บทที่ 786 เจ้าแก่เกินไปแลว ปีกไก่ไม่อร่อยกันพอดี!
เป็นระยะเวลาหลายวันแล้ว นอกจากกินและนอน คุณชายล้วนใช้เวลากับการวาดภาพทิวทัศน์เหล่านั้น สิ่งนี้ทำให้ลั่วสุ่ยรู้สึกบางอย่าง
เพียงแต่นางยังไม่ทราบว่าภาพเหล่านี้สามารถทำสิ่งใดได้
…
ภายในแดนบรรพโกลาหล
ครุฑปีกทองกู่ร้องคำราม ทำลายขุนเขาไปไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก แม้การถูกตัดปีกทั้งสองข้างจะไม่ถึงกับชีวิต แต่ก็นับเป็นการสบประมาทหยามเหยียดอย่างใหญ่หลวง
มันพุ่งออกไปอย่างห้าวหาญ ทว่าสุดท้ายกลับถูกตัดปีกกลับมา กลายเป็นที่ตลกขบขันภายในแดนบรรพโกลาหลอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นจุดด่างพร้อยไปตลอดชีวิต!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันคิดว่าปีกของตนถูกย่างกิน มันก็ทนไม่ไหวขึ้นมาทันใด รู้สึกอึดอัดคับข้องเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่อาจปล่อยไปเช่นนี้ได้! อย่างน้อยก็ต้องเอาปีกกลับคืนมา!”
มันกัดฟันแน่น หยิบศาสตราโบราณชิ้นหนึ่งออกมา ติดต่อกับบรรพจารย์เผ่าของมัน
“อันใด! มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?!”
เสียงเกรี้ยวกราดของบรรพจารย์ระเบิดผ่านศาสตราโบราณ เพียงทายาทของมันสูญเสียขนไปเส้นหนึ่งก็ไม่อาจทนไหวแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงการถูกตัดปีกทั้งสองข้างเลย!
“บรรพจารย์เผิง เรื่องของชนรุ่นหลังก็ปล่อยให้เหล่าคนรุ่นหลังแก้กันเองเถิด!”
“แม้ว่าเร็ว ๆ นี้สนามรบจะสงบเป็นอย่างมาก ฝั่งพิศวงคล้ายจะไม่เคลื่อนไหว ทว่าข้ากลับรู้สึกอยู่เสมอว่านี่คือลมสงบก่อนพายุโหม เรื่องราวทุกอย่างล้วนไม่เรียบง่าย!”
เสียงอีกจำนวนมากดังออกมาจากศาสตราโบราณ เหมือนกับกำลังเกลี้ยกล่อมบรรพจารย์เผิง
“ไร้สาระ! อย่าห้ามข้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้ที่แตะต้องคนในเผ่าของข้าล้วนจะต้องชดใช้อย่างสาสม!”
บรรพจารย์เผิงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “ยิ่งไปกว่านั้นนางยังตัดปีกทั้งสองข้าง แล้วกล่าวว่าจะนำไปย่างกิน จะให้ทนไหวได้อย่างไร!”
ทันใดนั้นพลังระเบิดก็ดังสนั่นมาจากศาสตราโบราณ น่าจะเป็นฝีมือของบรรพจารย์เผิงที่รีบตรงกลับมาจากเมืองบรรพกาล
เพียงไม่นานบรรพจารย์เผิงก็มาถึงด้านข้างของครุฑปีกทอง
“ท่านบรรพจารย์!”
ครุฑปีกทองหลั่งน้ำตา มันไม่เคยต้องเผชิญความอัปยศเช่นนี้มาก่อน ทั้งถูกทุบตี เสียหน้า และเสียปีกทั้งสองข้างไปด้วย
“ร้องไห้อันใด!”
บรรพจารย์เผิงมองครุฑปีกทองแล้วเอ่ยออกมา “อย่าได้ร้องไห้ ทั่วทั้งแดนบรรพโกลาหลกำลังจับตามองพวกเราอยู่ อย่าทำตัวน่าขายหน้าเช่นนี้!”
“ไป!”
มันพาครุฑปีกทองออกจากแดนบรรพโกลาหล ไปยังอาณาจักรแห่งนั้น
ระหว่างทางมันตั้งใจบินผ่านแดนบรรพโกลาหลอย่างไม่ปิดบัง ต้องการให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้รับรู้ว่าพวกตนกำลังจะไปยังอาณาจักรแห่งนั้น
“บรรพจารย์เผิงกลับมาแล้ว?!”
“ใช่แล้ว! นางกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ครานี้ก็มาดูกันเถิดว่านางยังจะสามารถโอหังอีกได้หรือไม่!”
การเคลื่อนไหวของบรรพจารย์เผิงดึงดูดสิ่งมีชีวิตจำนวนมากให้ติดตามไป ด้วยต้องการเห็นฉากที่บรรพจารย์เผิงสังหารพวกเซี่ยเหยียน
ครั้งนี้การเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่กว่าก่อนหน้านัก!
ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งแดนบรรพโกลาหลได้เคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรียงกัน
“บรรพจารย์เผิงไม่นิ่งเฉยดังคาด!”
บนเกาะ สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลตนนั้นหดหัวลงด้วยความหวาดกลัว
บรรพจารย์เผิงออกโรง เรื่องราวแปรเปลี่ยนเป็นใหญ่โต ไม่มีทางจบลงได้โดยง่ายอย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงที่เซี่ยเหยียนจะต้องเผชิญหน้ากับจุดจบอันเลวร้าย ตายลงภายใต้เงื้อมมือของบรรพจารย์เผิง
ฟ้าดินมืดมัว ร่างอันใหญ่โตมโหฬารของบรรพจารย์เผิงบดบังผืนนภาและดวงตะวัน ขนปีกทุกเส้นเปี่ยมด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวหนาวเหน็บชวนให้หวาดหวั่น ราวกับมีพลังมากพอจะทำลายฟ้าทลายดิน
มันมีชีวิตอยู่มานานเกินจะนับ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ หากไม่ใช่เพราะจักรวาลโกลาหลเป็นที่จับจ้องของสิ่งมีชีวิตพิศวง จนต้องถูกคุกคามตลอดเวลา เกรงว่าอาณาจักรของมันจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ จะต้องสามารถหลุดพ้นโกลาหลเข้าสู่ขอบเขตลอยชายได้อย่างแน่นอน
สิ่งนี้ก็นับเป็นความเศร้าสลดของจักรวาลโกลาหลเช่นกัน
ความจริง แม้จักรวาลโกลาหลแห่งนี้จะอ่อนแอกว่าจักรวาลโกลาหลบางกลุ่มอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้นับว่าอ่อนแอจนเกินไปแต่อย่างใด
หากไม่ใช่เพราะถูกสิ่งมีชีวิตพิศวงจับจ้อง ทำให้ต้องต่อสู้อยู่ตลอดเวลา พวกเขาคงไม่มีทางไร้ผู้ก้าวข้ามโกลาหลสู่ขอบเขตลอยชายจนกระทั่งถึงตอนนี้
แม้จะไม่กล้ากล่าวว่ามีผู้ที่สามารถทำได้จำนวนมาก แต่อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าคนสองคน อย่างไรเสียจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ก็ถือกำเนิดมานานพอควร
มันส่งเสียงกู่ร้องคำรามอย่างต่อเนื่อง ฟ้าถล่มดินทลาย สิ่งก่อสร้างจำนวนนับไม่ถ้วนพังลง กระทั่งแม่น้ำยังหยุดไหล!
“กล้าตัดปีกหลานชายข้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งอาณาจักรต้องชดใช้!”
มันตะโกนลั่น จิตสังหารพลุ่งพล่าน คราวนี้มันไม่ได้ต้องการสังหารเซี่ยเหยียนเพียงอย่างเดียว ทว่ามันต้องการกวาดล้างทั้งอาณาจักร!
เพียงแค่อาณาจักรแห่งหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในสายตามันแม้แต่น้อย แม้จะทำลายอาณาจักรแห่งนี้ไปก็ยังไม่อาจสยบความโกรธของมันได้
ไม่ช้ามีเส้นแสงพุ่งออกมา พวกเซี่ยนเหยียนมาถึงโดยพลัน
“อย่าทำเช่นนี้เลย ‘ปีกไก่’ ก่อนหน้านี้ยังไม่ทันได้กิน เหตุใดจึงมาส่งมอบ ‘ปีกไก่’ เพิ่มอีกเล่า?”
ต้าเต๋อจับจ้องไปทางบรรพจารย์เผิง ภายในดวงตามีความหน่ายและรังเกียจอยู่
เขาเอ่ยต่อ “เจ้าแก่เกินไป ‘ปีกไก่’ แก่ ๆ เช่นนี้จะอร่อยได้อย่างไร?”
“โอหัง!”
“เจ้าโล้นน้อยช่างไม่กลัวตายเสียจริง คิดสิ่งใดล้วนพูดออกมาหมด!”
เสียงฮือฮาระเบิดขึ้นในแดนบรรพโกลาหล สีหน้าของพวกเขาต่างแปลกประหลาดยิ่ง
นั่นคือบรรพจารย์เผิง เป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในแดนบรรพโกลาหล ทว่าต้าเต๋อก็ยังคงไม่เห็นอยู่ในสายตาเช่นเคย อีกทั้งยังเอ่ยคำว่า ‘ปีกไก่’ ออกมา รวมถึงดูหมิ่นว่าบรรพจารย์เผิง… แก่เกินไป!
นี่มันอันใดกัน
โง่เขลาไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเกินไปแล้ว!
“เจ้าสามารถดึงดูดความสนใจของข้าสำเร็จแล้ว ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ตายโดยง่าย!”
บรรพจารย์เผิงจับจ้องไปทางต้าเต๋อด้วยแววตาเปล่งประกายเย็นเยียบ “ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย มีชีวิตอยู่ตลอดกาลด้วยความเจ็บปวด!”
“ข่มขู่ข้าเช่นนั้น นี่ไม่ต่างจากข่มขู่เด็กอายุเพียงไม่กี่ปีหรอกหรือ?”
ต้าเต๋อเม้มริมฝีปาก แสดงท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรม
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลเห็นท่าทางของต้าเต๋อแล้วนึกอยากจะทุบตีคนผู้นี้แรง ๆ
ยังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่ ถึงได้กล้าพูดเช่นนี้ออกมา!
“เจ้าไม่ใส่ใจคำพูดที่ข้าเอ่ยไปก่อนหน้านี้เลยหรือ? ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ หากเจ้ากลับมาอีก ก็อย่าหวังได้กลับไป!”
เซี่ยเหยียนเมินเฉยต่อบรรพจารย์เผิง หันไปมองครุฑปีกทองที่อยู่ด้านข้าง
นี่วิปลาสไปแล้วหรือ!
ถึงกับกล้าพูดข่มขู่ต่อหน้าบรรพจารย์เผิง!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลตื่นตะลึง หรือว่าเซี่ยเหยียนจะยังมีไพ่ตายบางอย่างอยู่ในมือ? ไม่เช่นนั้นเซี่ยเหยียนคงจะไม่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้เป็นแน่?
ครุฑปีกทองตกใจกลัวเมื่อถูกเซี่ยเหยียนจับจ้องมา ทว่ามันก็ยืดตัวตรงอย่างรวดเร็ว ท่านบรรพจารย์ก็อยู่ข้าง ๆ แล้ว เช่นนั้นมันยังต้องกลัวสิ่งใดอีก?
“เจ้าเป็นบ้าอันใด! ท่านบรรพจารย์จะต้องสังหารเจ้าแน่!”
ครุฑปีกทองกล่าวออกมาอย่างดุร้าย
ตู้ม!
บรรพจารย์เผิงที่อยู่ด้านข้างลงมือทันใด ปีกขนาดใหญ่เสมือนดาบสวรรค์อันไม่อาจทำลาย พุ่งเข้าใส่เซี่ยเหยียนอย่างรวดเร็ว
ทั้งชีวิตของมันยังจะไม่เคยผ่านสิ่งใดอีก เด็กอย่างเซี่ยเหยียนจะทำให้มันตื่นกลัวได้อย่างไร ไม่มีทาง!
แสงสว่างเจิดจ้า การโจมตีของบรรพจารย์เผิงน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ราวกับสามารถผ่าสวรรค์ พลังอันไร้ขอบเขตพุ่งทำลายทุกสิ่ง กระทั่งผืนฟ้ายังพังทลาย!
เซี่ยเหยียนยกมือขึ้นยิงศรออกไป ต้องการหยุดยั้งการโจมตีของบรรพจารย์เผิง
ทว่าก็ต้องประหลาดใจ ลูกศรของนางไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีนี้ได้!
เสียงปังดังขึ้น ศรแสงปะทะเข้ากับปีกของบรรพจารย์เผิง พริบตาเดียวก็ถูกปีกของบรรพจารย์เผิงชนกระเด็น แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ โปรยปรายลงจากฟากฟ้า
เซี่ยเหยียนยกมือขึ้นต้านรับ ทว่ากลับถูกกระแทกจนถอยร่น ภายในร่างกายกระเทือนจนต้องอดกลั้นไม่ให้กระอักเลือดออกมา
แข็งแกร่งยิ่ง!
สีหน้าของเซี่ยเหยียนแปรเปลี่ยนด้วยความคาดไม่ถึง
นางอยู่ในขั้นเก้าขอบเขตโกลาหลแล้ว อีกทั้งในมือยังถือคันศรราชันที่คุณชายมอบให้ ทว่ากลับไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้ แสดงให้เห็นว่าบรรพจารย์เผิงแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!
อีกด้านหนึ่ง บรรพจารย์เผิงนั้นรู้สึกประหลาดใจเสียยิ่งกว่า ไม่คาดคิดแม้แต่น้อย
การโจมตีครั้งนี้ คิดว่าเซี่ยเหยียนจะต้องตายทันทีโดยไม่ต้องสงสัย อย่างไรเสียมันก็แข็งแกร่ง บรรลุขั้นเก้าขอบเขตโกลาหลมานับร้อยล้านปี สะสมพลังมานานถึงเพียงนี้ พลังของมันย่อมอยู่ในระดับที่ไม่อาจหยั่งถึง
ทว่ามันกลับทำได้เพียงให้เซี่ยเหยียนถอยไม่กี่ก้าว กระทั่งเลือดสักหยดยังไม่มี เช่นนี้จะให้มันคาดคิดและไม่แปลกใจได้อย่างไร!
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลต่างตกตะลึงเสียยิ่งกว่า
รับการโจมตีของบรรพจารย์เผิงแล้วเพียงแค่ถอยร่น เซี่ยเหยียนนับว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ!
ฝึกฝนจนไปถึงขั้นนั้นได้อย่างไร?!
พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เซี่ยเหยียนยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ ต่อให้เริ่มฝึกฝนตั้งแต่ในครรภ์มารดาก็นับว่าวิปลาสสะท้านฟ้าอย่างถึงที่สุด!
สิ่งเหล่านี้ทำลายมุมมองของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงจนนิ่งค้าง
“มีฝีมืออยู่บ้างจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้ากล้าทำตัวยโสถึงเพียงนี้ แต่ท่าทางเช่นนี้ก็ทำให้เจ้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้!”
บรรพจารย์เผิงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไม่แยแส
เมื่อครู่ยังห่างไกลจากพลังทั้งหมดของมัน การจะจบชีวิตเซี่ยเหยียนลงไม่นับเป็นปัญหา
“เจ้าบอกว่าข้ามีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ ก็หมายความว่าข้ามีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้หรือ?”
เซี่ยเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ขออภัย แต่เจ้าไม่สามารถตัดสินความเป็นตายของข้าได้”
อันที่จริง ด้วยฝีมือและพลังของนางแล้ว เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะสามารถต่อกรกับบรรพจารย์เผิงได้
เห็นได้ชัดจากศรแสงก่อนหน้านี้
ทว่าหากบรรพจารย์เผิงต้องการจะสังหารนาง เช่นนั้นยังนับว่าเป็นเรื่องตลก
ไม่ต้องกล่าวถึงคุณชายเลย ไม่ว่าจะลั่วสุ่ย สุนัขสีดำ หรือหลิงอิน มีผู้ใดบ้างที่ไม่สามารถสังหารบรรพจารย์เผิงได้อย่างง่ายดาย?
ลั่วสุ่ยนั้นได้กลายเป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลเป็นที่เรียบร้อย หลิงอินเองก็เป็นครึ่งก้าวบรรพจารย์เต๋าโกลาหล อีกทั้งยังมีสุนัขสีดำที่บรรลุขอบเขตลอยชายแล้ว
นอกจากนี้ยังมีต้นหลิวกับก้อนหินอันเป็นตัวตนอยู่รองเพียงคุณชายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
บรรพจารย์เผิงกล่าวว่าต้องการสังหารนาง นับเป็นเรื่องตลกอย่างแท้จริง
บรรพจารย์เผิงคิดว่านางแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ หารู้ไม่ว่านางไม่ใช่ ทั้งยังห่างไกลจากคำนั้นเป็นอย่างยิ่ง มีคนจำนวนมากที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า
“ใช่แล้ว นกตัวน้อยเช่นเจ้า เพียงแค่ลงมือเบา ๆ ก็ตายได้ ยังกล้าดีมาตัดสินใจความเป็นตายของเซี่ยเหยียน?”
ในตอนนั้นเอง หลิงอินก็ปรากฏตัวออกมายืนด้านข้างเซี่ยเหยียน
นกน้อย?
เพียงแค่ลงมือเบา ๆ ก็ตายได้?!
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นของหลิงอิน สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลพลันตกอยู่ในความปั่นป่วน เหตุใดสิ่งมีชีวิตของอาณาจักรแห่งนี้ถึงได้ยโสและดุร้ายถึงเพียงนี้!
พวกเขายังเกิดความรู้สึกว่าสถานที่ที่ตนอยู่เป็นเพียงแค่อาณาจักรเล็ก ๆ ส่วนเซี่ยเหยียนและหลิงอินต่างหากที่อยู่ดินแดนแกนกลาง เป็นดินแดนบรรพโกลาหลที่แท้จริง
ไม่เช่นนั้นหลิงอินและเซี่ยเหยียนจะดุร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!
“มีคนส่งตัวเองมาตายอีกแล้วหรือ?!”
ดวงตาของบรรพจารย์เผิงเย็นเยียบ “ดีมาก วันนี้ผู้ที่ไม่กลัวตายจะโผล่มาอีกสักกี่คน ก็ล้วนจะต้องตายทั้งหมด!”
หลิงอินส่ายหัว “เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ ห่างชั้นเกินไป ผู้แข็งแกร่งในอาณาจักรแห่งนี้อยู่เกินกว่าที่เจ้าจะสามารถจินตนาการได้!”
จักรวาลโกลาหลทั้งปวง กระทั่งนับเทวโลกเข้ามาด้วย ก็ล้วนไม่อาจเทียบได้กับอาณาจักรแห่งนี้
นางมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
และมีหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นางมั่นใจถึงเพียงนี้
นั่นก็เพราะมีคุณชายอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้!
คุณชายแข็งแกร่งที่สุดในทั่วหล้า!