ตอนที่ 370 เหลียนจิงชายหนุ่มรูปงาม
เช้าตรู่วันอาทิตย์ หยวนเหยี่ยฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียนกับปู่ตี้ย่าตี้
มู่เถาเยาฝังเข็มให้ปู่เย่ว์ย่าเย่ว์
ลู่จือฉินฝังเข็มให้ตาเป่ยกับยายเป่ย
การฝังเข็มที่มีประสิทธิภาพรวมกับยาอายุยืนที่กินไปก่อนหน้านี้ ขอแค่ไม่ประสบเคราะห์ภัยที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติ ก็จะอายุยืนได้แน่นอน
เวลาในช่วงเช้าหมดไปกับการฝังเข็ม
เมื่อพวกเขาฝังเข็มเสร็จ ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้กับตี้อู่หลันฉือก็พาใครคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ดูภูมิฐานมีเสน่ห์
ตี้อู่หลันฉือคล้องแขนพ่อตัวเองพลางแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “เหมือนกันมากจริงๆ ดูก็รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน”
ตี้อู่เหลียนจิงหน้าตางดงาม ทว่านับตั้งแต่เขาฝึกยุทธ์ ความเป็นชายชาตรีก็เข้ามาแทนที่ ต่อให้หน้าหวานเพียงใดก็ไม่ดูตุ้งติ้ง
“เสี่ยวฉือบอกว่าเพื่อนที่นั่งเรียนข้างกันเป็นลูกศิษย์คนเล็กของสำนักซย่าโหว ผมยังไม่กล้าเชื่อเลยครับ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง! ไม่เจอกันยี่สิบกว่าปี เจ้าสำนักซย่าโหวกับคุณนายแทบไม่เปลี่ยนเลยครับ”
ซย่าโหวโซ่วหัวเราะเสียงดังด้วยความดีใจ “เป็นเพราะลูกศิษย์คนเก่งของผม! ใช้สมุนไพรดีๆ หลายชนิดทำยามาให้พวกเราเยอะแยะ พ่อกับแม่สบายดีไหม”
“สบายดีทั้งคู่ครับ นับตั้งแต่เหลียนฉีน้องชายของผมรับช่วงต่อตระกูลตี้อู่ คุณพ่อคุณแม่ก็ออกไปเที่ยวเรื่อยๆ สุขภาพร่างกายและจิตใจใช้ได้เลยทีเดียวครับ”
“งั้นก็ดี คนรุ่นพวกเรา นอกจากตาแก่ตระกูลจั่วแล้ว คนอื่นๆ ก็ยังสุขสบายดี”
“ตระกูลจั่วเผยความลับสวรรค์มากเกินไป นายใหญ่ของตระกูลแต่ละรุ่นจึงอายุไม่ยืนเท่าไร ปู่จั่วจากไปตั้งแต่ยังไม่ห้าสิบ อาจั่วก็อยู่ไม่ถึงหกสิบ ตอนนี้จั่วฮั่วลูกชายคนโตของอาจั่วเป็นคนกุมอำนาจในตระกูลจั่ว ผมได้ยินมาว่าอาจั่วได้ปรับปรุงกฎระเบียบในตระกูลใหม่ก่อนจากไปครับ”
“ยุคสมัยนี้ดีแล้ว อะไรเก่าๆ ก็ควรปรับเปลี่ยน มันไม่คุ้มหรอกที่จะเอาชีวิตมาเดิมพัน”
“นั่นสิครับ ดีที่จั่วฮั่วเกลี้ยกล่อมอาจั่วให้ปรับเปลี่ยนได้สำเร็จ”
“สำนักซย่าโหวของเราไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลจั่วมากนัก ไม่ค่อยรู้สถานการณ์เท่าไร” เมื่อก่อนพวกเขาชอบเก็บตัวฝึกยุทธ์ ไม่สนใจเรื่องไหนทั้งนั้น
“ความคิดของผมกับจั่วฮั่วไม่ต่างกันมาก ก็เลยพอคุยกันได้ สนิทกันระดับหนึ่งครับ”
“ดูเหมือนรุ่นถัดไปของตระกูลจั่วจะมีแค่ลูกสาวคนเดียวหรือเปล่า”
“ครับ อายุพอๆ กับลูกสาวผม เรียนอยู่ที่เมืองหลวงครับ”
ซย่าโหวโซ่วพยักหน้า ไม่คุยเรื่องตระกูลจั่วอีก
ตี้อู่เหลียนจิงทักทายบรรดาผู้อาวุโสเสร็จก็คุยกับพวกเด็กๆ สุดท้ายสายตาไปหยุดที่ลู่จือฉิน
“หมอลู่ เจอกันอีกแล้วนะครับ”
ลู่จือฉินอึ้งไปชั่วขณะ “พวกเรารู้จักกันเหรอคะ”
ตี้อู่เหลียนจิงยิ้มพูด “หมอลู่อาจลืมแล้ว พวกเราเคยเจอกันครั้งหนึ่งเมื่อสิบห้าสิบหกปีก่อน แต่หมอลู่เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ผมเกือบจำไม่ได้ครับ”
“สิบห้าสิบหกปีก่อน…ขอโทษด้วยค่ะ ฉันจำไม่ได้จริงๆ ว่าเราเคยเจอกัน” ลู่จือฉินลองนึกดู แต่ก็นึกไม่ออก น่าจะเป็นตอนที่เธอยังไม่มาหรือเพิ่งมาประเทศเหยียนหวง
“สิบห้าสิบหกปีก่อนหมอลู่อยู่เมืองฉินตูใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ตอนนั้นผมกับภรรยาพาเสี่ยวฉือไปเที่ยวเมืองฉินตู ลูกสาวผมตะกละไปหน่อย ก้างปลาทิ่มคอ ตอนนั้นหมอลู่นั่งกินอยู่โต๊ะข้างๆ…”
ลู่จือฉินทำเสียงอ้อ “นึกออกแล้วค่ะ ตอนนั้นฉันเพิ่งลาออกจากโรงพยาบาลแล้วไปกินข้าวที่ร้านอาหาร…” เป็นวันที่สองหลังจากเธอมาอยู่ประเทศเหยียนหวง
“ใช่ครับใช่ หมอลู่บอกว่าเป็นหมอ ผมกับแม่เสี่ยวฉือถึงกล้าขอให้ช่วย”
ลู่จือฉินมองตี้อู่หลันฉือ ยิ้มพูด “มีวาสนาต่อกันจริงๆ”
ทุกคนยิ้มพลางพยักหน้า
ตี้อู่หลันฉือ “มิน่าตอนหนูเจออาจารย์ลู่ครั้งแรกถึงรู้สึกคุ้นหน้า ก็แค่ไม่ได้คิดอะไรมาก”
อาจารย์ลู่หน้าตา…ธรรมดามากในกลุ่มคน ตอนนั้นเธอเลยคิดว่าคงแค่หน้าโหล นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่เคยเจอตอนเด็ก
แต่เวลานี้เธอแอบดีใจ วาสนานี้มาได้เวลาพอดิบพอดี!
เธอเคยสืบจากเสี่ยวเยาเยาแล้ว ในหมู่บ้านไม่มีหญิงโสดหรือหญิงหม้ายที่อายุพอๆ กับพ่อของเธอ มีแค่อาจารย์ลู่…”
ฮิๆ มู่เถาเยามองตี้อู่หลันฉือที่แอบยิ้ม ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าเธอยิ้มอะไร เลิกคิ้ว แอบมองอาจารย์สามของตัวเองกับตี้อู่เหลียนจิงอย่างเนียนๆ นึกถึงความเป็นไปได้
ถึงแม้เธอจะไม่รู้จักตี้อู่เหลียนจิงมาก่อน แต่ถ้าเลี้ยงหลันฉือได้ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นเพื่อนกับน้าเล็กอวิ๋น ไม่แต่งงานใหม่มาสิบปี…
ส่วนอาจารย์สามไม่ได้แต่งงานทั้งสองชาติ ไม่มีลูก…
คราวนี้ไม่ใช่แค่ตี้อู่หลันฉือที่คิด แม้แต่เธอก็อดคิดเยอะไม่ได้แล้ว
ลู่จือฉินรู้สึกได้ถึงสายตาประหลาดของลูกศิษย์ จึงถามด้วยความไม่เข้าใจ “มีอะไรเหรอเสี่ยวเยาเยา”
“…อยากรู้ค่ะว่าคุณอาตี้อู่กับอาจารย์สามใครเก่งกว่ากัน” หาเหตุผลส่งเดช
ตี้อู่เหลียนจิงถามด้วยความตกใจ “หมอลู่ก็เรียนวิทยายุทธ์โบราณเหรอครับ”
ลูกสาวเล่าให้ฟังแค่ว่าทิวทัศน์ที่บ้านเกิดของเพื่อนสวยขนาดไหน ชาวหมู่บ้านดีเพียงใด แต่ไม่เคยพูดเรื่องอื่นเลย
ลู่จือฉินพยักหน้า “ใช่ค่ะ เคยเรียน”
ตี้อู่หลันฉือแกว่งแขนพ่อ “พ่อคะ อาจารย์ลู่เก่งมากเลยนะคะ! เข้าเขตป่าชั้นในคนเดียวตั้งเกือบเดือน! ไม่งั้นพ่อกับอาจารย์ลู่ประลองให้พวกเราดูหน่อยเป็นไงคะ”
“ไม่ค่อยดีมั้ง พวกเรามาเป็นแขก…”
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพูด “อาจิง นายคงไม่รู้สินะว่าลูกศิษย์คนเล็กของฉันคิดกระบวนท่าวิทยายุทธ์เอง หลันฉือแค่ดูก็ทำเป็น ก็เหมือนกับวิชากระบี่ของตระกูลนาย ลูกศิษย์คนเล็กของฉันแค่ดูก็ใช้เป็น”
ตี้อู่เหลียนจิงมองมู่เถาเยา ดวงตามีรอยยิ้ม “เสี่ยวฉือพูดถึงหนูอยู่บ่อยๆ บอกว่าหนูช่วยเรื่องเรียนเยอะมาก ทั้งยังช่วยชี้แนะวิทยายุทธ์ด้วย”
“พี่หลันฉือมีพรสวรรค์ด้านฝึกยุทธ์สูงมาก อธิบายนิดหน่อยก็เข้าใจ หัวไว เป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีเลยค่ะ ถึงแม้จะด้อยเรื่องกำลังภายในไปหน่อย แต่หนูมีวิธีช่วยยกระดับค่ะ”
ตี้อู่เหลียนจิง “ยากำลังภายในช่วยยกระดับได้ก็จริง แต่ตอนนี้น่าจะไม่มีใครปรุงยาแบบโบราณแล้วหรือเปล่าครับ หมอเทวดาหยวน?”
