สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด – ตอนที่ 566 วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน

สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด

ตอนที่ 566 วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน

ภายในจวนผู้ว่าการมณฑลติ้งโจว ผู้ว่าการมณฑลเซวียเซี่ยวมีสีหน้ามืดมน

บนพื้นเบื้องหน้าเขามีศีรษะมนุษย์เปื้อนเลือดวางอยู่ห้าหัว

หัวหนึ่งที่อยู่ในบรรดานั้นคือซ่งซูที่เขาส่งคนไปคุ้มกันกลับเมืองหลวง ส่วนอีกสี่หัวที่เหลือเป็นของยอดฝีมือที่ส่งไปคุ้มกันซ่งซู ทั้งห้าคนเดินทางไปยังเมืองหลวง ร่างกายไม่รู้ไปอยู่ที่ใดแล้ว กลับมาเพียงหัวคนเท่านั้น

ก่อนหน้านี้มีสารถีคนหนึ่งบังคับรถม้ามาจอดหน้าประตูจวนผู้ว่าการ ลากหีบใบหนึ่งลงมา บอกว่ามีคนให้นำของขวัญมาส่งยังจวนผู้ว่าการมณฑล

ทางนี้เปิดหีบออกดู ผู้ใดจะคาดว่าเป็นของขวัญเช่นนี้

“ฝีมือผู้ใด?” ฝ่าซือคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงขรึม

เซวียเซี่ยวแค่นเสียง “ยังเป็นฝีมือผู้ใดไปได้เล่า มณฑลข้างเคียงกำลังข่มขู่พวกเราอยู่ ราชสำนักหยามหน้าคนผู้นั้นแล้ว คนผู้นั้นจึงเอาคืน โอหัง! ข้าอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะโอหังไปได้อีกนานเพียงใด!”

ทางเขาได้รับราชโองการลับจากราชสำนักแล้ว ให้เตรียมระดมกำลังพลและหญ้าแห้งเสบียงกรัง เขาคือคนที่ทราบดีว่ามณฑลหนานโจวกำลังจะเผชิญเคราะห์หนักแล้ว

….

หุบเขาหิมะ ณ โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง มีแขกกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันพลางเดินเข้าสู่ด้านใน

ฉู่อันโหลวเถ้าแก่โรงเตี๊ยมยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมทอดสายตามองทิวทัศน์ภายในหุบเขา สายตามองตามกลุ่มแขกที่เดินเข้าสู่ด้านในไป ได้ยินรางๆ ว่าเอ่ยถึง ‘หมอผี’ ยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้วไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่ได้ยินบทสนทนาประเด็นนี้ แขกที่เข้าไปก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะเอ่ยถึงหมอผีเช่นกัน

เมื่อแขกหายลับเข้าไปด้านใน เขากวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งเข้ามาหา เอ่ยถามว่า “เหตุใดข้าถึงได้ยินคนเอ่ยถึงหมอผี เกิดเรื่องใดขึ้นงั้นหรือ?”

พนักงานมึนงง “ไม่ทราบเลยขอรับ!”

ในเวลานี้เอง พนักงานคนหนึ่งที่ออกไปลาดตระเวนในหุบเขาเหินทะยานเข้ามา ร่อนลงบนบันไดแล้วรีบเดินเข้ามาจากด้านนอกโรงเตี๊ยม เข้ามารายงานว่า “เรียนเถ้าแก่ วังสวรรค์หมื่นวิมานประกาศตามหาหมอผีขอรับ”

ฉู่อันโหลวฉงน “ตามหาหมอผีไปทำไม? บุตรชายของทางนั้นพอหมอผีรักษาหายก็พาตัวไปแล้วมิใช่หรือ?”

พนักงานตอบว่า “กล่าวกันว่าองค์หญิงใหญ่แห่งจินโวผู้นั้นต้องพิษร้ายแรงจึงตามหาตัวหมอผีไปรักษา หากแจ้งเบาะแสช่วยตามหาตัวหมอผีได้จะมีรางวัลให้อย่างงามขอรับ”

“พิษร้ายงั้นหรือ?” ฉู่อันโหลวพึมพำพลางใคร่ครวญ

….

