อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 405 คับแคบเกินไป

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 405 คับแคบเกินไป

หลังจากเยี่ยจั๋วน้อยจับของเสี่ยงทายครบขวบแล้ว มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนก็กลับจากเมืองหลวงไปเมืองเย่ว์ตู

พออีกวันหนึ่งมู่เถาเยา มู่หว่าน และพวกอาจารย์ก็กลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน

คนที่ร่วมเดินทางด้วยยังมีลู่จือฉิน ลู่หันซู ปาอิน ถังถัง ตี้อู่หลันฉือ

ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้กับอารองมู่พ่อของมู่ซือจิ่นไปรับทุกคนที่ลานจอดเครื่องบิน

“ป้าเฟยกับอาสะใภ้รองทำกับข้าวอยู่ที่บ้าน ทำความสะอาดห้องทุกซอกทุกมุมแล้ว ผ้าปูที่นอนผ้าห่มก็ซักแล้ว ตากแดดแล้ว” ไม่มีคนมาพักที่บ้านนาน ต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่

เนื่องจากพวกผู้อาวุโสสูงวัยอย่างหยวนเหยี่ยพักอยู่ที่เผ่าระยะหนึ่ง ดังนั้นหลังจากปู่ทวดถังดื่มเหล้ามงคลเสร็จก็กลับบ้านตระกูลถังก่อน เรือนหลังน้อยของครอบครัวหยวนจึงว่างไปสามเดือนกว่า

“ขอบคุณคุณลุงผู้ใหญ่บ้านค่ะ”

ผู้ใหญ่บ้านมู่มีสีหน้าตกใจ “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”

มู่หว่าน “นั่นสิ!”

มู่เถาเยายิ้ม “ก็ได้ค่ะ หนูไม่ควรเกรงใจ”

ผู้ใหญ่บ้านมู่ถึงได้ยิ้ม จากนั้นก็ถาม “เสี่ยวเยาเยา ทำไมอู๋เปียนไม่กลับมาด้วยกันล่ะ”

“อีกสองสามวันเขาก็กลับมาฝังเข็มแล้วค่ะ”

“อู๋เปียนหายดีแล้ว ทำอะไรได้ตั้งเยอะ”

“ใช่ค่ะ”

“ม้าห้าตัวถูกพาเข้าคอกม้าแล้ว แต่พวกมันดูไม่สบอารมณ์เท่าไร”

มู่เถาเยายิ้ม “ไม่สบอารมณ์ก็ธรรมดาค่ะ คอกม้าเล็กเกินไป พวกมันไม่ชิน ตอนบ่ายหนูจะพาพวกมันไปในป่าเซียนโหยว”

เมื่อวานเธอให้เครื่องบินขนครอบครัวเกาหม่าสี่ตัวกับไป๋เสวี่ยกลับมา

ก่อนหน้านี้วานให้พวกผู้ใหญ่บ้านสร้างคอกม้าง่ายๆ ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานไว้ให้พวกมัน

วันหน้าพวกม้ากลับมาจะได้ไม่ต้องให้ไปอยู่ข้างห้องปรุงยาแล้ว

พวกเกาหม่าใช้ชีวิตในหมู่บ้านไม่นาน แค่วันสองวัน จากนั้นจะถูกส่งไปอยู่เขตป่าชั้นนอกของป่าเซียนโหยว คอกม้าจึงไม่จำเป็นต้องหรูหรานัก

พอถึงบ้าน ทุกคนก็ไปเก็บสัมภาระก่อน

ถึงแม้เรือนหลังน้อยของครอบครัวหยวนจะมีที่ให้พักเพียงพอ แต่พรุ่งนี้คนครอบครัวน่าหลานจะมา มู่เถาเยาจึงให้ถังถัง ตี้อู่หลันฉือ เหลียงจี ปาอิน ไปพักที่บ้านตระกูลเย่ว์ เพื่อจะได้ช่วยให้คนตระกูลน่าหลานคุ้นเคยกับชาวบ้านเร็วขึ้น

มู่เถาเยาถามขึ้นระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน “คุณลุงผู้ใหญ่บ้านคะ กำหนดวันแต่งงานของอาจิ้งกับหมอไป๋หรือยังคะ”

ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้พูดด้วยความดีใจ “กำหนดแล้ว วันที่ยี่สิบมีนาคม วันที่สิบเจ็ดถึงยี่สิบสี่มีนาคมเป็นฤกษ์ดีทั้งนั้น พวกเราเลยตั้งใจเลือกเป็นวันเสาร์ที่ยี่สิบ”

“จัดงานฉลองที่หมู่บ้านเถาหยวนซานหรือเจียงตูคะ” คนครอบครัวไป๋อยู่เจียงตูก็เป็นครอบครัวที่มีอันจะกิน มีญาติๆ อยู่ไม่น้อย

“พวกเราปรึกษากับทางนั้นแล้ว พวกเขายินดีให้จัดใหญ่โตที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน จากนั้นบ่าวสาวค่อยกลับเจียงตูเชิญญาติห่างๆ กับพวกเพื่อนมากินเลี้ยงแบบง่ายๆ” ญาติสนิทจะถูกเชิญมาที่นี่

“ค่ะ ไว้ถึงเวลาพวกหนูเลิกเรียนกินข้าวเย็นเสร็จจะกลับมาเลยค่ะ และจะให้ตี้อู๋เปียนส่งพวกมู่หว่านกลับมาด้วย”

มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยา ฉันลาหยุดหนึ่งวันกลับมาก่อนได้”

“เธอลาหยุด แต่จะให้เสี่ยวเหมียนกับเสี่ยวเหยาลาหยุดด้วยเหรอ”

“…ก็จริงนะ”

“เสี่ยวหว่าน น่าหลานอวิ๋นไคติดต่อเธอขอฝึกยุทธ์ด้วยหรือเปล่า”

“ติดต่อมา ตระกูลน่าหลานมีบ้านหลังใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลวง…จริงสิ ไม่ไกลจากฟาร์มของเธอด้วยนะ ฉัน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยาไปขี่ม้าก็พาเขาไปด้วย เขาเลยบอกว่าครอบครัวมีบ้านอยู่ทางนี้ ทุกครั้งที่พวกเราฝึกยุทธ์กันก็ไปที่บ้านเขา มีเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับป่า”

มู่เถาเยา “ถ้าอ้อมป่าแห่งนั้นไปก็จะเป็นฟาร์มของฉันหรือเปล่า” เธอรู้จักหมู่บ้านนี้ ทัศนียภาพใช้ได้เลยทีเดียว

“ใช่ๆ”

“ตระกูลน่าหลานจงใจซื้อบ้านในทำเลแบบนั้น เพื่อให้น่าหลานอวิ๋นไคสะดวกไปฝึกยุทธ์ในช่วงสุดสัปดาห์” ไม่อย่างนั้นด้วยฝีมือของคนในตระกูลพวกเขา หากซื้อบ้านอยู่ในเมืองหรือแถวมหาวิทยาลัยได้มีเรื่องสารพัดแน่

จางเฟยถาม “เสี่ยวเยาเยา น่าหลานอวิ๋นไคเป็นใครเหรอ เพื่อนในมหา’ลัยของเสี่ยวหว่านเหรอจ๊ะ”

“ไม่ใช่เพื่อนในมหา’ลัยหรอกค่ะ เขาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ตระกูลน่าหลานเป็นตระกูลใหญ่ทางตะวันตก เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลปลีกวิเวกที่นอกเหนือจากสำนักซย่าโหว ตระกูลตี้อู่ และตระกูลจั่ว น้องสาวแท้ๆ ของคุณนายใหญ่คนปัจจุบันคืออาจารย์แม่ตอนหนูเรียนปริญญาโทค่ะ

พวกเขาติดต่อผ่านอาจารย์แม่อยากให้อาจารย์ใหญ่ไปช่วยรักษาคุณนายผู้เฒ่า ปรากฏว่าหนูไปแทนอาจารย์ใหญ่เอง คนตระกูลน่าหลานจิตใจดี ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลที่มีความเมตตาในท้องถิ่นแถวนั้น ป้าเฟยวางใจให้เสี่ยวหว่านคบหากับน่าหลานอวิ๋นไคได้นะคะ”

จางเฟยพยักหน้า เธอไม่สนว่าจะเป็นตระกูลใหญ่หรือเปล่า ขอแค่เสี่ยวเยาเยาไว้ใจเธอก็วางใจ

หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “ทางนั้นมีตระกูลตี้คอยดูพวกเด็กๆ ให้ ไม่เกิดปัญหาหรอก”

มู่หว่านเขย่าแขนแม่ตัวเอง “เอาน่า หนูโตป่านนี้แล้ว แถมไม่ได้โง่ รู้ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้”

จางเฟยตีแขนลูกสาวหนึ่งที “เลิกเขย่าได้แล้ว”

มู่หว่านหัวเราะ

มู่เถาเยายิ้มบาง “พรุ่งนี้คู่สามีภรรยาของตระกูลน่าหลานสองคู่จะพาลูกๆ สามคนมา อาใหญ่กับอารองน่าหลานจะตามหนูกับอาจารย์ พี่ถังถัง พี่หลันฉือเข้าเขตป่าชั้นใน พอถึงตอนนั้นรบกวนลุงผู้ใหญ่บ้าน ป้าเฟย เสี่ยวหว่าน ช่วยดูแลคุณนายกับลูกๆ ด้วยนะคะ”

ทั้งสามคนย่อมรับปากอย่างเต็มใจ

มู่หว่าน “ปู่ซย่าโหว คุณย่า อารอง พี่ถังถัง ก่อนหนูกลับมาได้ไปดูจิ่งเหยา เซิ่นอวี๋ และก็ซือจิ่นมาด้วย พวกเขาสบายดี มีความสุขมากค่ะ”

ทุกคนยิ้มพลางพยักหน้า

พวกเขากินข้าวกลางวันกันอย่างมีความสุข จากนั้นก็ไปดูพวกม้าที่คอกม้า ต่อมาเหลียงจี ปาอิน ลู่หันซู ก็กลับมาพร้อมคนแก่เพื่อพักผ่อนก่อน

มู่เถาเยาขอให้ผู้ใหญ่บ้านกับอารองไปส่งพวกคนดูแลม้าอย่างอาหยวน อาฉี อาเหนียน อาหยาง รวมถึงคนงานในฟาร์มลงจากเขาเข้าไปในตัวอำเภอ บ้างก็กลับเย่ว์ตู บ้างก็กลับเมืองหลวง

จากนั้นเธอก็พาม้าห้าตัวเข้าไปในป่าเซียนโหยวพร้อมลู่จือฉิน มู่หว่าน หลันฉือ และถังถัง

ความคึกคะนองของหลิวซิงน้อยมีแค่มู่เถาเยาที่เอาอยู่

หลังจากอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง เสี่ยวเหยี่ยกับเสี่ยวเสวี่ยก็เลิกทะเลาะกันแล้ว ปกติพวกมันอยู่กันอย่างสันติได้ยกเว้นตอนเรียกร้องความสนใจจากมู่เถาเยา

ทุกคนสบายใจขึ้นจริงๆ

เกาหม่ากับเสี่ยวเซวี่ยมีความสุขกับการได้กลับไปป่าเซียนโหยว โดยเฉพาะเกาหม่า

พวกมู่เถาเยาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเบิกบานใจที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวมัน

ลู่จือฉินยิ้มพูด “มันคงจะอึดอัดแย่”

ตี้อู่หลันฉือ “เกาหม่าอยู่ในฟาร์มเหมือนอยู่ในกรงแคบๆ ไม่เพียงพอให้มันเริงร่า”

มู่หว่าน “ไป๋เสวี่ยก็ดูตื่นเต้น มันวิ่งกระโดดโลดเต้นรอบตัวพวกเรา อีกทั้งยังร้องฮี้ในป่าเซียนโหยวอยู่บ่อยๆ เห็นได้ชัดว่าอยากเข้าไป”

ถังถัง “ไป๋เสวี่ยอาจไม่เคยเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้มาก่อนเลยรู้สึกว่าแปลกใหม่ ทั้งยังสบาย”

ทุกคนต่างพยักหน้า

มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบหัวของหลิวซิงที่อยู่ข้างๆ “พวกเราจะไปวิ่งกันสักรอบ แกก็อย่าหลุดขบวนล่ะ”

หลิวซิงร้องฮี้ด้วยความดีใจ

มู่เถาเยาแตะปลายเท้าแล้วเหาะเข้าป่า

พวกม้าวิ่งตามอย่างมีความสุข

จากนั้นก็เป็นพวกลู่จือฉิน แยกเหาะกันกับพวกม้าที่เหลือ

มู่เถาเยาหยุดลงตรงรอยต่อระหว่างเขตป่าชั้นนอกกับเขตป่าชั้นใน เธอลูบหัวของเกาหม่า “เกาหม่า ใช้ตรงนี้เป็นเส้นแบ่ง อย่าพาพวกมันเข้าไปนะ”

เกาหม่าร้องฮี้

มันเข้าใจ

พักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้สักพัก จากนั้นมู่เถาเยาก็พาคนและม้าวิ่งตามเส้นแบ่งเขต ไม่เข้าไปข้างในแม้เพียงก้าวเดียว

พวกเธอเหาะกลับตอนดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า

เมื่อกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนซาน ถังถังก็พูดด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเยาเยา หลิวซิงยังเด็ก มันจะกลัวหนาวหรือเปล่า ตอนนี้เป็นช่วงหนาวสุดของฤดูหนาวด้วย หลิวซิงโตมาในเมืองเย่ว์ตูตลอด แถมในป่าก็หนาวกว่าในเมืองเย่ว์ตูมาก…”

ตี้อู่หลันฉือ “นั่นสิ เสี่ยวเสวี่ยก็ถูกเลี้ยงในเมืองเย่ว์ตูมาตลอด”

“ม้าไม่กลัวหนาว อยู่ได้แม้ในสภาพอากาศติดลบสามสิบกว่าองศา ตรงพวกเราลบแค่ไม่กี่องศา แถมในป่าก็มืดทึบ ไม่มีลม อย่างมากก็ไม่เกินลบสิบองศา พวกมันทนไหว”

ลู่จือฉินยิ้มพูด “ถ้าหลิวซิงกับไป๋เสวี่ยไม่สบาย เกาหม่าจัดการได้ อย่างน้อยก็รู้จักพากลับหมู่บ้านไปหาคน”

มู่เถาเยาพยักหน้า

พอนึกถึงความฉลาดของพวกม้า ถังถัง หลันฉือ มู่หว่าน ก็ไม่เป็นกังวลแล้ว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท