ไม่มีใครรู้ว่าหงส์เพลิงคิดอะไรอยู่ พวกเขาคิดว่าคราวนี้เทพจากภพสวรรค์และหงส์เพลิงจากพระพุทธศาสนาคงได้มีเรื่องบาดหมางกันแน่!
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองพบกัน สามเณรจึงนำทางตี้จวินหนุ่มไปอีกทางหนึ่งทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปยังตำหนักต้าสยง
อันที่จริงนั้น ความตั้งใจของสมาชิกของพระพุทธศาสนาไม่ได้มีเพียงแค่การสร้างโอกาสให้ตี้จวินหนุ่มได้พบกับดอกบัวทองคำ
แม้กระทั่งพวกเขาที่เป็นคนของพระพุทธศาสนาก็ยังสามารถแปดเปื้อนกลิ่นอายอันชั่วร้ายได้หากพวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกวาดล้างทะเลเลือด
ดังนั้นไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าหลังจากที่คนของภพสวรรค์กระทำการเช่นนั้นลงไปแล้ว พวกเขาย่อมจำเป็นต้องสวดมนต์และท่องพระสูตรอยู่ที่นี่สักสองสามวัน
ตี้จวินยินยอมให้ความร่วมมืออย่างเหนือความคาดหมาย แต่ทุกครั้งที่เขามา เขาจะมาพร้อมกับกลุ่มหมอกสีดำสนิท
ช่วงเวลาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นเวลาที่พระพุทธศาสนาไร้ซึ่งความสงบสุข
หงส์เพลิงไม่มีภารกิจต้องสังหารใครในแดนปีศาจ ดังนั้นเวลานี้นางจึงทำเพียงแค่เอนหลังพิงต้นโพธิ์ แล้วมองหมอกสีดำกลุ่มนั้นพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่ง จากนั้นนางจึงหันมองไปรอบๆ แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
สามเณรน้อยมีหน้าที่นำอาหารมังสวิรัติมาส่งให้หงส์เพลิง เดิมทีนั้นทุกครั้งที่เขานำอาหารมาส่งให้นางเสร็จ เขาจะกลับไปสวดมนต์ทันที
แต่ครั้งนี้เขากลับเห็นดอกบัวทองคำกำลังสวดมนต์ถวายตี้จวินหนุ่มองค์นั้นอยู่
ตี้จวินดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจฟังที่ดอกบัวทองคำเอ่ยแต่อย่างใด ความจริงแล้วเขาไม่ได้มองใครเลยแม้แต่คนเดียว เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสง่างามพลางใช้มือข้างหนึ่งโยนเม็ดบัวขึ้น
ปีศาจหลายตัวขยับเข้ามาใกล้หมายจะกินสิ่งนั้น ภาพนี้ทำให้พวกมันดูเหมือนปลาทองน้ำตาคลอไม่มีผิด
สามเณรน้อยตระหนักได้ในตอนนั้นนั่นเองว่าสวดมนต์ให้กับตี้จวินเพื่อชำระล้างกลิ่นอายอันชั่วร้ายนั่นช่างไร้ความหมายสิ้นดี ในเมื่อตี้จวินหนุ่มสามารถฝึกบรรดาปีศาจได้อย่างสบายๆ
พวกมันถูกเลี้ยงดูอย่างกับปลาทอง จะมีปีศาจตนไหนไม่พอใจด้วยหรือ
สามเณรน้อยถูกพวกมันดึงความสนใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาวางกล่องไม้ไผ่ในมือลง แล้วใช้มือเล็กๆ ค้ำศีรษะตัวเองพร้อมกับมองพวกมันด้วยความเพลิดเพลิน
นั่นคือภาพที่หงส์เพลิงเห็นตอนที่นางเดินออกมาขณะลูบท้องที่กำลังหิวโหย
ตอนแรกนางตั้งใจจะเดินมาเอากล่องไม้ไผ่เท่านั้น
แต่พระอรหันต์สูงอายุทั้งหมดที่กำลังสวดมนต์อยู่กลับหยุดการกระทำลงทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นนาง
ในเวลาเดียวกันนั้น สามเณรที่ติดตามรับใช้ตี้จวินหนุ่มและดอกบัวทองคำอยู่ก็ถึงกับอ้าปากค้าง
ตี้จวินหนุ่มหันกลับมาหลังจากป้อนอาหารปีศาจเสร็จ เขามองเห็นนางเช่นกัน
ทันใดนั้นทุกคนก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีเพื่อหยุดไม่ให้ทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน!
แต่เวลานั้นหงส์เพลิงกลับทำเพียงจ้องมองไปที่อาหารในกล่องไม้ไผ่ นางไม่ใช่คนเลือกกิน ดังนั้นนางจึงค่อนข้างพอใจกับอาหารทีเดียว หลังจากหยิบอาหารของตัวเองมาเรียบร้อย นางก็ตั้งท่าจะกลับทันที
พระอรหันต์อาวุโสไม่ชอบให้นางอยู่ด้วยระหว่างที่พวกเขากำลังสวดมนต์
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น นางจึงต้องสวดมนต์อยู่เพียงลำพัง
นางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่นานนัก
”พวกเขาจะสู้กันอีกแล้วหรือ”
”เจ้ารอดูก็แล้วกัน ด้วยนิสัยของตี้จวินแล้ว ย่อมไม่มีทางที่เขาจะไม่แก้แค้นในสิ่งที่หงส์เพลิงทำลงไปตอนอยู่ในงานเลี้ยงของพระพุทธศาสนาเมื่อคราวก่อน”
”ข้าได้ยินมาว่า ปกติการแก้แค้นของท่านเทพจัดว่าโหดเหี้ยมทีเดียว”
”ไม่ใช่แค่โหดอย่างเดียว แต่ดูคนที่เคยเสียมารยาทต่อเขาสิ ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือพระอรหันต์ มีใครได้พบจุดจบดีๆ บ้างหรือ”
”หงส์เพลิงก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้เช่นกัน เรายังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้ยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย”
”เข้าใกล้กันแล้ว พวกเขากำลังเดินเข้าไปหากัน!”
ทั้งสองอยู่ใกล้กันจริง
แต่น่าเสียดายที่หนนี้ไม่ได้มีการปะทะกันทางสายตาอันน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น ทั้งยังไม่มีใครจู่โจมใครอีกด้วย
แต่บรรยากาศกลับเย็นชาอย่างมาก
เพราะไม่มีใครในพวกเขาตั้งใจจะอ่อนข้อให้อีกฝ่าย
มันกลายเป็นการเผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันในทันที
สามเณรน้อยดึงชายเสื้อคลุมของหงส์เพลิงพลางหัวเราะอย่างประหม่า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับหงส์เพลิงว่า ”พระอรหันต์ขอรับ ท่านเดินเข้ามาเพื่อจะทักทายตี้จวินมิใช่หรือขอรับ”
ทักทายหรือ หงส์เพลิงเลิกคิ้วสวยของตัวเองขึ้นทันที
”ขอร้องล่ะขอรับ พระอรหันต์ เออออตามข้าเถอะขอรับ ไม่อย่างนั้นข้าได้ถูกลงโทษแน่” สามเณรน้อยพูดแผ่วเบา
หงส์เพลิงไม่สามารถปฏิเสธเสียงอ้อนวอนของเด็กชายได้ ดังนั้นนางจึงกลับไปสบตากับตี้จวินหนุ่มแล้วคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ”ถูกต้องแล้ว ข้ามาทักทาย”
บรรดาพระอรหันต์และเทพทุกองค์ต่างชินกับการเผชิญหน้าอันแสนอึดอัดหรือแม้กระทั่งการต่อสู้ของทั้งสอง
ทักทายหรือ
สถานการณ์นี้มันอะไรกัน
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย พวกเขาจ้องมองคนทั้งคู่และรอฟังบทสนทนาที่จะตามมาอย่างอดใจไม่ไหว
ชายหนุ่มเมินเฉยต่อทุกสิ่งมาโดยตลอด แต่ในที่สุดสายตาเรียบเฉยของเขาก็สังเกตได้ถึงบางสิ่ง จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นซุกซน ”โอ้? ในเมื่อเป็นการทักทาย เช่นนั้นเจ้าก็ต้องพูดอะไรกับข้ามิใช่หรือ เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้ารึ”
พูดอะไรหรือ? หงส์เพลิงชะงักไปครู่หนึ่งเพราะนางไม่ได้คิดที่จะทักทายเขาตั้งแต่แรก… ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้น นางก็สังเกตเห็นดอกบัวทองคำที่อยู่ข้างหลังของชายหนุ่ม นางจึงถามขึ้นตามสัญชาตญาณว่า ”จริงๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ท่านมาที่นี่เพราะงานเลี้ยงจับคู่อีกแล้วหรือ”
เหล่าพระอรหันต์ตกตะลึง… งานเลี้ยงจับคู่หรือ นางบอกว่าจับคู่หรือ?!
สามเณรน้อยก้มหน้าลงแล้วสะอื้นออกมา พระอรหันต์ ถ้าท่านไม่พูดอะไรเลยคงจะดีกว่าขอรับ!
”งานเลี้ยงจับคู่หรือ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มพร้อมกับโน้มตัวลง น้ำเสียงของเขาลุ่มลึกและแผ่วเบาจนมีแต่นางเท่านั้นที่ได้ยิน ”กับใครหรือ ถ้าเป็นเจ้า ข้าจะลองพิจารณาดู ด้วยเหตุผลบางประการ ข้ารู้สึกอยากทำลายเจ้าเสียจริง”
หงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยิ้ม ”ท่านดูจะสนใจเรื่องการต่อสู้มากทีเดียว”
”ข้าหมายถึงการทำลายด้วยวิธีอื่น…” ดวงตาของเขาเจิดจ้า สายตาของเขาหยุดลงที่กระดูกไหปลาร้าใต้เสื้อคลุมยาวของนาง ในเวลาเดียวกันนั้น บนใบหน้าหล่อเหลาก็พลันปรากฏความชั่วร้ายขึ้น
หงส์เพลิงขมวดคิ้วได้รูปของตัวเอง ”ออกไปให้ห่างจากข้า ช่วงสองวันนี้ข้าสู้กับท่านไม่ได้ เลือกวันอื่นมาแทนก็แล้วกัน”
”เจ้าถูกกักบริเวณอีกแล้วหรือ” ชายหนุ่มหัวเราะนางด้วยท่าทางที่ผิดไปจากปกติ ”ข้าว่าเจ้าเหมาะกับการถูกล่ามเอาไว้จริงๆ”
หงส์เพลิงรู้สึกว่าเขาช่างพูดกว่าทุกวัน แต่ความหิวทำให้นางรีบตัดบทสนทนานั้นแล้วเดินออกจากประตูพระอรหันต์ไป
ชายหนุ่มดูทั้งโกรธและไม่โกรธในเวลาเดียวกัน เขายังคงยิ้มอยู่เล็กน้อย แต่พื้นหินบริเวณที่เขายืนอยู่กลับแตกเป็นเสี่ยงๆ
ปีศาจทุกตนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อพวกมันเห็นภาพนั้น
ดอกบัวทองคำเดินเข้าไปหาเขา นางยังคงดูอ่อนโยนและงดงาม ”ตี้จวิน อย่าได้ถือสาหงส์เพลิงเลยเจ้าค่ะ นางเป็นคนเช่นนั้นมาตลอด ไร้ความอดทนแต่มีจิตใจเมตตา”
ชายหนุ่มยังคงเงียบ แต่รอยยิ้มของเขากลับเหยียดกว้างขึ้น
พวกมันอยู่กับเขามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นบรรดาปีศาจจึงรู้จักชายหนุ่มดียิ่งกว่าใคร
ถึงพวกมันจะพากันขนลุกเกรียวจากรอยยิ้มของเขา แต่พวกมันก็ไม่สามารถเดาสิ่งที่เขาต้องการทำได้อย่างแม่นยำนัก
เมื่อชายหนุ่มเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยจังหวะฝีเท้าอันสง่างาม หมอกสีดำก็พลันเข้ากลืนกินทุกสิ่งเหนือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทันที
จากนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างมากว่า ”พวกเจ้าคิดว่านางควรถูกล่ามหรือไม่”
”นางหรือขอรับ” บรรดาปีศาจคิดว่าชายหนุ่มกำลังพูดถึงดอกบัวทองคำ ”ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอกขอรับ หลังจากท่านได้แต่งงานกับนาง ดอกบัวทองคำย่อมกลายเป็นของตี้จวินเท่านั้นขอรับ”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า เขาดูท่าทางงุนงง ”ดอกบัวทองคำหรือ”
”ใช่ขอรับ” ปีศาจทุกตนทำตัวเหมือนปลาทองที่ถูกเขาเลี้ยงเอาไว้อีกครั้ง
แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับโยนระเบิดใส่พวกมันว่า ”ข้าไม่ได้พูดถึงนาง ข้าต้องการของที่ดีที่สุดเสมอ… นั่นคืออัครทูตผู้นั้น พระอรหันต์หงส์เพลิงผู้ยิ่งใหญ่!”
”หงส์ หงส์ หงส์เพลิงหรือขอรับ แค่กๆๆ!” เหล่าปีศาจพากันสำลักเม็ดบัว ”ท่านเทพขอรับ นี่มัน เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้นะขอรับ”
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปคว้าปีศาจตนหนึ่งเข้ามาใกล้ๆ ”การที่ข้าจะเอาตัวใครสักคนมา ข้าจะต้องขออนุญาตจากพวกเจ้าด้วยหรือ อีกอย่าง ข้าไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงาน ข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้นว่านางจะมีสภาพเป็นเช่นใดหากถูกล่ามเอาไว้ ภาพนั้นจะต้องน่าดูมากอย่างแน่นอน”
ความคิดแรกปีศาจทุกตนคิดว่าตี้จวินคงเสียสติไปแล้ว
แต่ความคิดถัดมาที่พวกมันคิดได้ก็คือ ไม่ว่าชายคนนี้คิดที่จะทำอะไร เขาก็ไม่เคยล้มเหลวเลยแม้แต่ครั้งเดียว…