บทที่ 1009 ผู้ทรงพลังทั่วฟ้าบุพกาล
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง เหล่าผู้ทรงพลังภายในห้องโถงยังคงถกเรื่องตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคกันอยู่ หานหลิงเองก็เช่นกัน
‘อันตรายจริงๆ…’
สีหน้าหานเจวี๋ยเรียบเฉย ทว่าในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ก่อนที่แดนความฝันจะสิ้นสุดลง เจ้านวฟ้าบุพกาลได้เอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำเขาตกใจยิ่ง!
“ว่ากันตามจริงแล้วในมุมมองของข้า เจ้าต่างหากที่เหมือนเทพมารอนธการมากกว่า หากมิใช่เพราะเจ้าเติบโตรวดเร็วเกินไป สรรพสิ่งมองข้ามไปแล้วว่าเจ้าคือบุตรแห่งสวรรค์ ความจริงแล้วบุตรแห่งสวรรค์ที่เหมือนเทพมารอนธการที่สุดก็คือเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า ไม่ว่าบุตรแห่งสวรรค์คนใดก็ดูดาษดื่นสามัญอย่างเห็นได้ชัด น่าเสียดายที่เจ้าเป็นเพียงเทพมารฟ้าบุพกาล”
พอกล่าวประโยคนี้จบ เจ้านวฟ้าบุพกาลก็สลายแดนความฝัน ไม่ให้โอกาสหานเจวี๋ยได้โต้แย้ง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นับว่าสิ้นสุดลงแล้ว
อีกร้อยล้านปีนับจากนี้ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์ล้วนไม่อาจก่อคลื่นลมอันใดได้อีก
หลังจากเจรจาตกลงกับเจ้านวฟ้าบุพกาลแล้ว หานเจวี๋ยก็หมดความคาดหวังในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้แล้ว ต่อให้หานฮวงได้ครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคก็ยังรู้สึกเสียหน้าอยู่ดี
เทพมารอนธการที่งามสง่า กลับถูกมองข้ามไม่เห็นตัวตน
ถึงแม้เลี่ยงภัยไปได้เพราะเหตุนี้ แต่หานเจวี๋ยยังคงรู้สึกอัปยศอยู่ดี
เมื่อมหาเทวาพ้นนิวรณ์ถูกสะกดปราบปราม อู๋เซียงเทียนเซี่ยพลันสูญเสียพลังอันแข็งแกร่งนั้นไปทันที เริ่มเสียเปรียบแล้ว
คาดว่าอีกไม่นานอู๋เซียงเทียนเซี่ยก็คงตกรอบไป
ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันของอู๋เซียงเทียนเซี่ยทำให้ผู้บำเพ็ญในเมืองทศพิธที่เลือกข้างเขาด่าทอกันยกใหญ่
“คนผู้นี้จงใจจะแพ้หรือไร!”
“ใช่แล้ว เหตุใดจู่ๆ ก็ไม่ได้เรื่องขึ้นมาเล่า”
“น่าละอายเหลือเกิน ก่อนหน้านี้หวงจุนเทียนก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน”
“นับว่าปกติยิ่ง อัตราการเดิมพันของทั้งสองคนสูงมาก หากว่าแพ้ขึ้นมา เจ้ามือจะได้กำไรมหาศาล!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ยังคงเป็นหานฮวงที่ซื่อตรงกว่า”
“ถูกต้อง ไม่เสียทีที่เป็นบุตรชายอริยะสวรรค์ สง่างามมีคุณธรรม”
….
หานเจวี๋ยเริ่มตั้งคำถามในใจ ‘เหตุใดเจ้านวฟ้าบุพกาลถึงไม่ทำลายล้างเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ผู้สร้างมรรคาไม่อาจสังหารผู้สร้างมรรคาด้วยกันได้]
หานเจวี๋ยกระจ่างขึ้นมาในทันใด
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
ไม่แปลกเลยที่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์จะขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่เจ้านวฟ้าบุพกาลจะมีเมตตาเช่นนี้ ระหว่างพวกเขาทำได้เพียงสะกดข่มกันและกันไว้ เดิมทีก็ไม่อาจสังหารกันเองได้อยู่แล้ว!
หานเจวี๋ยยิ่งกระหายจะพิสูจน์ผู้สร้างมรรคายิ่งกว่าเดิม!
หลังจากงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้สิ้นสุดลง เขาจะกลับไปปิดด่าน กำหนดออกจากปิดด่านคือหลังพิสูจน์ผู้สร้างได้!
