ตอนที่ 360 ครึ่งหนึ่งของศิษย์พี่
ลู่จือฉินพักที่บ้านครอบครัวเหมียว ทุกเช้าหลังจากฝังเข็มให้พ่อแม่ของเหมียวอวี้เสร็จเธอจะเข้าป่าพิษหมาป่าพร้อมลู่หันซู
เดินเข้าไประยะหนึ่งแล้วถึงใช้กำลังภายในเหาะไป
ตำแหน่งที่ลงในแต่ละวันไม่เหมือนกัน เจอสมุนไพรดีๆ อยู่ไม่น้อย แต่กลับไม่พบหญ้าร้อยรสหรือดอกพันวันที่อยากได้
วันเสาร์หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ลู่จือฉินก็พาลู่หันซูเหาะไปบริเวณถ้ำของราชาหมาป่าขาว
เทาน้อยสองตัวกำลังเล่นอยู่แถวปากถ้ำ มองเห็นลู่จือฉินกับลู่หันซูทันที
พวกมันชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นแล้วส่งเสียงหอน
ฝูงหมาป่าที่อยู่รอบๆ วิ่งเข้ามาโอบล้อมอย่างรวดเร็ว
ลู่หันซูขยับเข้าหาลู่จือฉินด้วยความหวาดกลัว
เธอไม่เคยเห็นหมาป่าเยอะขนาดนี้มาก่อน
หลายวันมานี้เข้ามาในป่าพิษหมาป่าเจอแต่หมาป่ากระจัดกระจายกันอยู่ หรือไม่ก็เป็นฝูงเล็กๆ ไม่เคยเห็นฝูงใหญ่ขนาดนี้
ลู่จือฉินตบแขนของลูกศิษย์คนเล็กเบาๆ “เสี่ยวซูไม่ต้องกลัวนะ อาจารย์ เสี่ยวเยาเยา อากวง เคยมาที่นี่ พวกมันรู้จักอาจารย์”
“ค่ะ”
เทาน้อยสองตัววิ่งมาวนรอบเท้าของทั้งสองคน
ลู่จือฉินย่อตัวนั่งยองอุ้มขึ้นมาตัวหนึ่ง ยิ้มพูด “อืม หนักขึ้นมาหน่อย ดูท่าจะตั้งใจกินข้าวกินยา”
บรู้ววว
เทาน้อยสองตัวส่งเสียงพร้อมกัน
บรู้ววว
หมาป่ารอบตัวขานรับ
ลู่จือฉินอุ้มเทาน้อยทั้งสองแล้วพาลู่หันซูเดินไปที่แถวปากถ้ำ กระโดดขึ้นไปนั่งบนก้อนหินเรียบขนาดใหญ่รอราชาหมาป่ากับเมียกลับมา
ไม่นานพวกเธอก็เห็นหมาป่าเต็มบริเวณนั้น
ลู่หันซูขนลุกไปทั้งตัวขึ้นมาทันที
“เสี่ยวซู ทำตัวสบายๆ พวกมันไม่มีทางทำร้ายพวกเรา”
“หนูไม่ได้กลัวถูกทำร้ายค่ะอาจารย์ แต่กลัวเวลาที่มันรวมกันเยอะแยะ”
“งั้นก็ใช้โอกาสตอนที่อาการยังไม่หนักรีบรักษาอาการแบบนี้เสีย ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจเป็นเวลานานจะส่งผลไม่ดีต่อการใช้ชีวิตในอนาคต”
“ทราบแล้วค่ะอาจารย์”
“จ้ะ ตอนนี้มองพวกมันบ่อยๆ เป็นวิธีรักษาแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง”
“ค่ะ”
ลู่หันซูเพิ่งขานรับเสร็จลู่จือฉินก็ได้ยินเสียงหอนที่คุ้นเคย จากนั้นหมาป่าทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นก็หอนรับเสียงนี้
บรรยากาศยิ่งใหญ่มากทีเดียว
ลู่จือฉินยิ้มดวงตาโค้งมน “ราชาหมาป่าขาวกลับมาแล้ว”
“อาจารย์คะ ที่นี่มีหมาป่าขาวน้อยมากเลย”
“ใช่ ส่วนใหญ่เป็นหมาป่าเทากับหมาป่าน้ำตาล”
“ป่าพิษหมาป่าใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีหมาป่าเท่าไรนะคะ”
ลู่จือฉินส่ายหน้า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่นอน
เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าหมาป่าของทางนี้ติดต่อกับหมาป่าของป่าเซียนโหยว
ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นหมาป่าในป่าเซียนโหยว แต่ต้องมีแน่นอน
ไม่มีทางที่จะมีทุกอย่างยกเว้นหมาป่า
มันไม่สมเหตุสมผล
ขณะที่ลู่จือฉินกำลังคิดอยู่นั้น ฝูงหมาป่าก็มีความเคลื่อนไหว
ไม่นานราชาหมาป่าขาวกับเมียก็มาปรากฏตัวในสายตาของพวกเธอพร้อมหมาป่าขาวตัวน้อย
“เจ้าขาว เจ้าเทา ขาวน้อย”
บรู้ววว…
เจ้าขาวกับเจ้าเทาเข้ามาตรงก้อนหินในชั่วพริบตา จากนั้นก็กระโดดขึ้น
ผ่านไปสักพักหมาป่าขาวตัวน้อยถึงวิ่งมาถึงตรงนี้ จากนั้นก็วิ่งวนอยู่ตรงหน้าก้อนหินด้วยความร้อนใจ
มันยังเด็ก กระโดดไม่ถึง
ลู่จือฉินรู้สึกขำ ลงไปอุ้มมันขึ้นมา
ขาวน้อยร้องด้วยความตื่นเต้น ราวกับกำลังทักทายลู่จือฉิน
ลู่จือฉินลูบหัวของมันแล้ววางบนก้อนหิน
“เจ้าเทา มาให้ฉันตรวจดูร่างกายหน่อย”
แม่หมาป่าเดินเข้ามาใกล้แล้วหันตรงจุดที่เคยเป็นแผลให้ลู่จือฉิน
ลู่จือฉินตรวจดู เมื่อแน่ใจแล้วว่าหายสนิทก็ลูบหัวของมัน “เธอนี่ดวงดีจริงนะ รอดกลับมาได้หนึ่งชีวิต…อืม ควรพูดว่าสามชีวิตถึงจะถูก”
ถ้าตอนนั้นไม่บังเอิญเจอพวกเขา เจ้าเทาอาจอยู่ไม่พ้นคืนนั้น ส่วนลูกสีเทาทั้งสองตัวก็คงอยู่ต่อได้อีกไม่นาน
“เสี่ยวซู เอารูปออกมาหน่อย”
“ค่ะ”
ลู่หันซูหยิบม้วนกระดาษสีขาวจากในกระเป๋าเป้ส่งให้ลู่จือฉิน
ลู่จือฉินรับมาเปิดให้พวกหมาป่าดู
“เจ้าขาว เจ้าเทา ขาวน้อย เคยเห็นสมุนไพรสองชนิดนี้บ้างไหม”
พวกหมาป่ามองรูปภาพแล้วมองกันเอง ส่งเสียงสื่อสารกัน จากนั้นเจ้าขาวก็ส่ายศีรษะใหญ่ๆ ของมัน
“งั้นฉันเอารูปทิ้งไว้ในถ้ำนี้ก่อน เผื่อวันไหนไปเจอเข้า พอพวกเรามาอีกครั้งจะได้พาพวกเราไปเก็บ”
ลู่จือฉินพูดจบก็หยิบขวดกระเบื้องเล็กๆ ออกมาจากกล่องยาสองขวดแล้วกระโดดลงจากก้อนหิน
แม่หมาป่าเดินตามเธอเข้าไปในถ้ำ
ลู่จือฉินหาจุดที่แสงเข้าดี ฝนตกก็ไม่มีทางเปียก กางรูปภาพวางไว้ตรงนั้น เอาก้อนหินเล็กๆ ทับตามมุม กันลมเข้ามาพัดปลิว
ต่อให้ไม่มีคนเข้ามานาน แต่กระดาษนี้ใช้เวลาสามสี่เดือนก็ย่อยสลายได้ ไม่ใช่ขยะที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นวางไว้ตรงนี้ไม่เป็นไร
วางรูปภาพเสร็จก็ไปดูยาบำรุงของสองเทาน้อยที่อยู่ในกล่องไม้
นับดู จำนวนพอดีกับวันที่เหลืออยู่
ลู่จือฉินหันไปยิ้มพูดกับแม่หมาป่า “พวกเธอฉลาดมาก ไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย” อันที่จริงกินเยอะไปหรือกินน้อยไปก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก
ตราบใดที่ไม่ใช่กินปริมาณเยอะในครั้งเดียวหรือหยุดกินไปนาน ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก
เปิดจุกขวดแล้วเทยาลงไป เสร็จแล้วก็เดินออกจากถ้ำ
“เอาล่ะ พวกเราต้องกลับแล้ว ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่”
ครอบครัวราชาหมาป่าขาวอาลัยอาวรณ์
ลู่จือฉินเก็บของ พาลู่หันซูเหาะไป
ลงจากยอดต้นไม้ตอนที่ใกล้ถึงตีนเขา
“อาจารย์คะ ถ้าหนูอยากเรียนให้ได้แบบนี้ต้องใช้เวลากี่ปีคะ”
“ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนจ้ะ ศิษย์พี่ของเธออายุเท่านี้ก็เก่งกว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของประเทศเหยียนหวงแล้ว แต่ศิษย์พี่ของเธอเรียนวิชาต่อสู้มาตั้งแต่เริ่มเดินได้ อีกทั้งยังมีอาจารย์เก่งถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง ต่อให้คนอื่นมีพรสวรรค์ขนาดไหนก็ยากที่จะตามศิษย์พี่ของเธอทัน ถึงฝีมือของอาจารย์จะห่างชั้นกับศิษย์พี่ของเธอมาก แต่ก็เพียงพอที่จะสอนเธอได้”
“งั้นหนูทำได้แค่ครึ่งหนึ่งของศิษย์พี่ก็พอใช้แล้วไหมคะ” ขืนน้อยกว่านี้กลัวจะเข้าป่าเซียนโหยวไปเก็บสมุนไพรไม่ได้
“ไว้ถึงเวลาก็พยายามหน่อย” ลู่จือฉินไม่อยากทำร้ายจิตใจของลูกศิษย์คนเล็ก
อยากให้ได้ครึ่งหนึ่งของลูกศิษย์คนโตมันง่ายที่ไหนกัน!
ตอนนี้เธอยังได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นต์ของเสี่ยวเยาเยาด้วยซ้ำ
ลูกศิษย์คนเล็กอยากได้ครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่แค่ยากมาก แต่ไม่มีหวังเลยต่างหาก
“หนูจะพยายามค่ะ อาจารย์คะ หมาป่าพวกนั้นหาสมุนไพรเป็นเหรอคะ ท่าทางพวกมันเหมือนเข้าใจ”
“อย่าดูถูกสติปัญญาของหมาป่าเชียวนะ ครั้งก่อนเสี่ยวเยาเยาให้มันกินยาบำรุง มันก็ดมกลิ่นพาเสี่ยวเยาเยาไปเก็บดอกจื่อตันได้”
“ดอกจื่อตันคืออะไรเหรอคะ”
“เป็นสมุนไพรวิเศษที่ช่วยให้กำลังภายในเพิ่มขึ้นเท่าตัว ของดีมาก ไว้อาจารย์เริ่มสอนวิชาต่อสู้ให้เธอ พอมีกำลังภายในแล้วจะทำยากำลังภายในหรือยาจื่อตันให้เธอกิน”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
ลู่จือฉินยิ้ม “ขอแค่วันหน้าเธอมีความตั้งใจที่แน่วแน่ ไม่เดินเส้นทางผิด อาจารย์ก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว”
“อาจารย์วางใจได้ค่ะ หนูจะจดจำคำสั่งสอนของอาจารย์ไว้”
“จ้ะ”
ทั้งสองคนเดินออกจากป่า ระหว่างทางก็ทักทายผู้คนที่เจอจนกลับถึงบ้านครอบครัวเหมียว
ตอนนี้คนแถวนั้นต่างรู้แล้วว่าลูกสาวของครอบครัวเหมียวพาลูกกลับมาแล้ว และก็รู้ว่าลูกสาวบ้านนี้ไม่ค่อยปกติ แต่ทุกคนต่างเห็นใจและเข้าใจ ไม่มีใครดูถูกหรือเอาไปนินทา
ลู่จือฉินกับลู่หันซูชอบหมู่บ้านเหมียวไจ้กันมาก