ตอนที่ 382 เธอไม่มีหน้าไปพบ
ช่วงหลายวันที่อยู่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ มู่เถาเยาได้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเผ่า ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจดี พลเมืองร่ำรวย สภาพแวดล้อมที่งดงาม กองทัพที่แข็งแกร่ง
สมกับเป็นประเทศในอุดมคติของประชากรโลก!
ออกจากค่ายทหารกลับถึงบ้าน เป่ยซียิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา อีกสองวันก็จะเปิดเทอมแล้ว อยากไปที่ไหนหรือต้องตระเตรียมอะไรไหมจ๊ะ”
มู่เถาเยายิ้มกว้าง พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหน่อยๆ เหมือนเด็ก “วันหน้ามีเวลาค่อยๆ เยี่ยมชมแล้วกันค่ะ ตอนนี้หนูไม่ได้ขาดแคลนอะไรค่ะ”
มองผมยาวดำขลับของแม่แท้ๆ มู่เถาเยาพูดต่อ “แม่ไม่ต้องกินยาแล้วนะคะ ไว้วันไหนหนูจะเอาไท่ซุ่ยทำยาบำรุงความงามมาให้นะคะ”
“เสี่ยวเยาเยา ไม่ต้องรีบเรื่องพวกนี้ ลูกมีเวลาก็พักผ่อนให้มากๆ อย่ากลุ้มเรื่องของผู้ใหญ่นักเลย”
ลูกสาวกตัญญู เป่ยซีดีใจ แต่ก็สงสารลูก
“…ค่ะ ไม่กลุ้มก็ได้”
ลู่จือฉินยิ้มบาง “เสี่ยวเยาเยา เรื่องพวกนี้ยกให้เป็นหน้าที่อาจารย์ดีกว่า อาจารย์ไม่ต้องทำงาน มีเวลาเหลือเฟือกว่าเธอ”
ริมฝีปากบางของมู่เถาเยายกขึ้นเล็กน้อย “อาจารย์สามคะ หอวิจัยพิษของเมืองเย่ว์ตูใช้ได้แล้ว อาจารย์ไม่ว่างแน่นอนค่ะ”
เพราะต้องสั่งสอนศิษย์น้องเล็กอย่างลู่หันซู ลู่จือฉินจึงต้องไปใช้ชีวิตที่เมืองเย่ว์ตูกับมู่เถาเยาด้วย ไม่ใช่อยู่ศูนย์วิจัยของหมู่บ้านเถาหยวน
“ไม่ว่างก็ไม่ว่าง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรผูกมัด จะทำอะไรก่อนอะไรหลังก็ได้ อีกทั้งไม่ต้องรีบ”
“ก็จริงค่ะ” มู่เถาเยาเลิกคิดเรื่องนี้ “อาจารย์สามคะ หอวิจัยพิษตั้งอยู่ในทำเลดี อยู่หมู่บ้านเดียวกับบ้านเก่าที่ศิษย์น้องซื้อค่ะ”
“สะดวกมากจริงๆ ต่อไปตอนกลางวันไปกินข้าวที่บ้านครอบครัวลู่ได้”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “พวกย่าลู่ต้องดีใจมากแน่ๆ เลยค่ะ ตอนนั้นหนูก็อยากซื้อบ้านแถวบ้านเก่าของอาจารย์หลี่ แต่ทำเลไม่ค่อยดี เพื่อนบ้านของอาจารย์หลี่มีเยอะ ตรงนั้นเหมาะกับพักอาศัยมากกว่าค่ะ”
“อืม เหมาะที่จะให้ย่ากับแม่ของหันซูไปอยู่จริงๆ ครอบครัวนี้ดวงดีกันมาก”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เย่ว์จือเหิงกับปาเฝ่ยก็เข้ามา “อาจารย์ลู่ครับ เหมียวฉีขอพบอาจารย์ครับ”
“อาจจะมีวิธีอะไรดีๆ เสี่ยวเยาเยาไปด้วยกันไหม”
“ได้ค่ะ”
“อาจารย์โทรหาเจียงเย่ว์ให้เจียงเย่ว์ไปพบด้วยได้ไหม”
คนตระกูลเย่ว์ไม่มีความเห็น
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่การอนุโลมให้เจียงเย่ว์เป็นกรณีพิเศษ
ปาเฝ่ยยิ้มพูด “ผมจะไปส่งให้ครับ อยากฟังความคิดของเหมียวฉีด้วย”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพยักหน้า
ครั้นแล้วทั้งสามคนจึงออกจากบ้าน
ลู่จือฉินโทรหาเจียงเย่ว์ขณะอยู่บนรถ
ตอนพวกเขาไปถึงเจียงเย่ว์ก็มารออยู่ตรงทางเข้าแล้ว
ตำหนักพระจันทร์อยู่ค่อนข้างไกลจากคุก ถึงได้มาช้ากว่า
“หมอลู่ หมอปา อาจารย์อาเล็ก” เจียงเย่ว์ทักทายทุกคนก่อน
“เจียงเย่ว์ เรียกชื่อฉันดีกว่านะ”
“…เสี่ยวมู่”
“อืม ชินกับที่นี่หรือยัง”
“ชินแล้ว ขอบใจนะ” ได้เจอแม่เดือนละครั้ง คนครอบครัวเหมียวก็ดีกับเธอมาก ไม่มีอะไรให้ไม่ชิน
มู่เถาเยายิ้ม “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
หลังจากเข้าไปข้างใน พอเหมียวฉีเห็นเจียงเย่ว์ก็อึ้งไปชั่วขณะ
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ฉันคิดว่ายังไงก็ต้องมาเจอเธอ ไม่สู้พาเจียงเย่ว์เข้ามาด้วย”
เธอไม่ได้สงสารเหมียวฉี แต่รับปากไว้ว่าจะช่วยชี้แนะเจียงเย่ว์ งั้นก็ใช้โอกาสนี้ให้คุยกันเยอะหน่อย อย่างไรเสียโอกาสที่จะได้เจอกันก็มีไม่มาก
เหมียวฉียิ้ม พูดขอบคุณ จากนั้นก็ยื่นสมุดในมือให้
“ในนี้เป็นสูตรยาที่ฉันคิดค้นจากข้อมูลที่หมอลู่ทิ้งไว้ให้ มีสองสูตรที่ดูอันตรายมาก แต่ถ้านำไปใช้ประโยชน์ดีๆ ก็จะช่วยชีวิตได้ค่ะ”
ลู่จือฉินพยักหน้า เปิดดูพร้อมมู่เถาเยา
ดูจบในดวงตาของทั้งสองคนก็มีรอยยิ้ม ยื่นสมุดให้ปาเฝ่ยต่อ
เหมียวฉียิ้มบาง แต่น้ำเสียงกลับราบเรียบ “อาจเพราะอยู่ที่นี่จิตใจสงบ ได้คิดเรื่องที่ตัวเองชอบ ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจบ้าง” เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะคิดได้อีกนานแค่ไหน
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งเล็กน้อย “อาจารย์ใหญ่ของฉันก็ควรมาคุยกับคุณหน่อย เผื่อจะเกิดความคิดอะไรขึ้น”
“หมอเทวดาหยวนเป็นหลักชัยของวงการแพทย์ เป็นตำนานที่แซงได้ยาก ฉันถือเป็นพวกหมอเถื่อนเมื่อเทียบกับหมอในระบบ ไม่กล้ารบกวนหมอเทวดาหยวนหรอก”
เธอทราบมาจากลูกสาวว่าลูกศิษย์คนโตของหมอลู่ก็เป็นลูกศิษย์คนเล็กของหมอเทวดาหยวนด้วย
ลู่จือฉิน “ไม่ว่าจะเถื่อนไม่เถื่อน ขอแค่นำไปใช้ในทางที่ถูกมันก็ถูกต้อง”
เหมียวฉีทำเรื่องผิดพลาด ถึงแม้กำลังรับผลของการกระทำ แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเสี่ยวเยาเยาของเธอ เธอจึงไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้เหมียวฉี
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ถึงแม้การเดินก้าวนี้ของเหมียวฉีจะช้าไปเกือบยี่สิบปี แต่มันกลับเป็นก้าวที่ถูกต้องแล้วสำหรับเธอ
หากมอบตัวตั้งแต่เกิดเรื่อง ด้วยความโมโหเดือดดาลของตระกูลเย่ว์ในตอนนั้น เหมียวฉีคงมีชีวิตดีๆ มาถึงสิบแปดปีไม่ได้
แม้ ‘ชีวิตดีๆ’ นี้จะไม่ได้ดีเลยก็ตาม
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งเล็กน้อย “อีกสักระยะถ้าว่างฉันจะพาอาจารย์ใหญ่มาด้วย”
เหมียวฉีเงียบไปสักพักถึงตอบ “ฉันคงเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
เธอสงสัยอยู่เต็มอกว่าทำไมคนตระกูลเย่ว์ถึงแค่ขังเธอไว้ แต่ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก
สำหรับเธอแล้วจะตัดสินโทษวันไหนก็เหมือนกัน
เธอไม่เคยคิดว่าจะมีจุดเปลี่ยนของเรื่องนี้
พอได้ยินคำพูดของเหมียวฉี เจียงเย่ว์ก็ขอบตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
มู่เถาเยา “อีกไม่นานคุณก็ต้องย้ายสถานที่แล้ว” โทษตลอดชีวิตย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้
กฎหมายของเผ่าเข้มงวดกว่าประเทศอื่น แต่เธอไม่อยากปรับเปลี่ยน คิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว
“ยังจะย้ายไปไหนได้อีก”
เหมียวฉีอึ้ง จากนั้นก็มองมู่เถาเยาอย่างจริงจังแล้วหัวเราะออกมา
รอยยิ้มนั้นมาจากส่วนลึกของดวงตา มีหยาดน้ำตาคลออยู่ด้วย
เธอมองลู่จือฉินแล้วพูดราวกับขอคำยืนยัน “ลูกศิษย์คนโตของหมอลู่โหงวเฮ้งดีจริงๆ”
ดวงตา จมูก ปาก ใบหู รูปหน้า เหมือนมาจากหลายคนรวมกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ของคนเหล่านั้นที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอ ไม่ว่าใครก็ยากที่จะเชื่อมโยงไปในทางนั้น
ลู่จือฉินยิ้ม
เหมียวฉีมองมู่เถาเยาอีกครั้ง พูดเพียงว่า “เธอ…”
มู่เถาเยาย่อมเข้าใจว่าหมายถึงใคร จึงตอบว่า “ยังอยู่”
เหมือนเหมียวฉีนึกอะไรขึ้นได้ ทันใดนั้นได้เบิกตาโพลง
“พิษฮ่วนเซี่ยง…หรือว่าจะ…เธอ…”
มู่เถาเยาพยักหน้า
“แล้วตอนนี้ล่ะ เป็นยังไงบ้างแล้ว” เหมียวฉีเริ่มตื่นเต้น
“พวกเราหายาถอนพิษได้ในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยว”
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี ฉันอยาก…ไม่ดีกว่า…”
“ในร่างกายของเธอยังมีพิษชนิดอื่นอีก จำใครไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรหลงเหลือเค้าเดิมนอกจากยังมีชีวิตอยู่”
เหมียวฉีนิ่งเงียบ
“ดอกพันวันแก้พิษได้ แต่ว่าก็หายากพอๆ กับหญ้าร้อยรส ถ้าถอนพิษได้ฉันจะพาเธอมาหา แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเธอจะยอมมาหรือเปล่า”
“…ไม่ๆๆ…แค่บอกฉันก็พอ…” เธอไม่มีหน้าไปพบ “เจ้าญะ…เสี่ยวมู่ ขอโทษนะ”
“เรื่องในอดีตพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณอยู่ของคุณไป ไว้เดี๋ยวฉันจะให้คนเอาหนังสือที่เกี่ยวข้องมาให้ วันหน้าถ้าเกิดความคิดอะไรก็ให้คนไปบอกปาเฝ่ยได้”
“ขอบคุณนะเจ้า…เสี่ยวมู่”
เหมียวฉียิ้มกว้าง
นี่เป็นรอยยิ้มจากใจเธอครั้งแรกในรอบสิบแปดปี
เจียงเย่ว์เบิกตาโพลง ราวกับเข้าใจอะไร