ตอนที่ 358 แม่สามีไม่ใช่แม่
ลู่หันซูเข้าไปประคองยายเดินเข้าไปหาสองพ่อลูก
แม่ของเหมียวอวี้ไม่มีสายตาหลงเหลือไว้มองคนรอบตัว จิตใจของเธอจดจ่ออยู่ที่คนที่พวกเธอสองคนตายายคิดถึงมาตลอดชีวิต
“เสี่ยวอวี้…เสี่ยวอวี้ลูกแม่…”
หญิงชรายื่นมือที่สั่นออกไปลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของเหมียวอวี้ จากนั้นร่างกายก็โงนเงนหงายหลังล้ม
“แม่เสี่ยวอวี้”
ลู่หันซูกับลู่จือฉินยื่นมือไปประคองพร้อมกัน
“เสี่ยวซู ถือกล่องยาไว้ อาจารย์จะอุ้มคุณยายของเธอไปฝังเข็มที่โซฟา”
“ค่ะ”
ลู่หันซูถือกล่องยาตามหลังลู่จือฉิน ลู่จือฉินอุ้มแม่ของเหมียวอวี้ไปวางที่โซฟาอย่างสบายๆ ให้คนหมดสตินอนราบ
“แม่ แม่…”
ในที่สุดเหมียวอวี่ก็ได้สติกลับมา จูงลูกสาวไปดูภรรยา เรียกด้วยความร้อนใจ
“คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณป้าสะเทือนใจมากเกินไป จิตใจรับไม่ไหวถึงได้หมดสติ เดี๋ยวฝังเข็มเสร็จสักพักก็ฟื้นแล้วค่ะ”
ลู่จือฉินพูดพลางฝังเข็มไม่ได้หยุด
“ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก…”
เหมียวอวี้อยากสะบัดมือของเหมียวอวี่ ออกแรงค่อนข้างเยอะจนเหมียวอวี่ที่กำลังเป็นห่วงภรรยารู้สึกได้
“เสี่ยวอวี้ ลูกยังไม่ให้อภัยพ่อแม่ใช่ไหม ขอโทษนะ….”
ชายชรารู้สึกแย่เหลือเกิน น้ำตาเริ่มไหลอีกรอบ
“คุณตาคะ แม่มีความผิดปกตินิดหน่อย จำใครไม่ได้ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ” ลู่หันซูที่ดวงตาแดงก่ำพูดปลอบ
“คะ…คุณตาเหรอ หนูเป็นลูกสาวของ…เสี่ยวอวี้เหรอ”
ลู่หันซูพยักหน้า
เหมียวอวี่ดวงตาเบิกโพลง
เป่ยซี “ลุงเหมียวคะ เดี๋ยวคุณป้าฟื้นฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะคะ”
“เสี่ยวอวี้…เจ้าหญิงน้อยล่ะ เสี่ยวอวี้ยังไม่ตาย งั้น งั้น เจ้าหญิงน้อยล่ะ” ชายชราหายใจถี่เร็วด้วยความกังวล
“ลุงเหมียวคะ ลูกสาวของฉันก็ยังไม่ตายค่ะ ต้องขอบคุณเหมียวอวี้ที่ปกป้องไว้ ขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยที่หลายปีมานี้โทษผิดคน”
เหมียวอวี่มองลูกสาว เวลานี้จิตใจสงบลงแล้วถึงเพิ่งสังเกตเห็นสภาพที่ผิดปกติไป
“เสี่ยวอวี้…”
เหมียวอวี่มองลูกสาวที่เดิมหน้าตาสะสวย ตอนนี้เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ เขาน้ำตาซึมยื่นมืออยากไปจับแขนที่ด้วนของลูกสาวแต่ก็ไม่กล้า
“ไม่เจ็บๆ เสี่ยวอวี้ไม่เจ็บ” เหมียวอวี้ยกแขนข้างที่ด้วนไปแตะมือของเหมียวอวี่ สีหน้าจริงจัง
“เสี่ยวอวี้! พ่อ เมื่อกี้แม่ฝันเห็นลูกสาวเรา” แม่ของเหมียวอวี้พอตื่นขึ้นมาก็พึมพำ
เหมียวอวี่รีบดันตัวลูกสาวที่เขายืนบังไว้ไปตรงหน้าภรรยา “แม่ แม่ไม่ได้ฝัน เสี่ยวอวี้ของพวกเรากลับมาแล้วจริงๆ แล้วก็ มีหลานสาวของพวกเราด้วย…”
ลู่หันซูรีบเข้าไปเรียกเสียงเบา “คุณยาย”
แม่ของเหมียวอวี้เพิ่งฟื้น สมองยังตามไม่ทันเท่าไร
ลู่จือฉินกับลู่หันซูประคองแม่ของเหมียวอวี้ให้นั่งพิงโซฟา
“คุณยายคะ หนูกับแม่มาเยี่ยมคุณตาคุณยายแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ พวกเรากลับมาช้าไป”
“เหมียวฉี…ก่อนหน้านี้เหมียวฉีไม่เห็นบอกว่าเสี่ยวอวี้ยังไม่ตาย…”
เป่ยซีจับมือแม่ของเหมียวอวี้ “คุณป้าคะ อันที่จริงเหมียวฉีไม่รู้ว่าลูกสาวฉันกับเสี่ยวอวี้ยังไม่ตาย ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง”
“ฉัน…ฉันอยากรู้ตอนนี้ คุณนายช่วยบอกพวกเราด้วย”
ลู่จือฉินกลัวว่าอีกเดี๋ยวคนชราทั้งสองจะสะเทือนใจอีก จึงหยิบยาในกล่องออกมาสองเม็ดให้ทั้งสองคนกิน
คนชราทั้งสองไม่สงสัยอะไร กินยาแล้วเร่งให้เป่ยซีเล่า
เย่ว์จือกวง “แม่ครับ ผมเล่าดีกว่า”
“ได้ ลูกเล่า”
เย่ว์จือกวงเล่าข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขามีให้คนชราทั้งสองฟัง รวมถึงเรื่องที่น้องสาวสุดที่รักของเขาตอนนี้เรียนอยู่ประเทศเหยียนหวง
ลู่หันซูอาศัยจังหวะที่เหมาะสมเล่าเรื่องชีวิตแม่เธอในหมู่บ้านตงจี๋เสริม
ผู้อาวุโสทั้งสองดวงตาเบิกโพลง หูผึ่ง กลัวจะพลาดอะไรไป
แน่นอนว่ายังปิดบังเรื่องที่เหมียวอวี้กำลังรอยาถอนพิษไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ทุกคนกลัวพวกเขาจะรับไม่ไหว
ฟังเรื่องนี้จบผู้อาวุโสทั้งสองก็ใช้เวลาย่อยเรื่องนี้อยู่นาน
จนกระทั่งเหมียวอวี้หันไปบอกย่าลู่ “แม่ หิวแล้ว”
“เสี่ยวอวี้หิวแล้ว แม่จะไปทำกับข้าวให้นะ” แม่ของเหมียวอวี้อยากลุกไปห้องครัว แต่กลับพบว่าร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง
เหมียวอวี้กลับยกแขนข้างที่ด้วนไปทางย่าลู่ อยากให้ย่าลู่จูงไปกินข้าว “แม่ หิวหิว”
พ่อแม่ของเหมียวอวี้อึ้งไปชั่วขณะ พอได้สติกลับมาก็ทั้งเสียใจทั้งรู้สึกขอบคุณ
ถึงแม้ลูกสาวจะจำพวกเขาไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังมีแม่อีกคนที่เอ็นดูเธอ
ย่าลู่จับแขนของเหมียวอวี้แล้วพูดกล่อม “เหมียวเหมียว พวกเขาคือพ่อแม่ที่รักเธอที่สุดในโลก ฉันเป็นแม่สามี ไม่ใช่แม่แท้ๆ”
“แม่สามีคืออะไร กินได้ไหม หิวหิว~”
ย่าลู่ “…”
พอเห็นลูกสาวร้องหิวหลายครั้ง เหมียวอวี่จึงลุกขึ้น
นึกไม่ถึงว่าลุกเร็วไปหน่อย มึนศีรษะเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่แคร์
“เสี่ยวอวี้หิวแล้ว พ่อจะไปทำกับข้าวให้นะ”
“ฉันไปด้วย” แม่ของเหมียวอวี้ก็อยากทำอาหารให้ลูกสาวกินด้วยตัวเอง
ย่าลู่ประคองแม่เหมียวอวี้ “พวกคุณสองคนพักก่อนเถอะ ฉันกับหันซูจะไปทำให้”
“ไม่ค่ะ จะให้แขก…ไม่สิ ไม่ใช่แขก เป็นคนในครอบครัว” แม่เหมียวอวี้รีบเปลี่ยนคำพูด
คนหนึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ อีกคนเป็นแม่สามีที่เห็นลูกสาวของเธอเป็นเหมือนลูกแท้ๆ จะเรียกว่าแขกได้ยังไง
ย่าลู่ยิ้มพูด “ในเมื่อเป็นคนในครอบครัว งั้นก็ไม่ต้องเกรงใจ รีบบอกพวกเราสิคะว่าครัวอยู่ตรงไหน”
ลู่จือฉิน “ให้ฉันไปทำดีกว่าค่ะ คุณป้ากับหันซูอยู่กับทุกคนตรงนี้ดีกว่า”
เย่ว์จือกวงเดินเข้าไปหยิบตะหลิวที่ตกเมื่อครู่ “ผมไปเป็นลูกมืออาจารย์ลู่เองครับ”
เป่ยซีกับลู่จือฉินพยักหน้า
สองผู้อาวุโสครอบครัวเหมียวรู้สึกเกรงใจที่จะให้คุณชายของเผ่ากับอาจารย์ของหลานสาวไปทำกับข้าว แต่ก็พูดโน้มน้าวไม่ได้
เหมียวอวี่พาทั้งสองคนไปห้องครัว ชี้พวกเครื่องปรุงต่างๆ ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง
“ในตู้เย็นมีผักหลายชนิด ทำตามสบาย รบกวนอาจารย์ลู่กับคุณชายรองแล้วครับ”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ไม่ต้องเกรงใจค่ะ คุณลุงไปนั่งคุยกับทุกคนเถอะค่ะ”
“ครับ”
เหมียวอวี่ออกมาจากครัว ไปอยู่อีกฝั่งของลูกสาวแล้วพูดกับภรรยา “นึกไม่ถึงว่าเจ้าหญิงน้อยกับอาจารย์ลู่จะมาเก็บเส้นผมของพวกเราไปตรวจดีเอ็นเอด้วยตัวเอง”
แม่ของเหมียวอวี้นึกถึงตอนเจอมู่เถาเยา ลู่จือฉิน และอวิ๋นไป๋ครั้งแรก ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาหน่อย “เจ้าหญิงน้อยจิตใจดีและมีน้ำใจจริงๆ”
เหมียวอวี้พูดตาม “เจ้าหญิงน้อยใจดี”
เป่ยซีลูบศีรษะของเหมียวอวี้แล้วพูดกับผู้อาวุโสทั้งสองของครอบครัวเหมียว “เสี่ยวอวี้ปกป้องลูกสาวของฉัน ถึงได้มีโอกาสให้หมอเทวดาหยวนเก็บได้ จนมีผลลัพธ์อย่างในตอนนี้”
“เสี่ยวอวี้ทำในสิ่งที่ควรทำ แม่ทัพเป่ยกับคุณนายเอาเสี่ยวอวี้ไปเลี้ยงเหมือนลูกสาวสิบกว่าปี เสี่ยวอวี้ทำทุกอย่างเพราะความสุข” แม้ตอนนี้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ สติไม่สมประกอบก็ตาม
เขากล้าพูดเลยว่า หากลูกสาวมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่เพียงแต่จะไม่เสียใจ ยังจะตำหนิตัวเองด้วยซ้ำที่หลงกลเหมียวฉีพาเจ้าหญิงน้อยออกไป ทำให้เจ้าหญิงน้อยต้องพลัดพรากกับครอบครัวไปสิบแปดปี ทั้งยังทำให้คุณนายเป่ยซีที่ตัวเองรักที่สุดต้องเป็นทุกข์สิบแปดปี…
ด้วยนิสัยของเสี่ยวอวี้ ต่อให้ตัวเองตายก็ไม่มีทางนึกเสียใจ