อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 353 แอบหมั่นไส้ในความรวย

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 353 แอบหมั่นไส้ในความรวย

วันหยุดหนึ่งสัปดาห์ ไม่นานก็ใกล้สิ้นสุดลง

เนื่องจากตี้อู๋เปียนต้องฝังเข็ม เขาจึงกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมพ่อบ้านจงก่อน

กู้เนี่ยนพี่สะใภ้ใหญ่ตรวจพบว่าตั้งครรภ์ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ปู่ย่าและอันเหยี่ยจึงไม่ได้กลับมาด้วยกัน

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของช่วงวันหยุด ตี้อู๋เปียนให้เครื่องบินของตระกูลตี้ไปส่งมู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียน รวมถึงหลินเหอเฟิงอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ของอันเหยี่ยก็ให้ไปเมืองหลวงพร้อมกันด้วย

ก่อนหน้านี้มู่เถาเยาก็ให้เหลียงจีหยุด ให้ขับเครื่องบินกลับเผ่าพร้อมปาอิน เมื่อกลับมาอีกครั้งก็ให้ตรงไปที่เย่ว์ตูเลย

ดังนั้นเครื่องบินที่ตอนนี้จอดอยู่ตรงลานจอดเครื่องบินของหมู่บ้านเถาหยวนซานเป็นเครื่องบินของเย่ว์จือกวง

หลังจากที่ทุกคนบอกลาชาวหมู่บ้านเสร็จก็ไปที่ลานจอดเครื่องบินมุ่งหน้าสู่เมืองเย่ว์ตู

เหลียงจีกับปาอินล่วงหน้ากลับมาก่อนหนึ่งวันเพื่อทำความสะอาดรอต้อนรับพวกเขากลับมา ทั้งยังพาเชฟของเผ่า เชฟขนม และคนรับใช้สำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะมาด้วยห้าคน

บนโต๊ะอาหาร เย่ว์เลี่ยงคีบปีกไก่หอมฉุยใส่จานเล็กของมู่เถาเยาพลางพูด “เสี่ยวเยาเยา ต่อไปเวลาพวกเรามาหาหลานก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นอีกหน่อยคงมาเย่ว์ตูได้บ่อยๆ อาจะเลือกคนในตำหนักพระจันทร์ให้มาประจำอยู่ที่นี่สักหน่อย หลานลองชิมฝีมือเชฟคนนี้ดู ถ้าไม่ถูกปากงั้นก็เลือกเชฟท้องถิ่นที่หลานถูกใจสักคน”

เธอกลับอยากให้เชฟเทวดามาอยู่ที่นี่ แต่ก็รู้ว่าเสี่ยวเยาเยาต้องปฏิเสธแน่นอน นี่ก็เลยพาลูกสาวของเชฟเทวดามา

“ค่ะ เพียงแต่เวลาที่พวกอาไม่ได้มาส่วนใหญ่หนูจะพักที่เรือนอุ่นรักค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ หลานพักเรือนอุ่นรัก เชฟก็ตามไปที่เรือนอุ่นรัก”

เหลียงจีพูดด้วยความงุนงง “หัวหน้าเผ่าคะ แต่ถ้าฉันไม่ได้ทำกับข้าวก็จะว่างมาก…”

ตอนเธอติดตามหัวหน้าเผ่ายังมีช่วยงานเรื่องอื่นบ้าง เช่น จัดเรียงเอกสารอะไรทำนองนี้

ถึงแม้เธอจะเป็นทหารอาชีพ แต่เสี่ยวเยาเยาเรียนหมอ เธอช่วยอะไรไม่ได้เลย!

ปกติขับเครื่องบิน ไปรับส่งทำงาน จ่ายตลาดทำกับข้าว นี่ก็ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ตอนนี้ถ้ามีเชฟมาทำอาหารโดยเฉพาะ แบบนั้นเธอไม่ยิ่งว่างเหรอ

เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “อีกสามเดือนเธอก็จะยี่สิบหกแล้ว ตอนนี้จะให้เวลาเธอไปหาแฟนสักคน”

เหลียงจี “…!”

เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย!

ทุกคนเห็นเหลียงจีทำหน้าเหวอต่างก็หัวเราะออกมา

มู่เถาเยายิ้มพูด “ถ้าพี่เหลียงจีว่างก็ลองหาอะไรที่ตัวเองสนใจทำดูนะคะ”

เหลียงจีครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่อยากเรียนเป็นพิเศษ”

“ไม่รีบค่ะ ว่างๆ ก็ลองออกไปเดินเล่นหรือไปเที่ยวรอบๆ ฉันขับรถไปเรียนเองได้ค่ะ”

“ก็ได้ งั้นไว้เจออะไรที่สนใจพี่ค่อยเรียน” เรียนเยอะก็ไม่ได้เป็นภัยอะไร

“ค่ะ”

กินข้าวเสร็จ พวกอาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่ก็ออกจากเซิ่งซื่อฉางอัน

ปาอินกลับมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูโดยรถคันเดียวกับอาจารย์อาเล็กและภรรยา

หลังพักเที่ยง มู่เถาเยาอยู่บ้านดื่มชาพูดคุยกับทุกคน

อวิ๋นไป๋มาพร้อมของฝากเต็มคันรถในช่วงจิบชายามบ่าย

มู่เถาเยาหอบของที่เป็นของฝากของตัวเองแล้วยิ้มพลางพูด “ลำบากน้าเล็กอวิ๋นแย่เลยค่ะ”

ถึงกับให้ของล้ำค่าสี่อย่างในห้องทำงาน[1]!

พูดตามตรง เหนือความคาดหมายของเธอมาก

แต่แค่ชอบก็พอแล้ว

ไม่ใช่เพราะของฝากเหล่านี้ราคาแพง แต่เป็นเพราะของทุกชิ้นที่เขานำมาฝากคนตระกูลเย่ว์ทุกคนล้วนตั้งใจเลือกมาเป็นอย่างดี

“ครั้งก่อนน้าไปเมืองหลวงดูเสี่ยวเหยา เลี้ยงข้าวสาวๆ สามคนนี้ด้วย ตอนนั้นคุยกันเรื่องความสนใจของแต่ละคน เสี่ยวเหมียนบอกว่าเธอถนัดวาดภาพโบราณ น้าเลยคิดว่าซื้ออุปกรณ์พวกนี้มาให้น่าจะเหมาะ”

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “หนูชอบมากค่ะ ขอบคุณนะคะน้าเล็ก”

“เธอชอบก็พอแล้ว เดิมทีน้าอยากหาพวกตำราแพทย์โบราณมาให้ แต่น่าเสียดายที่หาไม่เจอ น้าก็มีสะสมหนังสือเก่าไว้บ้าง แต่ขาดพวกด้านการแพทย์”

เย่ว์เลี่ยง “คนที่ดูของเป็นก็มีไม่น้อย ดวงไม่ถึงก็ใช่ว่าจะหาเจอกันได้ง่ายๆ ของโบราณพวกนี้วัดกันที่วาสนา วาสนาไม่ถึงก็ไม่ได้ครอบครอง”

ย่าเย่ว์พยักหน้าพลางพูด “เย่ว์เลี่ยงพูดถูก เสี่ยวไป๋ ไม่ต้องเอาของมาฝากพวกเราทุกครั้งหรอก เสียดายเงิน”

“คุณน้า เงินของผมใช้ได้ไม่มีหมด ทำงานหาเงินมาไม่ใช้มันจะหมดความหมายเอานะครับ”

“ถึงจะพูดแบบนั้น….เอาเงินไปซื้อของที่มันจะมีมูลค่าเพิ่มก็ได้…”

“ผมมีตึกที่เอาไว้เก็บของโดยเฉพาะแล้วครับ”

คนตระกูลเย่ว์ “…”

ดูเอานะ นี่แหละเศรษฐีตัวจริง!

อยู่ๆ มู่เถาเยาก็รู้สึกว่า ของฝากของเธอที่อยู่ในห้องชักจะสู้ไม่ได้แล้ว

“น้าเล็กมีเงินเท่าไรกันแน่คะ”

“น้าก็ไม่รู้ตัวเลขที่แน่นอน คำนวณยาก ใช้เงินช้า แต่หาได้เร็ว”

อวิ๋นไป๋ไม่ได้อวดรวย แต่กลุ้มใจจริง เล่นเอาเย่ว์จือกวงชักหมั่นไส้ในความรวยแล้ว!

ถึงแม้เขาเองก็รวย แต่เขาดูแลกระเป๋าเงินของเผ่า แตกต่างกับความร่ำรวยส่วนตัว

อาอวิ๋นต่างหากที่เป็นเศรษฐีตัวจริง!

ยายหลานหัวเราะหึหึ “พรสวรรค์ในการหาเงินของเสี่ยวไป๋ไม่มีใครเทียบได้เลยจริงๆ”

“ผมก็มีความสามารถแค่นี้แหละครับ ไม่เหมือนเย่ว์เลี่ยงที่ทำเป็นทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง เก่งจริงๆ…”

อวิ๋นไป๋มองเย่ว์เลี่ยงพลางชมไม่หยุด ดวงตาฉายแววเปล่งประกายดุจแสงอัสดง อ่อนโยนลุ่มหลงหัวปักหัวปำ

คำชมไม่ต้องเสียเงินซื้อ พูดออกมาได้ไม่มีหยุด

นับตั้งแต่เลียนแบบวิธีที่เย่ว์หลั่งใช้กับเป่ยซี อวิ๋นไป๋ก็เหมือนได้เปิดใช้งานฟังก์ชันบางอย่าง จนเกือบเบียดมุกเก่าๆ ของรุ่นพี่อย่างเย่ว์หลั่งตกกระป๋องไปแล้ว

“อวิ๋นไป๋ เว่อร์กว่านี้ได้อีกไหม!” เย่ว์เลี่ยงอยากมองบนใส่เหลือเกิน เธอขัดจังหวะคนที่กำลังพูดน้ำไหลไฟดับ

“ไม่เว่อร์เลยสักนิด! คุณเก่งกว่าที่ผมพูดอีกสิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า!”

