บทที่ 1010 ยี่สิบล้านปี หานอวิ๋นจิ่น
ด้านล่างเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด เทพมหาทัณฑ์พาหานฮวงมาที่นี่
“นี่คือรางวัลสำหรับเลิศล้ำหมื่นยุค ได้เพลิดเพลินกับพรจากกฎเกณฑ์สูงสุด”
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม หานฮวงฟังแล้วแสดงสีหน้าคาดหวังตั้งตาคอย
เขาเคยได้ยินเรื่องกฎเกณฑ์สูงสุดมาแล้ว อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคของหวงจุนเทียนและเต้าจื้อจุนในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลสร้างความประทับใจให้เขาอย่างลึกล้ำ
โดยเฉพาะหวงจุนเทียน แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ พลังของเขาก็สูญสิ้นไป ทำให้พ่ายแพ้อย่างน่าเวทนา
เทพมหาทัณฑ์เริ่มกระตุ้นพลังแห่งกฎเกณฑ์สูงสุด แสงรุ้งสายหนึ่งพุ่งลงมาอาบไล้ร่างหานฮวง
หานฮวงแช่อยู่ท่ามกลางแสงรุ้ง รับรู้ได้ว่าพลังเวทในกายเริ่มเดือดพล่าน สบายอย่างยิ่ง
เทพมหาทัณฑ์ก็มองไปที่กฎเกณฑ์สูงสุดเช่นกัน พลันมีลำแสงพุ่งออกมาจากฎเกณฑ์สูงสุดสายหนึ่งเชื่อมโยงเข้ากับร่างของเขา
‘นี่น่ะหรือกฎเกณฑ์สูงสุด’
เทพมหาทัณฑ์ตื่นเต้นอยู่ในใจ ซาบซึ้งในตัวหานเจวี๋ยอย่างสุดซึ้ง
เขาฉลาดยิ่ง ทราบดีว่าหากไม่มีหานเจวี๋ย ตัวเขาไหนเลยจะได้รับอำนาจจากผู้ครองฟ้าบุพกาล
ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำดวงจิตมหามรรคอย่างแท้จริงแล้ว เทพมหาทัณฑ์ตื่นเต้นยิ่ง เขารู้สึกว่าในที่สุดตนก็ดำเนินงานใหญ่ได้แล้ว เขามีความคิดที่จะเสริมสร้างฟ้าบุพกาลมากมายเหลือเกิน งานชุมนุมฟ้าบุพกาลเป็นเพียงหนึ่งในแผนการเหล่านั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนงานอันยิ่งใหญ่ของเขา!
หนึ่งพันปีต่อมาชื่อเสียงของสิบยอดฟ้าบุพกาลและเลิศล้ำหมื่นยุคแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมฟ้าบุพกาล แม้แต่หมื่นผู้กล้า พันองอาจและร้อยศักดาก็พลอยมีชื่อไปด้วย ความสำเร็จอันสมบูรณ์แบบของงานชุมนุมฟ้าบุพกาลทำให้เหล่าสรรพสิ่งตั้งตารองานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งต่อไปมาขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากความคึกคักรุ่งเรืองผ่านพ้นไปก็กลับสู่ความสงบ ฟ้าบุพกาลอันกว้างไกลไร้ขอบเขตก็เป็นเช่นนี้แล
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์ถูกเจ้านวฟ้าบุพกาลสะกดไว้ ในร้อยล้านปีนี้น่าจะไม่ออกมาก่อเรื่องให้หานเจวี๋ยรำคาญใจได้ อีกทั้งมีเทพมหาทัณฑ์และเทวีตราวินัยอยู่ น่าจะไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นกับเหล่าศิษย์และบุตรธิดาของเขา
เขาสามารถฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจได้
เวลาผ่านไปรวดเร็วยิ่ง
โลกปฐมยุคในส่วนลึกของวิญญาณหานเจวี๋ยมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เทพมารฟ้าบุพกาลที่เริ่มดูดซับปราณปฐมยุคก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หานเจวี๋ยคาดหวังในตัวเทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านี้ยิ่งนักว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จะยกระดับเป็นเทพมารปฐมยุคหรือไม่
ปฐมยุคเหนือกว่าอนธการ อนธการเหนือกว่าฟ้าบุพกาล มีเพียงบุกเบิกโลกปฐมยุคสำเร็จ คุณสมบัติร่างกายหานเจวี๋ยถึงจะพัฒนาเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งได้
ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปห้าแสนปีแล้ว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น หานหลิงที่อยู่ด้านข้างยังอยู่ในสภาวะบำเพ็ญ
เขาคิดดูเล็กน้อย เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ท้าสู้กับมหาเทวาพ้นนิวรณ์
ผลคือถูกจัดการในเสี้ยววินาที
เก่งกาจเกินไปแล้วจริงๆ
หานเจวี๋ยก็ไม่รู้สึกท้อแท้เลย กลับคาดหวังในระดับผู้สร้างมรรคายิ่งขึ้น
เช่นนี้สิถึงสมเป็นผู้สร้างมรรคา มีกำแพงระหว่างระดับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว มิใช่สิ่งที่จะสามารถชดเชยได้ด้วยตบะ พลังวิเศษหรือพลังจากภายนอก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มีเพียงต้องบรรลุสู่ระดับนี้ให้ได้ถึงจะต่อกรกับระดับเดียวกันอย่างสมน้ำสมเนื้อได้!
จากนั้นหานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายเล็กน้อย ห้าแสนปีที่ผ่านมาไม่มีเรื่องที่กระตุ้นความสนใจของเขาสักเท่าไร
เขาเข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญต่อ
ครั้งนี้เขาวางแผนจะปิดด่านระยะยาว
….
สี่ล้านปีต่อมา
แจ้งเตือนเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ยแถวแล้วแถวเล่า
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบยี่สิบล้านปีบริบูรณ์ ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง บุกเบิกอนธการขึ้นในฟ้าบุพกาล จะได้รับชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิม จะได้รับชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]
[ท่านได้รับโอกาสใช้งานสวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง]
ไม่มีรางวัลทางเลือกดีๆ เลย
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที
ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวงานชุมนุมฟ้าบุพกาลก็สิ้นสุดลงมานานขนาดนี้แล้ว หานเจวี๋ยรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานอยู่เลย
เขาลุกขึ้นมา เดินออกจากอารามเต๋า ไปเยี่ยมพวกสิงหงเสวียน ชิงหลวนเอ๋อร์และเซวียนฉิงจวิน
พูดคุยกันอยู่ระยะหนึ่ง ใช่เวลาร่วมกันหลายสิบปี เขาก็มาที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองต่อ มาหาอู้เต้าเจี้ยนและลี่เหยา
ครั้งนี้เขาตัดสินใจมีทายาทกับลี่เหยา เพื่อใช้เป็นตัวเลือกพื้นฐานสำหรับสวรรค์ประทานโชค
ยี่สิบปีต่อมา หานอวิ๋นจิ่นบุตรชายของหานเจวี๋ยและลี่เหยาเติบใหญ่ขึ้น หลังจากเขาเติบใหญ่หานเจวี๋ยก็ส่งเขาไปยังแดนเซียน ให้เขาออกท่องเที่ยวด้วยตัวเองและนี่ก็คือความต้องการของเขาเองด้วย
หานอวิ๋นจิ่นมีนิสัยมองโลกในแง่ดีแต่ก็เฉลียวฉลาดมาก เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในสารพัดเรื่องราว
ลี่เหยาก็ไว้วางใจในตัวหานอวิ๋นจิ่นยิ่ง มีความคิดว่าบุตรธิดาเติบใหญ่แล้วก็สมควรพึ่งพาตัวเอง เช่นเดียวกับตัวนางในอดีต
ข่าวที่ว่าหานเจวี๋ยให้กำเนิดบุตรชายคนที่ห้าแล้วแพร่ไปถึงหูของเหล่าศิษย์สืบทอดผ่านทางหมื่นโลกาฉายชัด มีศิษย์จำนวนมากที่สนใจใคร่รู้ในตัวหานอวิ๋นจิ่นที่ถือกำเนิดขึ้นมา
ส่วนตัวหานเจวี๋ยกลับมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม ฝึกบำเพ็ญต่อไป
หานหลิงได้รับสิทธิ์เข้าสู่หมื่นโลกาฉายชัดนานแล้ว ทราบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“ท่านพ่อ เหตุใดไม่พาน้องห้ากลับมาเที่ยวด้วยล่ะเจ้าคะ” หานหลิงถาม
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เขาเติบใหญ่แล้ว อยากออกไปเที่ยวเล่น ข้าจึงไม่พากลับมาด้วยเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น หากเจ้าอยากพบเขาเอาไว้มีโอกาสก็ออกไปหาได้”
