ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1006 อริยะสวรรค์สู้เพื่อฟ้าบุพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1006 อริยะสวรรค์สู้เพื่อฟ้าบุพกาล

ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลทรุดตัวถล่มลงอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้ทรงพลังที่ถูกค่ายกลขวางกั้นไว้ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

“นั่นคือสิ่งใด”

“กลิ่นอายนั้นน่าหวาดกลัวยิ่ง ข้าถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคบุกเบิกฟ้าบุพกาล ยังไม่เคยพบเห็นตัวตนเช่นนี้เลย!”

“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกแปลกแยกไปจากฟ้าบุพกาล…”

“อริยะสวรรค์ พวกเราควรทำเช่นไรดี”

“ไม่คิดเลยว่าโลกขนาดใหญ่ใต้ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลจะดำเนินการโจมตีเร็วถึงเพียงนี้”

….

พอได้ฟังเสียงวิจารณ์จากรอบข้าง สีหน้าของเทพมหาทัณฑ์ก็ไม่น่ามองอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็คงไม่สบอารมณ์ที่ถูกหลอกลวง

เขามองไปที่หานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ให้ร่างต้นของเจ้าปกป้องเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ต่อไป อย่าให้กระทบไปถึงพวกเขา”

เทพมหาทัณฑ์พยักหน้ารับ

หานเจวี๋ยพลันซัดฝ่ามือออกไป เป็นฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร ฝ่ามือนี้ดูคล้ายจะแผ่วระโหยอ่อนแรง แต่เมื่อแขนของเขาเหยียดตรงแล้ว ค่ายกลที่โอบล้อมเมืองทศพิธอยู่ก็พังทลายลง เกิดพายุพัดกระโชกกวาดม้วนไปทั่วสารทิศ

ชิงเทียนเสวียนจีที่อยู่นอกเมืองทศพิธแสดงสีหน้าตกตะลึง สายตาจ้องเขม็งไปที่หานเจวี๋ย

อริยะสวรรค์เกรียงไกร!

ชิงเทียนเสวียนจีขมวดคิ้วแน่น พึมพำว่า “เป็นไปได้อย่างไร…”

เหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลตกตะลึงกับพลังของหานเจวี๋ย จากนั้นก็ดีใจขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

พวกเขาต่างหยิบอาวุธวิเศษออกมา เตรียมมุ่งหน้าไปปกป้องกฎเกณฑ์สูงสุด แต่เงาร่างใหญ่มโหฬารนั้นขวางอยู่เหนือนภา ไม่ว่าพวกเขาจะสำแดงพลังวิเศษอย่างไรก็ไม่สามารถโผล่พ้นไปจากอีกฝ่ายได้

“อริยะสวรรค์เกรียงไกร การกระทำนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร”

เสียงหนึ่งแว่วขึ้นในหูของหานเจวี๋ย

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล!

หานเจวี๋ยรู้ดีว่าเขาต้องพ่ายแพ้แน่นอน แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย ต่อให้ตายไปตอนนี้ก็ยังฟื้นคืนชีพด้วยเสี้ยววิญญาณในอาณาเขตเต๋าได้

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล สายตามองตรงไปยังร่างชิงเทียนเสวียนจี

วินาทีนั้น ชิงเทียนเสวียนจีรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าพรั่นพรึง ทำให้เขาตัวสั่น

“หานเจวี๋ย ไม่ง่ายเลยกว่าเจ้าจะฝึกบำเพ็ญมาได้ ยังไม่รีบถอยอีกหรือ!”

น้ำเสียงทรงอำนาจดังขึ้นมา ดังลั่นสะเทือนแก้วหู ทำให้สิ่งมีชีวิตทั่วเมืองตื่นตระหนก

ฟังจากสำเนียงแล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกร!

ทุกสิ่งมีชีวิตในเมืองนี้รู้จักนามของหานเจวี๋ยดี

สีหน้าหานทั่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่น

‘เสียงนี้…เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…’

‘ช้าก่อน! ตัวตนที่ไม่อาจกล่าวนามได้ท่านนั้นหรือ’

หานทั่วนึกถึงตัวตนเหนือชั้นที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเคยพาเขาไปพบในสมัยอดีตกาลนานมาแล้ว

เขาเบิกตากว้าง สีหน้าตกตะลึงหวาดหวั่น

อี๋เทียนเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป”

หานทั่วส่ายหน้าไม่ได้พูดอะไรออกไป ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ สถานการณ์ในตอนนี้เขาเข้าไปข้องเกี่ยวไม่ได้

เขาเงยหน้ามองหานเจวี๋ยที่อยู่เหนือนภา

ท่านพ่อ

ท่านจะจัดการอย่างไร

พอหานเจวี๋ยได้ยินคำขู่ของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ เขาก็แสร้งทำเป็นฉงนเอ่ยถามออกไป “ท่านผู้สูงศักดิ์เป็นใครกันแน่ แจ้งนามมาเถิด!”

“นามของข้า ผู้ที่ได้ยินจะต้องแบกรับกรรมมหันต์ ไม่ว่าจะเป็นอริยะมหามรรคหรือยอดมหามรรคก็เป็นเช่นเดียวกัน”

ช่างวางท่าเก่งเหลือเกิน!

เก่งกว่าผู้เฒ่าเสียอีก!

หานเจวี๋ยละอายใจนัก รู้สึกว่าทักษะเสแสร้งวางท่าของตนยังคงห่างชั้นจากรุ่นอาวุโสมากโข

แต่ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็ต้องแสดงต่อไป!

“สรรพสิ่งขนานนามข้าว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกร เหล่าสหายเต๋าก็ยกย่องเชิดชูข้า ด้วยเกียรติของข้า ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นผู้ใด ในเมื่อกล้ามารุกรานฟ้าบุพกาลคิดทำร้ายสรรพสิ่ง เช่นนั้นตัวข้าหานเจวี๋ยไม่มีทางยอมถอยให้แน่นอน!”

เสียงของหานเจวี๋ยดังก้องไปทั่วเมืองทศพิธ ยอดสมบัติทั่วร่างเปล่งแสงเทพออกมา

ผู้สร้างมรรคาแล้วอย่างไรเล่า!

ด้วยยอดสมบัติที่เขามีอยู่สามารถต้านรับผู้สร้างมรรคาได้ชั่วระยะหนึ่ง เพียงพอแล้ว!

ที่เหลือก็รอให้เจ้านวฟ้าบุพกาลออกโรง!

เสียงตะโกนโห่ร้องชื่นชมดังขึ้นมาจากเมืองทศพิธ ล้วนเปล่งนามของอริยะสวรรค์เกรียงไกร

เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นโลหิตเดือดพล่าน มองหานเจวี๋ยอย่างเคารพเทิดทูน

ส่วนเหล่าผู้ทรงพลังพอได้ยินวาจานี้ของหานเจวี๋ย ในใจพลันโล่งปลอดโปร่งทันที สายตาที่มองหานเจวี๋ยแปรเปลี่ยนเป็นยกย่องนับถือ

ที่ผ่านมาพวกเขากริ่งเกรงในความแข็งแกร่งของหานเจวี๋ย ทว่าวันนี้กลับนึกเลื่อมใสในความกล้าหาญและมีคุณธรรมของเขา

พวกเขาทราบดีว่าฟ้าบุพกาลเคยคุกคามหานเจวี๋ยมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลย หลังจากกลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาล ก็แบกรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งยิ่งไว้เช่นกัน

เวลานี้เอง เสียงของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลแว่วขึ้นในหูหานเจวี๋ย “เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าหรือ”

ชิงเทียนเสวียนจีคือตัวหมากที่เขาจัดเตรียมไว้ ดังนั้นเทวาที่หนึ่งจึงเข้ายึดครองร่างได้อย่างไร้อุปสรรค

หานเจวี๋ยตอบในใจ ‘ข้าแค่รับปากพิจารณา แต่ไม่คิดเลยว่าท่านจะแอบอ้างชื่อข้าไปเร่หลอกลวงคนทั่วสารทิศ รวมถึงหลอกลวงเทพมหาทัณฑ์ด้วย หากวันนี้ท่านทำลายสรรพสิ่งในเมืองทศพิธไป แล้ววันหน้ายังจะยอมปล่อยมรรคาสวรรค์เราไว้หรือ’

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลไม่ได้เอ่ยตอบอีก

ตูม!

เสียงดังสะท้านฟ้าดินแว่วขึ้น มองเห็นชิงเทียนเสวียนจีย่อกายกระโจนขึ้นมา มุ่งโจมตีหานเจวี๋ย มือซ้ายของเขากุมทวนยาวสลักอักขระเทพสีเงินเจิดจ้าเล่มหนึ่งไว้ พุ่งเข้าใส่เมืองทศพิธดั่งรุ้งยาวเส้นหนึ่ง รวดเร็วสุดขีด

หานเจวี๋ยชูมือขวาขึ้น ยื่นนิ้วออกไปหนึ่งนิ้ว สกัดทวนยาวของชิงเทียนเสวียนจีได้พอดี

ชิงเทียนเสวียนจีเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้าแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่ายอดมหามรรค แต่พลังของเจ้าบรรลุเหนือมหามรรคสามพันวิถีเท่านั้น เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย”

หานเจวี๋ยดีดนิ้วทีหนึ่ง ชิงเทียนเสวียนจีลอยละลิ่วร่วงทะลุแผ่นดินก้นบึ้งฟ้าบุพกาลเสมือนอุกกาบาตนอกโลกที่พุ่งทะลุชั้นเมฆ

สู้ไม่ได้เลย!

หานเจวี๋ยมองไปที่มหาเทวาพ้นนิวรณ์อีกครั้ง เงาร่างใหญ่มโหฬารนั้นขนาดเขามองก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเช่นกัน

แต่มหาเทวาพ้นนิวรณ์ไม่ได้ลงมือเลย เพียงนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่

ผิดปกติ!

เจ้านวฟ้าบุพกาลมาแล้ว!

พวกเขามองไม่เห็นเท่านั้น มีเพียงผู้สร้างมรรคาที่มองเห็น!

มิเช่นนั้นหากเขาเป็นผู้สร้างมรรคา ไหนเลยจะปล่อยให้ศัตรูทำตัวกำแหงได้ ตวัดมือก็ทำลายทิ้งได้แล้ว

เมื่อครู่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลก็เงียบไปเช่นกัน

ทันใดนั้นจู่ๆ มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็เลือนหายไป ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลไม่ทรุดตัวอีกต่อไป ดูเหมือนโลกจะกลับสู่ความสงบแล้ว

เหล่าผู้ทรงพลังมองไปที่หานเจวี๋ย หลังจากหานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าภายในก้นบึ้งฟ้าบุพกาลไม่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าตนแล้วถึงเอ่ยขึ้นว่า “ไปปกป้องกฎเกณฑ์สูงสุด!”

พอสิ้นเสียงเหล่ายอดมหามรรคก็หายตัวไปก่อน ส่วนอริยะมหามรรคที่เหลือก็รีบตามไป

หานเจวี๋ยมองไปที่เทพมหาทัณฑ์ “ดูแลเมืองทศพิธไว้ อย่าให้พวกเขาเคลื่อนไหววุ่นวาย ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน”

เทพมหาทัณฑ์พยักหน้ารับ เริ่มแจ้งต่อเมืองทศพิธทันที ปลอบขวัญผู้คน

เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดถูกขุนพลพินาศถล่มโจมตีจนเกิดรอยปริร้าวขึ้นบนกฎเกณฑ์สูงสุดแล้ว

ยอดมหามรรคที่มาถึงถูกพลังของเหล่าขุนพลพินาศทำให้ตกใจ ไม่กล้าเข้าใกล้

“ยังไม่รีบเข้าไป หากกฎเกณฑ์สูงสุดล่มสลาย ฟ้าบุพกาลก็จบเห่เช่นกัน พวกเราจะยังอยู่รอดอีกหรือ”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตวาดกร้าว น้ำเสียงหงุดหงิดโมโห

เขาบังคับมรรคกระบี่นำหน้าไปโจมตี ขุนพลพินาศสองรายเข้ามาขวาง สกัดมรรคกระบี่ของเขา

ยังคงมีขุนพลพินาศพุ่งทะยานออกมาจากสำแสงสีดำที่ชิงเทียนเสวียนจีสร้างขึ้นอย่างไม่ขาดสาย รอบข้างมีขุนพลพินาศหลายร้อยรายเฝ้าคุ้มกัน

ยอดมหามรรคสิบกว่าคนร่วมมือกันโจมตี ทว่าบุกเข้าไปไม่ได้เลย ขุนพลพินาศเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ขุนพลพินาศทั้งหมดล้วนมีตบะในระดับที่อริยะมหามรรคยากจะต้านได้ เมื่อขุนพลพินาศหลายแสนรายร่วมมือกันจะแข็งแกร่งปานใดเล่า

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนกัดฟันกรอด อดนึกถึงหานเจวี๋ยไม่ได้

ในอดีตตอนที่หานเจวี๋ยเผชิญหน้ากับขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะรู้สึกอย่างไรกัน

น่าชังนัก!

หากแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วเขาจะไปท้าประลองหานเจวี๋ยอีกครั้งได้อย่างไร!

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตะโกนด้วยความโกรธ ร่างผันแปรกลายเป็นมรรคกระบี่สูงเสียดฟ้า แสงกระบี่ส่องพร่างพราว รุกไล่สังหารขุนพลพินาศหลายหมื่นรายอย่างไม่หยุดยั้ง

ขุนพลพินาศสิบคนหันมาพร้อมกัน ซัดหมัดใส่เขา พลังเวทน่าหวาดหวั่นรวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อตัวเป็นมรรคกระบี่สายหนึ่งที่มีกระแสพลังเวทมหาศาลยิ่งกว่ามรรคกระบี่ของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน พุ่งเข้าสลายมรรคกระบี่ของเขาแล้วเข้าท่วมทับอริยะเทพอวี๋เจี้ยน

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนร่างสิ้นจิตสลาย ไม่หลงเหลืออยู่เลย!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท