ตอนที่ 352 เจ้าถิ่นแห่งทุ่งหญ้า
เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ต่อเนื่องกับเทศกาลวันชาติ
หยุดหนึ่งสัปดาห์ มู่เถาเยาย่อมต้องกลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน
คนตระกูลตี้กลับเมืองหลวง ตระกูลซย่าโหว ตระกูลถัง ต่างก็กลับไปกันหมด ทั้งยังจัดแจงให้กลุ่มฝึกพิเศษกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว ทางโรงงานกับบริษัทก็ไม่ต้องไปทำงาน
หมู่บ้านเถาหยวนซานโล่งไปมากเลยทีเดียว
เดิมทีก็เป็นหมู่บ้านห่างไกล พื้นที่มากประชากรน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้แม้แต่คนหมู่บ้านเถาหยวนซานก็ไม่ชินกับหมู่บ้านที่โล่งเงียบเหงาอีกแล้ว
แต่คนตระกูลเย่ว์ รวมถึงบรรดาศิษย์พี่ที่อยู่เมืองเย่ว์ตูต่างมาใช้เวลาในช่วงเทศกาลกับมู่เถาเยาและอาจารย์
ตกเย็นทุกคนนั่งชมจันทร์พลางพูดคุยสัพเพเหระ
เย่ว์จือเหิงมองน้องสาวสุดที่รักที่กำลังแทะผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย “เสี่ยวเยาเยา เหมียวฉีไปมอบตัวแล้วนะ”
“อยู่ในความคาดหมายค่ะ เหมียวฉีว่าไงบ้างคะ น้าเหมียวพาฉันไปถึงป่าเซียนโหยวได้ยังไง”
เย่ว์จือเหิงเล่าคำพูดของเหมียวฉีให้ทุกคนฟัง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็คงต้องรอถอนพิษน้าเหมียวให้ได้ก่อนถึงจะรู้ความจริงทั้งหมด แต่ดูเหมือนจะไม่สำคัญแล้ว”
มู่เถาเยาคิดว่า ตราบใดที่ไม่ใช่ชาติอื่นคิดรุกรานบุกยึดเผ่า เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญเท่าไร
คนที่ทำผิดเพราะความอิจฉาริษยามีถมไป ก็แค่ผลพวงจากการกระทำของเหมียวฉีมันรุนแรงมาก
เย่ว์หลั่งถามลูกสาว “ลูกพ่อ ลูกอยากจัดการเหมียวฉียังไง”
ตามความต้องการของพวกเขาคนตระกูลเย่ว์คือ ต่อให้ลงโทษหนักสุดก็ยังไม่หายแค้น
“ขังไว้ก่อนแล้วกันค่ะ อีกครึ่งปีค่อยว่ากัน ถ้าน้าเหมียวยังมีชีวิตอยู่ ก็รอดูว่าน้าเหมียวจะยอมให้อภัยเหมียวฉีไหม”
“ได้ พ่อตามใจลูก”
“แล้วเจียงเย่ว์ล่ะคะ กลับมาแล้วไหม”
เย่ว์จือเหิงส่ายหน้า “ไม่ได้กลับมา อยู่ที่บ้านครอบครัวเหมียว”
“…ก็ดีค่ะ”
เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่อ สูตรยาลับที่เหมียวฉีทำน่าจะมีประโยชน์อย่างอื่นไหม”
“ช่วงสองวันนี้หนู อาจารย์ อาจารย์สาม ลองศึกษาดูแล้ว เพิ่มปริมาณยามากหน่อยหรือลดหน่อย เพิ่มสมุนไพรหรือลดสมุนไพร ถึงขั้นที่ว่าปรับเปลี่ยนสัดส่วนสมุนไพรหนึ่งชนิดในนั้นหรือเปลี่ยนเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งโดยที่อย่างอื่นไม่เปลี่ยน ก็จะกลายเป็นยาที่มีประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่งได้ค่ะ”
หยวนเหยี่ยพยักหน้า “ใช่ บรรพบุรุษของเหมียวฉีคิดค้นยาประหลาดนอกตำรามาดีมากจริงๆ พวกเราดูถูกภูมิปัญญาของคนโบราณไม่ได้เลยนะ”
ลู่จือฉินอดถอนหายใจไม่ได้ “เพียงแต่น่าเสียดาย เหมียวฉีไม่ได้นำไปใช้ในทางที่ถูก”
เย่ว์จือกวง “ถ้าสูตรยานี้นำไปสร้างยาตัวใหม่ที่รักษาคนได้ เหมียวฉีก็ถือว่าได้สร้างคุณงามความดี…” แต่เขาก็ยังคงไม่อยากไว้ชีวิตเธอ
สิบแปดปีมานี้คนในครอบครัวผ่านมาได้อย่างไร พวกเราย่อมรู้ดีที่สุด คนอื่นไม่มีทางเข้าใจความรู้สึก
มู่เถาเยา “พี่ใหญ่คะ พ้นช่วงวันหยุดนี้ไปให้ปาเฝ่ยไปคุยกับเหมียวฉีสักหน่อย ลองดูว่าจะมีทางที่ไม่ต้องใช้หญ้าร้อยรสแก้พิษฮ่วนเซี่ยงของน้าเหมียวได้ไหม ถ้าปกป้องชีวิตน้าเหมียวไว้ได้งั้นก็ให้จำคุกตลอดชีวิต ถ้าสร้างผลงานเพิ่มได้อีกก็อาจมีสักวันหนึ่งที่ได้ออกมา”
หลักๆ คือหญ้าร้อยรสหายากเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางคิดจะปล่อยเหมียวฉีรอดภายใต้สถานการณ์ที่คนในครอบครัวเจ็บแค้นใจ
ต่อให้ในป่าเซียนโหยวมีหญ้าร้อยรส แต่ก็มืดแปดด้านไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน
ถ้าถึงเดือนมกราคมยังถอนพิษไม่ได้อีก แบบนั้นก็ไม่ต้องถอนแล้ว
เย่ว์จือเหิง “ได้”
เหมียวฉีรอดก็ยังมีประโยชน์กว่าตาย
ความรู้สึกของพวกเขามันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ใหญ่
ความต้องการของน้องสาวก็อยู่บนความรู้สึกของพวกเขา
ทุกสิ่งทุกอย่างเอาความคิดของน้องสาวเป็นหลัก
เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวเยาเยา อาว่าบอกเรื่องนี้กับศิษย์น้องของหลานหน่อยดีกว่านะ”
“ค่ะ เดี๋ยวพ้นช่วงวันหยุดศิษย์น้องจะพาย่าลู่กับน้าเหมียวมาจัดการเรื่องโอนบ้านเก่าของอาจารย์หลี่ค่ะ”
เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยา ยังมีอีกเรื่อง พี่หาเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ของเหมียวอวี้มา เล่าเรื่องที่คุมขังเหมียวฉีไว้ ผู้อาวุโสทั้งสอง…สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร”
มู่เถาเยาขมวดคิ้วที่ได้รูปของตัวเอง
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉัน อาจารย์สาม น้าเล็กอวิ๋น ไปดูพวกเขาก็ยังไม่ได้แย่อะไร…อาจเพราะพอเหมียวฉีไปสารภาพ ความหวังภายในใจพวกท่านทั้งสองได้ถูกทำลายลง…”
ทุกคนต่างพยักหน้า
“อาจารย์สามว่าเราควรให้ศิษย์น้องกับคนที่บ้านไปเยี่ยมผู้อาวุโสทั้งสองดีไหมคะ ต่อให้ถอนพิษฮ่วนเซี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังมีหลานสาว พวกเขาคงไม่มีทางทอดทิ้ง…หรือเปล่า”
ลู่จือฉิน “ไปได้จะเป็นการดีที่สุด แต่ก็ต้องรอทั้งสามคนมาเย่ว์ตูก่อน อาจารย์จะหาโอกาสพูดกับหันซู ดูว่าเด็กคนนี้คิดยังไง”
“ค่ะ”
คนตระกูลเย่ว์รู้ดีว่าผลกระทบจากการสะเทือนใจไร้ความหวังมันรุนแรงขนาดไหน เป่ยซีจึงรู้สึกสงสารพ่อแม่ของเหมียวอวี้มาก
หลังจากเหมียวฉีไปมอบตัว คนในครอบครัวเย่ว์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
“เสี่ยวเยาเยา แม่ก็อยากเจอเหมียวอวี้” พอรู้ว่าเหมียวอวี้ไม่ได้หักหลัง หัวใจของเธอก็เยียวยาตัวเองแล้ว
แต่เย่ว์หลั่งกลับน่าสงสารมาก
ไม่เพียงแต่จะถูกแยกห้องนอน ยังถูกเมินเฉยไม่คุยด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้มาหมู่บ้านเถาหยวนซานเนื่องในเทศกาล เป่ยซีไม่อยากให้ลูกสาวเป็นห่วง เธอก็ยังคงจะทำสงครามเย็นกับเขาต่อ
เย่ว์หลั่งถูกปรักปรำ
เขาไม่เคยแม้แต่เจอเหมียวฉีด้วยซ้ำ!
“คุณแม่อยากเจอน้าเหมียว งั้นหมดวันหยุดก็กลับเย่ว์ตูด้วยกัน ถ้าศิษย์น้องกับที่บ้านอยากไปที่เผ่า ก็จะได้กลับไปด้วยกันเลยพอดี”
ลู่จือฉินครุ่นคิดแล้วพูด “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ไปด้วยแล้วกัน จะได้ไปคุยกับเหมียวฉีพร้อมหันซู”
อาจได้ความรู้เพิ่มเติม
เธออยากเอาชนะจุดอิ่มตัว จะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำไม่ได้ มันจะเป็นการขีดกรอบความคิด
และความคิดก็มักจะถูกตีกรอบจำกัด เหมียวฉีไม่ใช่หมอ แตกต่างจากเสี่ยวเยาเยากับหมอเทวดาหยวน เธอหวังว่าจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากการพูดคุยกับเหมียวฉี ถึงขั้นที่เอาชนะจุดอิ่มตัวได้
“ค่ะ อาจารย์สามอยากไปก็ไป พี่ใหญ่จะช่วยจัดแจงให้ได้พบเหมียวฉีค่ะ”
เย่ว์จือเหิงพยักหน้า
พอคุยเรื่องนี้พอประมาณแล้ว เย่ว์จือกวงก็พูดอีกเรื่องหนึ่ง “เสี่ยวเยาเยา แม่หมาป่าหายสนิทแล้วนะ”
“ค่ะ”
มู่เถาเยามองเสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยที่คอยหอนใส่พระจันทร์ที่สุกสว่างอยู่เรื่อยๆ หอนเสร็จก็มานอนขดอยู่ข้างเท้าเธอ “พรุ่งนี้ฉันกับอาจารย์สามจะเข้าไปเก็บสมุนไพรในเขตป่าชั้นในออกมาทำยาเม็ด ไว้ถึงเวลาพี่รองก็พาเทาน้อยสองตัวกลับไปเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องของพวกมัน รอส่งอาจารย์สามกับพวกศิษย์น้องกลับมาค่อยพากลับมาด้วยกันอีก”
สองเทาน้อยไม่ต่อต้านอาจารย์สามแม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนตระกูลเย่ว์อยู่ด้วย
เย่ว์จือกวง “ได้”
เจียงเฟิงเหมียนร้องไอ๊หยา
ทุกคนพากันหันไปมองเธอ
“เอ่อ…พี่เยาเยาคะ ก่อนหน้านี้อาฉือซานมาดูพี่เสี่ยวหว่านที่เมืองหลวง จากนั้นก็พูดกับพวกเราว่า กลางเดือนพวกเขาจะมาหาพี่ที่เย่ว์ตู ฝากพวกเรามาบอกตอนกลับมา”
“อืม พวกเขาจะมาตรวจซ้ำน่ะ กินยาอีกสักเดือนก็น่าจะหายแล้วล่ะ”
“ดูหมือนอาฉือซานจะสวยขึ้นด้วยนะคะ ดูเปล่งปลั่งไปทั้งตัว ต่างจากครั้งก่อนที่เจอเยอะเลยค่ะ”
กู่ย่ายิ้มพูด “สภาพจิตใจดีก็ต้องดูสวยขึ้นเป็นธรรมดา”
เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้าหงึกๆ “นั่นสิคะ น้าเป่ยก็สวยกว่าเมื่อก่อน!” เมื่อก่อนผอมเกินไป ดูทรุดโทรม ไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด ไม่สวย!
เป่ยซีดีใจมาก เอามือลูบใบหน้าตัวเอง
ลูกสาวชอบเวลาที่แม่สวย
รออีกระยะหนึ่งที่ผมของเธอกลับมาดำทั้งหัว เธอก็จะไปรับลูกตอนเลิกเรียนได้แล้ว
เธออยากให้เพื่อนของลูกสาวพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉาว่า ‘แม่เธอสวยจังเลย!’
หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มดวงตาโค้งมน “คุณนายกับหัวหน้าเผ่าต่างถูกเรียกว่าสองโฉมงามแห่งเผ่า จะไม่สวยได้ยังไงกัน”
เจียงเฟิงเหมียน “ไอ๊หยา หนูอยากไปเที่ยวที่เผ่าบ้าง ได้ยินว่าคนในเผ่าสวยจนเป็นเรื่องธรรมดา! แถมรูปวิวที่อันนั่วส่งมาให้ดูก็สวยมาก!”
เป่ยซียิ้มดวงตาเปล่งประกาย “ถ้าว่างก็ไปได้ตลอดเลยนะจ๊ะ”
“งั้นรอปิดเทอมหน้าแล้วกันค่ะ”
ริมฝีปากของมู่เถาเยายิ้มเป็นวงโค้งอันงดงาม “ปิดเทอมหน้าหนาวเวลาเยอะ เธอ เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหยา ชวนกันไปเที่ยวได้นะ”
กู่ย่ายิ้มบางพลางพูด “หน้าหนาวที่เผ่าไม่ค่อยหนาว หน้าร้อนก็ไม่ค่อยร้อน เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักตากอากาศจริงๆ มีความปลอดภัย ผู้คนก็เป็นมิตร ไม่เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว…ตอนนั้นฉันกับเจียงเฉาไปแล้วแทบไม่อยากกลับมา”
ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ดีจริงๆ ค่ะ” ลักษณะเหมือนประเทศในอุดมคติของพวกเธอเมื่อชาติก่อน
ปู่เย่ว์ยิ้มพูด “รอหมอเทวดาหยวนสอนจบเมื่อไรทุกคนก็ไปอยู่ที่นั่นสักระยะ เหมือนกับที่พวกเรามาหมู่บ้านเถาหยวนซานบ่อยๆ”
หยวนเหยี่ยหัวเราะเบาๆ “เอาสิ ตอนที่ยังแข็งแรงดีออกไปเที่ยวให้มากๆ หน่อย”
มู่เถาเยาเบ้ปาก “ทุกคนจะอายุยืนไปถึงสองสามร้อยปีเลยล่ะค่ะ”
ดังนั้นตอนนี้พวกอาจารย์ยังวัยรุ่นอยู่! ยังไม่ถึงครึ่งชีวิตเลยนะ!
“เข้าใจแล้ว พวกเราจะอยู่ไปถึงสองสามร้อยปีเพื่อเสี่ยวเยาเยา! ใครยังไม่ถึงก็ห้ามตาย!”
ทุกคนพากันหัวเราะ
มู่เถาเยาก็กลั้นไม่อยู่
ทุกคนนั่งชมจันทร์อย่างมีความสุข แม้จะเลยเวลาเข้านอนแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นก็ตื่นมาออกกำลังตามปกติ
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จมู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ตรวจกล่องยาของตัวเอง
หยิบยาที่ซ้ำกันออก เติมยาที่แตกต่างกันเข้าไป เตรียมเข้าเขตป่าชั้นในสองวัน
เย่ว์จือกวง “เสี่ยวเยาเยา พี่ไปเป็นเพื่อนน้องกับอาจารย์สามแล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่รอง พวกเราไปแค่สองวัน เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “อันที่จริงอาจารย์ก็อยากไปด้วย ทุกครั้งที่เสี่ยวเยาเยาเก็บของดีกลับมา อาจารย์ก็อยากจะเข้าเขตป่าชั้นในไปอีกสักครั้ง”
พอลูกศิษย์คนเล็กไปเรียนที่เมืองเย่ว์ตู เขาก็ไม่ได้เข้าเขตป่าชั้นในอีกเลย
เมื่อก่อนเขากับซย่าโหวโซ่วจะเป็นคนพาลูกศิษย์คนเล็กเข้าไป ตอนนี้ถ้าไม่มีลูกศิษย์คนเล็กพาพวกเขาเข้าไป พวกเขาก็ไปไม่ได้แล้ว
มู่เถาเยาย่อมเข้าใจความคิดของอาจารย์ใหญ่
“งั้นอาจารย์ใหญ่กับพี่รองก็เข้าไปด้วยกัน ฉันดูแลอาจารย์ใหญ่ พี่รองไปอยู่กับอาจารย์สาม”
จับเป็นคู่ๆ ดูแลกันไม่ยาก โดยเฉพาะหลังจากที่พลังต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
หยวนเหยี่ยดีใจจนรีบวิ่งไปเอาเข่งเล็กกับเสียมขุดที่ห้องปรุงยาด้านข้าง ไม่เหมือนคนอายุเก้าสิบเลยสักนิด
ทุกคนต่างอดขำไม่ได้
เย่ว์จือกวง “เสี่ยวเยาเยา งั้นพี่ต้องเอาอะไรไปไหม”
“พี่รองแบกอาหารแล้วกันค่ะ”
“ได้ พี่กลับไปเอามีดพกที่ห้องก่อน”
เป่ยซีกับเย่ว์หลั่งเตรียมอาหารให้ทั้งสี่คน
มู่เถาเยาเห็นพ่อกับแม่กุลีกุจอเอาของใส่ถุงพลาสติก เธอจึงพูดด้วยความจนปัญญา “พ่อคะแม่คะ เอาแค่นม ขนมปัง เนื้อแห้ง แล้วก็น้ำเปล่าอีกสองขวดไว้แปรงฟันก็พอแล้วค่ะ ช่วงนี้เป็นหน้าเก็บเกี่ยว ในป่าเซียนโหยวมีผลไม้ป่าเยอะแยะ ไม่ต้องเอาผลไม้เข้าไปค่ะ”
ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ค่ะ ผลไม้ในป่าเซียนโหยวอร่อยกว่าที่หมู่บ้านเถาหยวนซานปลูกอีกค่ะ ไว้พวกเรากลับมาจะเอามาให้ทุกคนลองชิมนะคะ”
พอได้ยินสองศิษย์อาจารย์พูดแบบนี้ เย่ว์หลั่งก็หยิบผลไม้ในถุงออก เหลือแค่ผลนมหมาป่าไว้นิดหน่อย เพราะในป่าเซียนโหยวไม่มีผลนมหมาป่า
“งั้นก็ไม่ต้องเอาผลไม้ไป แต่ว่าลูกพ่อ น้ำแค่สองขวดพอเหรอ ขวดนึงแค่สองลิตรเอง ไม่งั้นเอาไปสักสี่ขวดคนละขวดเป็นไง พี่ชายของลูกแบกไหว!”
“พ่อคะ พวกเราแค่แปรงฟันเช้าเย็นเองค่ะ สองขวดพอแล้ว น้ำดื่มกับน้ำล้างมือใช้น้ำจากเถาวัลย์ได้ค่ะ”
ปู่เย่ว์ “เอาตามที่เสี่ยวเยาเยาพูด พวกเขาเข้าเขตป่าชั้นในบ่อย รู้สถานการณ์ภายในดีกว่าแก”
“ก็ได้ครับ”
ย่าเย่ว์กับยายหลานจูงมู่เถาเยามากำชับ
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพยักหน้าถี่ๆ
เหล่าผู้สูงวัยต่างรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเป็นอะไร แต่ก็อยากทำเพื่อความสบายใจ
พอเย่ว์จือกวงกับหยวนเหยี่ยมาพร้อมแล้ว ทั้งสี่คนก็เหาะไปทางตะวันตก
เมื่อลงสู่พื้นหยวนเหยี่ยก็ดีใจเหมือนเด็กๆ
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ได้กลิ่นป่าที่คุ้นเคย”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “ถ้าอาจารย์ใหญ่อยากมา วันหน้าหนูกลับมาจะพามาเดินสักรอบนะคะ”
“ไม่ดีกว่า เธองานยุ่งขนาดนั้น อาจารย์ไม่อยากเป็นตัวถ่วง”
“อาจารย์ใหญ่เก่งจะตาย! ไม่มีทางเป็นตัวถ่วงแน่นอนค่ะ!”
“ไว้ค่อยว่ากัน” อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีทางตามลูกศิษย์เข้ามาบ่อยๆ
เขาอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ฝีมือก็มีแต่จะถดถอย ตามเข้ามามีแต่จะเป็นตัวถ่วง โดยเฉพาะตอนเสี่ยวเยาเยาต้องเก็บสมุนไพรที่ตามหาเป็นพิเศษ
ถ้าแค่เข้ามาเก็บอะไรเรื่อยเปื่อย แบบนั้นเขาตามมาก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็ไม่รีบ
มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ ไว้ค่อยว่ากัน พวกเราไปกันเถอะค่ะ ลองดูว่าครั้งนี้จะเก็บของดีอะไรได้บ้าง”
ทั้งสี่คนเดินไปทางตะวันตก
วันแรกไม่ได้เก็บสมุนไพรวิเศษอะไรได้ สมุนไพรอย่างโสมกับหลิงจือไม่ได้เป็นสมุนไพรหายากสำหรับพวกเขา ดังนั้นตราบใดที่ไม่ใช่โสมอายุเยอะพวกเขาก็จะไม่เก็บ
วันต่อมาเดินเข้าไปข้างในต่อ ในขณะที่เตรียมจะกลับกันก็พบกับฝูงไฮยีนา
ลู่จือฉินเตือนทุกคน “ทุกคนระวังหน่อย ไฮยีนาดุมาก เวลามันหิวโซแม้แต่พวกเดียวกันมันก็ไม่เว้น แถมฟันของพวกมันก็คมมาก เคี้ยวกระดูกของเหยื่อให้แหลกละเอียดได้ ได้รับสมญานามว่านักบดกระดูก ทุกคนระวังอย่าให้พวกมันจับได้”
มู่เถาเยายิ้มพูด “อาจารย์สามวางใจเถอะค่ะ พวกมันเข้าไม่ถึงตัวพวกเราหรอก”
เย่ว์จือกวง “ไฮยีนาเป็นเจ้าถิ่นในแถบทุ่งหญ้า ทั้งยังชอบกินเหยื่อเป็นๆ ก็เลยไม่มีสัตว์ตัวไหนกล้าแหยมกับมัน ขนาดสิงโตตัวผู้ก็ยังเป็นเหยื่อของพวกมันได้ สิงโตเลยแค้นพวกไฮยีนาเป็นพิเศษ มองพวกมันเป็นแมลงร้าย แต่ทำไมไฮยีนาถึงมาอยู่ในป่าได้ล่ะ”
หยวนเหยี่ย “เดาว่าข้างหน้าน่าจะมีทุ่งหญ้าหรือเปล่า ก็แค่ไม่รู้ว่าใหญ่ขนาดไหน”
มู่เถาเยา “ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือ ทั้งๆ ที่ไฮยีนาหายสาบสูญไปสองล้านกว่าปีได้แล้ว แต่ที่นี่กลับมี! แถมไฮยีนาเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวตอนกลางคืนด้วย…”
อีกสามคนก็ตะลึง
แต่มาคิดดูอีกที เดิมทีป่าเซียนโหยวก็พิศวงมากอยู่แล้ว แปลกตรงไหนกัน
“ทะ…ทุกคนระวัง พวกมันจะตะครุบเหยื่อแล้ว”
ขณะที่ไฮยีนาตัวหนึ่งส่งเสียงร้องพร้อมกับกระโจน มู่เถาเยาก็พาหยวนเหยี่ยเหาะขึ้นไปบนยอดต้นไม้
เย่ว์จือกวงกับลู่จือฉินตามไปติดๆ
ฝูงไฮยีนาวิ่งเข้ามาทั้งหมด หวังจะได้กิน ‘ของหวาน’ เหล่านี้
แต่พวกมันกระโดดไม่ค่อยเก่ง ยิ่งไปกว่านั้นต้นไม้ในเขตป่าชั้นในก็สูงใหญ่จนพวกมันเอื้อมไม่ถึง!
พวกมู่เถาเยามองลงไป อดหัวเราะไม่ได้
เพราะพวกมันเหมือนเด็กสองสามขวบที่อยากกระโดดเอาของอร่อยจากมือผู้ใหญ่
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ฝูงไฮยีนาคงเพิ่งเคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อกี้อาจจะกำลังยืนยันให้แน่ใจว่าพวกเราใช่อาหารของพวกมันหรือเปล่า เลยไม่กระโจนตะครุบทันทีที่เห็น”
มู่เถาเยาพยักหน้า “อาจจะใช่ค่ะ ในเมื่อมีไฮยีนา งั้นด้านหน้าก็น่าจะเป็นทุ่งหญ้า พวกเราไปดูหน่อยค่อยกลับกันค่ะ”
ต้นไม้ด้านหน้าสูงใหญ่ยิ่งกว่า เวลานี้ต่อให้พวกเขาอยู่บนยอดต้นไม้ก็มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านหน้า
หยวนเหยี่ย “งั้นพวกเราไปดูให้แน่ใจหน่อย”
พวกเขาเลิกสนใจฝูงไฮยีนาที่กระโดดอยู่ด้านล่าง เหาะจากยอดไม้ออกไป