บทที่ 787 ไม่ว่ากระทำการใดจักต้องมีใจยำเกรง!
ยังไม่ได้อีกหรือ? ยังห่างชั้นอีกไกลหรือ!?
ปากจองหองยิ่งนัก!
“ขอข้าดูหน่อยเถิดว่าความมั่นใจของเจ้ามาจากไหน!”
บรรพจารย์เผิงกระพือปีกโจมตีอีกครั้ง หนนี้ มันปะทุพลังจนทวีความรุนแรงขึ้น ปีกทั้งปีกแทบกลายเป็นยอดศาสตรา ขนทุกเส้นบนปีกต่างแฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้าง!
หลังมันลงมือแล้ว หากหลิงอินยังกล้าโผล่หัวเข้ามา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลิงอินไม่ธรรมดาเป็นแน่ อาจมีไพ่ตายน่าสะพรึงกลัวบางอย่างในมือ หากมิใช่เช่นนั้น หลิงอินไฉนเลยจะกล้าออกมาหลังได้ประจักษ์ถึงความเก่งกาจของมัน
เป็นไปไม่ได้เลย!
เพราะอย่างนั้น มันจึงมิได้ชะล่าใจ เพิ่มพูนพลังยามตวัดปีกเข้าห้ำหั่น!
หลิงอินมีสีหน้าสงบ มิได้มีความแปรเปลี่ยนทางอารมณ์ ขณะที่ปีกของบรรพจารย์เผิงใกล้กระแทกตัวนาง นางก็เคลื่อนไหว
มือขาวผุดผ่องข้างหนึ่งยื่นออกไปอย่างแช่มช้า
เทียบกับปีกของบรรพจารย์เผิงที่ตวัดเข้ามาแล้ว มือของนางกระจิดริดจนมิควรค่าแก่การกล่าวถึง
ทว่ามือเช่นนี้ที่ใหญ่มิสู้ขนปีกครึ่งเส้นของบรรพจารย์เผิง กลับหยุดยั้งการฟาดฟันของปีกบรรพจารย์เผิงได้!
“อะไรกัน!”
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลต่างตกใจแทบบ้า ตัวสั่นระริก สะท้านไปทั้งดวงวิญญาณ!
มือขาวผุดผ่องของหลิงอินปะทะกับปีกของบรรพจารย์เผิง แสงสว่างพวยพุ่งออกมามหาศาล อักขระกฎระเบียบโลดแล่น สกัดกั้นปีกของบรรพจารย์เผิงได้ทั้งหมด จนปีกของบรรพจารย์เผิงไม่สามารถเดินหน้าได้แม้แต่น้อย!
ต้องมีขอบเขตระดับใดกัน!
ก่อนนี้มีเซี่ยเหยียน ต่อมามีหลิงอิน แต่ละคนแล้วอ่อนเยาว์ แต่กลับมีพลังขอบเขตแกร่งกล้าน่าครั่นคร้าม หรือว่าอาณาจักรนี้จะเป็นอาณาจักรสูงสุด แม้แต่แดนบรรพโกลาหลยังเทียบไม่ติดหรือ!?
อีกด้าน บรรพจารย์เผิงหรี่ตาลง คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้!
มันเพิ่มพูนพลังแล้ว กระนั้นหลิงอินก็ยังสกัดไว้ได้ ไม่แปลกเลยที่หลิงอินกล้าออกหน้า
นอกจากนี้ เรื่องที่มันคิดไม่ถึงเลยคือ เดิมมันคิดว่าหลิงอินมีไพ่ตายบางอย่างในมือ และมีพลังจากด้านนอกเจือจุน ทว่าผลกลับมิได้เป็นเช่นนั้น พลังที่ว่านั้นมาจากตัวหลิงอินเอง!
เป็นไปได้อย่างไร!
มันฝึกฝนมาล้านล้านปีถึงมีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ หลิงอินทำได้ด้วยวัยเท่านี้เองหรือ!?
ต้องเป็นผู้ที่ผิดแปลกเพียงใดกัน!
ฟึ่บ!
ฝ่ามือของหลิงอินที่ยับยั้งปีกบรรพจารย์เผิงได้นั้นแปล่งแสงเจิดจ้าออกมาอีกครั้ง นางจับปีกของบรรพจารย์เผิง และยกตัวบรรพจารย์เผิงขึ้นจนเท้าไม่ติดพื้น!
ปีกอีกข้างของบรรพจารย์เผิงรีบตวัดฟาดฟันไปหาหลิงอิน เปล่งประกายเจิดจรัส
หลิงอินยื่นมืออีกข้างออกไปหยุดยั้งปีกข้างนั้นของบรรพจารย์เผิงได้ทันที ซ้ำยังจับค้างไว้ในมือต่อ
บรรพจารย์เผิงร้อนรนทนมิไหว สองมือของหลิงอินราวกับมีพลังมหาศาล จับปีกสองข้างของมันไว้อย่างแน่นหนา ไม่ว่ามันสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด!
เสียงดังตู้ม มันอ้าปากพ่นอสนีบาตออกมาถล่มใส่หลิงอิน
หลิงอินเงยหน้า ลำแสงพวยพุ่ยออกจากตาทั้งสองข้างโดยมีอักขระรายล้อม บดขยี้อสนีบาตสายนั้นจนแหลกลาญได้ในพริบตา
โฮก!
บรรพจารย์เผิงส่งเสียงคำราม พลังในตัวปะทุออกมาเต็มที่ มันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน กระบี่คมกล้าเล่มหนึ่งตวัดออกจากส่วนหน้าผากอย่างรวดเร็ว
นี่คือยอดศาสตรากลุ่มแรกในจักรวาลโกลาหล มีนามว่ากระบี่บั่นเทพ ใช้ตัดวิญญาณโดยเฉพาะ และเพราะมียอดศาสตราชิ้นนี้ในครอบครอง จ้าวแห่งดินแดนต่าง ๆ ถึงยำเกรงต่อมันอย่างยิ่งยวด
กระบี่คมส่องแสง ว่องไวจนวัดมิได้ เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก็พุ่งเข้าไปในสมองของหลิงอิน!
หลิงอินเป็นถึงว่าที่บรรพจารย์เต๋าโกลาหล กายเนื้อแข็งแกร่งตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ทว่ากระบี่คมเล่มนี้กลับทลายกายเนื้อหลิงอินได้สบาย ทะลวงเข้าไปถึงสมองของหลิงอิน ทรงพลังจริง ๆ มิใช่อาวุธธรรมดาเลย!
หลังเห็นกระบี่คมทะลวงเข้าไปในสมองของหลิงอิน ดวงตาบรรพจารย์เผิงก็เบิกตาทั้งยังวาวโรจน์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติอย่างกลั้นไม่อยู่!
“โอหังนักหรือ สุดท้ายก็ต้องตายด้วยมือข้าอยู่ดี!”
มันหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่ง ลำพองเป็นหนักหนา กระบี่บั่นเทพใช้ตัดวิญญาณโดยเฉพาะ หลังเข้ามาในสมองของหลิงอิน วิญญาณของหลิงอินจักถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางเป็นอื่นไปแน่นอน!
ทว่าเวลานั้นเอง กระบี่บั่นเทพถูกไล่ต้อนออกมา!
เสียงดังปึง ตามด้วยเสียงแหลกลาญ กระบี่บั่นเทพไม่เพียงแต่ถูกไล่ต้อนออกมา แต่ยังแตกสลาย ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย!
“อะไรกัน!”
บรรพจารย์เผิงตกใจแทบบ้า นี่นางต้องผิดมนุษย์มนาขนาดไหนกัน แม้แต่กระบี่บั่นเทพยังสู้มิไหว ซ้ำร้ายยังถูกทำลายอีก มันนึกเสียใจเป็นที่สุด หลิงอินแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย!
ขั้นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลเป็นระดับที่เพิกเฉยต่อกฎระเบียบทั้งปวงได้ เรียกได้ว่า กระทำการตามอำเภอใจในจักรวาลโกลาหลได้เลย
แม้ว่าหลิงอินจะยังไม่บรรลุขั้นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลอย่างสมบูรณ์ กระนั้นก็ย่างเท้าเข้าไปได้ข้างหนึ่งแล้ว ถือเป็นว่าที่บรรพจารย์เต๋าโกลาหล สัมผัสระดับบรรพจารย์เต๋าโกลาหลมาแล้ว นี่มิใช่ระดับที่บรรพจารย์เผิงจะทัดเทียมได้
บรรพจารย์เผิงคิดจะฆ่าล้างวิญญาณของหลิงอินด้วยกระบี่บั่นเทพนั้นเป็นไปได้ที่ไหน ไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว
พรวด!
โลหิตสาดกระจายราวกับฝนเลือด หลิงอินออกแรงที่มือทั้งสองข้าง ฉีกปีกสองข้างของบรรพจารย์เผิงออกมา!
“หา!?”
พญาครุฑทองหมดแรงทรุดลงกับพื้น ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก สายตาเลื่อนลอย คิดไม่ถึงเลยว่าท่านบรรพจารย์จะกลายมามีสภาพเดียวกับมัน ถูกเด็ดปีกทั้งสองข้างออกไป
จบสิ้นแล้ว มันทำให้ท่านบรรพจารย์ต้องติดร่างแหไปด้วย!
“!!!”
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลชาไปทั้งหนังศีรษะ และยังมีอีกไม่น้อยที่ผวาจนปัสสาวะราด สีหน้าซีดเผือด ไม่เหลือความฝาดเลือด
สะเทือนเลือนลั่น!
นั่นคือบรรพจารย์เผิงเชียวนะ ตัวตนไร้เทียมทานระดับอาวุโสในแดนบรรพโกลาหล กลับถูกหลิงอินกระชากปีกทั้งสองข้างออก!
สวรรค์! พวกเขาขาสั่นกันหมด หากมีสายลมพัดผ่าน พวกเขาคงถูกพัดจนล้มตึงกับพื้น!
“พวกเราบังอาจคิดจะยึดครองอาณาจักรระดับนี้ ฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรระดับนี้!”
“พวกเราเสียสติไปแล้วหรือไร!”
สิ่งมีชีวิตจากดินแดนชายขอบที่ยังมีชีวิตอยู่ผวาขึ้นมาอย่างยิ่งยวด พวกเขาช่างด้อยปัญญาเหลือเกิน ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย!
อีกด้าน บรรพจารย์เผิงหมอบลงกับพื้นด้วยความหมดแรง ไม่เหลือท่าทีแข็งกร้าวอย่างตอนมา บัดนี้ มันไม่เหลือพลังชีวิตใดอีก ท่าทางเซื่องซึมสลด
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ายังไม่ไหว”
หน้าตาหลิงอินเรียบนิ่ง เก็บปีกคู่นั้นของบรรพจารย์เผิงไป
“พี่หลิงอิน เหตุใดถึงต้องเก็บปีกของตาเฒ่าเช่นนี้ด้วย เนื้อคงเหนียวน่าดู น่ากลัวว่ากินแล้วจะติดฟัน!”
ต้าเต๋อวิ่งไปอยู่ข้างกายหลิงอินพลางกล่าว
เดิมบรรพจารย์เผิงไม่เหลือความกระปรี้กระเปร่าแล้ว ห่อเหี่ยวเป็นที่สุด แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้าเต๋อ มันก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในบัดดล โมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว
คนบ้าอะไร!
คิดจะกินปีกของมันไม่พอ ยังรังเกียจเดียดฉันท์กันปานนี้อีกด้วย!?
มันเดือดดาลยิ่งนัก อยากจะฉีกต้าเต๋อเป็นชิ้น ๆ เจ้าหัวโล้นตัวน้อยนี่น่าชิงชังจริงเชียว!
อนิจจา มันได้แต่คิดเท่านั้น
หากมันทำเช่นนั้นจริง น่ากลัวว่าหลิงอินจะฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ก่อน!
“ไม่ใช่อาหารของเรา เป็นอาหารของบรรดาสัตว์อสูรลากรถ”
หลิงอินเอ่ยพลางแย้มยิ้ม
เมื่อคราวนางมายังที่นี่ สัตว์อสูรทั้งเก้าก็มาหานาง เอ่ยว่าหากพวกเขามิสู้จะพอใจในปีกของบรรพจารย์เผิงเท่าใด ก็ยกให้พวกมันกินได้ พวกมันอยากกินมาก
ว่าอะไรนะ!?
บรรพจารย์เผิงโมโหจนอกแทบระเบิด มันถูกรังเกียจเดียดฉันท์จริง ๆ หรือ!
นี่มันได้ยินอะไร?
ให้สัตว์อสูรลากรถกิน!
ต้องสบประมาทปีกของมันถึงเพียงใดกัน!
อ๊ากกก! มันอยากระเบิดเสียให้ได้!
“ให้สัตว์อสูรลากรถกินหรือ! ฟุ่มเฟือย…ถึงเพียงนี้เชียว!”
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลตาโต นั่นคือปีกของบรรพจารย์เผิงเชียวนะ หลังกินลงไป ต้องได้รับประโยชน์มหาศาลแน่นอน แต่หลิงอินกลับไม่แยแส คิดจะยกให้สัตว์อสูรลากรถกิน!
พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรกล่าวถ้อยคำใด!
แต่ลองไตร่ตรองดูแล้ว ตัวตนสยดสยองไร้เทียมทานอย่างหลิงอินจะไม่เห็นปีกของบรรพจารย์เผิงอยู่ในสายตาก็นับว่าปกติ ถึงอย่างไร บรรพจารย์เผิงก็แก่จริง ๆ อยู่มากว่าล้านล้านปีแล้ว
อีกด้าน เซี่ยเหยียนยกมือยิงศรหนึ่งดอก ปลิดชีพครุฑปีกทองลงทันที
นางรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้ก่อนหน้า
ก่อนนี้นางกล่าวไว้ว่า หากครุฑปีกทองกล้ามาอีกจักต้องตาย นางไม่มีทางปล่อยครุฑปีกทองไป
นอกจากนี้ นางมิได้สังหารครุฑปีกทองด้วยจุดประสงค์ธรรมดา แต่นางต้องการสังหารให้สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลเหล่านั้นดู ลำพังการข่มขวัญด้วยพลังยังไม่พอ ต้องมีการลงโทษที่เฉียบขาด
มิฉะนั้น จะต้องมีสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งมักง่าย หวังว่าตนเองจะเอาตัวรอดได้!
ได้เห็นครุฑปีกทองถูกสังหารกับตา บรรพจารย์เผิงตาแดงก่ำ มันโมโหเหลือแสน กระนั้นท้ายที่สุดก็ต้องยอมจากไปทั้งอย่างนี้
“ใช่ว่าไม่ให้พวกเจ้ามา อยู่ร่วมกันด้วยความปรองดองไม่ดีหรือ อย่าคิดว่าพวกเจ้าแข็งแกร่งทรงพลังแล้วจะกระทำการตามอำเภอใจได้ สิ่งมีชีวิตที่แกร่งกล้ากว่าพวกเจ้าในใต้หล้านี้มีอยู่ถมเถ ก่อนกระทำการใดจะต้องมีใจยำเกรง!”
หลิงอินทอดสายตาไปทางแดนบรรพโกลาหล เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ เสียงของนางส่งไปถึงหูของบรรดาสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลอย่างชัดเจน
หลังจากนั้น นางกับเซี่ยเหยียนไปจากที่นี่ หายไปจากสายตาทุกคน
“จบลงเช่นนี้หรือนี่…”
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังอยู่ทั่วทุกสารทิศในแดนบรรพโกลาหล ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เห็นอาณาจักรนอกแดนบรรพโกลาหลอยู่ในสายตาสักนิด
บัดนี้ พวกเขาได้รับบทเรียนอย่างหนักหน่วง ต่อให้พวกเขาอยู่ในแดนบรรพโกลาหล ก็ไม่ควรดูหมิ่นอาณาจักรด้านนอก เหนือฟ้ายังมีฟ้า แดนบรรพโกลาหลใช่ว่าจะอยู่เหนือทุกสิ่ง!
จนบัดนี้ พวกเขาไม่เหลือความดูแคลนเช่นนั้นอีก
และล้มเลิกความคิดก่อนหน้าของพวกเขาด้วย
ก่อนนี้ พวกเขาคิดไว้ว่า ยามแดนบรรพโกลาหลปรากฏออกไปสู่ใต้หล้าอย่างสมบูรณ์แล้ว หากมีสิ่งมีชีวิตภายนอกบังอาจก้าวเท้าเข้ามาในแดนบรรพโกลาหล พวกเขาจักต้องกำจัด สังหารสิ่งมีชีวิตภายนอกทุกตนที่กล้าก้าวเท้าเข้ามาในแดนบรรพโกลาหล ไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตภายนอกทำให้แดนบรรพโกลาหลต้องแปดเปื้อน
บัดนี้ พวกเขาล้มเลิกความคิดเช่นนั้นกันหมด มิกล้าคิดอีกต่อไป!
ถึงครานั้น หากสิ่งมีชีวิตภายนอกอยากเข้ามาก็ปล่อยให้เข้ามาเถิด เป็นเช่นที่หลิงอินว่า ถึงเวลานั้น พวกเขาจะอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตภายนอกด้วยความ ‘ปรองดอง’
…
ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่
บรรพจารย์เหยียนพาเจ้าหลวงบุกทำลายมหานครพิศวงไปมาก ซ้ำบรรพจารย์เหยียนยังดูดกลืนพลังพิศวงลางร้ายในมหานครพิศวงเหล่านั้นจนเกลี้ยง
พลังของมันฟื้นกลับมาอีกครั้ง แม้จะยังคืนสภาพได้ไม่สมบูรณ์ กระนั้นก็ใกล้เต็มทีแล้ว
เดิมมันคิดจะพาเจ้าหลวงกวาดล้างนครพิศวงแห่งอื่นต่อ ทว่าในตอนนั้นเอง มันเปลี่ยนใจ
มันมองไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมเอ่ยเสียงเบา “แดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมาแล้วหรือ”
ทิศทางนั้นมีปราณโกลาหลลอยออกมา มันคิดว่าบางทีผนึกของแดนบรรพโกลาหลคงไม่มีอยู่แล้ว และเกิดการเชื่อมต่อกับอาณาจักรภายนอก
มันทำสงครามกับแดนบรรพโกลาหลมายาวนาน ย่อมรู้สถานการณ์ในแดนบรรพโกลาหลเป็นอย่างดี
มันรู้ว่า แดนบรรพโกลาหลอยู่ในสภาวะถูกผนึกเรื่อยมา มิได้เชื่อมต่อกับภายนอก
บัดนี้ มีปราณโกลาหลล่องลอยออกมา บ่งบอกว่าแดนบรรพโกลาหลมิได้อยู่ในสภาวะปิดผนึกอีก หากแต่เชื่อมต่อกับอาณาจักรภายนอกแล้ว
“ไปเถิด เราไปดูที่นั่นกันหน่อย”
มันเคลื่อนไหว เตรียมพาเจ้าหลวงไปยังที่นั่น
หากเป็นเช่นที่มันคิดจริง ย่อมเป็นเรื่องประเสริฐอย่างไม่ต้องสงสัย มันสามารถเข้าใกล้แดนบรรพโกลาหล เป็นไส้ศึกจากภายใน สร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลอย่างร้ายแรง
“ท่านพ่อบุญธรรม เราจะไปที่ใดกันหรือ!?”
เจ้าหลวงสะดุ้งโหยง เอ่ยเสียงค่อย “พวกเราคงมิได้จะไปยังอาณาจักรอวี้ซวีใช่หรือไม่!”
เขากลัวแล้วจริง ๆ อาณาจักรอวี้ซวีเต็มไปด้วยฝันร้ายของเขา สหายของเขา พี่ใหญ่ของเขา ไหนจะท่านพ่อบุญธรรมผู้แสนดีของเขา ต่างตายเพราะไปอาณาจักรอวี้ซวี!
เขาไม่ต้องการให้บรรพจารย์เหยียน ท่านพ่อบุญธรรมคนนี้มีอันเป็นไป
หากบรรพจารย์เหยียน ท่านพ่อบุญธรรมของเขายืนกรานจะไปอาณาจักรอวี้ซวีให้ได้ เขาจะห้ามบรรพจารย์เหยียน ท่านพ่อบุญธรรมของเขาสุดชีวิต
“อาณาจักรอวี้ซวีหรือ ไม่ เรากำลังเดินทางไปยังอีกอาณาจักร”
บรรพจารย์เหยียนกล่าว ตอนนี้ มันรู้เรื่องในอาณาจักรทั้งปวงมามากแล้ว รู้ว่าอาณาจักรอวี้ซวีอยู่ที่ใด
ปราณโกลาหลมวลนั้นมิได้ส่งออกมาจากอาณาจักรอวี้ซวี มันไม่ไปอาณาจักรอวี้ซวีนั่นหรอก
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! ไม่ใช่อาณาจักรอวี้ซวีก็ไม่เป็นไร!”
เจ้าหลวงคลี่ยิ้มสดใส ไม่เหลือความกังวลใดอีก
ตราบใดที่มิใช่อาณาจักรอวี้ซวี จะไปที่ไหนก็ได้!
‘ท่านพ่อบุญธรรมผู้นี้จะอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดชีวิต!’
เขาคิดในใจ
บรรพจารย์เหยียน ท่านพ่อบุญธรรมของเขาแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนั้น เป็นถึงบรรพจารย์พิศวงลางร้าย เขาเชื่อว่า บรรพจารย์เหยียน ท่านพ่อบุญธรรมของเขาย่อมไม่ถูกเขาข่มดวง และสามารถอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิต!