ตอนที่ 359 ฐานะต่างกัน
กินข้าวกลางวันเสร็จ พ่อแม่ของเหมียวอวี้ก็รู้เกี่ยวกับร่างกายของลูกสาวมากขึ้น
ตาเหมียวขอบตาแดงถามขึ้น “อาจารย์ลู่ครับ โรคของเสี่ยวอวี้จะรักษาหายได้ไหมครับ”
ในความเป็นจริงเขารู้ว่าความหวังริบหรี่มาก อย่างไรเสียก็สิบกว่าปีแล้ว อีกทั้งหมู่บ้านตงจี๋ที่ครอบครัวพ่อแม่สามีของลูกสาวอยู่ก็เป็นถึงแหล่ง ‘ผลิตยา’ ถ้ารักษาหายได้คงรักษาไปนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นลูกเขยที่ล่วงลับไปแล้วยังเป็นถึงหมอ
แต่ในความรู้สึกส่วนตัวเขายังคงมีความหวัง
พอทุกคนได้ฟังก็หันไปมองลู่จือฉิน
คำถามนี้ตอบยาก เพราะตอบไปตามความจริงไม่ได้
วันนี้สองผู้อาวุโสสะเทือนใจมากเกินไป ตอนนี้สภาพจิตใจเพิ่งจะดีขึ้นมาหน่อย จะให้สะเทือนใจไม่ได้อีก
การหายตัวไปของลูกสาวทำให้พวกเขาปลงไม่ตกมาตลอด สุขภาพจึงไม่ได้ดีมาก อีกทั้งตอนนี้อายุก็มากแล้ว หากสะเทือนใจมากๆ อาจทำให้อายุสั้นลง
ลู่จือฉินครุ่นคิดแล้วพูดกับผู้อาวุโสทั้งสอง “มีหนทางรักษาได้ค่ะ แต่ขาดแคลนสมุนไพร…”
“คุณตาคุณยายคะ นับตั้งแต่หนูรู้จักอาจารย์ อาจารย์กับศิษย์พี่ก็ช่วยตามหาสมุนไพรมาให้แม่ตลอด” ขอบตาของลู่หันซูก็แดงก่ำ
ยายเหมียวรีบถามขึ้น “สมุนไพรอะไรเหรอ พวกเราจะช่วยหาด้วย! บนเขาพิษหมาป่าด้านหลังมีสมุนไพรเยอะแยะเลยนะ”
“คุณตาคุณยายคะ สมุนไพรวิเศษที่แม่ต้องใช้คือหญ้าร้อยรสกับดอกพันวันค่ะ เป็นสมุนไพรในตำนาน หาไม่ได้ง่ายๆ”
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่เข้าใจเรื่องการรักษา ไม่รู้ว่าหญ้าร้อยรสกับดอกพันวันใช้รักษาโรคอะไรกันแน่ ลู่หันซูถึงได้พูดออกมา
“เสี่ยวซู บอกมาหน่อยว่าสมุนไพรวิเศษสองชนิดนั้นหน้าตาเป็นยังไง ยายกับตาจะขึ้นเขาไปหาทุกวัน”
“หนูไปหาให้ค่ะ คุณตาคุณยายอยู่บ้านกับแม่ดีกว่าค่ะ” ถ้าไม่มียา วันเวลาที่เหลือก็ไม่มากแล้ว
ลู่หันซูไม่รู้ว่าจะเอ่ยกับตายายอย่างไร แม่ของเธออาจเหลือเวลาอีกแค่สามเดือนกว่า
ตาเหมียวย่อมตัดใจห่างจากลูกสาวไม่ได้แน่นอน แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงสุขภาพของลูกสาว เขาจึงขอให้ย่าลู่อยู่เป็นเพื่อนลูกสาวของเขาต่อ พวกเขาสองตายายจะตามหลานสาวไปช่วยหาสมุนไพรด้วย
ลู่จือฉิน “ลุงเหมียวคะ ตามหาสมุนไพรตัวนี้ต้องพึ่งดวงค่ะ คุณลุงกับคุณป้าอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ของเสี่ยวซู ฉันกับเสี่ยวซูรวมถึงเสี่ยวเยาเยาจะช่วยกันหาหนทางค่ะ”
ยายเหมียวส่ายหน้าแล้วพูด “อาจารย์เสี่ยวซู ในภูเขาของเผ่าเรามีหมาป่าอาศัยอยู่ อาจารย์ไม่ใช่คนในเผ่า ขึ้นเขาอาจไม่ค่อยเหมาะ…”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “คุณป้าคะ ก่อนหน้านี้ฉันกับเสี่ยวเยาเยาเคยมาที่เผ่าแล้วไงคะ เคยเจอหมาป่าจำนวนไม่น้อยพร้อมเสี่ยวเยาเยากับอากวง หรือแม้กระทั่งราชาหมาป่าในป่าพิษหมาป่าก็เคยเจอ รู้ว่าต้องสื่อสารกับพวกมันยังไงค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าหมาป่าจะทำร้ายฉันนะคะ”
ลู่หันซูพยักหน้า “คุณยายคะ หมาป่าไม่มีทางทำร้ายอาจารย์ของหนูก่อนแน่นอนค่ะ” ในภูเขาไม่ขาดแคลนอาหารของพวกมัน
เทาน้อยสองตัวนั้นเป็นลูกของราชาหมาป่าขาว สนิทกับอาจารย์ด้วย
ลู่จือฉินครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “ไม่งั้นเอาแบบนี้ ฉันก็มาอยู่ที่นี่ด้วย จะได้ถือโอกาสช่วยคุณลุงคุณป้าฝังเข็มปรับสมดุลร่างกายด้วย วันหน้าคุณลุงคุณป้าจะได้พาแม่เสี่ยวซูไปเดินเล่นในเขาทุกวัน แบบนั้นก็เป็นผลดี ออกกำลังกายแบบพอเหมาะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น…”
คนที่นั่งอยู่ต่างไม่คัดค้านการจัดแจงของลู่จือฉิน
เป่ยซี “จือฉิน ขาดสมุนไพรอะไรก็บอกได้นะ ฉันจะให้คนเอามาส่ง ถ้าตำหนักพระจันทร์ไม่มีก็ถามตระกูลปา”
“พวกเราเอาของบำรุงมาจากตำหนักพระจันทร์ตั้งเยอะ พวกสมุนไพรที่ขาดก็เป็นชนิดที่หาได้ง่าย พรุ่งนี้ฉันกับเสี่ยวซูขึ้นเขาพิษหมาป่าไปเก็บแบบสดใหม่จะยิ่งดีกว่า”
เป่ยซีพยักหน้า “ในเมื่อจือฉินคิดว่าแบบสดใหม่ดีกว่า งั้นก็ใช้แบบนั้น”
หยุดเล็กน้อยแล้วหันไปพูดกับพ่อแม่เหมียวอวี้ “ถ้ามีเรื่องลำบากอะไรก็บอกฉันได้เลยนะคะ แก้ปัญหาได้ก็แก้ แก้ไม่ได้ทุกคนก็ช่วยกันหาทาง เสี่ยวอวี้เป็นเหมือนน้องสาวของฉัน คุณลุงคุณป้าไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
“ครับๆๆ”
สองผู้อาวุโสพยักหน้าต่อเนื่อง รู้สึกซาบซึ้งใจ ขอบตาแดงอีกครั้ง
เมื่อก่อนพวกเขารู้อยู่แล้วว่า ลูกสาวอยู่บ้านตระกูลเป่ยมีชีวิตที่ดีมาก
นับตั้งแต่ลูกสาวไปอยู่บ้านตระกูลเป่ย ทุกครั้งที่พวกเขากลับมาจะได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ ดูมีความสุขกว่าอยู่บ้านลุงแท้ๆ เยอะ!
ตอนนี้ลูกสาวที่เฝ้ารอมาสิบแปดปีกลับมาแล้ว พวกเขาก็อยากมีชีวิตอยู่ให้นานหน่อยกับลูกสาว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะให้ความร่วมมือ
ต่อให้ต้องบากหน้าไปขอร้อง ขอแค่ลูกสาวได้ประโยชน์ พวกเขาก็ยินดีทำ
เหมียวอวี้ดึงมือตัวเองออกจากมือแม่แล้วชี้หน้าตัวเอง พูดอย่างมีความสุข “เสี่ยวอวี้ น้องสาว ไม่ต้องเกรงใจ”
เป่ยซียิ้มดวงตาโค้งมน “จ้ะ เสี่ยวอวี้เป็นน้องสาว ไม่ต้องเกรงใจพี่สาวนะ”
“พี่สาว น้องสาว ฮี่ๆ…”
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความสุขของเธอ ใบหน้ามีรอยยิ้มตาม รวมถึงพ่อแม่ของเหมียวอวี้
ทันใดนั้นลู่หันซูก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง “คุณตาคุณยายคะ พวกเรายังไม่ได้บอกน้าเลยนะคะว่าแม่กลับมาแล้ว”
คนอื่นๆ ต่างก็อึ้งแล้วหัวเราะ
ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ตาเหมียว “พรุ่งนี้เป็นสุดสัปดาห์พอดี ครอบครัวน้าของหลานจะมา พวกเราอย่าเพิ่งบอก เก็บไว้เซอร์ไพรส์พวกเขา”
ทุกคน “…” เซอร์ไพรส์นี้ออกจะใหญ่ไปหน่อยนะ!
ยายเหมียวลุกไปที่ตู้หยิบอัลบั้มรูปออกมาชี้ให้ลู่หันซูดู “เสี่ยวซู คนนี้เหมียวรุ่ยน้าของหลาน นี่น้าสะใภ้เยี่ยเจิน แล้วนี่ก็ลูกพี่ลูกน้องเยี่ยชิงอวิ้น”
“น้องหน้าเหมือนน้าเลยค่ะ”
เหมือนเธอ มีแค่ดวงตากับผิวขาวเนียนดุจหิมะที่คล้ายแม่ ส่วนอย่างอื่นเหมือนพ่อ
“อันที่จริงชิงอวิ้นเหมือนแม่ของหลานมากกว่า น้าเหมือนแม่ของหลานห้าหกสิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งยังเอาแต่ลักษณะเด่นๆ ของพวกเราไป”
พวกเขาสองสามีภรรยาหน้าตาธรรมดา แต่ลูกๆ หน้าตาดี
ยายเหมียวมองลูกสาวที่เดิมทีหน้าตาสะสวย ตอนนี้เปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม อดขอบตารื้นขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
ลู่จือฉินรีบพูดปลอบ “คุณป้าคะ ไว้พวกเราเจอหญ้าร้อยรสเมื่อไรจะรีบรักษารอยแผลเป็นทันทีค่ะ”
“รอยแผลเป็นหลายปีแบบนี้รักษาได้ด้วยเหรอ”
“ได้ค่ะ”
“จ้ะ งั้นก็ขอบคุณอาจารย์ลู่ล่วงหน้านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เป่ยซียิ้มพูด “อยู่คุยกันไปนะคะ ฉัน จือฉิน อากวง ขอตัวกลับก่อน”
ระยะทางไม่ใกล้ ถ้าขับโดยใช้ความเร็วปกติ กว่าจะกลับถึงตำหนักพระจันทร์ฟ้าก็มืดแล้ว
ผู้อาวุโสสองคนครอบครัวเหมียวดูเวลา นี่ก็ล่วงเลยมานานแล้ว จึงไม่กล้ารั้งไว้อีก
ตาเหมียวลุกขึ้นแล้วพูด “งั้นพวกเราออกไปส่งคุณนาย คุณชายรอง แล้วก็อาจารย์ลู่”
“ค่ะ ถ้าคุณลุงคุณป้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาได้ตลอดนะคะ ไว้สัปดาห์หน้าฉันกับเย่ว์หลั่งจะพาคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมด้วยกันค่ะ”
ยายเหมียวรีบส่ายมือ “จะให้คุณเย่ว์ อดีตแม่ทัพ คุณนายผู้เฒ่า มาด้วยตัวเองได้ยังไง ไม่ได้ๆ! ให้พวกเราไป…” ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าไม่ถูก คำพูดหยุดชะงัก
พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา เข้าไม่ถึงตำหนักพระจันทร์กับบ้านตระกูลเป่ย
คุณนายกับคุณชายตระกูลหัวหน้าเผ่าเป็นกันเองเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเกือบลืมไปว่าฐานะต่างกัน
เป่ยซียิ้มพูด “ไม่เป็นไรค่ะ คิดเสียว่าพ่อกับแม่ฉันมาพักผ่อน ทางนี้วิวดีมากเลยค่ะ”
“งั้น…งั้นพวกเราจะทำความสะอาดรอนะ”
เป่ยซียิ้มพลางพยักหน้า
ลู่จือฉินยิ้มกว้าง “คุณลุงคุณป้าคะ วันนี้ฉันขอกลับไปเก็บของก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ค่ะ”
ถึงแม้ครอบครัวเหมียวจะเปิดเป็นเกสต์เฮาส์ด้วย แต่ทางเผ่าอนุรักษ์ธรรมชาติ โรงแรมกับเกสต์เฮาส์ทั่วไปจะไม่มีของใช้แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เธอจึงต้องกลับไปเอาสัมภาระตัวเองที่ตำหนักพระจันทร์ก่อน
“จ้ะ เดี๋ยวพวกเราไปส่งที่ลานจอดรถนะ”
เป่ยซี เย่ว์จือกวง ลู่จือฉิน ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะรู้ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องยืนกรานไปส่งให้ได้