อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 371 เอาอย่างหมอเทวดาหยวน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 371 เอาอย่างหมอเทวดาหยวน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็หมดไปอีกหนึ่งอาทิตย์

สุดสัปดาห์นี้มู่เถาเยาไม่ได้กลับหมู่บ้านเถาหยวน แต่กลับเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไปพร้อมลู่จือฉิน ปาอิน เฉิงหรานและภรรยา เหลยถิง

ปาเฝ่ย เฉิงอันนั่ว ลู่หันซู รวมถึงแม่ลู่ สองผู้อาวุโสครอบครัวเหมียว มารออยู่ที่ตำหนักพระจันทร์อยู่ก่อนแล้ว

เนื่องจากระยะทางไกลมาก มีเวลาไม่เยอะ เหลียงจีจึงขับเครื่องบินด้วยความเร็วที่แม้แต่เรดาร์ของทหารก็ตรวจจับไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ตอนพวกเขาไปถึงตำหนักพระจันทร์จึงยังเป็นเวลาช่วงเช้าอยู่

พูดคุยกันเล็กน้อย มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็จับชีพจรตรวจให้แม่ลู่

ผู้อาวุโสสองคนของครอบครัวเหมียวรู้ความจริงของลูกสาวตัวเองแล้ว ระยะนี้จึงหลั่งน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง สภาพร่างกายและจิตใจเหมือนจะทรุดโทรมลงไปอีกรอบ

ลู่หันซูก็ซูบผอมยิ่งกว่าเดิม

แม่ลู่นิ่งเงียบ ไม่โวยวายไม่ส่งเสียง แม้แต่เจ้าหญิงน้อยก็ไม่เรียกแล้ว

กินข้าว อาบน้ำ หรือทำอะไรก็แล้วแต่ต้องมีคนคอยช่วย คล้ายกับว่าถอยหลังกลับไปสู่ช่วงวัยทารก

มู่เถาเยาจับชีพจรเสร็จก็ส่ายหน้า “พิษสองชนิดนี้สู้กันมานานหลายปี พวกมันหมดความสนใจกันแล้วค่ะ”

สองผู้อาวุโสครอบครัวเหมียวเกือบปล่อยโฮออกมา

ถ้าไม่เห็นแก่ว่าที่นี่คือตำหนักพระจันทร์ หัวหน้าเผ่ายังอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงกลั้นไว้ไม่ไหว

ลู่หันซูก็ขอบตาแดงก่ำ

ลู่จือฉินถอนหายใจ “ใช่ว่ายาทดแทนที่พวกเราคิดค้นจะเข้ากันไม่ได้ เพียงแต่สรรพคุณหักล้างกันเอง หรือไม่ก็เกิดเป็นพิษชนิดใหม่…ทุกครั้งจะขาดอีกแค่นิดเดียว…”

เฉิงอันนั่ว “อาจารย์อาเล็กครับ ไม่มีตัวชี้นำที่รวมสมุนไพรทั้งหมดเข้าด้วยกันเลยเหรอครับ”

“ชี้นำไม่ได้ทั้งหมด เพราะใช้สมุนไพรเยอะมาก ถ้าไม่ต้านตัวนี้ก็ไปหักล้างกับตัวนั้น ไม่มีตัวชี้นำที่เข้ากับได้ทุกสมุนไพรเลย”

กว่าดอกเถียนซินจะก่อผลึกก็เดือนมกราคม ไม่อย่างนั้นก็น่าลองดู

ยายเหมียวถามด้วยเสียงสะอื้น “เจ้าหญิงน้อยคะ ไม่มีหนทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอคะ”

มู่เถาเยาไม่กล้ารับประกัน ทำได้เพียงปลอบ “ คุณยายเหมียวคะ พวกเราจะพยายามเต็มที่ ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ”

“พวกเราไม่มีทางยอมแพ้ เจ้าหญิงน้อย อาจารย์ลู่…”

ยายเหมียวไม่อยากพูดให้อีกฝ่ายลำบากใจ ทำได้เพียงเก็บความเศร้าเสียใจเอาไว้

ลู่หันซูกอดยายเหมียว พูดเสียงเบา “คุณยายคะ แม่หนูจิตใจดี สวรรค์ต้องเมตตาแน่นอนค่ะ”

ลู่จือฉิน “คุณน้าคะ คุณน้าทั้งสองต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่อย่างนั้นเกิดช่วยแม่เสี่ยวซูไว้ได้ แต่พวกคุณน้ากลับทรุดลง เสี่ยวซูคนเดียวต้องดูแลทุกคน…”

ถึงแม้เธอจะเห็นเกิดแก่เจ็บตายมาเยอะ เข้มแข็งกว่าคนทั่วไป แต่ก็ยังพลอยเศร้าตามญาติผู้ป่วยไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นคนในครอบครัวของคนที่จะสืบทอดวิชาของเธอ

ตาเหมียวฟังลู่จือฉินพูดก็พยักหน้า ช่วยปลอบใจคู่ชีวิต

เย่ว์เลี่ยง เย่ว์หลั่ง พี่ชายของมู่เถาเยา อวิ๋นไป๋ และยังมีครอบครัวของเฉิงหรานสามคน ปาอิน ปาเฝ่ย เหลยถิง มองอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเห็นใจ

ลู่หันซูฉีกยิ้มเล็กน้อย “คุณตาคุณยายคะ ขนาดคุณหมอยังไม่ยอมแพ้เลย พวกเราก็ต้องฮึดสู้นะคะ”

ยายเหมียวเช็ดน้ำตา พยักหน้า “ใช่จ้ะ พวกเราจะท้อไม่ได้”

มู่เถาเยา “เดี๋ยวกินข้าวกลางเสร็จ หนู อาจารย์สาม ศิษย์น้อง จะไปเจอเหมียวฉีค่ะ คุณตาคุณยายพาน้าเหมียวพักที่ตำหนักพระจันทร์ก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยลองดูอีกครั้ง”

สองผู้อาวุโสครอบครัวเหมียวตอบรับ

ก่อนพวกเขามาก็รู้แล้วว่าต้องค้างที่ตำหนักพระจันทร์หนึ่งคืน

“ถ้าอย่างนั้นนั่งพักไปก่อนนะคะ พวกเราเอาสัมภาระไปเก็บก่อน”

ทุกคนพยักหน้า

เย่ว์หลั่งกับลูกชายทั้งสอง ปาเฝ่ย ปาอิน เฉิงอันนั่ว รออยู่ห้องรับแขก

มู่เถาเยากับเย่ว์เลี่ยงพาอาจารย์สาม เฉิงหรานและภรรยา เหลยถิง ไปยังเขตที่พัก

เมื่อลงมาอีกครั้งก็ได้เวลากินข้าวกลางวันแล้ว

กินเสร็จปาเฝ่ยกับปาอินก็กลับบ้าน

เย่ว์จือกวงพาครอบครัวเฉิงหรานสามคนไปเดินชมตำหนักพระจันทร์

สองผู้อาวุโสครอบครัวเหมียวพาเหมียวอวี้ไปเล่นตัวต่อไม้ในห้อง

อวิ๋นไป๋เกาะติดเย่ว์เลี่ยง

เย่ว์หลั่งออกไปดูภูเขาดอกท้อที่ทำให้ลูกสาวแก้วตาดวงใจ และถือโอกาสซื้อพวกของฝากกลับมาสำหรับให้ลูกสาวเอาไปเมืองเย่ว์ตู

เย่ว์จือเหิงไปส่งมู่เถาเยา ลู่จือฉิน ลู่หันซู และเหลยถิงที่ห้องคุมขัง

มู่เถาเยาให้เหลยถิงมาเยี่ยมเจียงเย่ว์

ก่อนหน้านี้เขาถามข่าวคราวของเจียงเย่ว์จากเฉิงอันนั่ว พอมู่เถาเยารู้เข้าก็เลยพามาให้เห็นกับตา

เมื่อไปถึงเหลยถิงกับเจียงเย่ว์ไม่ได้เข้าไป คุยกันอยู่ด้านนอก

เย่ว์จือเหิงไปนั่งรอที่ห้องทำงานของหัวหน้าเรือนจำ

มีแค่พวกมู่เถาเยาสามคนที่ไปเจอเหมียวฉี

อยู่ในนั้นครึ่งวัน พอออกมาทั้งสามคนก็นิ่งเงียบไป

เรื่องที่ขนาดพวกเขามีกันตั้งหลายคนยังคิดไม่ออก เหมียวฉีก็ย่อมไม่มีวิธีที่ดีอะไร

แต่มู่เถาเยาทิ้งเอกสารค้นคว้าของพวกเขาเอาไว้

มีความหวังเพิ่มขึ้นย่อมดีกว่า

มู่เถาเยาถามลู่หันซูระหว่างทางกลับ “ศิษย์น้อง รับย่าลู่มาดีไหม”

“ฉันอยากพาแม่กลับบ้านเดิมค่ะ…”

“ศิษย์พี่ว่าพวกเธออยู่ที่เผ่าหรือเมืองเย่ว์ตูจะดีกว่า ยังไงซะบ้านเดิมก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไร”

ลู่จือฉินก็พูด “หันซู ศิษย์พี่เธอคิดอย่างรอบคอบแล้ว ถ้าเกิดว่าคิดค้นยาขึ้นมาได้ในตอนสุดท้าย จะให้ไปบ้านเดิมของเธอคงไม่สะดวกเท่าไร” ในหมู่บ้านไม่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์

มู่เถาเยา “หรือไปหมู่บ้านเถาหยวนก็ยิ่งดี”

“ใช่ มีอาจารย์กับหมอเทวดาหยวนอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวน จะได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของแม่เธอได้ในทันที”

“แต่ว่า…ถ้าแม่ทนไม่ไหว อยู่ที่หมู่บ้าน…”

“คนที่หมู่บ้านเราไม่ใช่คนหัวคร่ำครึโบราณ เธออยู่อย่างสบายใจได้เลยนะ”

ลู่หันซูดวงตาแดงก่ำพยักหน้า “ค่ะ เดี๋ยวกลับไปจะบอกคุณตาคุณยาย”

ลู่จือฉิน “นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ของเธอ คุณตาคุณยายต้องยอมแน่จ้ะ”

“ค่ะ งั้นพรุ่งนี้เช้าพวกเราจะกลับไปเก็บของ ตอนบ่ายตามอาจารย์กับศิษย์พี่กลับเมืองเย่ว์ตูเหรอคะ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม กลับไปแล้วเธอก็โทรบอกคุณย่า ขอให้มาอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนด้วยกัน”

“ค่ะ”

พอทุกคนกลับถึงตำหนักพระจันทร์ก็กินข้าวเย็น ดื่มชา จากนั้นก็แยกย้าย

มู่เถาเยากับลู่จือฉินไปที่ห้องของเย่ว์เลี่ยงก่อนเข้านอน นอนขนาบข้างเย่ว์เลี่ยง

“อะไรกันสองคนนี้”

ลู่จือฉินเลิกคิ้ว “เล่าหน่อยสิเย่ว์เลี่ยง”

“เล่าอะไร”

“อย่าแกล้งโง่น่า!”

เย่ว์เลี่ยงหลุดขำ “ก็พวกเธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเยี่ยนหังจะมาเกิดในท้องฉันอีกครั้ง พ่อของเขาก็ควรเป็นอวิ๋นไป๋ไม่ใช่เหรอ มันก็เป็นอย่างที่พวกเธอหวังอยู่แล้วนี่”

“งั้นจะแต่งงานเมื่อไร”

“…ฉันกังวลว่า…แบบนี้จะเป็นการฝืนดึงเยี่ยนหังมา…แบบนั้นเขาที่อยู่แผ่นดินจงโจวจะตายกะทันหัน…”

“เย่ว์เลี่ยง เยี่ยนหังจะมาก็แสดงว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องมา ไม่มีทางตายอย่างกะทันหันอะไรนั่นหรอก”

มู่เถาเยาพยักหน้าหงึกๆ “ท่านแม่ พวกเรามาได้ถูกเวลา เยี่ยนหังก็ต้องเหมือนกัน อย่าคิดมากเลยนะคะ”

“งั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วกัน”

สองคนซ้ายขวาตอบอืมพร้อมกัน

เย่ว์เลี่ยงหัวเราะ “ฉันมีคนให้ฝากผีฝากไข้แล้ว เธอล่ะจือฉิน เสี่ยวเยาเยายังอยากได้เสี่ยวลู่ลู่นะ”

มู่เถาเยาดวงตาเปล่งประกาย พูดขึ้นทันที “คุณอาตี้อู่”

ลู่จือฉิน “…”

“เสี่ยวเยาเยา คุณอาตี้อู่คือใคร” ไฟช่างเม้าท์ของเย่ว์เลี่ยงลุกโชนขึ้นทันที

“ตี้อู่เหลียนจิงพ่อของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่นั่งข้างหนูค่ะ ตระกูลตี้อู่เป็นอันดับสองในบรรดาตระกูลจอมยุทธ์ เป็นชายหนุ่มรูปงาม”

“พ่อของเพื่อนเหรอ มีลูกแล้วด้วย…คู่ควรกับอาจารย์ของลูกเหรอ”

“พี่หลันฉือนิสัยดีมาก อยากหาเมียให้พ่อตลอด แม่ของพี่หลันฉือเสียไปสิบปีแล้วค่ะ แต่คุณอาตี้อู่ก็ไม่ได้คบใครเป็นแฟนอีก ไม่ได้แต่งงานใหม่”

“นิสัยใจคอเป็นยังไง”

“สุขุมนุ่มลึก”

เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “ให้คะแนนสูงเหมือนกันนะ”

“คุณอาตี้อู่ก็ยังดูหนุ่มด้วย อายุสี่สิบเจ็ดแต่เหมือนคนสามสิบต้นๆ เหมาะสมกับอาจารย์มากค่ะ” ถ้าสำเร็จ เธอจะช่วยบำรุงคุณอาตี้อู่ให้เขาอายุยืนหน่อย อยู่กับอาจารย์ไปนานๆ

“ไว้วันหน้าขอเจอตัวหน่อย”

“ท่านแม่ คุณอาตี้อู่เป็นเพื่อนของน้าเล็กอวิ๋นด้วยนะคะ น้าเล็กน่าจะรู้จักดี”

“สองคนนี้เห็นฉันเป็นอากาศหรือไง ถึงยัดเยียดกันขนาดนี้! กลัวฉันต้องอยู่โดดเดี่ยวเหรอ” ลู่จือฉินหมดคำจะพูดเลยจริงๆ

มู่เถาเยากับเย่ว์เลี่ยงพยักหน้าพร้อมกัน

“ฉันมีลูกศิษย์แล้วนะ! อยากใช้ชีวิตที่เป็นสุขแบบหมอเทวดาหยวน!”

สองแม่ลูกแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ลู่จือฉิน “…”

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท