ตอนที่ 350 ครั้งแรกที่คุกเข่า
วันต่อมา เหมียวฉีกับเจียงเย่ว์ออกจากห้องมาแต่เช้า
คนครอบครัวเหมียวได้ยินเสียงก็ทยอยกันออกมา
พี่สะใภ้ใหญ่ทักทายทุกคนเสร็จก็ไปทำอาหารเช้าแล้วไปทำงาน
พ่อเหมียวแม่เหมียวจูงมือเหมียวฉีคนละข้าง กำชับอยู่หลายครั้งถึงจะยอมปล่อย
“วางใจเถอะค่ะแม่ อาเล็กกับอาสะใภ้ไม่มีทางทำร้ายพวกเราหรอกค่ะ”
เหมียวอวี้นิสัยดีเหมือนอาเล็กแบบเต็มร้อย
อาเล็กกับอาสะใภ้เล็กไม่อยากเห็นหน้าพวกเขา อย่างมากก็แค่ปิดประตูไม่สนใจ ไม่มีทางลงไม้ลงมือแน่นอน
ต่อให้ลงไม้ลงมือเธอก็สมควรได้รับ
แม่เหมียว “แม่รู้ ไปกันได้แล้ว”
บอกว่าไม่เป็นห่วงคงโกหก
ลูกสาวไม่กลับบ้านมายี่สิบกว่าปี ต่อให้อาเล็กกับอาสะใภ้เล็กโง่แค่ไหนก็คงพอเดาอะไรได้บ้าง
เธอกลัวว่าสองคนนั้นเห็นเหมียวฉีแล้วจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนลงไม้ลงมือ
ต่อให้ลูกสาวของเธอติดค้างต่อพวกเขาหนึ่งชีวิต แต่เธอเป็นแม่ จะสงสารลูกตัวเองก็ไม่แปลก
พวกเขาก็เคยเลี้ยงดูเหมียวอวี้เหมือนลูกสาวคนที่สอง แต่ต่อให้เป็นลูกแท้ๆ พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ยากที่จะรักลูกได้เท่ากัน แล้วนับประสาอะไรกับเป็นแค่หลาน
เหมียวอวี้กับเจ้าหญิงน้อยเกิดเรื่อง ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เสียใจ ไม่กลัว แต่ก็ทำใจยอมส่งมอบลูกสาวแท้ๆ ออกไปไม่ได้
เหมียวฉีกับเหมียวเคอเดินออกจากบ้านพร้อมของฝาก ไปที่บ้านเดิม
รถถูกขับเข้าไปจอดในที่จอดรถหลังบ้านเดิมของพวกเขา
สองพี่น้องไม่ได้ลงจากรถทันที
“พี่ใหญ่ ปกติพี่กลับมาบ้างไหม”
“มีกลับมาดูบ้านเดิมบ้าง” แอบมองอาเล็กกับอาสะใภ้เล็กจากบ้านเดิม
เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและเสียใจของพ่อ
เหมียวอวี้อยู่ที่บ้านพวกเขามาตั้งหลายปี ไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ แม้แต่พี่ชายสองคนอย่างพวกเขาก็เอ็นดูจากใจจริง…
สองพี่น้องลงจากรถ ชาวบ้านแถวนั้นเข้ามาทักทาย
“อาเคอ กลับมาแล้วเหรอ เอ๊ะ นี่…นี่เหมียวฉีเหรอ” เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน เลยไม่กล้าทักในแวบแรก
“หนูเองค่ะป้าชิว”
คนเราแก่ลงก็เปลี่ยนไปมาก แต่เหมียวฉีความจำดี เทียบคนในความทรงจำได้ทันที
“เสี่ยวฉีจริงด้วย! เมื่อก่อนไปเรียนที่ประเทศเหยียนหวงแล้วแต่งงานที่นั่น ไม่เจอกันนานมากเลยนะ”
“ใช่ค่ะ ยี่สิบกว่าปีแล้ว”
“เฮ้อ เวลาผ่านไปไวจริงๆ พวกเธอก็ย้ายจากหมู่บ้านเหมียวไจ้ไปอยู่ในเมืองกันนานแล้ว…”
หญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่ารำพึงรำพัน แต่สองพี่น้องกลับไม่รำคาญเลยสักนิด
“…ดูป้าสิ พอได้พูดก็ไม่จบไม่สิ้น! รีบไปดูอาเล็กกับอาสะใภ้ของพวกเธอเถอะ พวกเขาคงดีใจมากที่ได้เจออาฉี”
คนในหมู่บ้านเหมียวไจ้ไม่รู้เรื่องที่ครอบครัวเหมียวแตกหักกัน เพราะคนที่ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองมีเยอะแยะสารพัดเหตุผล
ต่อให้ไปมาหาสู่ไม่บ่อย แต่ก็ไม่ค่อยสอดรู้สอดเห็น อย่างไรเสียมันก็เรื่องส่วนตัวของครอบครัวคนอื่น
หมู่บ้านเหมียวไจ้ใหญ่มาก บ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกันประมาณหนึ่ง ใครจะมานั่งสนใจว่าครอบครัวไหนมีใครมาหาบ้าง
พอได้ยินป้าชิวพูดแบบนั้น รอยยิ้มของสองพี่น้องก็ดูฝืนขึ้นทันที
อาเล็กกับอาสะใภ้เห็นพวกเขาแล้วมีแต่จะไม่พอใจ
ป้าชิวยิ้มพูด “ป้ากลับล่ะ ถ้าพวกเธอว่างก็มากินข้าวบ้านป้าได้นะ”
สองพี่น้องตอบรับตามมารยาท
มองส่งหญิงชราที่ค่อยๆ เดินออกไปไกล ในใจของเหมียวฉีรู้สึกผิดเหลือเกิน
เมื่อก่อนอาเล็กกับอาสะใภ้ดีต่อเธอขนาดไหน!
ตราบใดที่ส่งของกลับมา ถ้ามีของเหมียวอวี้ก็ต้องมีของเธอ ไม่มีอะไรแตกต่างนอกจากสี…
แต่ต่อให้รู้สึกผิดแค่ไหนมันก็ชดเชยกันไม่ได้แล้ว
สองครอบครัวที่เดิมรักกันดี สองชีวิตที่ไม่ได้ผิดอะไร…
เหมียวฉีเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“เสี่ยวฉี…”
“พี่ใหญ่ ฉันไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
“อืม”
สองพี่น้องหยิบของฝากลงมาจากรถแล้วเดินไปทางบ้านพ่อแม่ของเหมียวอวี้ด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง
มองเข้าไปจากด้านข้างประตู สองคนชรานั่งหันหลังให้ประตูกำลังคุยกับหนุ่มสาวคู่สามีภรรยา จึงไม่สังเกตเห็นพวกเขา
หญิงสาวหันหน้ามาทางประตูพอดีจึงเห็นพวกเขาที่เดินมาอย่างลังเล
“เถ้าแก่ทั้งสองคะ ดูด้านนอกสิคะ ญาติมาหาหรือเปล่า”
ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนพวกเขาก็ควรหิ้วกระเป๋าสัมภาระไม่ใช่ของฝากติดไม้ติดมือสิ
พ่อแม่ของเหมียวอวี้หันไป พอเห็นพวกเหมียวเคอก็สีหน้าเปลี่ยนทันทีบราวนี่ออนไลน์
“อาเล็ก อาสะใภ้ เสี่ยวฉีกลับมาจากประเทศเหยียนหวงแล้วครับ ผมเลยมาเยี่ยมพวกอาเป็นเพื่อนน้อง”
เนื่องจากมีแขกอยู่ด้วย พ่อแม่ของเหมียวอวี้จึงไม่ได้อาละวาด อดกลั้นจนสีหน้าดูแย่
คู่สามีภรรยานักท่องเที่ยวรู้จักสังเกตสีหน้า พอเห็นคนชราทั้งสองสีหน้าไม่ค่อยดีจึงลุกขึ้นบอกว่าจะออกไปเที่ยวแล้ว
พ่อแม่ของเหมียวอวี้ปรับสีหน้า กำชับให้ระวังตัว
หลังจากลูกค้าออกไป แม่ของเหมียวอวี้ก็ชี้ไปด้านนอกด้วยความโมโห “ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเธอ! รีบไปซะ อย่าให้ฉันต้องเอาไม้กวาดไล่พวกเธอออกไป!”
น้ำตาของเหมียวฉีร่วงหล่นทันที “อาเล็ก อาสะใภ้ หนูขอโทษค่ะ”
คนชราทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน “ออกไป!”
เหมียวฉีน้ำตานองหน้า “อาเล็ก…”
พ่อของเหมียวอวี้ตะคอกด้วยความโมโห “ใครเป็นอาเล็กของเธอ อย่ามาเรียกมั่วๆ ! รีบไปซะ เดี๋ยวเสนียดจะติดบ้านฉัน!”
“อาเล็ก อาสะใภ้ หนูขอโทษ”
“ไสหัวกลับไปพร้อมของของพวกเธอซะ! อย่าโผล่มาให้พวกเราเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นฉันอาจหยิบมีดขึ้นมาก็ได้!”
แม่ของเหมียวอวี้ตะโกนด่า สั่นไปทั้งตัว
เหมียวเคอสงสารน้องสาว แต่จะขอร้องแทนน้องให้ผู้อาวุโสทั้งสองยกโทษให้ก็ไม่ได้
เรื่องนี้เกินจะให้อภัย
“อาเล็ก อาสะใภ้ เสี่ยวฉีสำนึกผิดแล้วครับ น้องกลับมา…เพราะต้องการมอบตัว…รับผิดชอบเรื่องเสี่ยวอวี้”
พอได้ยินชื่อลูกสาว แม่ของเหมียวอวี้ก็หายโมโหทันที
พ่อแม่ของเหมียวอวี้น้ำตานอง ประคองกันกลับเข้าห้อง
ไม่นานเหมียวฉีกับพี่ชายก็ได้ยินเสียงร้องไห้ใจจะขาดมาจากด้านใน
เหมียวฉีเอามือปิดปากร้องไห้
ไม่นานทั้งบ้านก็ปกคลุมไปด้วยความเศร้าเสียใจ
ผ่านไปนานมากกว่าเสียงร้องไห้ภายในห้องจะกลายเป็นเสียงสะอื้นขาดๆ หายๆ ฟังแล้วเศร้ากว่าเมื่อครู่
เหมียวฉีกับพี่ชายกลัวอาทั้งสองจะหมดสติไปเพราะเสียใจอย่างหนัก จึงขยับเข้าไปใกล้ประตูเพื่อฟังเสียงด้านใน
“แม่ หยุดร้องเถอะ เสี่ยวอวี้รู้เข้าจะเสียใจเอานะ ลูกเป็นเด็กใจอ่อนที่สุด”
“…ฉัน…ฉันปวดใจ…”
“พ่อรู้ๆ…เสี่ยวอวี้…ฮึก…พ่อก็ปวดใจ…เสี่ยวอวี้ลูกพ่อ…เสี่ยวอวี้ลูกพ่อ…” พ่อเหมียวอวี้เพิ่งปลอบใจคู่ชีวิตเสร็จตัวเองก็กลั้นไม่ไหวเช่นกัน
สองสามีภรรยาร้องไห้จนหมดแรง ดูแก่ชราลงมากกว่าเดิม
ถ้ามู่เถาเยาอยู่ตรงนี้ มองปราดเดียวก็รู้ว่านี่เป็นสภาพของคนที่ทรุดโทรมลงจากภายใน ไม่ใช่แค่ร่างกายที่แก่ชรา
“เสี่ยวอวี้…ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวอวี้…”
“พ่อก็อยากรู้…”
เมื่อก่อนพวกเขาให้เหตุผลกับตัวเองว่าลูกสาวหายตัวไป เพื่อให้ยังมีความหวัง ตอนนี้เหมียวฉีกลับมาทำลายความหวังของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ชั่วขณะนั้นมันทั้งโมโห โกรธ เกลียดและเสียใจ
แผลที่เดิมทียังไม่หายดีเริ่มมีเลือดซิบๆ ออกมาอีกแล้ว
เหมียวฉีฟังคนข้างในคุยกัน เธอเช็ดน้ำตาแล้วเคาะประตูเบาๆ สองที
ถึงแม้จะไม่ได้รับอนุญาต แต่สองพี่น้องต่างรู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองอนุญาตให้พวกเขาเข้าไปแล้ว
จึงเปิดประตูเดินเข้าไป
“อาเล็ก อาสะใภ้ หนูขอโทษค่ะ” เหมียวฉีคุกเข่าลงตรงหน้าคนชราทั้งสอง
นอกจากคุกเข่าให้ฟ้าดินและต่อหน้าบรรพชนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคุกเข่าต่อหน้าคน