หยวนเหยี่ยยิ้มพลางส่ายมือ “เสี่ยวเยาเยากับอาจารย์สามทำเป็น ทำให้พวกเรากินกันหมด”
ซย่าโหวโซ่วหัวเราะหึหึ “อาจิง ฉันกินยาจื่อตันไป กำลังภายในเพิ่มขึ้นเท่าตัวเลยล่ะ”
ตอนยังไม่กินยาจื่อตัน ไม่มีใครสู้กำลังภายในของเขาได้ ยกเว้นเสี่ยวเยาเยา อย่างไรเสียตระกูลซย่าโหวของเขาก็โดดเด่นเรื่องกำลังภายในที่สุด
ตี้อู่เหลียนจิงกับลูกสาวเบิกตาโพลง
เพิ่มขึ้นเท่าตัว นี่มันอะไรกัน จะขึ้นสวรรค์แล้วหรือเปล่า
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก เออออไปด้วย “อาจารย์สามคะ ประลองกับอาตี้อู่หน่อยเป็นไงคะ”
ลู่จือฉินพยักหน้า “อาจารย์ก็อยากเห็นกระบวนท่าของตระกูลตี้อู่เหมือนกัน”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “รอตอนบ่ายแล้วกัน ตอนนี้ได้เวลากินข้าวแล้ว”
ทุกคนย้ายไปที่ห้องกินข้าว
กินอาหารกลางวันเสร็จผู้ใหญ่บ้านมู่อี้ก็เดินนำตี้อู่เหลียนจิงกับลูกสาวไปบ้านของเขา วางสัมภาระเสร็จก็กลับมาใหม่
ทุกคนพูดคุยหัวเราะสนุกสนานอยู่ในห้องรับแขก ไม่นานก็ถึงเวลาบ่ายสี่โมง
พากันไปที่สนามกีฬาของโรงเรียน ชมการประลองระหว่างลู่จือฉินกับตี้อู่เหลียนจิง
น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเอฟเฟ็กต์ในโทรทัศน์
สุดท้ายตี้อู่เหลียนจิงก็แพ้อย่างไร้ข้อกังขา
ก็แค่เขายังไม่ได้สติกลับมา ไม่ใช่เพราะแพ้ไม่เป็น แต่รู้สึกว่าตระกูลตัวเองล้าหลังแล้ว จะมองโลกภายนอกด้วยสายตาแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
“พ่อโอเคไหมคะ” ตี้อู่หลันฉือเป็นห่วงพ่อว่าช็อกอะไรหรือเปล่าถึงได้ไม่ส่งเสียงเลย
“พ่อไม่เป็นไร ก็แค่ทึ่งมาก หมอลู่ครับ ผมยอมแพ้จากใจเลยครับ”
ลู่จือฉินส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ กำลังภายในครึ่งหนึ่งของฉันได้มาจากยาจื่อตัน วิทยายุทธ์ของตระกูลตี้อู่สมคำร่ำลือจริงๆ สวยงามและใช้ได้จริง ไร้ช่องโหว่”
ถ้าไม่มีกำลังภายในอีกครึ่งหนึ่งมาเสริมก็ใช่ว่าเธอจะชนะได้
“พี่หลันฉือ พวกเราก็สักหน่อยไหมคะ”
“เอาสิ”
มู่เถาเยาใช้กระบวนท่าที่ตี้อู่เหลียนจิงใช้เมื่อครู่ ตี้อู่หลันฉือใช้ของลู่จือฉิน ทั้งสองคนเหมือนฉายภาพเมื่อครู่ซ้ำอีกครั้ง
ทุกคนมองด้วยความตื่นตะลึง พูดได้เพียงว่าเด็กสาวสองคนนี้มีพรสวรรค์และหัวไวเหลือเกิน