บทที่ 770 ใครที่เคี้ยวกระดูกแข็งเข้าไป ฟันก็สามารถหักได้อย่างง่ายดาย!
คำว่าบ่าวรับใช้นั้นรุนแรงเกินไป เพลิงโทสะภายในใจของอูถงพลันลุกโหมอย่างบ้าคลั่ง
คำว่าบ่าวรับใช้นั้นไม่น่าฟัง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดเป็นนายด้วย ซึ่งตัวเขานั้นเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลเหอ
กองกำลังที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ธรรมดาเหนือชั้นเป็นอย่างมาก สูงตระหง่านดังนภา มีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการจะเข้าร่วม ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ประสบความสำเร็จ
หากเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่อาจเข้าร่วมได้ ไม่มีแม้กระทั่งคุณสมบัติจะเป็นบ่าวรับใช้เสียด้วยซ้ำ ทว่าเขานั้นต่างออกไป ครอบครัวของเขาเป็นบ่าวรับใช้คนในตระกูลนี้มาหลายชั่วอายุคน สำหรับเขาแล้ว นี่คือเกียรติอันสูงสุดพอให้หยิ่งผยองได้!
“บ่าวรับใช้ในบ้านก็เป็นตัวตนที่เจ้าไม่อาจเอื้อมถึงได้!”
เขาตวาดออกมาอย่างเย็นชา พลังอันแข็งแกร่งม้วนตัวราวกระแสน้ำ ดวงดาราที่อยู่รายล้อมระเบิดออกทันที กฎเกณฑ์อันน่าสะพรึงกลัวปรากฏออกมา ควบแน่นจนกลายเป็นกระบี่ขนาดยักษ์จนมืดฟ้ามัวดิน ประหนึ่งฝนกระบี่หนึ่งสาย!
กระบี่สั่นกึกส่งเสียงดังกังวาน พลังอันสูงล้ำกระเพื่อมออก เหล่าสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายบนเรือมองมาด้วยสายตาเปี่ยมความรู้สึก
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้โดดเด่น ในจักรวาลโกลาหลที่ตนเองกระโดดออกมา หลังจากนั้นจึงได้อูถงที่กำลังสรรหาคนรับเข้ามา
เจตจำนงกระบี่ในวิชากระบี่ที่อูถงสำแดงออกมาอยู่เหนือเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของพวกเขา นี่แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังอูถงด้วยใช่หรือไม่?
เพียงแค่บ่าวรับใช้ภายในบ้านคนหนึ่งก็สามารถสำแดงวิชากระบี่ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้ออกมาได้
“ภูมิใจในความเป็นบ่าวรับใช้ เจ้าช่างเกินเยียวยาแล้ว”
ใบหน้าของซียังคงสงบนิ่ง นางกางม่านแสงออกมาเพื่อสกัดกั้นกระบี่ยักษ์ทั้งหมดที่ตกลงมา
บนม่านแสงเต็มไปด้วยอักขระสลับซับซ้อนมากมายเปล่งแสงเจิดจ้า สิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายบนเรือก็มองมาด้วยสายตาประหลาดใจไม่แพ้กัน
อักขระที่อยู่บนม่านแสงเหล่านี้ไม่ด้อยไปกว่าวิชากระบี่ของอูถง ซีมีภูมิหลังความเป็นมาเช่นใดกันแน่? สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึม เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ซีนั้นโดดเด่นเหนือชั้นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนตัวเล็ก ๆ ธรรมดาทั่วไป
อาภรณ์สีขาวของซีสะบัดไหว ใบหน้างดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้เปี่ยมด้วยความกล้าหาญองอาจ พลังเองก็โดดเด่นยิ่ง!
