ตอนที่ 364 ไล่ตามมาแปดถนน
บ่ายวันอาทิตย์ของเมืองเย่ว์ตูประเทศเหยียนหวง มู่เถาเยาสอบด้านกฎหมายเสร็จออกมาก็ล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ามาดูว่ามีสายที่ไม่ได้รับหรือข้อความใหม่หรือไม่
ระหว่างดูโทรศัพท์เธอก็เดินช้าๆ ไปทางถนนย่านการค้าที่อยู่แถวนั้น
นึกไม่ถึงว่าระหว่างที่เธอก้มตอบข้อความอยู่นั้นจะมีคนมากระชากระเป๋าเป้ที่เธอสะพายอยู่บนไหล่ข้างเดียวไป
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก็ร่วงตกพื้น
มู่เถาเยาไม่ตกใจ ไม่ได้ส่งเสียงร้อง เธอเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ววิ่งตามคนร้าย
เธอเองก็ไม่ได้วิ่งเร็ว ทิ้งระยะห่างอยู่ที่ประมาณสิบเมตร
ไม่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจับโจร โจรขโมยกระเป๋ารู้สึกแปลกใจ จึงหันกลับไปมอง
เห็นเพียงมีสาวน้อยวิ่งตามเขา
โจรคิดในใจ ผู้หญิงคนนี้โง่หรือเปล่า ไม่รู้จักตะโกนเรียกคนช่วย
โจรหันหน้ากลับไป วิ่งเร็วขึ้นเพื่อหวังสลัดให้หลุด
มู่เถาเยาที่อยู่ด้านหลังรู้สึกขำ
ความเร็วแค่นี้ยังจะกล้าออกมาวิ่งราว ขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ ยังจะเร็วเสียกว่า!
ไม่มืออาชีพเลยสักนิด!
คนที่วิ่งหน้าตั้งอยู่ข้างหน้าไม่รู้ความคิดในใจมู่เถาเยา ไม่อย่างนั้นคงได้กระอักเลือด
มู่เถาเยาวิ่งตามอย่างใจเย็น คนข้างหน้ายังมีหันกลับมามองอยู่เรื่อยๆ ว่าหนีพ้นหรือยัง
พอเห็นระยะห่างยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด เขาจึงโกยสุดกำลัง
ปรากฏว่าวิ่งมาสามถนนแล้วก็ยังคงระยะห่างเท่าเดิม!
วิ่งไปอีกสามถนนก็เหมือนเดิม!
โจรวิ่งราวเหนื่อยจนแทบกระอักเลือดแล้ว!
สองขาเหมือนถ่วงลูกเหล็กไว้ ความเร็วที่ใช้ในการวิ่งเหมือนเด็กอนุบาล
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง ยังคงไล่ตามด้วยระยะห่างที่ไม่ใกล้และไม่ไกลเกินไป
ผ่านไปอีกหนึ่งถนน
เมื่อถึงกลางถนนที่แปดก็มีเสียงคนข้างหน้าล้มลุกไม่ขึ้น
มู่เถาเยาเดินเข้าไปแย่งกระเป๋าเป้คืน
“ชะ…ช่วยด้วย…โจรวิ่งราว…อ๊า…”
มู่เถาเยา “…”
เธอได้ยินผิดหรือเปล่า ตกลงใครวิ่งราวใครกันแน่
ยกเท้าถีบโจรวิ่งราวที่หอบเป็นลูกหมาไปหนึ่งที “ตะโกนอีกทีซิ”
“ทะ…ทำ…ทำไมเธอ…ไม่เหนื่อย…”
“ฉันเหรอ สุดยอดจอมยุทธ์! เมื่อกี้นายตะโกนว่าอะไรนะ ตะโกนให้ฉันได้ยินอีกรอบซิ”
โจรวิ่งราวหอบพลางพูด “…นังบ้า ยังไม่….หนีอีก เดี๋ยวฉัน…มีแรงกลับมา…เธอ…ตายแน่!”
มู่เถาเยาก้มมองคนที่เหนื่อยหอบบนพื้นด้วยความเวทนา “ถึงสมองนายจะปัญหา แต่ทำผิดแล้วก็ต้องรับการลงโทษ”
หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรแจ้งตำรวจ
“เอ๊ะ เสียแล้วเหรอ”
โจรวิ่งราวนอนหอบอยู่สักพัก พอเริ่มมีกำลังกลับมาบ้างแล้วก็เริ่มตะโกนขู่ “นังบ้า เอาเงินมาให้ฉันซะดีๆ ไม่งั้นจะเจ็บตัว”
“ก็ลุกมาทำร้ายฉันสิ”
“…”
เวลานี้มีหญิงงามปากแดงร่างสูงเดินมาจากฝั่งตรงข้าม
“เสี่ยวเยาเยา! ทำไมถึงอยู่…นี่ใครน่ะ ไปนอนอยู่บนพื้นทำไม ต่อให้ไม่รังเกียจความสกปรก แต่แดดเปรี้ยงขนาดนี้พื้นร้อนจะตาย!”
“โจรวิ่งราว”
“โจรวิ่งราว! แล้วเธอเป็นไงบ้าง บาดเจ็บหรือเปล่า” หญิงงามจับมู่เถาเยามาสำรวจหน้าหลังอยู่หลายรอบ
“ฉันไม่เป็นไร เขาวิ่งมาหลายถนนก็ไม่ไหวแล้ว”
“กี่ถนน”
“เจ็ดแปดถนนได้”
“…เธอวิ่งตามเจ็ดแปดถนนเลยเหรอ” เด็กสาวคนเดียวทำไมเก่งขนาดนี้ หญิงงามชักสงสัยในชีวิต
“อืม เขาอ่อนไปหน่อย”
“ถุย ฉันไม่ได้อ่อนนะ!”
หญิงงามหันกลับไปถีบหนึ่งที “เสี่ยวเยาเยาบอกว่าแกอ่อนก็คืออ่อน!”
ฮึ่ย
“เสี่ยวเยาเยา วิ่งมาเจ็ดแปดถนนไม่เหนื่อยเหรอ”
“ไม่เหนื่อย”
โจรวิ่งราว “…” เขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!
หญิงงาม “…” สุดยอดไปเลย!
“พี่หลันฉือ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ”
“พี่ออกมาซื้อของน่ะ กำลังจะกลับมหา’ลัย เธอล่ะ”
“ฉันเพิ่งสอบเสร็จ อยากเดินเที่ยว แต่ถูกวิ่งราวก่อน จนวิ่งตามมาถึงที่นี่”
“เธอสอบอะไรเหรอ ทำไมพี่ไม่รู้ พี่ขาดสอบเหรอ ไม่ถูกสิ วันนี้วันอาทิตย์ จะมีสอบได้ยังไง” สีหน้าของตี้อู่หลันฉือเต็มไปด้วยคำถาม
“ไม่ใช่ของมหา’ลัยค่ะ สอบกฎหมาย”
“สอบกฎหมาย? เธอจะเป็นทนายเหรอ! หรือว่าอยากย้ายคณะ งั้นมาเรียนนิติเวชทำไม”
“ฉันมีความสนใจค่อนข้างเยอะค่ะ”
“…เอ่อ” เธอไปต่อไม่ถูกเลย ไม่อย่างนั้นจะยิ่งแสดงออกว่าตัวเองกะโหลกกะลาไปวันๆ
“พี่หลันฉือคะ ขอยืมมือถือโทรแจ้งตำรวจหน่อยค่ะ โทรศัพท์ฉันตกพังแล้ว”
พอโจรวิ่งราวได้ยินมู่เถาเยาพูดแบบนี้ก็ตะเกียกตะกายอยากลุกหนี
ตี้อู่หลันฉือยกขาพาด โจรวิ่งราวถึงกับรีบหมอบกราบ
“กล้าหนีเหรอ เดี๋ยวเจอดี!”
โจรวิ่งราวร้องไห้ครวญคราง
“พี่หลันฉือรีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ เดี๋ยวเสียเวลากลับมหา’ลัย” มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูมีชั่วโมงเรียนด้วยตัวเองตอนเย็นด้วย
“อือ”
โทรแจ้งตำรวจเสร็จมู่เถาเยาก็เร่งให้ตี้อู่หลันฉือกลับมหาวิทยาลัย
“พี่จะรอเป็นเพื่อนเธอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนีไม่รอดหรอก”
“อืม มีพี่อยู่หมอนี่หนีไม่รอดหรอก! อีกอย่างนะเสี่ยวเยาเยา ทำไมกำลังวังชาเธอถึงได้ดีขนาดนี้”
“ฉันฝึกฝนทุกวันค่ะ”
“พี่ว่าร่างกายแบบเธอเหมาะที่จะฝึกต่อสู้นะ เอางี้ไหมพี่จะสอนให้สองสามกระบวนท่า ถ้าเจอพวกโจรกระจอกไม่ดูตาม้าตาเรืออีกก็ซัดให้หมอบเลย! พวกเราเป็นคนมีการศึกษาก็จริง แต่อะไรที่ใช้กำลังจบได้ก็จัดไป!”
โจรวิ่งราว “…”
โวะ!
ผู้หญิงคนนี้โหดจริง!
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ฉันเคยฝึกค่ะ”
“มิน่าถึงได้แรงดีขนาดนี้! ไว้วันหลังพวกเรามาสู้กันหน่อยไหม”
“เอาสิคะ ฉันก็สนใจพวกกระบวนท่าต่อสู้ของตระกูลตี้อู่อยู่เหมือนกัน”
“กำลังภายในของตระกูลซย่าโหว กระบวนท่าของตระกูลตี้อู่ วิชาตัวเบาของตระกูลน่าหลัน…เสี่ยวเยาเยา เธอคงไม่ใช่คนของตระกูลน่าหลันใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“เธอวิ่งมาแปดถนนสบายๆ พี่ยังคิดว่า…”
“งั้นทำไมพี่ถึงไม่เดาว่าฉันเป็นคนของตระกูลซย่าโหวล่ะคะ”
“ถึงตระกูลซย่าโหวจะถูกจัดเป็นอันดับหนึ่ง แต่พวกเขายากจนมาก ดูจากรถที่เธอใช้ การแต่งตัว…ใครจะเชื่อล่ะ” ตี้อู่หลันฉือทำสีหน้าประมาณว่า ‘โง่หรือเปล่า’
“…”
มู่เถาเยาเถียงไม่ออก
เมื่อก่อนสำนักซย่าโหวจนมากจริงๆ! แม้พวกเขาจะไม่แคร์เลยก็ตาม!
“แต่พวกผู้อาวุโสตระกูลพี่เลื่อมใสเจ้าสำนักซย่าโหวมากเลยนะ บอกว่าจิตใจคนของสำนักซย่าโหวใสซื่อบริสุทธิ์มาก…” บลาๆๆ
ตี้อู่หลันฉือยังพูดไม่จบตำรวจสองนายก็มาถึง
“คุณลุงตำรวจคะ หมอนี่กล้าวิ่งราวกลางวันแสกๆ ต้องตรวจสอบให้ดีนะคะว่าประวัติโชกโชนหรือเปล่า ลงโทษหลายๆ ปีไปเลย!”
ตำรวจหนุ่มกับตำรวจวัยกลางคนฟังเรื่องราวทั้งหมดจบก็คุมตัวคนร้ายกลับไป
มู่เถาเยาตามไปให้ปากคำ
ตี้อู่หลันฉือตื๊อขอตามไปด้วย
ตอนออกจากโรงพักดวงอาทิตย์ก็ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว
ดีที่ก่อนหน้านี้บอกเหลียงจีแล้วว่าจะไม่กลับไปกินข้าวที่บ้าน ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอยังไม่ถึงบ้าน โทรศัพท์ก็เสีย คนที่บ้านคงร้อนใจกันแล้ว
“พี่หลันฉือคะ ฉันยังต้องไปซ่อมโทรศัพท์ พี่กลับมหา’ลัยก่อนเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
“…พี่ไม่เข้าคลาสทบทวนด้วยตัวเองเหรอคะ”
“ไม่สำคัญเท่าไรหรอก อีกอย่างนะ ศาสตราจารย์หวังพร่ำบอกพวกเราทุกวันว่าให้เรียนรู้จากเธอ ถ้าเขารู้ว่าพี่เกาะติดเธอคงดีใจกว่าได้ยินว่าพี่เข้าคลาสเรียนทบทวนด้วยตัวเอง”
มู่เถาเยา “…” ไม่ทราบว่าตอนนี้เกาะติดเพื่อเรียนรู้อะไรจากฉันเหรอ
“เสี่ยวเยาเยา ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเธอเอง”
“…ได้ค่ะ งั้นไปกินข้าวก่อน”
“อยากกินอะไรเหรอ เอาเผ็ดหรือไม่เผ็ด”
“พี่กินเผ็ดได้เหรอคะ”
“ได้สิ”
“งั้นก็กินเผ็ดๆ”
“ไปโลด”