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม อู๋เซียงเทียนเซี่ยที่สูญเสียพลังของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ไปถูกราชันเทวาฟ้าไพศาลจัดการจนตกรอบไป
ราชันเทวาฟ้าไพศาลตื่นเต้นสุดขีด รู้สึกว่าตนไร้พ่ายแล้ว ต่อสู้กับมู่หรงฉี่และหานฮวงอย่างดุเดือด
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ ราชันเทวาฟ้าไพศาลมีโอกาสได้ชัยสูงที่สุด ที่ผ่านมาเขามีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้ว แต่ผู้บำเพ็ญของกลุ่มต่างๆ ล้วนคิดว่าเขาคงไปได้ไกลสุดถึงรอบพันองอาจเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้
พออู๋เซียงเทียนเซี่ยตกรอบไป จู่ๆ หานฮวงก็ระเบิดพลังออกมา
ร่างจำลองทั้งสิบแปดร่างผสานเข้าสู่ร่างกายของหานฮวง ร่างกายเขายืดขยายสูงถึงหมื่นจั้ง แขนงอกออกมาสิบแปดข้าง ปราณอนธการของแต่ละร่างกลายเป็นอาวุธวิเศษ รัศมีพุ่งสูงสุดขีด
ราชันเทวาฟ้าไพศาลตกตะลึง ร้องอุทาน “เป็นไปได้อย่างไร”
รัศมีของหานฮวงแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้!
หานฮวงไม่แยแสเขา โจมตีใส่เขาอย่างรุนแรง อาวุธวิเศษสิบแปดอย่างตวัดเคลื่อนไหว ทำลายพลังวิเศษทุกชนิดของราชันเทวาฟ้าไพศาล สะกดข่มอย่างเผด็จการ
มู่หรงฉี่ก็ตกใจเช่นกัน รัศมีของหานฮวงแกร่งกล้าเกินไปแล้วจริงๆ อาศัยแค่กลิ่นอายรอบกายอย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว พลังแห่งมหามรรคของเขาสั่นสะท้านไปตามสัญชาตญาณ
การระเบิดพลังของหานฮวงดึงดูดให้เกิดเสียงโห่ร้องฮือฮาขึ้นภายในเมืองทศพิธ ราวกับสรรพสิ่งได้เห็นผู้เลิศล้ำหมื่นยุคปรากฏตัวขึ้นแล้ว
หานเจวี๋ยกลับไม่แปลกใจเลย คนผู้นี้ซ่อนไม้ตายเอาไว้จริงๆ หากยังไม่ถึงที่สุดหรือยังไม่มีความมั่นใจพอ รู้สึกว่ายังมีศัตรูมากเกินไป ยังไม่ถึงโค้งสุดท้ายก็ไม่กล้าเผยฝีมือทั้งหมดออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับความดุดันของหานฮวง ราชันเทวาฟ้าไพศาลถอยร่นไปเรื่อยๆ ต้านทานไม่ไหว สุดท้ายก็ถูกหานฮวงตรึงไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง สภาพเดียวกับตอนที่หวงจุนเทียนถูกกำจัดจนตกรอบไปก่อนหน้านี้
ศึกตัดสินครั้งสุดท้าย หานฮวงปะทะมู่หรงฉี่!
หานหลิงยิ้มออกมา ไม่ว่าผู้ใดจะมีชัยก็ล้วนเป็นคนสำนักเดียวกันทั้งสิ้น
สรรพสิ่งในเมืองทศพิธก็สิ้นกังวลแล้ว ถึงแม้มู่หรงฉี่จะแข็งแกร่ง แต่แทบไม่มีผู้ใดคาดหวังในตัวเขาเลย
เขาห่างชั้นกับหานฮวงมากเหลือเกิน ไม่ว่าผู้ใดก็มองออกทั้งนั้น
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดไว้!
ภายในวันนั้น มู่หรงฉี่ตกรอบไปอย่างอเนจอนาถ หานฮวงได้ครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค!
“หานฮวงแห่งสำนักซ่อนเร้นคือเลิศล้ำหมื่นยุคแห่งงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่หนึ่ง!”
เสียงของเทพมหาทัณฑ์ดังก้องไปทั่วฟ้าบุพกาล ไม่ใช่แค่ในเมืองทศพิธ!
ทั่วฟ้าบุพกาลฮือฮาขึ้นมา
“ท่านพ่อ! พี่รองชนะแล้วเจ้าค่ะ!”
