บทที่ 769 ความเป็นทาสของเจ้าเข้มข้นเกินไป!
ตำราทองส่องแสงเจิดจ้า บนตำรามีอักษรสลักไว้อย่างมีชีวิตชีวา ลำพังตัวอักษรนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง มีจังหวะแห่งเต๋าวิเศษวิโสไหลเวียนออกมา
‘คัมภีร์ฟ้า’
ซีไม่รู้จักตัวอักษรเหล่านี้ กระนั้นก็เข้าใจในความหมายของมัน
ความหมายของตัวอักษรนี้ปรากฏอยู่ในหัวของนางโดยตรง
เก่งกาจมากจริง ๆ!
ซีได้ฝึกวิชาลับและวิชาอภินิหารทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหล กระนั้นยังมิอาจเทียบได้กับจังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้ นี่คือคัมภีร์ที่เหนือชั้นกว่าขอบเขตโกลาหล
“แม่นางลองดูเถิด…”
เด็กหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ ท่าทางมั่นใจ
‘คัมภีร์ฟ้า’ นั้นไม่ธรรมดา ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าตอนปลาย หรือแม้แต่ขอบเขตลอยชายซึ่งเหนือขอบเขตโกลาหลขึ้นไปยังต้องถูกดึงดูด จนอดมิได้ที่จะอยากเปิดออกดู
สิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นสามอย่างซีย่อมถูกดึงดูดได้ง่ายกว่า ไม่มีทางปฏิเสธ
อันที่จริง เขาค่อนข้างใคร่รู้ในตัวซี
ตามปกติ สิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นสามไม่มีทางได้เห็นโลกนอกจักรวาลโกลาหลของตน ซีทำได้อย่างไร
เขาใคร่รู้อย่างยิ่ง อยากรู้เป็นที่สุด
ครานั้น หลังเขาได้ทราบว่ามีสิ่งมีชีวิตกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลผืนของตน ก็รีบรุดหน้ามาที่นี่ หลังได้พบซี เขาก็ตะลึงเพราะคาดไม่ถึง
ในความคิดของเขา ซีควรต้องเป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชาย ถึงอย่างไร สิ่งมีชีวิตผู้กระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลของตนที่เขาเคยพบต่างเป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายกันถ้วนหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลอย่างซี มิหนำซ้ำ ขั้นของขอบเขตโกลาหลที่ซีอยู่ยังต่ำนัก ยิ่งทำให้เขาคิดไม่ถึงเข้าไปใหญ่
เขารู้สึกว่าซีไม่ธรรมดา มีความลับใหญ่หลวงกับตัว เขาอยากขุดลงไปให้เข้าใจ
หากมิใช่เช่นนั้น เขาไม่มีทางออกปากเชิญซี คนระดับซียังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม
“ขออภัย ข้ามีธุระ ไม่สะดวกเข้าร่วมกองกำลังใด ‘คัมภีร์ฟ้า’ เล่มนี้ข้าไม่ขอเปิดอ่าน”
ซีปฏิเสธยิ้ม ๆ
บอกตามตรง ‘คัมภีร์ฟ้า’ เล่มนี้ยวนใจนางมาก อยากเปิดออกดูสักครา
ทว่า นางควบคุมตัวเองไว้ได้
นางมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ไม่สะดวกเข้าร่วมกองกำลังจริง ๆ และไม่คิดเข้าร่วมด้วย เพราะอย่างนั้นไม่เปิดอ่านจะเป็นการดีกว่า
“หืม?”
ซีปฏิเสธหรือนี่ เด็กหนุ่มนามอูถงผิดคาด เหนือความคาดหมายของเขา
เป็นเพราะขอบเขตของซีต่ำเกินไปจนไม่รู้สึกถึงความเก่งกาจของ ‘คัมภีร์ฟ้า’ เล่มนี้หรืออย่างไร
อูถงคิดอย่างอดมิได้ มองว่าความจริงคงเป็นเช่นนั้น
ไม่อย่างนั้น เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเหตุใดซีต้องปฏิเสธ
ถึงอย่างไร ‘คัมภีร์ฟ้า’ เป็นที่ล่อตาล่อใจแม้แต่กับสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชาย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลอย่างซี
“แม่นางเปิดดูหน่อยเถิด ‘คัมภีร์ฟ้า’ เล่มนี้มีประโยชน์แม้แต่กับสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชาย ยิ่งเป็นประโยชน์กับแม่นางเข้าไปใหญ่”
อูถงกล่าว
คล้ายว่าเขานึกบางอย่างขึ้นได้ จึงกล่าวต่อ “แม่นางคงไม่เคยทราบเรื่องขอบเขตลอยชายมาก่อนใช่หรือไม่”
“อืม”
ซีพยักหน้า นางไม่รู้เรื่องขอบเขตลอยชายจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเคยได้ยินขอบเขตนี้
เป็นเช่นนี้จริงด้วย!
ขอบเขตโกลาหลขั้นสามเป็นขั้นริเริ่มของขอบเขตโกลาหล โดยปกติไม่มีทางรับรู้ถึงการมีอยู่ของขอบเขตลอยชาย ต้องรู้ว่า แม้แต่ขอบเขตโกลาหลขั้นเก้ายังแทบไม่อาจรับรู้ถึงขอบเขตลอยชายได้เลย
ขอบเขตลอยชายอยู่เหนือขอบเขตโกลาหล เป็นการทลายโซ่ตรวนของจักรวาลโกลาหลที่ตนอยู่ กระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลผืนนั้น เป็นอิสระอย่างแท้จริง
เดิมที อูถงคิดว่าซีกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลของตนได้แล้ว อาจรู้เรื่องขอบเขตลอยชายอยู่บ้าง ทว่าดูจากท่าทีของซีที่ปฏิเสธ ‘คัมภีร์ฟ้า’ เขาก็มองว่าซีไม่รู้จักขอบเขตลอยชาย
เมื่อได้ถามก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
“ขอบเขตลอยชาย คือขอบเขตที่อยู่เหนือขอบเขตโกลาหล คือขอบเขตที่แม่นางจะฝึกตนจนบรรลุขึ้นไปได้ในอนาคต แม่นางลองเปิดอ่านสักครา มันช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ได้มาก ให้แม่นางสามารถก้าวสู่ขอบเขตลอยชายได้ดียิ่งขึ้น”
อูถงเอ่ยพลางยิ้ม
“ขอบคุณ แต่ข้าไม่อ่านดีกว่า ข้ามิได้ทำสิ่งใดที่ควรคู่จะได้รับ และข้าก็มีธุระสำคัญจริง ๆ”
ซีมิได้เปลี่ยนใจ ยื่น ‘คัมภีร์ฟ้า’ กลับไปให้
นางต้องไปตามหากล่องสี่เหลี่ยมต่อ เพื่อค้นหาความลับของมัน หาเหตุผลที่กล่องสี่เหลี่ยมพาตัวบิดามารดา และผู้อื่นในตระกูลของนางไปด้วย จึงไม่สามารถเข้าร่วมกองกำลังใดได้
“ไม่เป็นไร”
อูถงคลี่ยิ้ม “ขอถามได้หรือไม่ว่าแม่นางมีธุระอันใดต้องไปทำ ลองบอกมาเถิด ข้าอาจช่วยแม่นางจัดการปัญหานั้นได้”
“ขออภัย เรื่องนั้นข้าไม่สะดวก” ซีปฏิเสธ
นางไม่สะดวกเล่าเรื่องของกล่องสี่เหลี่ยมจริง ๆ ในกล่องสี่เหลี่ยมมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย นางกลัวจะเกิดเรื่องอีก
ตัวบ้าอะไร!
อูถงขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มไม่สบอารมณ์ นี่ซีวางมาดใส่เขาหรือ
เขามีมารยาทต่อซีขนาดนี้ ทั้งนำ ‘คัมภีร์ฟ้า’ ออกมา แล้วยังเอ่ยปากว่าจะช่วย ซีกลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ปฏิเสธเขารัว
อะไรกัน นี่นางคิดว่าตนเองเก่งกาจเหลือแสนนักหรือ?
“แม่นาง อย่ามองว่าข้าสมควรรักษามารยาทต่อเจ้า!”
เขาเอ่ยเสียงเข้ม “สิ่งมีชีวิตขอบเขตโกลาหลขั้นสามเช่นเจ้า เดิมไม่ควรได้รับเชิญ กระนั้นข้าก็ยังเชิญเจ้า เจ้าควรถนอมโอกาสนี้ อย่าได้วางมาดอวดเบ่งใส่ข้า!”
ยามเอ่ยวาจา พลังปราณกล้าแกร่งซึ่งมีระดับสูงกว่าซีพลันแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา เขานั้นอยู่ขอบเขตโกลาหลขั้นห้า
เห็นได้ชัดว่าจงใจคลี่แผ่พลังปราณออกมาเพื่อข่มซี
ซีเลิกคิ้วเล็กน้อย
คนผู้นี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
เอ่ยเชิญนางแล้ว นางต้องรับไว้เท่านั้นหรือ ไม่รับเท่ากับไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีหรือ
ตรรกะบ้าบออะไรกัน!
“ขออภัย ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน”
นางไม่ต้องการเอ่ยวาจาใดกับเด็กหนุ่มให้มากความ หันหลังหมายจะไปจากที่นี่
“บังอาจ! ข้าให้เกียรติแล้วแต่เจ้าไม่เอา ทว่าอยากได้ความรุนแรง เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
อูถงหัวเราะเสียงเย็น เดือดดาลกับการปฏิเสธของซี
ถึงเขาจะมิใช่สมาชิกคนสำคัญแต่อย่างใด เป็นเพียงสมุนวิ่งงานเท่านั้น ทว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายยังมิกล้าเสียมารยาทต่อเขา คนเช่นซีสมควรตายนัก!
เสียงดังตู้ม เด็กหนุ่มบุกเข้าไปสังหารซี ฝ่ามือเปล่งแสง ประกายเจิดจ้าพวยพุ่ง
ซีเอี้ยวตัวหลบการโจมตีนี้
“เจ้าคิดจะทำอันใด!?”
นางตวาดเสียงดัง ยกมือเรียกแพรแดงออกมาผืนหนึ่ง นี่คือยอดศาสตราที่จ้าวแห่งตงชิวมอบให้นาง หากเด็กหนุ่มต้องการใช้กำลังกับนาง นางก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
“ท่านอูถง เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“ให้พวกเราช่วยหรือไม่”
เวลานั้นเอง ร่างหลายร่างปรากฏออกมาจากนาวา พวกเขาต่างเคารพอูถงอย่างยิ่ง เรียกอูถงว่าท่าน
และร่างเหล่านั้นต่างมีพลังปราณสยดสยองแกร่งกล้าแผ่ซ่านออกมา ทุกร่างล้วนอยู่เหนือขอบเขตลอยชายขึ้นไป มิมีข้อยกเว้น
“ไม่ต้อง”
อูถงโบกมือ หลายร่างเหินออกมาแล้ว แต่หลังจากอูถงโบกมือ พวกเขาก็เหินกลับไปทันที ทำตามคำสั่งอูถงอย่างเคร่งครัด
“มิได้ขยับแข้งขามานาน หนนี้ถือเสียว่าออกกำลังกาย”
อูถงเรียกมีดใหญ่เล่มหนึ่งออกมาพร้อมกล่าวต่อ “อีกอย่าง ตัวละครเล็ก ๆ ในขอบเขตโกลาหลขั้นสาม ไม่จำเป็นต้องให้ทุกท่านลงมือ”
จากนั้น เขาหวดมีดใหญ่ฟันใส่ซี
ซีสะบัดแพรแดง เข้าต่อสู้กับอูถงอย่างดุเดือด
นางขมวดคิ้ว อูถงไม่ธรรมดาจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าดินแดนอันเป็นภูมิลำเนาของเขามิได้ดาษดื่น พลังที่มีนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นางเคยพบเจอในแดนบรรพโกลาหล
เอ่ยอย่างไม่เกินจริงเลยว่า อูถงผู้ทรงพลังถึงเพียงนี้ หากได้อยู่ในแดนบรรพโกลาหล ย่อมต้องกำราบสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างสบาย ๆ
และอูถงอาจกำราบสิ่งมีชีวิตขั้นเจ็ดซึ่งเหนือระดับของเขาขึ้นไปสองขั้นได้ด้วย!
แต่ซีนั้นพิเศษยิ่งกว่า!
ร่างกายของนางน่าทึ่งยิ่ง ฝึกฝนวิชาอภินิหารทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลได้ถึงขั้นสมบูรณ์ ซ้ำยังปรับเปลี่ยนวิชาอภินิหารเหล่านั้นให้ดีขึ้น จนวิชาอภินิหารเหล่านั้นสมบูรณ์แบบและทรงพลังมากขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ นางมีความสามารถพอจะประมือกับอูถงได้แน่นอน!
แพรแดงเปล่งแสงเจิดจ้า แม้จะดูนุ่มนวล แท้จริงแล้วกลับแข็งกร้าวเหลือแสน เมื่อปะทะกับมีดใหญ่ของอูถง มิได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยสักนิด
พลังในตัวซีมหาศาลเกินขอบเขตโกลาหลขั้นสามไปแล้ว แน่นอนว่าเป็นการเทียบกับสิ่งมีชีวิตตนอื่น
เมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตตนอื่น พลังที่นางรองรับในกายได้เยอะกว่ามาก กล้าแกร่งกว่าพลังที่ควรมีในขอบเขตโกลาหลขั้นสาม!
และเพราะมีพลังมหาศาลกล้าแกร่งปานนี้ หลังถ่ายทอดพลังเข้าไปในแพรแดง ถึงเปลี่ยนแพรแดงให้ทัดเทียมมีดใหญ่ได้
หากมิใช่เช่นนั้น แพรแดงไม่มีทางปะทะกับมีดใหญ่ได้เลย คงถูกมีดใหญ่บั่นเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้ว
“พอมีฝีมืออยู่บ้างจริง ๆ…”
ม่านตาอูถงหรี่ลง มิน่า ซีถึงกระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลของตนได้ตั้งแต่ขอบเขตโกลาหลขั้นสาม นางมิใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจริง ๆ!
แต่ไม่เป็นไร หากซีคิดจะต่อกรกับเขาด้วยสิ่งนี้ ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้!
“กำราบ!”
เขาฟันมีดออกไปหลายที ปะทุพลังที่ดุดันยิ่งขึ้น ซีมิใช่คู่มือของเขา ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าขอบเขตของเขายังสูงว่านางถึงสองขั้น
ต่อให้ไม่เป็นเช่นนั้น ต่อให้เขากับซีอยู่ในขอบเขตเดียวกัน เขาก็กำราบนางได้ง่ายดาย
“เจ้าคิดเยอะไปแล้ว!”
ซีมีสีหน้าเย็นชา นางดึงแพรแดงกลับ เริ่มสำแดงมหาวิชาบางอย่าง
แต่เดิมมหาวิชานี้คือสุดยอดวิชาแห่งขอบเขตโกลาหล หลังได้นางปรับให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น มหาวิชานี้ก็กล้าแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ช่วยให้นางระเบิดพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นออกมาได้!
เสียงดังตึง มีดใหญ่ในมืออูถงแหลกลาญ ไม่อาจหยุดยั้งพลังของมหาวิชานี้ได้
อูถงคิดไม่ถึงจริง ๆ มหาวิชาที่ซีสำแดงออกมาเกินความคาดหมายของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เขามิเคยคิดเลยว่าซีจะมีมหาวิชาระดับนี้
แต่ไม่เป็นไร
มหาวิชาอย่างนั้นหรือ?
เขาก็มี ซ้ำยังมีอยู่มากมาย!
“เป็นเพียงกบก้นบ่อเท่านั้น ฟ้าดินจริง ๆ กว้างไกลกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก!”
อูถงหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าขอบอกเจ้าตามตรง ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น บ่าวรับใช้อย่างข้าก็เกินกว่าที่เจ้าจะยกตนขึ้นมาเทียบได้!”
หลังเขาเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ก็มีสีหน้าภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวด
แม้เขาจะเป็นเพียงบ่าวรับใช้ แต่บ่าวรับใช้อย่างเขาก็มีสถานะสูงส่ง จนเขารู้สึกเป็นเกียรติเป็นศรี
“บ่าวรับใช้มีอะไรให้ภูมิใจกัน ความเป็นทาสในตัวเจ้าเข้มข้นเกินไปแล้ว…” ซีเอ่ยเสียงเบา