หานหลิงคิดๆ แล้วเอ่ยไปว่า “ช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญอยู่ ข้าอยู่ไม่ไกลจากยอดมหามรรคแล้ว คิกๆ ท่านพ่อ พอถึงเวลานั้นพวกเรามาประลองกันอีกครั้งเถิดเจ้าค่ะ”
หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดมากอีก
เขาเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ แวดวงสหายย่อมมีจดหมายสะสมอยู่เป็นภูเขา ในมุมมองของเขาเวลาผ่านไปเร็วยิ่ง แต่ในสายตาของสรรพสิ่งกลับผ่านไปหลายยุคสมัยแล้ว
ศิษย์สืบทอดส่วนใหญ่ของหานเจวี๋ยก่อตั้งกลุ่มอำนาจขึ้นแล้ว
หลังจากหวงจุนเทียนกลายเป็นดวงจิตมหามรรค กลุ่มมิ่งได้ครอบครองอาณาเขตแห่งหนึ่ง บุกเบิกโลกขึ้นมา เป็นตัวตนเช่นเดียวกับมรรคาสวรรค์
ยามนี้หานฮวงก็เข้าเป็นเทวทัณฑ์แล้วเช่นกัน ตำแหน่งสูงกว่าดวงจิตมหามรรค ตบะก็บรรลุถึงระดับมหามรรคระยะปลายแล้ว นับว่าไม่เลวเลย
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าหลายปีมานี้หลี่เต้าคงโลดแล่นยิ่งนัก
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x790003382
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคา] x1980247393
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]
….
เขาเรียกดูรูปประจำตัวของหลี่เต้าคง พบว่าคนผู้นี้พิสูจน์ยอดมหามรรคแล้ว
ยอดเยี่ยมนัก!
หลี่เต้าคงมีชีวิตอยู่มานาน อายุเกินร้อยล้านปีแล้ว ดังนั้นจึงหมดคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาล ในอดีตคุณสมบัติของเขาก็จัดอยู่ในระดับสุดยอดของมรรคาสวรรค์ แต่หากในฟ้าบุพกาลปัจจุบันนี้ไม่นับเป็นอันใดเลย แต่ในช่วงหลายล้านปีมานี้จู่ๆ ตบะก็พุ่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด
หวงจุนเทียนถูกหลี่เต้าคงท้าประลองอยู่หลายครั้ง ซ้ำยังเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย
หานเจวี๋ยคิดๆ ดูแล้ว ตัดสินใจเข้าฝันหลี่เต้าคง
ถึงแม้ระดับความประทับใจที่หลี่เต้าคงมีต่อเขาจะไม่ลดลง แต่ไม่ได้ติดต่อกันนานเข้าความรู้สึกอาจจะเจือจางไป
แดนความฝันคือเขตเซียนร้อยคีรี
หานเจวี๋ยมองเห็นหลี่เต้าคงสวมชุดขาว สวมผ้าคลุมสีดำ ขาวดำตัดกันชัดเจน มีสีหน้าอย่างผู้ผ่านประสบการณ์ทางโลกมาเนิ่นนาน หว่างคิ้วเจือความดุดันเย็นชา
หลี่เต้าคงลืมตาขึ้น พอมองเห็นหานเจวี๋ย เขาพลันตื่นเต้นขึ้นมารีบคุกเข่าทำความเคารพ
เขาให้ความเคารพหานเจวี๋ยยิ่งนักเสมอมา นอกจากพระคุณช่วยชีวิตแล้วยังมีพระคุณช่วยเบิกปัญญาด้วย
เขาผจญภัยอยู่ในฟ้าบุพกาลผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน เป็นเพราะมีฐานะเป็นผู้พิทักษ์หลักแห่งสำนักซ่อนเร้นจึงได้รับการดูแลมากยิ่ง ต่อให้เขาเข้าร่วมกับกลุ่มมิ่งแล้ว หานเจวี๋ยก็ไม่เคยประกาศปลดเขาออกจากตำแหน่งผู้พิทักษ์หลักอีกทั้งยังไม่เคยแต่งตั้งผู้พิทักษ์หลักคนใหม่ขึ้นอีกด้วย
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลุกขึ้นเถิด หลายปีมานี้เป็นอย่างไรบ้าง”
………………………………………………………………