หานหลิงเอ่ยด้วยความตื่นเต้น แต่หานเจวี๋ยกลับไม่เอ่ยตอบ
เขายังใคร่ครวญถึงคำพูดเจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่ เขาจึงยังรู้สึกไม่พอใจในตัวหานฮวงอยู่บ้าง
เทพมหาทัณฑ์พาเหล่าบุตรแห่งสวรรค์กลับมาที่ห้องโถงในตำหนักเหนือเมืองทศพิธ บุตรแห่งสวรรค์สิบยอดฟ้ามารวมตัวกัน จากนั้นก็เป็นพิธีมอบรางวัล
บุตรแห่งสวรรค์สิบยอดฟ้าได้กลายเป็นดวงจิตมหามรรค แต่ก็สามารถปฏิเสธตำแหน่งได้ แต่ไม่มีบุตรแห่งสวรรค์คนใดปฏิเสธแน่นอน
นอกจากตำแหน่งดวงจิตมหามรรคแล้ว ยังจะได้รับอาณาเขตศักดินาด้วย เทพมหาทัณฑ์มอบรางวัลไปทีละคนๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่น้อยเลย แต่บรรยากาศกลับคึกคักยิ่ง
แต่พอมาถึงตาของหานฮวง เทพมหาทัณฑ์กลับไม่ได้ประกาศรางวัลออกมาตรงๆ เรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรางวัลประจำตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคยิ่งกว่าเดิม
“งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่หนึ่งปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบและน่าพอใจยิ่ง ดังนั้นนับจากนี้ไปจะมีการจัดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลขึ้นทุกๆ ห้าสิบล้านปี!”
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยขึ้นมา เรียกเสียงชื่นชมจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ได้มากมาย หากจัดขึ้นทุกร้อยล้านปีก็นับว่านานเกินไป จัดขึ้นทุกล้านปีก็ถี่เกินไป
หลังสิ้นสุดงานชุมนุมฟ้าบุพกาล หานเจวี๋ยพาสำนักซ่อนเร้นกลุ่มมรรคาสวรรค์จากไป กลับไปที่มรรคาสวรรค์อย่างรวดเร็ว ส่วนศิษย์คนอื่นที่ยังอยากอยู่ท่องเที่ยวหาประสบการณ์ต่อ เขาก็ไม่ได้บังคับพากลับไปด้วย
งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้สร้างแรงกระตุ้นให้ศิษย์ทุกคนมหาศาลยิ่ง
หานเจวี๋ยส่งเหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมดกลับไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง ให้พวกเขาปิดด่านฝึกบำเพ็ญต่อไป ไม่มีผู้ใดคัดค้านเลย พวกเขาเริ่มตั้งตารองานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งต่อไปแล้ว!
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พอกลับถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หานเจวี๋ยนั่งลงบนแท่นบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรอีกครั้ง พรูลมหายใจออกมา
หานหลิงนั่งลงด้านข้างของเขา เอ่ยถามว่า “ท่านพ่อ พี่รองได้ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค เหตุใดท่านถึงไม่ดีใจหรือเจ้าคะ”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นระหว่างงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครานี้”
เขาบอกเล่าแผนการของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์ออกมา ทั้งยังเอ่ยถึงเรื่องเจ้านวฟ้าบุพกาลด้วย แต่ไม่เอ่ยถึงเรื่องเทพมารอนธการเลยสักคำ
เขาเพียงอยากให้บุตรสาวได้เปิดโลกทัศน์ ทว่าไม่คิดจะลากนางเข้ามาเสี่ยงอันตรายด้วย
หานหลิงฟังแล้วตื่นตะลึงอยู่ในใจ
เกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่คุกคามฟ้าบุพกาลขึ้นโดยที่นางไม่รับรู้เลย!
“ท่านพ่อ พวกเขาอยู่ระดับใดเจ้าคะ เหนือกว่ายอดมหามรรคขึ้นไปใช่หรือไม่” หานหลิงถาม
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ
หานหลิงสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง ทว่าไม่ได้ซักถามต่ออีก
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างลุ่มลึกมีนัย “หลิงเอ๋อร์ เหนือฟ้ายังมีฟ้า จะเอาแต่เกียจคร้านหย่อนยานไปตลอดไม่ได้ พ่อหวังว่าเจ้าจะก้าวสู่จุดสูงสุดไปพร้อมกันกับพ่อ”
พอหานหลิงได้ยินก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็เริ่มฝึกบำเพ็ญหลังจากห่างหายไปนาน
ส่วนหานหลิงก็เข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ นางอยากเห็นว่าในแบบจำลองการทดสอบจะมีหานฮวงในระดับล่าสุดอยู่หรือไม่
ซึ่งมีอยู่จริงๆ ช่วงที่หานเจวี๋ยอยู่ในเมืองทศพิธ ได้ทำการคัดลอกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเมืองทศพิธไว้ ส่วนตัวตนที่มีอยู่แล้วก็ได้รับการปรับปรุงให้ตบะอยู่ในสภาพล่าสุด แบบจำลองการทดสอบในตอนนี้เรียกได้ว่าอุ่นหนาฝาคั่ง เต็มไปด้วยผู้ทรงพลังจากทั่วฟ้าบุพกาล
………………………………………………………………