น เขาใช้ท่านี้เมื่อใด ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตเซียนสวรรค์เลย กระทั่งผู้อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับอย่างเขาก็ยังไม่รอด!
พูดจบสยงหมิงก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า คำรามลั่น พร้อมพุ่งเข้าใส่เฉินซี
“ระบำพันเถาวัลย์ ทลายโลกา!”
ตูม!
เถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากพุ่งออกมาจากร่างสยงหมิง แต่ละเส้นยาวกว่าหกสิบลี้ ทำเอาท้องฟ้าปั่นป่วน เข้าทลายหมู่เมฆ เหมือนแส้นับพันกรีดผ่านฟากฟ้า!
ตูม! ตูม! ตูม!
พริบตาเดียวรอบกายก็ตกลงสู่ห้วงความโกลาหล แส้โบกไปมาราวกับฝูงปีศาจ ในขณะที่พลังแห่งกฎไหลเวียนไปทั่ว หมายจะโบยทั้งโลกให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และตกลงสู่ห้วงแห่งความวุ่นวาย
เมื่อมองการโจมตีที่ซัดมาด้านหน้า นัยน์ตาเฉินซีพลันผุดประกายไฟเหมือนตะวันสองดวง
ยันต์ศัสตราในมือเหมือนสัมผัสถึงความตื่นเต้นของเฉินซีได้ มันจึงส่งเสียงร้องขานรับนายมัน
ครืน!
เสียงกระบี่คำรามดังสะท้อนเหมือนเสียงเกลียวคลื่น ร่างสีดำสนิทของยันต์ศัสตราไหลเวียนไปด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์สีทอง สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดงโลหิต และสีเหลือง พากันโคจรและผสานเข้าด้วยกันเหมือนการไหลเวียนพลังของห้าธาตุ พวกมันเปล่งแสงเจิดจ้าพุ่งขึ้นฟ้าสูง!
ฟ้าว!
กระแสปราณกระบี่สีเขียวชอุ่มพุ่งเข้าซัดใส่เถาวัลย์มากมายเหล่านั้น ทำลายพวกมันจนกลายเป็นผุยผง แต่คงอยู่ได้ไม่นานก่อนจะถูกเถาวัลย์กลืนกินโจมตีเข้าไป
มันหยุดการโจมตีของสยงหมิงได้เพียงชั่วครู่ ไม่ได้โจมตีรุนแรงเท่าใดนัก
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
เฉินซีเองก็ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด นัยน์ตากลับเปล่งประกายยิ่งขึ้น ยันต์ศัสตราพุ่งทะยานขึ้นฟ้า เขาแทงกระบี่เข้าไปอีกสามครั้ง
ครั้งแรกเหมือนตะวันระอุทะยานสูง ปลดปล่อยเปลวเพลิงเริงระบำบนฟากฟ้า
ครั้งที่สองเหมือนมหาสมุทรเข้าบรรจบ ก่อนผนึกทั้งโลกไว้ด้วยน้ำแข็ง
ครั้งที่สามเหมือนโลหะทองคำหนั่นแน่น อำนาจทำลายล้างสูงส่ง
ตูม! ตูม! ตูม!
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงหวาดกลัวของทุกคน ทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง ทั่วฟ้าดินเต็มไปด้วยพลังระเบิดของปราณเซียนพิสุทธิ์ กลายเป็นพายุเคลื่อนผ่านฟ้า เกิดรอยแตกคล้ายใยแมงมุมไปทั่ว
การโจมตีของสยงหมิงถูกเข้าปะทะโดยตรง ทั้งสองเหมือนพบทางตัน ปลดปล่อยคลื่นพลังจากการปะทะออกมาไม่หยุด
ท่ามกลางเถาวัลย์เขียวขจีนับไม่ถ้วน แทบมองไม่เห็นเงาร่างสยงหมิง สองตาจ้องเขม็ง อดตกใจไม่ได้ว่าการโจมตีของตนถูกหยุดไว้ได้ ทว่าหลังจากนั้นความตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยม
หากฆ่าเฉินซีไม่สำเร็จ เขาจะมีหน้าอยู่ในภพเซียนได้อีกหรือ?
“ตายเสียเถอะ!” สยงหมิงคำรามเสียงต่ำ เถาวัลย์รอบกายเปล่งแสงสีเขียวเข้าโอบล้อมระฆังไม้ทวิวิญญาณครามที่ลอยอยู่เหนือร่าง แสงของทั้งสองผสานรวมกัน เหมือนสร้างเป็นภูเขาเถาวัลย์ลูกหนึ่งขึ้นมา ก่อนมันจะสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เคร้ง!
เสียงระฆังดังก้องกังวาน สะท้านสะเทือนฟ้าแทบแยกผืนพสุธาออกจากกัน
—————————————