ณ จวนเจ้ากรมโยธาแห่งเมืองหลวงแคว้นฉี ก่าเหมี่ยวสุ่ยในชุดเสื้อคลุมกันลมที่เพิ่งกลับมาจากมณฑลหนานโจวเดินอาดๆ ตรงเข้าไป

ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรายงานเป็นการเฉพาะ มีคนนำทางพาตรงเข้าไปหาถงโม่ด้านในทันที

ถงโม่ยืนอยู่ในลานเรือนโบกมือสื่อให้แขกสลายตัวไป เจ้าหน้าที่สามสี่คนที่ห้อมล้อมอยู่ขอตัวลาไปอย่างนอบน้อม ปล่อยให้ทั้งสองได้มีพื้นที่ส่วนตัว

ทั้งสองก็ไม่ได้สุภาพเกรงใจอันใดกัน ถงโม่เอ่ยว่า “ซ่งซูบุตรชายของซ่งจิ่วหมิงถูกลอบสั่งหารระหว่างเดินทางมาก ศีรษะถูกส่งไปถึงหน้าประตูบ้านของเซวียเซี่ยว”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าทราบระหว่างทางแล้ว”

ถงโม่กล่าวว่า “การเจรจากับทางสำนักเขามหายานเป็นอย่างไรบ้าง?”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยตอบว่า “ไม่รับปากและไม่ปฏิเสธ เลี่ยงผ่านส่งๆ”

“ทำตัวเป็นต้นหญ้าไหวลู่ลมอีกรายแล้ว ยังคิดจะสังเกตการณ์อยู่ แต่การไม่ปฏิเสธก็นับเป็นเรื่องดี ขอเพียงเห็นท่าไม่ดี รอจนทางนั้นถูกทัพใหญ่เข้ากดดันกะต้องแปรพักตร์แน่!” ถงโม่หัวเราะหยัน จากนั้นลูบเคราเอ่ยว่า “ก่ากงกง เพิ่งจะได้รับมาว่าไห่หรูเยวี่ยของฝั่งจินโจวถูกพิษเข้าแล้ว ดูเหมือนทางไห่อู๋จี๋จะลงมือแล้ว”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยกล่าวว่า “ทราบเรื่องแล้ว กำลังจะคุยเรื่องนี้กับท่านเจ้ากรม ไห่อู๋จี๋ลงมือแล้ว ทางฝั่งเราจะชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องฉวยโอกาสจากสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป ยังไม่ต้องเคลื่อนกำลังพลให้ส่งเสบียงกรังหญ้าแห้งไปก่อน เรื่องระดมกำลังกะเกณฑ์ไพร่พลควรขอราชโองการอย่างเป็นทางการจากฝ่าบาทได้แล้ว”

ถงโม่โบกมือเล็กน้อย มีคนนำม้วนฎีกามาส่งให้ถึงมือเขาทันที “กำลังจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทพอดี หากก่ากงกงไม่มีธุระใดก็ไปพร้อมกันเถอะ”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยเบี่ยงกายให้ทาง ผายมือเชิญ

ทั้งสองเดินตามกันออกไป

….

ภายในวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่าดำทะมึนดูค่อนข้างอึมครึมของแคว้นจิ้น ไท่ซูสยงยกสองมือเท้าเอว ยืนอยู่หน้าแผนที่ฉบับหนึ่ง จ้องมองด้วยแววตาที่แปรเปลี่ยนสลับไปมา

ขันทีหน้าประตูผายมือเชิญ เซ่าผิงปอพยักหน้าพยักหน้าทักทายเล็กน้อย ยกเท้าเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป เดินไปหยุดข้างกายไท่ซูสยงแล้วแสดงความเคารพ “ฝ่าบาท”

ท่าทางอ่อนน้อมว่าง่าย จะไม่ว่าง่ายก็คงไม่ได้ ตอนนี้สูญเสียอำนาจในมือตนไปอย่างสมบูรณืแล้วง ยากจะเคลื่อนไหวทำอะไรได้ ตอนนี้ทำได้เพียงพึ่งพาคนที่อยู่เบื้องหน้านี้

สายตาไท่ซูสยงยังคงจ้องมองแผนที่อยู่ “สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”

เซ่าผิงปอตอบว่า “ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วที่ติดต่อไปหาพ่อเจ้าทางเป่ยโจวเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ยังไม่ได้รับการตอบกลับพ่ะย่ะค่ะ”

“สุขภาพของเจ้าจำเป็นต้องพักฟื้นอย่างสงบ ไม่อาจกระทบกระเทือนทางอารมณ์เกินไปได้ อย่าร้อนใจไปเลย ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน ค่อยเป็นค่อยไปเถิด” ไท่ซูสยงชี้นิ้วลงไปยังพิกัดของจินโจวบนตำแหน่งของแคว้นจ้าว “ไห่หรูเยวี่ยแห่งจินโจวถูกพิษแล้ว ได้ยันข่าวหรือยัง?”

เซ่าผิงปอตอบว่า “เพิ่งได้เห็นข่าวที่ ‘หอหยดหมึก’ ส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซูสยงกล่าวว่า “ไห่อู๋จี๋น่าจะลงมือกับจินโจวแล้ว ในแคว้นฉีและแคว้นเว่ยมีการโยกย้ายกำลังทหาร เป็นการมอบโอกาสดีให้แก่ไห่อู๋จี๋ ดูเหมือนแคว้นฉีและแคว้นเว่ยจะยังคงกริ่งเกรงเจ้านัก เจ้ามาอยู่กับแคว้นจิ้น ทั้งสองแคว้นก็หวั่นวิตก” ว่าแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ

“มิใช่เพราะกริ่งเกรงกระหม่อม แต่กริ่งเกรงต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เซ่าผิงปอค้อมตัวเล็กน้อย จากนั้นยืดหลังขึ้นเดินไปด้านหน้าสองก้าว ชี้ไปยังมณฑลหนานโจวในแคว้นเยี่ยน “ซางเจี้ยนสยงก็น่าจะลงมือกับหนานโจวเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” ยามที่เอ่ยประโยคนี้ ดวงตาเขาฉายแววตื่นเต้นอย่างที่ยากจะสังเกตเห็น

ไท่ซูสยงไม่ค่อยเข้าใจ “ทราบได้อย่างไร?”

เซ่าผิงปอชี้นิ้วเปรียบเทียบพิกัดในแผนที “จินโจวและหนานโจวเป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งปา ต่างประคับประคองกันและกัน ไห่อู๋จี๋ลงมือกับจินโจว หนานโวย่อมต้องกำลังทหารเข้าช่วยเหลือ สองมณฑลร่วมมือกันจะทำให้สงครามยืดเยื้อเกินไป หากแคว้นจ้าวหมดแรง มีโอกาสสูงที่แคว้นหานจะฉวยโอกาสเข้าโจมตี ไห่อู๋อี๋ไม่มีทางยอมเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาดนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมอยู่ในแคว้นเยี่ยนมาหลายปี เข้าใจสถานการณ์ทางนั้นดี คราที่ซางเจี้ยนสยงขึ้นครองบัลลังก์ ในแคว้นเยี่ยนมีข่าวลือแพร่หลายว่าเดิมทีราชบัลลังก์จะถูกส่งมอบให้หนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋ว ซ้ำยังลือกันอีกว่าซางเจี้ยนปั๋วอาจจะถูกซางเจี้ยนสยงลอบสังหาร ประกอบกับซางเจี้ยนปั๋วมีอิทธิพลด้านกองทัพในแคว้นเยี่ยน เรื่องนี้ทำให้ซางเจี้ยนสยงประหนึ่งมีก้างขวางทิ่มแทงคอ ส่วนซางเฉาจงกำลังรวบรวมกองกำลังเก่าของหนิงอ๋องเข้ามา ก่อศึกชิงหนานโจวเอาชนะโจวโส่วเสียนเข้ายึดครองหนานโจวได้ในการโจมตีเดียว กำลังรบของเขาแกร่งกล้าทำให้ใต้หล้าตื่นตะลึง เมื่อเขาผงาดเรืองอำนาจขึ้นมาย่อมทำให้ซางเจี้ยนสยงกินไม่ได้นอนไม่หลับ”

“เจตนาของซางเฉาจงที่ต้องการเข้าแทรกแซงแคว้นเยี่ยนเด่นชัดเหลือเกิน อีกทั้งเป็นเชื้อพระวงศ์ พระกอบกับข่าวลือที่แพร่พลายไปยิ่งเสริมให้ซางเฉาจงมีราศีของผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างชอบธรรม เมื่อตั้งตัวขึ้นมาภายใต้ร่มธงของซางจี้ยนปั๋วย่อมดึงดูดใจคนได้ง่ายๆ เมื่อเขาเรืองอำนาจขึ้นมาก็ได้กล่ยเป็นภัยคุกคามบัลลังก์ของซางเจี้ยนสยงอย่างร้ายแรง ซางเจี้ยนสยงสุดจะทนไหวแล้ว เมื่อปัญหาต่างประเดประดังสุมกันเข้าไปจะต้องลงมือกับหนานโจวแน่นอน ไห่อู๋จี๋กล้าทำเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะซางเจี้ยนสยงจะลงมือกับหนานโวแล้ว อีกทั้งมีความเป้นไปได้สูงว่าซางเจี้ยนสยงจะเป็นฝ่ายติดต่อไปหาแคว้นจ้าวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซูสยงพยักหน้า “พูดมีเหตุผล สองแคว้นร่วมมือกันเล่นงาน เห็นทีว่าจินโจวและหนานโจวยากจะหนีรอดเคราะห์ไปได้แล้ว”

“ก็ยังไม่แน่พ่ะย่ะค่ะ” เซ่าผิงปอส่ายหน้า “เมื่อพูดถึงจินโจวและหนานโจว ก็มีคนผู้หนึ่งที่ต้องเอ่ยถึงเช่นกัน คนผู้นี้ก็คือหนิวโหย่วเต้าที่ทำให้กระหม่อมต้องพ่ายแพ้จนหลบหนีมา คนผู้นี้มิใช่คนที่จะยอมอยู่เฉยๆ รอรับความตาย เมื่อกระหม่อมมองออกว่าซางเจี้ยนสยงจะลงมือกับหนานโจว ก็ไม่มีทางที่เขาจะมองไม่ออก ตามความเห็นของกระหม่อม ภาพรวมของหนานโจวมั่นคงแล้ว เขาน่าจะไปเยือนจินโจวเพื่อปรึกษาเรื่องขอกำลังทหารมาช่วยสนับสนุน เตรียมการไว้ล่งหน้า ไห่หรูเยวี่ยเพิ่งคลอดเป็นโอกาสดีที่จะไปเยี่ยมเยือน หากว่ากระหม่อมเดาไม่ผิดไป เขาต้องอาศัยจังหวะนี้มุ่งหน้าไปหาแล้วแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ

“มีวังสวรรค์หมื่นวิมานคุมเชิงอยู่ หากไม่มีกำลังพอย่อมไม่กล้าเสี่ยงดำเนินการ ข่าวที่ไห่หรูเยวี่ยถูกพิษวังสวรรค์วิมานไม่กล้าประกาศออกไปแน่ มีแต่จะปกปิดเอาไว้ ตอนนี้ประกาศไปเสียใหญ่โต เกรงว่าจะต้องการโต้กลับให้ไห่อู๋จี๋ตั้งตัวไม่ถูก นี่มิใช่วิสัยงานในแบบของวังสวรรค์หมื่นวิมานเลย หนิวโหย่วเต้าคนนั้นมักใช้ทั้งพระเดชพระคุณ การกระทำนี้เหมือนจะเข้ากับนิสัยของหนิวโหย่วเต้าที่มักแก้ปัญหาด้วยวิธีการน่าแปลกใจ จากเบาะแสต่างๆ แล้ว ตนนี้เป็นไปได้สูงว่าหนิวโหย่วเต้าจะอยู่ที่จินโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซูสยงแปลกใจ หลังจากทราบว่าสุขภาพของคนผู้นี้ทนรับเรื่องสะเทือนใจไม่ได้ พอมีข้อมูลรายงายว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ในมณฑลจินโจว เขาจึงสั่งไม่ให้ ‘หอหยดหมึก’ รายงานเขาที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายนั้นให้คนผู้นี้เห็น อีกทั้งไม่ได้แจ้งเรื่องที่สั่งให้คนทางนั้นหาโอกาสจัดการหนิวโหย่วเต้าให้คนผู้นี้ทราบ

หากทำสำเร็จย่อมจะแจ้งเรื่องให้คนผู้นี้ได้ปรีดา หากว่าทำไม่สำเร็จแล้วพูดเอาไว้แต่แรกจะกลายเป็นการตบหน้าตัวเองไปเสีย

เรื่องที่เขาคาดไม่ถึงคือ คนผู้นี้กลับคาดเดาด้วยตัวเองได้อย่างแม่นยำว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่จินโจว ทำให้เขาตกใจขึ้นมาจริงๆ

หาได้ทราบไม่ว่าเซ่าผิงปอสงสัยอยู่แล้วว่าไท่ซูสยงจงใจปิดกั้นข่าวสารไม่ให้ตนรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่มณฑลจินโจว

แต่ความคิดของเซ่าผิงปอไม่ได้กลับสวนทางกับไท่ซูสยง เซ่าผิงปอคิดว่าไท่ซูสยงไม่อยากให้ตนสนใจเพียงความแค้นส่วนตัวเท่านั้น

“ในเมื่อเขาไม่มีทางอยู่เฉยเฝ้ารอความตาย เช่นนั้นตามความเห็นของเจ้าหนิวโหย่วเต้าคนนี้จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร?” ไท่ซูสยงถาม

พอเห็นว่าอีกฝ่ายเมินเฉยต่อปัญหาที่ว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ในมณฑลจินโจวไป เซ่าผิงปอก็ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตน หนิวโหย่วเต้าน่าจะอยู่ที่มณฑลจินโจวแล้ว

เขาชี้ไปที่แคว้นต่างๆ “มีความเป็นไปได้เพียงไม่กี่กรณี คงโน้มน้าวให้แคว้นเว่ย แคว้นฉี แคว้นหานและแคว้นซ่งเข้ามาสะกดข่มไว้ ราชทูตของแต่ละแคว้นก็อยู่ในจินโจวเป็นโอกาสเหมาะสำหรับเขาพอดี มีความเป็นไปได้อีกกรณีคือโน้มน้าวสามสำนักหลักของแคว้นเยี่ยนให้บังคับขัดขวาง แต่ความเป็นไปได้ในกรณีมีไม่มากพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงหนานโวอยู่ในมือแคว้นเยี่ยน ผู้ใดจะได้ไปครองก็ไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของพวกเขา ครั้งนี้ซางเจี้ยนสยงน่าจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว หากว่าอำนาจอยู่กับทางฝั่งซางเจี้ยนสยง ซางเจี้ยนสยงก็ถูกลิขิตให้มีชัยแล้ว สามสำนักหลีกไม่มีทางขัดแย้งกับซางเจี้ยนสยง ได้แต่ทำหลับตาข้างลืมตาข้างไป”

“ส่วนทางแคว้นเว่ยกับแคว้นฉี หวาดระแวงในแคว้นจิ้นอยู่ เน้นวางกำลังป้องกันแคว้นจิ้น ประกอบกับมีการเพิ่มทหารเข้ามาในครานี้ อย่างมากทั้งสองแคว้นก็แค่ป่าวร้องไปเพียงปากเท่านั้น ไม่มีทางโยกย้ายกำลังทหารเคลื่อนพลไปจริงๆ ไม่มีทางขู่ขวัญแคว้นจ้าวได้ ตัดทิ้งไปได้เลย ส่วนแคว้นหาน ซางเจี้ยนสยงทราบชัดเจนว่ากำลังพิพาทขัดแย้งกับแคว้นหานอยู่แต่ก็ยังจะลงมือกับหนานโจว เห็นได้ชัดว่าเตรียมใจสำหรับรับมือไว้แล้ว ตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีอำนาจดข่มได้มากที่สุดก็เหลือเพียงแคว้นซ่งแล้ว หนิวโหย่วเต้าน่าจะคิดหาทางลากแคว้นซ่งเข้ามาเกี่ยวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซูสยงร้องโอ้ “พอเอ่ยมาเช่นนี้ ในเมื่อมีแนวทางป้องกันแล้ว เราก็สามารถคิดหาทางขัดขวางไม่ให้เขาทำสำเร็จได้ ปล่อยให้หนานโจวถูกถล่มราบคาบเพื่อล้างแค้นแทนเจ้าได้พอดี!”

“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” เซ่าผิงปอห้ามทันที จากนั้นก็หันไปหาประสานมือเอ่ยว่า “พระเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมขอน้อมรับ เรื่องนี้หากแตะต้องเพียงน้อยก็กระทบเป็นวงกว้าง งานใหญ่ของทางฝ่าบาทเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่จะจัดเตรียมกำลังทหารให้พร้อมพิชิตตะวันออกจนได้แคว้นเว่ยและแคว้นฉีมาครอง ไม่อาจปล่อยให้สี่แคว้นตะวันตกมีโอกาสแข็งแกร่งขึ้นมาได้ จะปล่อยให้พวกเขาคนใดผนวกดินแดนรวมเป็นปึกแผ่นไม่ได้ต้องคงสภาวะที่แตกแยกกระจัดกระจายดั่งเม็ดทรายเช่นนี้เอาไว้ ย่อมเป็นประโยชน์สูงสุดเมื่อฝ่าบาทบุกพิชิตในภายภาคหน้าพ่ะย่ะค่ะ!”

ไท่ซูสยงมองเขาแล้วพยักหน้าถี่ๆ เอ่ยด้วยสีหน้าชื่นชม “วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน!”

ไหนเลยจะทราบว่าเซ่าผิงปอคิดอยากฉวยโอกาสเข้าแทรกแซงให้มณฑลหนานโจวย่อยยับจริงๆ หากว่าที่นี่คือมณฑลเป่ยโจวของเขา เขาต้องทำเช่นนี้แน่นอน

ในมุมมองของตัวเขา หนิวโหย่วเต้าคนนั้นอันตรายกว่ามณฑลหนานโจวมากนัก แต่ด้วยทรัพยากรของแคว้นจิ้นไม่เอื้อยให้เขาดำเนินการล้างแค้นส่วนตัวได้

ประเด็นหลักคือหนิวโหย่วเต้าเป็นคนที่สร้างเรื่องน่าแปลกใจได้เสมอ ต่อให้เข้าแทรกแซงก็ยังไม่แน่ว่าจะขัดขวางได้ ไม่มีใครรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะลงมืออย่างไร หากแตะแต่ทรัพยากรแคว้นจิ้นแล้วไม่เป็นผลใดๆ ขึ้นมา มิใช่เรื่องดีสำหรับผู้มาใหม่อย่างเขาเลย จะถูกคนเขาวิจารณ์เสียหายได้ง่ายๆ การที่เขาเพิ่งมาถึงก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาททำให้มีคนมากมายไม่พอใจขึ้นมาแล้ว

หากต้องการกำจัดภัยร้ายในภายหน้าให้เด็ดขาด มิสู้ขอให้ทางแคว้นจิ้นส่งยอดฝีมือไปพยายามกำจัดหนิวโหย่วเต้าทุกวิถีทางจะดีกว่า แต่การล้างแค้นในเรื่องส่วนตัวเช่นนี้เขาพูดออกไปไม่ได้

ช่วงแรกยังลงหลักปักฐานได้ไม่มั่นคง มีหลายเรื่องที่ไม่สะดวกจะลงมือ

ประกอบกับสงสัยว่าไท่ซูสยงกำลังหยั่งเชิงอยู่ เขาจึงทำได้เพียงแสดงท่าทีใส่ใจรูปการณ์โดยรวมของแคว้นจิ้นมากกว่า

…………………………………………………………………….

สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด

สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด

Status: Ongoing
หลังจากฟื้นขึ้นมา ไป๋เสวี่ยเหมยพบว่าตนกำลังเปลือยเปล่าอยู่กับอาช่าน...บ่าวใบ้ผู้ต่ำต้อย เมื่อความทรงจำต่างๆ ย้อนคืน จึงระลึกได้ว่านางกลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิม เป็นคุณหนูใหญ่ไป๋แสนร้ายกาจเมื่อสองปีก่อนที่วางแผนทำลายน้องสาว...ไป๋มู่หลานให้เสียตัวเป็นเมียบ่าวใบ้ เพื่อจะแย่งชิงรองแม่ทัพหวังอี้หาน ชายหนุ่มหล่อเหลาอนาคตไกลผู้ปักใจรักน้องสาวมาเป็นคนรักตนแผนกลับผิดคาด นอกจากเล่นงานน้องสาวที่มีแต่คนรุมรักไม่สำเร็จ นางยังตกเป็นเมียบ่าวใบ้แทน ทว่าสิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือชาตินี้ตัวตนนางได้เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากไม่โวยวาย ยังน้อมรับชะตากรรมแสนบัดซบอย่างยินดี...ในห้วงเวลาเป็นตายสุดท้าย นางได้รู้แล้วว่าอาช่านดีต่อตนเพียงใด ทั้งที่นางตบตีด่าทอเขาสารพัดในชาติก่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายทำให้ตนมีชะตากรรมเลวร้าย เขากลับยังทำทุกอย่างเพื่อนาง...กระทั่งยอมถูกโจรป่าฆ่าเพื่อช่วยชีวิตนางเอาไว้ไป๋เสวี่ยเหมยไม่คิดเลยว่าการยอมรับชะตากรรมครั้งนี้เพื่อไถ่โทษให้อาช่าน หลังเปิดใจยอมรับเขาเป็นสามี...อาช่านเจ้าลูกเต่าขี้อาย แท้จริงกลับเป็นเสือร้ายหิวกระหาย ‘รัก’ นางอย่างหิวโหยร้อนแรงเสียเหลือเกิน!วันหนึ่งเมื่อทั้งสองเข้าป่าไปพบสุสานถ้ำหยกปริศนา อาช่านได้แช่ตัวในสระหยกและสัมผัสกับแหวนรัตนบุปผา ความทรงจำตลอดจนพละกำลังของเขาพลันกลับคืน ทั้งยังหายเป็นใบ้ ไป๋เสวี่ยเหมยจึงรู้ว่าตนได้ครอบครองสามีที่เป็นดุจพลอยชั้นดียิ่งกว่าสตรีนางใด หาใช่คนเร่ร่อนต่ำต้อยที่นางรับมาเป็นบ่าวแค่เพราะถูกใจดวงตาสีอำพัน อาช่านตัวจริงเป็นถึงตงฟางหงจวิ้น ประมุขหุบเขาโลหิตผู้รวยล้นฟ้า ทั้งยังมากด้วยบารมี เก่งกล้าจนใต้หล้าต้องยำเกรง ด้วยเหตุนี้จึงถูกคนในริษยา ลอบทำร้ายด้วยการวางยาพิษเพื่อสังหาร เขาจึงความจำเสื่อม พูดไม่ได้และพลังหดหายเพราะยาพิษ กระทั่งกลายเป็นอาช่านบ่าวใบ้ของไป๋เสวี่ยเหมย ฮ่องเต้แคว้นอู่ยังต้องเกรงใจเขาเกินสิบส่วน ภายหลังจึงสมคบคิดกับคนในหุบเขา ซึ่งเป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวอย่างตงฟางหลี่เฉิน อาแท้ๆ ของตงฟางหงจวิ้น วางแผนยึดครองหุบเขาโลหิต โดยฝ่ายหลังต้องการเพียง ‘แหวนรัตนบุปผา’ ที่ผู้เป็นหลานครอบครอง และเขาก็คือคนที่ทำร้ายตั้งแต่พ่อของหงจวิ้น กระทั่งหงจวิ้นขึ้นเป็นประมุขยังไม่เลิกรา โดนเขาทำร้ายซ้ำจนเกือบจะสำเร็จ เพื่อให้ได้ครอบครองแหวนและขึ้นเป็นประมุขหุบเขา ความร่วมมือกันครั้งนี้ก่อให้เกิดศึกใหญ่ระหว่างแคว้นอู่กับเจ้าหุบเขาศึกระหว่างแคว้นอู่กับประมุขหุบเขาโลหิตจะลงเอยเช่นไร เมื่อสุดท้ายไป๋เสวี่ยเหมยถูกจับตัวไปต่อรองกับแหวนรัตนบุปผา หากความจริงปรากฏว่าชาติก่อนนางเคยทำให้เขาตายมาแล้ว อาช่านหรือตงฟางหงจวิ้นผู้นี้จะอภัยให้นาง...ช่วยชีวิตนางอีกครั้งหรือไม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท