ถึงจะบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยคิดก็เถอะ แต่เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง หลินเยวียนกลับยังคงคิดไม่ออก
สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์
หลินเยวียนนั่งอยู่ในห้องทำงาน ค้นหาเพลงเดโมในคลับเพลงของเขา ขณะนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
หลินเยวียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
ประตูเปิดออก กู้ตงผู้ช่วยของหลินเยวียนนำคนงานถือแจกันขนาดใหญ่รูปทรงงดงาม สีสันแลดูเรียบง่ายเข้ามา
“เบาหน่อย…”
“นี่คือเครื่องลายคราม บอบบางมาก…”
“ราคาแพงมาก ได้ยินว่าเป็นของโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน…”
“วางไว้ตรงนั้นเลยค่ะ…”
“ใช่ๆๆ อย่าวางกระแทกนะคะ…”
“…”
กู้ตงบอกด้วยความตกประหม่า เมื่อวางแจกันลงได้ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
กู้ตงยิ้มพลางเดินไปส่งคนงาน
“นี่คือ?”
หลินเยวียนมองไปยังแจกันดอกไม้ใบใหญ่
กู้ตงตอบอย่างยิ้มแย้ม “เป็นของขวัญที่บริษัทมอบให้พ่อเพลงทั้งสามท่าน ของคุณ อาจารย์เจิ้งจิง และอาจารย์หยางจงหมิงคนละใบ ได้ยินว่าเป็นของโบราณที่สืบทอดกันมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน ประธานกรรมการบอกวาสามารถใช้ประดับห้องทำงานของพ่อเพลงทั้งสามท่านได้ค่ะ”
“ของโบราณ?”
หลินเยวียนไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ แต่แจกันใบนี้งดงามมากจริงๆ “เท่าไหร่ครับ”
“ไม่ถึงสิบล้าน…”
กู้ตงจงใจใช้น้ำเสียงที่กระด้างและไร้มนุษยธรรม ก่อนจะกลับไปใช้เสียงเดิมอีกครั้ง
“นี่คือคำพูดดั้งเดิมของประธานกรรมการ ฉันไม่ได้พูดเองนะคะ”
หลินเยวียนพยักหน้า “เครื่องคราม?”
กู้ตงเอ่ยอย่างจริงจัง “พูดให้ชัดก็คือ เครื่องลายคราม”
เครื่องลายคราม?
หลินเยวียนตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสามคำนี้
กู้ตงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ตอนที่ไปรับของ ฉันเห็นแจกันของอาจารย์เจิ้งจิงเป็นสีเหลือง ได้ยินว่าเป็นวัตถุโบราณของราชวงศ์ ราคาใกล้เคียงกับของเรา แต่ฉันรู้สึกว่าของพวกเราสวยกว่า แน่นอนว่าของอาจารย์หยางจงหมิงก็สวยเหมือนกันค่ะ เป็นแจกันสีขาว มองเห็นด้านใน เหมือนว่าจะเป็นหยก…ตัวแทนหลิน?”
กู้ตงพบว่าหลินเยวียนคล้ายกับกำลังใจลอย ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูด
“ไม่เป็นไร”
หลินเยวียนบอก “ผมขอดูหน่อย”
เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปยังเครื่องลายคราม พินิจพิจารณาอยู่นาน พลางซาบซึ้งในความงาม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมูลค่าของแจกันมีส่วนช่วยให้ความงามทวีคูณขึ้นหรือเปล่า
เขาลูบแจกัน พลางเอ่ยว่า “ตวัดเส้นพลิ้วไหวขึ้นลายคราม ปลายพู่กันหนักผ่อนเบา…”
กู้ตงนึกสงสัย “ตัวแทนหลินรู้เรื่องวัตถุโบราณด้วยเหรอคะ?”
ถึงแม้คำพูดของหลินเยวียนจะฟังดูพิลึกพิลั่นอยู่สักหน่อย ไม่ยักเหมือนคำพูดของคนปกติ
“ผมรู้แล้วว่าจะเลือกอะไร”
มุมปากของหลินเยวียนยกยิ้ม
ทีนี้ ก็ได้เพลงแล้ว!
ก่อนหน้านี้แนวทางความคิดผิดพลาดไป
เขาพิจารณาเพียงว่าเพลงจะกระหึ่มเวทีจะตื่นเต้นมากแค่ไหน
เพราะเพลงประเภทนี้ได้เปรียบในการไต่ชาร์ตเพลงที่สุด
ไม่เช่นนั้นเมื่อปีที่แล้วเขาไม่มีทางใช้เพลงตะวันฉายในมหาสงครามเทพเซียนหรอก
แต่…
มีเพลงบางเพลง ทำนองอาจไม่ตื่นเต้นเร้าใจถึงเพียงนั้น แต่มีความ ‘ปัง’ ในอีกรูปแบบหนึ่ง
เพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์คว้าแชมป์ก็เห็นได้ชัดแล้วไม่ใช่หรือ…
เพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะ ก็ได้รับความชื่นชอบจากสาธารณชน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นในปลายปีนี้ตนก็สามารถหยิบเพลงสไตล์จีนโบราณมาใช้ได้!
ใช่แล้ว
เครื่องลายครามนี้ ทำให้หลินเยวียนนึกถึงเพลงเครื่องลายครามของโจวเจี๋ยหลุน!
เพลงสไตล์จีนโบราณ!
เครื่องจักรสังหารขนาดยักษ์!
ทำไมถึงลืมเพลงนี้ไปได้นะ
อันที่จริงหลินเยวียนไม่ได้ลืมเพลงสไตล์จีนหรอก แต่เมื่อเขามาถึงบลูสตาร์กลับยังไม่เคยหยิบออกมาสักที
เนื่องจากเพลงสไตล์จีนนั้นสำคัญมาก หลินเยวียนอยากหยิบออกมาใช้ในช่วงเวลาวิกฤต!
ยามนี้เผชิญห้ากับหยางจงหมิงในมหาสงครามเทพเซียน นับว่าเป็นช่วงเวลาวิกฤตได้ไหมนะ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คงถึงเวลาเปิดตัวเพลงสไตล์จีนแล้ว!
……
หลังจากชงชาให้หลินเยวียน กู้ตงก็เดินออกจากห้องทำงานด้วยความสับสน
ส่วนหลินเยวียนกลับกำลังนั่งมองเครื่องลายครามที่มุมห้องด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบ
ในที่สุดปัญหาที่กวนใจเขามาตลอดทั้งคืนก็ได้รับการแก้ไข
ใช้เพลงสไตล์จีนสู้กับอาจารย์หยางจงหมิงก็แล้วกัน!
แน่นอน
บลูสตาร์ไม่มีแนวคิดของคำว่าสไตล์จีน เพราะฉะนั้นเพลงสไตล์จีนน่าจะต้องเปลี่ยนชื่อ
บางทีคนบนโลกใบนี้อาจนับว่าเพลงสไตล์จีนคือเพลงสไตล์โบราณ?
ถึงอย่างไรประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ชื่อ สิ่งสำคัญอยู่ที่ นี่คือเพลงสไตล์ใหม่!
หลินเยวียนคุ้นเคยกับสไตล์เพลงต่างๆ บนบลูสตาร์เป็นอย่างดี
เขาเข้าใจ
ว่าบนบลูสตาร์มีเพียงคำว่าสไตล์โบราณ ไม่มีคำว่าสไตล์จีน!
ทั้งสองคำคล้ายคลึงกัน แต่โดยสารัตถะกลับแตกต่างกันอย่างมาก
กง ซาง เจวี๋ย จื่อ อวี่[1]…
บทเพลงสไตล์จีนใช้ทำนองของดนตรีจีนโบราณเป็นหลัก
ในแง่ของการเรียบเรียงดนตรี เพลงสไตล์จีนจะใช้เครื่องดนตรีจีนดั้งเดิมเป็นส่วนมาก
เช่น ซอเอ้อร์หู กู่เจิง ขลุ่ยจีน ผีผา…
บางครั้งอาจมีการใช้เพลงพื้นบ้านจีนหรืองิ้วในการขับร้อง
เพลงสไตล์จีนมีคำกล่าวว่า ‘สามเก่าสามใหม่’
กวีนิพนธ์โบราณ วัฒนธรรมโบราณ ทำนองโบราณ วิธีการร้องใหม่ การเรียบเรียงใหม่ และแนวคิดใหม่
เนื้อเพลงควรสอดแทรกไปด้วยวัฒนธรรมจีน ใช้เทคนิคการร้องและเทคนิคการเรียบเรียงเพลงรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มบรรยากาศของเพลง ทำนองเพลงผสมผสานภูมิหลังสไตล์จีนซึ่งชวนให้หวนคิดถึงและทำนองสมัยใหม่ เพื่อให้สื่อความหมายลึกซึ้งและสไตล์ต่างๆ ของบทเพลง เช่น โศกเศร้า สง่างาม หรือมีชีวิตชีวา
แต่ต่อให้เป็นสไตล์จีน ก็ยังคงแบ่งเป็นสองประเภท
ประเภทแรกคือสไตล์จีนบริสุทธิ์ และอีกประเภทหนึ่งคือใกล้เคียงสไตล์จีน
สไตล์จีนบริสุทธิ์คือเพลงซึ่งเติมเต็มเงื่อนไขข้างต้น ยกตัวอย่างเช่นผลงานชิ้นโบแดงสไตล์จีนของโจวเจี๋ยหลุน
ส่วนสไตล์ใกล้เคียงจีนคือไม่ตรงตามเงื่อนไขบางประการ แต่เข้าใกล้ความเป็นเพลงสไตล์จีนบริสุทธิ์
ถึงอย่างไร เงื่อนไขในการสร้างสรรค์เพลงสไตล์จีนนั้นเข้มงวดเกินไป เป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกข้อ
ดังนั้น ถ้าหากหลินเยวียนหยิบเพลงสไตล์จีนออกมา จะนับว่าเป็นความสำเร็จในการบุกเบิกครั้งใหม่บนบลูสตาร์อย่างแน่นอน!
แต่บทเพลงสไตล์จีนนั้นมีตั้งมากมาย
หลินเยวียนเพิ่งท่องเนื้อเพลงเครื่องลายครามไป
ทว่าเพลงนี้ออกจะโหดร้ายเกินไปสักหน่อย หลินเยวียนไม่คิดจะหยิบออกมาตอนนี้
เครื่องลายครามเพียงแค่ทำให้หลินเยวียนกำหนดสไตล์เพลงได้
และสุดท้ายเพลงที่เขาเลือก กลับเป็น ‘ลมบูรพาร้าวราน’ !
เหตุผลมีสองประการ
ประการแรก เพลงลมบูรพาร้าวราน คือเพลงแรกซึ่งโจวเจี๋ยหลุนสร้างสรรค์ขึ้นอย่างสมบูรณ์ในสไตล์จีน มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
ประการที่สอง จู่ๆ ปล่อยเพลงเครื่องลายครามออกมาก็อาจแลดูเกินจริงไปสักหน่อย
ต้องใช้เพลงลมบูรพาร้าวรานนำร่อง สร้างแนวคิดและวางรากฐานเพลงสไตล์จีนเสียก่อน
นี่คือการพิจารณาโดยภาพรวมของหลินเยวียน
ถ้าหากปล่อยเพลงเครื่องลายครามไปทันที เขาจะเผชิญกับปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นั่นคือเมื่อปล่อยเพลงลมบูรพาร้าวรานหลังจากนี้ แรงกระเพื่อมจะไม่มากพอ
ถึงอย่างไรเพลงเครื่องลายครามก็ได้รับคำวิจารณ์โดยรวมที่ดีกว่า
หลินเยวียนหวังว่าเพลงลมบูรพาร้าวรานจะยังคงสถานะและความสำคัญดังเดิมเช่นเดียวกับบนโลก นี่คือสิ่งที่เพลงนี้สมควรได้รับ
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ
เมื่อพิจารณาถึงบทเพลงสไตล์จีนแล้ว ในห้วงสำนึกของหลินเยวียนมีเพียงห้าคำ นั่นก็คือ
“ฉันเลือกโจวเจี๋ยหลุน”
ถึงแม้นักร้องมากมายเคยขับร้องบทเพลงสไตล์จีน แต่ในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงสไตล์จีน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่เลือกโจวเจี๋ยหลุน
บทเพลงสไตล์จีนของคนอื่นมักให้ขาดความน่าสนใจ โดยมากเน้นความใกล้เคียงสไตล์จีน…
ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของอิทธิพลและความนิยม โจวเจี๋ยหลุนเป็นอันดับหนึ่งโดยที่ไม่มีใครคัดค้าน
งั้นใครจะร้องเพลงนี้ล่ะ
ราชวงศ์ปลามีหลายคนที่ร้องได้…
แต่หลินเยวียนมาคิดๆ ดูแล้ว ตัดสินใจร้องเองดีกว่า
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เพลงสไตล์จีนถือกำเนิดขึ้นมา เขาอยากร้องด้วยตัวเอง
[1] กง ซาง เจวี๋ย จื่อ อวี่ คือโน้ตของดนตรีจีน