ตอนที่ 357 ครอบครัวลู่ไปพบญาติ
วันรุ่งขึ้น เย่ว์จือกวงพาเทาน้อยทั้งสองไปส่งกลับป่าพิษหมาป่า สอนพ่อแม่หมาป่าป้อนยาพวกมันวันละเม็ด
ลู่จือฉินขับรถนำเที่ยวพาพวกลู่หันซูเที่ยวชมด้านนอกของหมู่อาคารขนาดใหญ่ในตำหนักพระจันทร์ ชมด้านนอกคร่าวๆ
สองพ่อลูกเย่ว์หลั่งกับเย่ว์จือเหิงไปทำงานตามปกติ
เป่ยซีพาลุงหลานไปดูความคืบหน้าที่บุกเบิกที่ร้าง
ก่อนหน้านี้ที่กลับมาเธอเลือกภูเขาภายในเมืองลูกหนึ่ง ต้องการทำเป็นภูเขาต้นท้อ
ลูกสาวชอบชมดอกท้อ ชอบกินลูกท้อที่หวานกรอบ
เหล่าคนสูงวัยจิบชาอยู่ที่บ้าน หัวข้อสนทนาหนีไม่พ้นเรื่องลูกๆ
แต่ละคนต่างมีเรื่องต้องทำ เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันที่สาม เป่ยซี เย่ว์จือกวง ลู่จือฉิน พาครอบครัวลู่สามคนไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านเหมียวไจ้
ลู่จือฉินเห็นลู่หันซูเครียดจนกำชายเสื้อแน่นจึงพูดปลอบ “เสี่ยวซู คุณตาคุณยายของเธอใจดีมากนะ พวกเขาเฝ้ารอคุณแม่ของเธอกลับบ้านมาตลอด”
ไม่ได้แจ้งผู้อาวุโสทั้งสองของครอบครัวเหมียวล่วงหน้า เธอยังกังวลอยู่ว่าพวกท่านจะรับไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นแม่ลู่ยังเปลี่ยนไปมากด้วย
ลู่หันซูถาม “คุณตาคุณยายของหนูพักอยู่เองตามลำพังมาตลอดเหรอคะ”
“เมื่อก่อนตอนหลานสาวของเธอยังเด็ก ทั้งสองท่านพามาเลี้ยงดูในหมู่บ้านด้วย ตอนนี้เด็กย้ายไปเรียนประถมในเมืองแล้ว พักอยู่ที่โรงเรียน น้าของเธออยากรับพ่อแม่ไปอยู่ในเมืองด้วยกัน แต่พวกท่านไม่ยอม กลัวว่าวันไหนแม่ของเธอกลับมาแล้วจะไม่เจอคนในครอบครัว แต่ครอบครัวน้าของเธอก็จะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่เสมอถ้าไม่ติดธุระในช่วงสุดสัปดาห์”
ถ้าไม่มีเรื่องเหมียวอวี้ ชีวิตของทั้งสองท่านก็จะเป็นอิสระกว่านี้
เป่ยซีหันกลับไปพูดกับลู่หันซู “เสี่ยวเยาเยาบอกว่า รอยแผลเป็นบนตัวคุณแม่ของเธอหายได้”
ถ้าพ่อแม่ของเหมียวอวี้เห็นลูกสาวในสภาพน่าสงสารแบบนี้ พวกเขาจะทุกข์ใจขนาดไหนคนนอกไม่มีทางเข้าใจ
เนื่องจากมีประสบการณ์ที่เหมือนกัน เธอถึงเข้าใจว่าความรู้สึกนั้นมันกัดกินหัวใจขนาดไหน
ลู่หันซูส่ายหน้า “ไว้ก่อนแล้วกันค่ะ ถ้าจำเป็นหนูจะเอ่ยปากขอแน่นอน”
ถ้าถอนพิษไม่ได้ แล้วจะเอายาวิเศษให้สิ้นเปลืองทำไม
ทันใดนั้นแม่ลู่ก็พูดแทรกขึ้นมา “ไม่กลัว”
เป่ยซีมองแม่ลู่ด้วยสายตาอ่อนโยน “เสี่ยวอวี้ของพวกเรากล้าหาญที่สุด ไม่กลัวอยู่แล้ว”
“กล้าหาญ! ตี…” ทันใดนั้นแม่ลู่ก็หยุดชะงัก ไม่รู้ว่าอยากพูดว่าตีอะไร
ลู่หันซูจับมือแม่ไว้ “แม่คะ ชอบที่นี่ไหม ถ้าชอบพวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตาคุณยายระยะหนึ่ง”
“ชอบ…ซีซี ซูซู คุณตาคุณยายคืออะไร” แม่ลู่เอียงศีรษะถามลูกสาว
“คุณตาคุณยายก็คือพ่อกับแม่ของแม่ไงคะ”
แม่ลู่หันไปมองย่าลู่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเธอ “แม่”
แม่เธออยู่ที่นี่ต่างหาก!
ย่าลู่ขานรับ แต่กลับคิดในใจ พูดออกไปเธออาจไม่เชื่อ จริงๆ แล้วฉันเป็นแค่แม่สามีของเธอ!
แต่หลายปีมานี้เธอก็ดูแลเหมียวเหมียวเหมือนลูกสาวของตัวเอง
โชคดีที่ปกติเหมียวเหมียวว่าง่าย ดูแลได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก
เป่ยซีมองแม่ลู่ทำท่าอ้อนย่าลู่ เธอรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบโยน
ถ้าคนอื่นเป็นแม่สามีของเหมียวอวี้ เหมียวอวี้อาจไม่ได้รับการดูแลอย่างดีร่างกายสะอาดสะอ้านแบบนี้ก็ได้
ครอบครัวลู่เป็นคนดีมากทุกคนตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่
เสี่ยวอวี้เป็นคนโชคชะตาขื่นขม แต่ในขณะเดียวกันก็มีความโชคดีอยู่บ้าง
ลู่จือฉินยิ้มพูดกับลูกศิษย์คนเล็ก “พวกท่านทั้งสองจะต้องอยากให้พวกเธออยู่ต่อแน่ ไว้…มีโอกาสเหมาะๆ เสี่ยวซูลองถามคุณตาคุณยายดูนะว่าอยากไปใช้ชีวิตที่ประเทศเหยียนหวงด้วยกันไหม”
ย่าลู่จะได้มีเพื่อน
ถ้าแม่ลู่ไม่อยู่แล้ว ให้ผู้อาวุโสทั้งสองท่านได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมบ้างก็อาจเป็นผลดี
ลู่หันซูพยักหน้า
ย่าลู่ “เสี่ยวซูกับเหมียวเหมียวอยู่ต่อเป็นเพื่อนตายาย ไว้ถึงเวลาย่าจะกลับไปพร้อมอาจารย์ลู่ก่อน”
ลู่หันซูขมวดคิ้วถาม “ทำไมย่าไม่อยู่ด้วยกันล่ะคะ”
“ไม่ล่ะ ย่าคิดถึงบ้าน หลานกับแม่อยู่ที่นี่ย่าก็วางใจ”
“แต่หนูไม่วางใจให้ย่าอยู่บ้านคนเดียวนี่คะ”
“ย่ายังไม่แก่ถึงขั้นดูแลตัวเองไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นในหมู่บ้านก็มีแต่คนรู้จัก หลานอยู่ที่นี่ให้สบายใจไปเถอะ”
ลู่หันซูไม่พูดอะไรอีก
ในใจเธอรู้ว่าย่าต้องรู้สึกอึดอัดไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน อีกทั้งย่าเธอก็ยังดูแลตัวเองไปได้อีกหลายปีจริงๆ
สิ่งที่เธอกังวลคือ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่าจะต้องปิดบังเพราะกลัวเธอเป็นห่วงแน่นอน
เป่ยซียิ้มพูด “หันซูอยู่ทางนี้ ถ้าว่างก็ขึ้นเขาพร้อมนักเก็บสมุนไพรของตระกูลปาไปลองเสี่ยงดวงดูได้นะ”
เรื่องบางอย่างที่ต้องเสี่ยงดวง ไม่ใช่ว่าแค่ใช้ความพยายามก็เพียงพอ
แต่ตอนนั้นที่ลำบากขั้นหนักก็ยังผ่านมาได้ เธอไม่เชื่อว่าตอนนี้คนรอดมาได้แล้วยังจะไม่พบโชคดีอีก
ลู่หันซูพยักหน้า “ค่ะ ถ้าว่างหนูจะตามไปเก็บสมุนไพรด้วย ขอบคุณค่ะคุณนาย”
“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”
ระหว่างนั่งรถก็คุยกันไป ไม่นานก็ไปถึงหมู่บ้านเหมียวไจ้
เย่ว์จือกวงไม่ได้จอดรถที่ลานจอดรถนักท่องเที่ยว เขาขับตรงไปจอดที่ลานจอดรถของหมู่บ้านด้านหลังบ้านครอบครัวเหมียว
หมู่บ้านเหมียวไจ้ใหญ่มาก มีลานจอดรถหลายจุด
เป่ยซี เย่ว์จือกวง และลู่จือฉินช่วยครอบครัวลู่หิ้วของฝากจากประเทศเหยียนหวง รวมถึงสัมภาระ
ถูกต้อง เอาสัมภาระของทั้งสามคนมาด้วย
เพราะลู่หันซูกับย่าลู่ต่างคิดว่า พักที่บ้านครอบครัวเหมียวเหมาะสมกว่าพักที่ตำหนักพระจันทร์
เย่ว์จือกวงเดินนำ พวกเขาหิ้วของเดินไปทางบ้านครอบครัวเหมียว
เหมียวอวี่เจ้าบ้านผู้ชายอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ไม่เห็นเจ้าบ้านผู้หญิง แต่ได้กลิ่นหอมของอาหาร
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลากินข้าวแล้ว
เหมียวอวี่ที่ร่างกายแก่ตามวัยได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น เห็นเย่ว์จือกวงกับเป่ยซี เขาชะงักค้างไปทันที
“ปู่เหมียวสวัสดีครับ พวกเรามารบกวนหน่อยครับ” เย่ว์จือกวงทักทายก่อน
“คะ…คุณชายรอง? คุณนาย?” เหมียวอวี่พูดตะกุกตะกักเล็กน้อย
ถึงแม้ครอบครัวของพวกเขากับครอบครัวหัวหน้าเผ่าจะเป็นเหยื่อของเหตุการณ์เหมียวฉีทั้งคู่ แต่พวกเขาไม่กล้าคิดว่าครอบครัวหัวหน้าเผ่าจะมาเยี่ยมเยียน อีกทั้งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
เป่ยซียิ้ม “ฉันควรมาเยี่ยมนานแล้วค่ะ”
“ไม่กล้าครับไม่กล้า! คุณนาย คุณชาย เชิญนั่งครับ แล้วก็…” ตอนที่เหมียวอวี่เห็นเหมียวอวี้ เขาหยุดค้างในทันที
“นี่…นี่…นี่มัน…ละ…”
เหมียวอวี่ริมฝีปากสั่น ไม่อยากจะเชื่อ
เย่ว์จือกวงพยุงเขาให้เดินไปใกล้เหมียวอวี้
เหมียวอวี้ขยับเข้าไปใกล้ย่าลูกเล็กน้อยด้วยความกลัว
ย่าลู่ตบแขนเธอเบาๆ “เหมียวเหมียวไม่ต้องกลัวนะ ผู้ชายคนนี้คือคนที่รักเธอที่สุด”
เหมียวอวี่น้ำตาไหลก่อนจะได้พูดอะไร เข้าไปกอดเหมียวอวี้แล้วร้องไห้โฮ
“เสี่ยวอวี้…เสี่ยวอวี้ลูกพ่อ…เสี่ยวอวี้กลับมาแล้ว…”
แม่เหมียวอวี้ที่ทำกับข้าวอยู่ในครัวได้ยินเสียงสามีร้องไห้ก็รีบร้อนออกมาโดยไม่ทันได้วางตะหลิว
“เสี่ยวอวี้ลูกพ่อกลับมาแล้ว…”
พอได้ยินแบบนั้นตะหลิวในมือแม่ของเหมียวอวี้ก็หล่นลงพื้น
“เสี่ยวอวี้?”
เหมียวอวี่กำลังอยู่ในความทุกข์ระทมและดีใจเหลือล้น ไม่ได้สังเกตภรรยาของตัวเอง
ย่าลู่ทำท่าทางบอกให้ลู่หันซูที่ดวงตาแดงก่ำเข้าไปประคองยาย
ลู่จือฉินก็เดินไปทางแม่ของเหมียวอวี้ กลัวว่าหญิงชราจะสะเทือนใจหนักจนหมดสติ
“เสี่ยวอวี้?” แม่ของเหมียวอวี้ราวกับมองไม่เห็นคนอื่น สายตาจับจ้องผู้หญิงที่มีสีหน้างุนงงอยู่ในอ้อมกอดของสามีเธอ
“เสี่ยวอวี้…”