ตอนที่ 409 ไม่มีเขาก็ไม่มีดวงเลย
หนึ่งวันต่อมาตี้อู๋เปียนก็กลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมจางหมิงเจ๋อที่เป็นอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวและบอดี้การ์ดสองคน
“ปู่หยวนครับ ซาลาเปาน้อยล่ะ แล้วหลายท่านนี้คือใครเหรอครับ”
“เสี่ยวเยาเยาเข้าเขตป่าชั้นในกับอาจารย์สาม ถังถัง หลันฉือ แล้วก็สองพี่น้องตระกูลน่าหลานจากทางตะวันตกไปแล้ว ส่วนทางนี้ก็คุณนายตระกูลน่าหลานกับลูกๆ เสี่ยวเยาเยาเชิญมา อาอวี๋ อาเจิง นี่ลูกชายคนเล็กของจิ่งเทียนชื่อตี้อู๋เปียน”
พอคนตระกูลน่าหลานเห็นตี้อู๋เปียนก็ตะลึงไปชั่วขณะ
ครอบครัวพวกเขามีคนรับราชการย่อมรู้ว่าราชาแห่งประเทศเหยียนหวงมีชื่อว่าอะไร อีกทั้งราชาตี้ยังมีใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่จดจำได้ง่าย จึงไม่มีใครไม่รู้จัก
คุณชายเล็กคนนี้รูปงามเหมือนราชาตี้ แต่กลับสง่ากว่า โดยเฉพาะไฝสีแดงตรงหว่างคิ้ว โดดเด่นเกินใคร!
บุคลิกดุจเทพบุตร
อวี้อวี๋ยิ้มพูด “นึกไม่ถึงว่ายังจะได้เจอคุณชายเล็กที่หมู่บ้านเล็กๆ กลางเขาด้วย”
ตี้อู๋เปียน “ปู่หยวนเป็นเพื่อนของคุณย่าผมครับ ซาลาเปาน้อยเป็น…เพื่อนของผม ก่อนหน้านี้ผมสุขภาพไม่ดี รักษาตัวอยู่ที่นี่นานมากทีเดียว”
ในเมื่อเป็นคนที่ซาลาเปาน้อยเชิญมาก็แสดงว่าไว้ใจได้ ซาลาเปาน้อยไม่มีทางเชิญคนที่จะเป็นภัยเข้ามาในหมู่บ้านเถาหยวนซาน
สวีเสี่ยวเจิง “ซาลาเปาน้อยเหรอ”
“…ก็คือเสี่ยวเยาเยาครับ น่าหลานจั๋วกับน่าหลานรั่วเฉินเป็นคนตระกูลพวกคุณใช่ไหมครับ” พอพูดถึงตระกูลน่าหลานจากทางตะวันตก ตี้อู๋เปียนก็นึกถึงข้าราชการแซ่น่าหลาน
เขากุมข้อมูลทุกหน่วยงานของประเทศเหยียนหวง ย่อมรู้จักน่าหลานจั๋วข้าราชการระดับสูงที่เกษียณไปแล้ว และยังมีน่าหลานรั่วเฉินที่ใกล้เลื่อนตำแหน่งเต็มที
อวี้อวี๋ยิ้มพลางพยักหน้า “เป็นอาเล็กกับลูกพี่ลูกน้องของพวกเราเองค่ะ”
คุณชายเล็กตระกูลตี้รู้จักอาเล็กกับน้องชายของพวกเขาด้วย ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
“ซาลาเปาน้อยรู้จักพวกคุณได้ยังไงเหรอครับ” เขาไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน
ต่อให้เป็นตระกูลที่ปลีกวิเวกเหมือนกัน แต่สำนักซย่าโหวก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะไปผูกสัมพันธ์กับใครก่อน
“น้องสาวของฉันเป็นอาจารย์แม่ของเสี่ยวเยาเยาค่ะ…” สวีเสี่ยวเจิงเล่าที่มาที่ไปของพวกเธอให้ฟัง
ตี้อู๋เปียน “…”
ระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่ซาลาเปาน้อยไม่เคยเล่าให้ฟังเลยสักนิด!
แอบเสียใจอย่างบอกไม่ถูก!
“ปู่หยวน ปู่ซย่าโหว คุณย่า ผมขึ้นไปเก็บสัมภาระก่อน จากนั้นจะไปดูดอกฉยงฮวากับดอกเถียนซินที่สวนด้านหลังนะครับ”
อาจารย์แม่รองถาม “กินข้าวกันมาหรือยังจ๊ะ” ตอนนี้บ่ายสองกว่าแล้ว
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “พวกเรากินจากบนเครื่องบินมาแล้วครับ มีแค่นักบินที่ยังไม่ได้กิน ผมให้เขากลับบ้านไปต้มบะหมี่หรือหาอะไรกินแล้วครับ”
เขาจัดแจงให้คนที่มาด้วยไปพักในบ้านที่อวิ๋นไป๋สร้าง ส่วนเขาพักที่เรือนหลังน้อยของครอบครัวหยวน
พวกคนติดตามมาดูเหล่าผู้อาวุโสก่อน ยกเว้นนักบินที่ไปหาอะไรกิน
หยวนเหยี่ยพูดกับตี้อู๋เปียน “ขึ้นไปเถอะ” จากนั้นก็หันไปพูดกับพวกบอดี้การ์ด “พวกนายก็กลับไปเก็บสัมภาระนะ ถ้าทำกับข้าวไม่เป็น ตอนเย็นก็มากินที่นี่”
จางหมิงเจ๋อเป็นศิษย์หลานของซย่าโหวโซ่ว เขาย่อมพยักหน้า
ตี้อู๋เปียน “ปู่หยวนครับ ให้บอดี้การ์ดกับนักบินทำกินเองเถอะครับ ทำไม่เป็นก็กินของแห้งหรือไปขอข้าวบ้านไหนกินก็ได้ โตๆ กันแล้วไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองอดตายหรอกครับ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา”
หยวนเหยี่ยส่ายมือ “เอาเถอะ งั้นก็ตามใจ ดอกเถียนซินก่อผลึกแล้ว อยู่ในห้องของเสี่ยวเยาเยา ไม่ได้อยู่ที่สวนด้านหลัง”
“ครับ งั้นผมรอซาลาเปาน้อยกลับมาค่อยดู ขอขึ้นไปก่อนนะครับ” เขาเป็นผู้ชาย ไม่สะดวกเข้าห้องของสาวน้อยตอนที่เธอไม่อยู่
พวกผู้อาวุโสพยักหน้า บอกให้พวกบอดี้การ์ดเอาสัมภาระไปเก็บ
เมื่อพวกตี้อู๋เปียนแยกย้ายออกไป น่าหลานอวิ๋นหร่านก็ถามด้วยความสงสัย “คุณชายเล็กก็ดูแข็งแรงดีนี่คะ ทำไมพี่เยาเยาบอกว่าต้องให้ปู่หยวนช่วยฝังเข็มให้เขาด้วย”
หยวนเหยี่ย “แค่ดูเหมือนหายดีแล้ว ยังขาดสมุนไพรอีกนิดหน่อยถึงจะหายสนิท”
ทันใดนั้นบรรดาคนตระกูลน่าหลานก็นึกถึงพวกสมุนไพรที่มู่เถาเยาพูดถึงเป็นพิเศษ
แต่พวกเขาก็รู้ว่าเรื่องบางอย่างไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาควรรู้ จึงไม่คุยเรื่องนี้ต่อ
อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “อาอวี๋ อาเจิง พวกเธอกับลูกๆ พอกินอาหารที่นี่ได้ไหม”
“ได้ค่ะ ถึงอาหารของทางตะวันตกจะรสจัดกว่าหน่อย แต่พวกเราไปทำงานต่างเมืองบ่อย ได้กินอาหารที่หลากหลาย พวกเด็กๆ ก็ไปเรียนต่างเมือง ปรับตัวได้ค่ะ”
“งั้นก็ดีจ้ะ เสี่ยวหว่าน เสี่ยวอิน หันซู ขับรถนำเที่ยวพาอวิ๋นจือ อวิ๋นไค แล้วก็อวิ๋นหร่านไปเดินเที่ยวสิ”
สามพี่น้องน่าหลานย่อมไม่มีทางปฏิเสธความหวังดีของผู้ใหญ่
หนุ่มๆ สาวๆ เพิ่งออกไป ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาก็เข้ามา
สวีเสี่ยวเจิงยิ้มพูด “ผู้ใหญ่บ้าน อาเฟย งานรัดตัวขนาดนั้นไม่ต้องมารับรองพวกเราก็ได้นะคะ”
จางเฟยนั่งข้างสวีเสี่ยวเจิงพลางพูด “ยุ่งที่ไหนกันคะ พวกเราไม่ต้องไปทำงานที่โรงงานเสียหน่อย”
อวี้อวี๋กับสวีเสี่ยวเจิงย่อมรู้ว่าพวกเขางานยุ่ง แต่อยากมาช่วยรับรองแขกตามมารยาท
สวีเสี่ยวเจิงยิ้มพูด “ตอนนี้ใกล้ตรุษจีนแล้ว พวกคุณต้องงานยุ่งกันแน่ ผู้ใหญ่บ้าน อาเฟย ไม่ต้องมาคอยรับรองพวกเราจริงๆ ค่ะ พวกเราจะอยู่พูดคุยกับผู้อาวุโสที่นี่”
อาจารย์แม่รอง “อาอี้ อาเฟย ไปทำงานเถอะ ถ้าจะออกไป พวกเราก็พาแขกออกไปเดินเล่นได้เหมือนกัน”
หยวนเหยี่ยกับซย่าโหวโซ่วพยักหน้าพร้อมกัน
มู่อี้ดูท่าทางแขกก็ไม่เหมือนพูดเพราะเกรงใจ เขาจึงไม่ดึงดันจะอยู่ต่ออีก
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ อาเฟยอยู่คุยกับทุกคนที่นี่แหละ จริงสิ อู๋เปียนกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไม่เห็นเลย”
ซย่าโหวโซ่วยิ้มตอบ “เขาขึ้นไปเก็บสัมภาระ เดี๋ยวก็ลงมา”
“งั้นผมรอก่อน เจออู๋เปียนแล้วค่อยไป”
“อืม”
พวกเขาคุยกันอยู่สักพักตี้อู๋เปียนก็ลงมาจากชั้นบน
มู่อี้คุยกับเขาเล็กน้อยแล้วออกไปทำงาน
ตี้อู๋เปียนก็ถือม้านั่งตัวเล็กออกไปที่สวนหลังบ้าน
เขานั่งลงข้างดอกฉยงฮวา ดีดใบที่เป็นผลึกใสของมันแล้วถาม “หลายวันมานี้เป็นยังไงบ้าง”
ดอกฉยงฮวาส่ายก้าน “เจ้านาย ข้าสบายดี ข้ารักหมู่บ้านเถาหยวนซานมากเลย! ที่นี่สุขสบายจริงๆ !”
“…ใครเขาถามถึงนาย ฉันหมายถึงเขตป่าชั้นในเป็นยังไงบ้าง!” หมอนี่มันหลงตัวเองหรือไง
“ยังหาดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตไม่เจอเลย เจ้านาย หรือว่าสองสิ่งนี้จะไม่มีอยู่จริง”
“ไม่แน่ใจ หาให้ทั่วป่าเซียนโหยวก่อนแล้วกัน รอให้แน่ใจว่าไม่มีจริงๆ ค่อยไปหาที่อื่น” ยังมีเวลา
“ได้เลยเจ้านาย”
“ดอกพันวันกับผลหมื่นปียังอยู่ไหม”
“อยู่ฮะ แต่ถ้าไม่ไปเก็บสักทีผมกลัวจะถูกตัวอะไรกินไป แบบนั้นจะ…”
“ระยะนี้ฉันกับซาลาเปาน้อยยุ่งทั้งคู่ ไม่มีเวลาเข้าเขตป่าชั้นใน เฝ้าไว้ก่อน รอครั้งหน้าฉันกับซาลาเปาน้อยนัดเวลาได้ค่อยเข้าไป”
ถ้าระหว่างนั้นถูกตัวอะไรกินไปคงพูดได้เพียงว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา
แต่เหมียวอวี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว สติปัญญาจะกลับมาหรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่าไร
ความกระจ่างเรื่องที่ซาลาเปาน้อยหายตัวไปตอนเด็กก็ไม่ค่อยสำคัญอีกต่อไป อย่างไรเสียรู้ว่าไม่มีภัยแอบแฝงก็เพียงพอแล้ว
ส่วนผลหมื่นปี ยังไม่รู้ว่าจะสุกเมื่อไร รีบร้อนไปก็เท่านั้น
“ซาลาเปาน้อยไปทางไหน เจออันตรายในนั้นหรือเปล่า”
“ฝั่งตะวันออก มีเรื่องน่าตกใจบ้างแต่ไม่อันตราย เพียงแต่น่าเสียดาย เดิมทีถ้าเดินตามทางเดิมต่อไปก็จะเจอดอกพันวัน แต่พวกเขาเปลี่ยนทิศทาง…” ดอกฉยงฮวาทอดถอนใจเหมือนคน
ตี้อู๋เปียน “…” ทำไมซาลาเปาน้อยดวงไม่ดีเอาเสียเลยนะ!
ดูเอาแล้วกัน พอไม่มีเขาเธอก็ไม่มีดวงเลย!
—————————————————-