นางพุ่งไปด้านหน้าด้วยความแข็งแกร่ง หมัดทั้งสองข้างเปล่งแสงแวววาว สำแดงวิชามวยสักอย่างที่ไม่ธรรมดาสามัญออกมา ชวนให้ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
กระบี่ยักษ์ระเบิดออกไปทีละเล่ม ไม่อาจหยุดหยั่งฝีเท้าของซีได้ บรรดาสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายบนเรืออดตื่นตะลึงไม่ได้ บนโลกนี้จะมีผู้ที่สมบูรณ์แบบเช่นซีอยู่ได้อย่างไร?
แม้ว่าจะอยู่ในการต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ซีก็ยังคงน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง การโจมตีอันรุนแรงไม่ได้ทำให้ความสง่างามลดลงไป ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความงดงาม
ทว่าอูถงนั้นไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นแม้แต่น้อย เขาไม่รู้สึกว่าซีนั้นงดงาม รู้สึกเพียงว่านางนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
ซีสามารถกดดันเขาได้มากเกินไป วิชากระบี่ของเขาพังทลายลงไปเช่นนี้ทำให้เขาคาดไม่ถึงสักนิด
ครืน!
บนท้องฟ้าพลันส่งเสียงกึกก้อง เขาสำแดงพลังอีกครั้ง วิชาอสนีบาตบางอย่างถูกเรียกใช้ เกิดเป็นทะเลสายฟ้า ที่ส่งอสนีบาตกระหน่ำลงมาราวกับน้ำตก พุ่งโจมตีเข้าใส่ซี
สายฟ้าแต่ละเส้นพุ่งลงมาเสียงดังลั่นอย่างถึงที่สุด เต็มไปด้วยสีสันแตกต่างกันไป เมื่อมารวมกันแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ประหนึ่งสามารถกลบฝังทั้งจักรวาลลงไปได้!
เขาไม่ได้เป็นเพียงบ่าวรับใช้ธรรมดาจริง ๆ ควรมีสถานะบางอย่างในกองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวิชาน่าตื่นตะลึงมากถึงเพียงนี้
วิชาอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้ ล้วนแล้วจะต้องมาจากกองกำลังอยู่เบื้องหลังเขา
“แข็งไปเสีย!”
ซีเอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ อากาศหนาวเหน็บพลันแผ่กระจาย นางเรียกใช้มหาวิชาเยือกแข็งวิชาหนึ่งขึ้นมา เหล่าสายฟ้าที่กระหน่ำเข้าโจมตี รวมกระทั่งทะเลอสนีบาตล้วนถูกแช่แข็งในทันที
ตามมาด้วยเสียงแตกร้าวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นม่านน้ำตกสายฟ้าและทะเลอสนีบาตก็แตกกระจายออก กลายเป็นเศษน้ำแข็งเปล่งประกายร่วงหล่นแวววาวดังดวงดารา
“เป็นไปได้อย่างไร!”
อูถงรู้สึกคับข้องใจ ขอบเขตของเขาสูงกว่าซีมาก อีกทั้งสถานที่ที่เขามาก็เหนือชั้นยิ่งกว่า แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้ เขาควรจะสามารถสยบซีลงได้อย่างง่ายดายต่างหาก
ซีก้าวออกมาด้านหน้า ใต้เท้าที่เหยียบย่ำลงไปพลันปรากฏดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ใต้ฝ่าเท้าเป็นทางเดินให้ นางเปล่งประกายเจิดจ้ามากเกินไป อูถงคิดจะสู้กับนาง ทั้งยังต้องการจะเอาชนะ เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร!
ร่างกายของนางน่าอัศจรรย์ วิชาเองก็เหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง อูถงยังห่างไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับนางได้เสียด้วยซ้ำ แม้กระทั่งบุตรแห่งสวรรค์ผู้โดดเด่นของกองกำลังเบื้องหลังอูถง ก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับซีได้
ดอกบัวสีทองปูเป็นทางตรงไปยังอูถง อูถงไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ เพียงพริบตาเดียวซีก็มาประชิดตัวอูถงได้แล้ว
ฝ่ามือเนียนขาวดังหยกของนางวาดออกไปด้วยความดุดันและรวดเร็ว อูถงยกมือขึ้นต้าน ทว่าทั้งแขนกลับถูกทำลาย เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
ซีไม่ให้โอกาสใดกับอูถง ต้องการลงมือสังหารทันที หลังจากประชิดตัวอูถงแล้ว จึงออกมือโจมตีอย่างต่อเนื่องจนอูถงกระอักเลือกออกมา ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด สุดท้ายก็โดนโจมตีจนกระเด็นข้างหลัง สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป
“พวกเจ้ามัวแต่มองอันใดอยู่! สังหารนางให้ข้าเสีย!”
อูถงคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว สิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายบนเรือยังทำเพียงแค่เฝ้ามอง ไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวอันใด ทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก
เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่บอกไม่ให้พวกเราลงมือ!
สิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายอดตำหนิขึ้นมาไม่ได้ อูถงช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้ ก่อนหน้าเมื่อพวกเขาบอกว่าจะลงมือ อูถงก็บอกว่าไม่ต้องลงมือ ทว่าตอนนี้ที่ต้องเผชิญเคราะห์ร้าย กลับต้องการให้พวกเขาลงมือ
แต่พวกเขาเองก็ตื่นตะลึงในตัวซีในเวลาเดียวกัน
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าซีจะดุร้ายถึงเพียงนี้ หลังจากประชิดตัวอูถงได้ก็ยิ่งดุร้ายขึ้นมากกว่าก่อนหน้า เดิมทีพวกเขาคิดว่าอูถงไม่น่าจะแพ้ได้โดยง่าย ทว่าสุดท้ายก็พ่ายแพ้ยับเยินอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาไม่ทันได้มีเวลาลงมือช่วยเหลือ
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
บนร่างของพวกเขาพลันเปล่งแสงออกมา ทุกคนทะยานออกมาจากเรือ พวกเขาต่างก็ต้องลงมือแม้ไม่อยากลงมือ หลังจากที่ถูกอูถงรับตัวไปแล้ว นั่นเท่ากับพวกเขายืนอยู่ข้างเดียวกับอูถงเป็นที่เรียบร้อย
“กลับมา!”
ตอนนั้นเอง บนเรือพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตื่นตะลึง รีบหยุดนิ่งทันที ไม่กล้าลงมือใด ๆ
เสียงนั่นมาจากที่ใด?
มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บนเรืออีกหรือ?
ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ชายในชุดขาวผู้หนึ่งร่อนลงมาจากเรืออย่างสง่างาม ราวกับเซียนที่ถูกเนรเทศลงมายังโลกมนุษย์
บนร่างของเขาถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยแสงเจิดจ้า รูปร่างแข็งแรงสมบูรณ์แบบ คิ้วเรียวดังคมกระบี่ ภายในดวงตาลึกล้ำอย่างถึงที่สุด มองไม่ออกว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“นายน้อย!”
เมื่ออูถงเห็นชายชุดขาวก็คุกเข่าลงคำนับทำความเคารพทันที
เขาเป็นเพียงแค่คนวิ่งเต้นทำงานคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ ชายในชุดขาวต่างหากที่เป็นผู้รับชอบ คนผู้นี้มีนามว่าเทียนหมิง ทั้งยังเป็นเจ้านายที่เขารับใช้ บุตรคนเล็กของประมุขตระกูลเทียน เพียงแต่ว่าคนผู้นี้ไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็น
สิ่งมีชีวิตที่สามารถกระโดดออกมาจากจักรวาลโกลาหลที่ตนเองอาศัยอยู่ได้ ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชาย คนอย่างเขาที่ยังอยู่ในขอบเขตโกลาหล ย่อมไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่นี้ด้วยตนเองได้
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเจ้าควรปฏิบัติตนอย่างสุภาพต่อหน้าผู้อื่น แล้วเจ้ากลับทำตัวเช่นไร? ผู้ใดให้สิทธิ์เจ้าไปใช้รังแกผู้อื่น?!”
ชายหนุ่มชุดขาวนามเทียนหมิงเอ่ยตำหนิอูถง “ยังไม่ไปขอโทษแม่นางอีก!”
อูถงรีบลุกขึ้นด้วยดวงตาสั่นเทาแล้วหันไปเอ่ยขอโทษซี “ขออภัย นี่เป็นความผิดของข้า ได้โปรดท่านยกโทษให้ด้วย!”
“ไม่เป็นอันใด”
ซีพยักหน้า ยอมรับคำขอโทษของอูถง
นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด อีกทั้งนางก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ไม่ติดใจอันใดกับเรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้
“ขอบคุณแม่นางสำหรับความใจกว้าง”
เทียนหมิงเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยกับซี “แม้ว่าแม่นางจะยกโทษให้เขาแล้ว แต่ข้ายังต้องการจะกล่าวคำขอโทษให้แม่นางอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะข้าจัดการกำกับคนไม่ดีทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น”
ท่าทางของเขาสุภาพเป็นอย่างมาก แสดงความต้องการจะมอบของชดเชยให้กับซีเพื่อแสดงคำขอโทษของเขา
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อีกทั้งข้าเองก็ได้ระบายความโกรธแล้ว”
ซีปฏิเสธของชดเชยจากเทียนหมิง
นางระบายความโกรธของตัวเองออกมาแล้วจริง ๆ อูถงถูกนางทุบตีอย่างหนัก
ส่วนเรื่องท่าทางสุภาพของเทียนหมิงนั้น นางยังมีข้อสงสัยอยู่เล็กน้อยภายในใจ
ตั้งแต่แรกเทียนหมิงไม่ได้ปรากฏตัวออกมา จนถึงหลังจากที่นางสามารถจัดการอูถงได้แล้วจึงค่อยโผล่ออกมา เกรงว่าท่าทางสุภาพที่เทียนหมิงแสดงออกมานั้นจะไม่ได้เป็นของแท้ไปเสียหมด
“ลาก่อนทุกท่าน”
นางไม่กล่าวอันใดมากไปกว่านั้น ต้องการออกจากที่นี่
“แม่นางไม่คิดทบทวนเรื่องนี้สักนิดหรือ?”
เทียนหมิงก้าวออกไปด้านหน้า เอ่ยกับซีก่อนที่นางจะจากไป “เบื้องหลังของข้าคือตระกูลเทียนจากเทวโลก เทวโลกเป็นสถานที่ที่ทุกสรรพสิ่งวิวัฒน์ขึ้นมา ต้นกำเนิดจักรวาลโกลาหลทั้งปวง แดนเทวโลกเหนือชั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดอกแล้ว แม่นางเองก็ควรจะเข้าใจได้”
เขากล่าวต่อ “ครั้งนี้สำหรับแม่นางแล้ว ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ หากพลาดไป เกรงว่าอาจเป็นเรื่องยากสำหรับแม่นางที่จะเข้าสู่เทวโลก การพึ่งพาพลังตนเองเพื่อเข้าสู่เทวโลกนั้นเป็นเรื่องยากเย็นอย่างยิ่ง”
หลังจากนั้น เขาก็อธิบายว่าเหตุใดตระกูลของพวกเขาจึงออกมาเพื่อรับสมัครยอดฝีมือ
“พวกข้าต้องการจะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของกำลัง ดังนั้นเมื่อถึงคราวดีพวกข้าจึงออกมา ข้าอยากจะบอกเอาไว้สักเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็สามารถออกมาด้านนอกเทวโลกตามใจชอบได้ นี่นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตระเทียนพวกข้าด้วย”
เขาเน้นย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นโอกาสอันหาได้ยาก หวังว่าซีจะไม่พลาดโอกาสนี้ไป
“ขอบคุณ แต่ลืมมันไปเสียเถิด” ซีปฏิเสธ
นางเพิ่งเคยได้ยินคำว่าเทวโลกเป็นครั้งแรก ทว่านางกลับรู้สึกโหยหาเทวโลกที่เทียนหมิงพูดถึงเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้นางไม่สามารถไปยังสถานที่แห่งนั้นได้จริง ๆ เพราะยังมีเรื่องสำคัญจำเป็นต้องทำ
นองจากนี้ นางเองก็ยังไม่เชื่อใจตระกูลเทียน หากต้องการเข้าไปยังเทวโลกจริง นางก็จะเป็นฝ่ายหาทางเข้าไปด้วยตนเอง
หลังจากนั้น นางก็จากไปโดยไม่หยุดอีก
ระหว่างที่ซีจากออกไป เทียนหมิงไม่ได้เคลื่อนไหวหรือหยุดยั้งสิ่งใด
“เป็นที่ขบขันของทุกท่านแล้ว เรื่องนี้ก็ให้ยุติแต่เพียงเท่านี้เถิด ตระกูลเทียนของข้าเป็นตระกูลสุภาพชน ไม่ระรานรังแกผู้อื่น”
เทียนหมิงกล่าวออกมาพร้อมส่งรอยยิ้มให้กับเหล่าสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชาย
หลังจากนั้น เขาก็พาอูถงกลับไปยังห้องที่เขาใช้พักผ่อนบนเรือ
“โง่เง่า!”
ทันทีที่เข้าไปด้านในห้องรอยยิ้มของเขาก็เลือนหาย สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มอย่างยิ่ง
เขาตำหนิอูถง “เจ้าอยู่ข้างกายข้ามาหลายปีขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงไม่มีสมองฉุกคิดสักนิด? กระทั่งต่อหน้าสิ่งมีชีวิตขอบเขตลอยชายทั้งหมดบนเรือ สีหน้าของนางยังคงนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง ตอนนั้นเจ้าควรจะเอะใจคิดขึ้นมาได้แล้วว่านางไม่ธรรมดา ในมือน่าจะต้องมีไพ่บางอย่างอยู่! ไม่เช่นนั้นตัวนางที่อยู่ในขอบเขตโกลาหล จะยังคงความสงบนิ่งเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“ข้าฟังคำสั่งสอนของนายน้อยขอรับ!”
อูถงตอบด้วยสีหน้าแดงก่ำ
หมิงเทียนจับจ้องไปทางอูถงแล้วเอ่ยออกมา “หลังจากนี้ไม่ว่าทำเรื่องใดก็จงใช้สมองให้มากขึ้น เข้าใจหรือไม่!”
“เข้าใจแล้วนายน้อย!”
อูถงพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาเอ่ยถามออกมาด้วยความระมัดระวัง “เรื่องนี้ท่านจะให้มันจบเช่นนี้หรือ?”
“จบเช่นนี้หรือ?”
เทียนหมิงหัวเราะ บนใบหน้าแย้มยิ้มที่ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
“ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงข้าที่ออกมาคนเดียว เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
เขามองไปทางอูถง “พี่ใหญ่เองก็ออกมาด้วย สามารถส่งพี่ใหญ่ไปหานางได้”
ซีนิ่งสงบเกินไป ไพ่ในมือของนางจะต้องไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนั้น เขาจึงออกมาเพื่อหยุดยั้งป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของนาง
“ใครที่เคี้ยวกระดูกแข็งเข้าไป ไม่ระวังฟันก็สามารถหักได้อย่างง่ายดาย…” เขาหรี่ตาลง
“หวังว่านางจะสามารถทำให้ข้าประหลาดใจได้ และจะดีที่สุดหากสามารถ…สังหารพี่ใหญ่ข้าได้!”
เขากับพี่ใหญ่นั้นไม่ใช่พี่น้องที่สมานฉันท์รักกันดีแต่อย่างใด