คนตระกูลเย่ว์กลั้นขำ

ไม่ต้องพูดถึงว่าปู่เย่ว์กับย่าเย่ว์พอใจในตัวอวิ๋นไป๋ขนาดไหน

ถ้ามีลูกเขยที่รักลูกสาวตัวเองขนาดนี้ ต่อให้ลูกสาวต้องแต่งแล้วไปอยู่ไกล พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

เย่ว์เลี่ยงเปลี่ยนเรื่องคุยแบบไม่เนียนเท่าไร “ครั้งนี้คุณจะมาอยู่กี่วัน”

“กี่วันก็ได้ ผมจัดสรรเวลาได้ เย่ว์เลี่ยง คุณมีอะไรให้ผมช่วยเหรอ”

“…ไม่จำเป็น ฉันก็แค่ถามดู”

“อ่อ เย่ว์เลี่ยง ช่วงนี้ผมซื้อเกาะเล็กๆ มาอีกเกาะแล้ว ถึงจะขนาดแค่สิบห้าตารางกิโลเมตร แต่น้ำทะเลสีเขียวคราม สวยมากเลยนะ ไว้คุณว่างผมจะพาไปเที่ยวผ่อนคลายหน่อยดีไหม”

ทุกคนพากันหันมองเย่ว์เลี่ยง

เย่ว์เลี่ยง “…ฉันไม่ว่าง”

เย่ว์หลั่ง “เธอว่าง ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่งแล้ว พี่กับอาเหิงอากวงทำแทนได้”

ปู่เย่ว์ “ต่อให้พวกเขาสามคนพ่อลูกทำไม่ไหว พ่อก็ยังไปช่วยได้ เย่ว์เลี่ยง ลูกไปเที่ยวกับเสี่ยวไป๋สักสองสามวันเถอะ นับตั้งแต่เป็นหัวหน้าเผ่าลูกก็แทบไม่ได้หยุดเลย”

ตาเป่ย “เย่ว์เลี่ยง ไปพักให้สบายใจเถอะ ตาก็อยู่ เธอกับเสี่ยวไป๋ไปอยู่บนเกาะได้หลายๆ วันเลย”

เป่ยซี “นั่นสิ พี่ก็ช่วยงานได้”

พวกมู่เถาเยาต่างหันไปมองเย่ว์เลี่ยง

เย่ว์เลี่ยง “…”

“เย่ว์เลี่ยง พวกเราขับเรือสำราญไปล่องทะเล บนเรือจอดเฮลิคอปเตอร์ได้ มองเกาะจากบนฟ้ามันเหมือนจันทร์เสี้ยว…สวยมากเลยนะ แต่ก็ยังน้อยกว่าคุณ” ดวงตาของอวิ๋นไป๋เปล่งประกายระยิบระยับ

มู่เถาเยาหลุดหัวเราะออกมา

“ขอโทษค่ะ หนูกลั้นไม่อยู่จริงๆ”

คนตระกูลเย่ว์ต่างก็หลุดหัวเราะทีละคน

เย่ว์เลี่ยงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวแล้ว

ย่าเย่ว์มองลูกสาว รอยยิ้มในดวงตาปรากฏอย่างอดไม่ได้ “เย่ว์เลี่ยง ลูกไปเที่ยวกับเสี่ยวไป๋ก่อนก็ดี ไว้วันหน้าพวกเราค่อยนัดตระกูลอวิ๋นกับตระกูลตี้ไปด้วย”

ยายหลานพยักหน้า “นั่นสิ เย่ว์เลี่ยงลองไปสำรวจดูก่อน ดูว่าเกาะที่เหมือนจันทร์เสี้ยวต่างกับทะเลที่เผ่าเราตรงไหน”

มู่เถาเยาจับมือของเย่ว์เลี่ยงส่ายไปมาคล้ายออดอ้อน “อาคะ ไปเที่ยวกับน้าเล็กเถอะนะคะ พอถึงตอนนั้นส่งอาหารทะเลกลับมาให้พวกเรากินด้วย”

เย่ว์เลี่ยง “…ได้ ไปก็ไป”

คนทั้งครอบครัวเชียร์ขนาดนี้ เธอจะปฏิเสธได้ยังไง

อวิ๋นไป๋ดีใจจนเกือบกระโดดโลดเต้น “ผมจะให้คนเตรียมเรือสำราญเดี๋ยวนี้เลย!” พูดจบก็รีบวิ่งไป ราวกับกลัวอีกฝ่ายเปลี่ยนใจ

เย่ว์เลี่ยง “…”

ของล้ำค่าสี่อย่างในห้องทำงาน[1] ประกอบด้วยแท่นหมึก กระดาษสำหรับเขียนพู่กัน พู่กัน แท่งหมึก

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท