ตอนที่ 642 สวยงาม
คุ้นตาหรือ
คุ้นตาจริงๆ ทันทีที่ยันต์แผ่นนี้ลอยล่องออกมา อันที่จริงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็จำมันได้ นี่คือสิ่งที่นักพรตเฒ่าพูดติดปากย้ำแล้วย้ำอีกว่า ‘นี่เป็นยันต์บรรพบุรุษแผ่นสุดท้าย’ ไม่ใช่หรือไง!
โจวเจ๋อรับยันต์แผ่นนี้จากมือของทนายอัน จริงด้วย เหมือนกันเปี๊ยบ ยันต์หนาเป็นปึกๆ ที่นักพรตเฒ่าเก็บไว้ในเป้ของเจ้าลิงน้อยให้เอาไว้ใช้ตลอดปี แม้กระทั่งคนอื่นๆ ในร้านหนังสือก็สามารถหยิบเอายันต์จากนักพรตเฒ่ามาใช้ได้เป็นครั้งคราว ฤทธิ์โจมตีของยันต์นี้ไม่แรงนัก แต่ก็มักจะแสดงอิทธิฤทธิ์แปลกๆ บางอย่างออกมาได้ โดยเฉพาะหลังการอุ่นเครื่อง ประสิทธิภาพดีเยี่ยมที่สุด
นี่เป็นของที่ไท่ซานฝู่จวินทิ้งไว้ให้เขางั้นเหรอ
โจวเจ๋อไม่โกรธแล้ว โกรธไม่ลงด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่มันเป็นของที่มีอยู่มากมายไม่ว่าใครในร้านหนังสือก็ใช้กันทั่ว แต่ดันถูกไท่ซานฝู่จวินเก็บเอาไว้ที่นี่ราวกับสมบัติล้ำค่า และทิ้งไว้ให้เป็นรางวัลสำหรับผู้สืบทอดของตัวเองก็เมื่อตอนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุม
ฝู่จวินผู้ยิ่งใหญ่ ท่านไม่รู้สึกอัปยศบ้างหรือ
หากไม่ได้เจอกับนักพรตเฒ่า บางทีโจวเจ๋ออาจจะบูชายันต์แผ่นนี้เหมือนสมบัติล้ำค่าไปแล้ว จากนั้นก็รอจนกว่าจะถึงช่วงจังหวะคับขันค่อยนำออกมาใช้
“เหอะๆ” ทนายอันขำแห้งเพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน พร้อมปรบมือและเอ่ยว่า “เอ่อ เอาอย่างนี้นะ เราไปกินมื้อเช้ากันเถอะ” ไม่สนว่าจะเป็นอย่างไร ผิดหวังส่วนผิดหวัง แต่ก็ยังต้องกินข้าวอยู่ดีนะ
ทุกคนลงไปชั้นล่าง รับประทานอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรม ทนายอันนั่งอยู่ตรงนั้นและสั่งบะหมี่หนึ่งชามเติมน้ำมันพริกนิดหน่อย กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่กลับมีเรื่องหนักใจซ่อนอยู่ในแววตาอย่างชัดเจน มันไม่ใช่ครั้งแรก มันไม่ใช่ครั้งแรกจริงๆ แม่งเอ๊ย เริ่มจากมันเป็นสิ่งที่ตัวเองเคยฝันเห็นมาก่อน จากนั้นก็เป็นเจ้าลิงน้อยที่ได้รับพรจากวานรย้ายภูเขารักและให้ความสนิทสนมกับนักพรตเฒ่าอย่างชัดเจน ตอนนี้แม้แต่ยันต์ก็ออกมาแล้ว!
ทนายอันเคี้ยวบะหมี่คำใหญ่ จู่ๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกว่าตัวเองบูชาผิดศาลหรือเปล่า บุตรที่สวรรค์เลือกดูเหมือนจะไม่ใช่เถ้าแก่นะ แม้ว่าหนังสือรับรองยมทูตนั้นจะอยู่ในมือของโจวเจ๋อ แต่นั่นมันก็แค่หนังสือรับรองใบหนึ่งเท่านั้น
อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ นกที่ดีย่อมรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอนจริงไหม แต่ทนายอันคิดแล้วคิดอีก แม้ว่านักพรตเฒ่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไท่ซานฝู่จวินจริง แต่ตัวเองต้องเปลี่ยนรสนิยมเพียงเพื่อประจบสอพลอ ไปที่ร้านนวดเท้าราคาถูกตามถนนทุกวันหรือว่าไปปลอบโยนสาวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างถนนเป็นเพื่อนเขาอย่างนั้นหรือ
นี่ก็คงจะฝืนตัวเองเกินไปแล้วละมั้ง
อีกอย่าง ไท่ซานฝู่จวินรุ่นสุดท้ายถูกพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์หลอกล่อจนพลาดท่าไปแล้ว ผู้ปกครองคนสุดท้ายก่อนแว่นแคว้นถูกยึดครอง เมื่อเทียบกับอิ๋งโกวแล้วยังห่างชั้นอีกไกล อืม ตามเจ้าปลาเค็มก็ยังดูมีอนาคตยิ่งกว่า ใช้ชีวิตก็ค่อนข้างมีความสุข อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องฝืนตัวเอง
ส่วนสวี่ชิงหล่างนั้นกินน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋ กินช้าๆ ไม่รีบร้อน แต่เขาก็มีเรื่องที่คิดอยู่ในใจ แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้นำเรื่องนี้ขึ้นมาถกกันบนโต๊ะ แต่ทุกคนล้วนพากันครุ่นคิดอยู่ในใจของตัวเอง มีความเป็นไปได้สูงมากที่นักพรตเฒ่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไท่ซานฝู่จวินจนแยกออกจากกันไม่ได้ มิน่าล่ะทั้งๆ ที่เก่งเรื่องดวงซวยขนาดนั้นกลับสามารถอยู่มาได้ถึงอายุเจ็ดสิบกว่าปี ส่วนคนที่เหลือนั้น ขอแค่ได้อยู่กับเขาก็จะดวงซวยไปตามๆ กัน
สวี่ชิงหล่างกัดปาท่องโก๋อีกคำและดื่มน้ำเต้าหู้ตามอีกอึกหนึ่ง ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว
อิงอิงนั่งอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อและช่วยโจวเจ๋อแกะเปลือกไข่ เธอไม่กินแต่ชอบปรนนิบัติโจวเจ๋อตอนกินข้าว เมื่อโจวเจ๋อไม่พูดอะไร เธอก็ไม่พูดอะไร
โจวเจ๋อกินอาหารเช้าอย่างผ่อนคลายสบายๆ ที่สุด เสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้ผลประโยชน์จากทางการ แต่ก็ไม่ถึงกับเอาหัวโขกพื้น ชีวิตก็ต้องดำเนินไปตามปกติไม่ใช่หรือ โจวเจ๋อมองอย่างใจกว้าง สำหรับเรื่องนักพรตเฒ่านั้น จริงๆ แล้วเขาไม่สนใจ พอมานับดูแล้ว ร้านหนังสือของเขาไม่มีคนธรรมดาเลยสักคน เขาที่เป็นเถ้าแก่ก็ชินไปแล้วด้วย
เนื่องจากตั๋วเครื่องบินสำหรับวันนี้มีไม่พอ ถ้าจะกลับทุกคนก็ต้องกลับด้วยกัน ดังนั้นก็เลยซื้อตั๋วสำหรับพรุ่งนี้ตอนบ่ายแทน
พวกเขาปรึกษากันแล้วว่าจะใช้โอกาสนี้ออกไปเดินเล่น ชดเชยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากเรื่องราวของมู่เฉิงเอิน เพราะท้ายที่สุดแล้วหลังจากวิ่งวุ่นไปมา ก็ต้องการการพักผ่อนและการผ่อนคลายเล็กน้อยแล้วจริงๆ
ทนายอันขับรถไปผับ เขาดูแลร่างกายมาเป็นอย่างดี เป็นช่วงที่วาดสายธนูเตรียมยิงพอดี อดทนต่อไปไม่ไหวแม้เพียงชั่วครู่ บวกกับระยะนี้ที่คนอื่นสามารถนอนหลับได้ มีแต่เขาที่นอนหลับไม่ได้มาตลอด อารมณ์เชิงลบและความกดดันที่สะสมมาจำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อยสักหน่อย และในสมัยก่อนเขาก็อาศัยวิธีนี้เพื่อคลายความหดหู่และความเครียดที่เกิดจากการนอนไม่หลับ
ส่วนสวี่ชิงหล่างเยี่ยมชมเมืองโบราณเพียงลำพัง ตั้งใจจะดูและเดินเล่นไปรอบๆ เพิ่งมาถึงเมื่อคืนวาน แต่พอเดินเที่ยวเล่นช่วงกลางคืนก็บังเอิญเจอกับเรื่องอัศวินโครงกระดูกเข้าเสียก่อน ทำให้เที่ยวชมได้ไม่เต็มที่
โจวเจ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาออกไปกันหมดแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้อิงอิงอยู่เป็นเพื่อนในห้องกับเขาอย่างเบื่อหน่าย เขาก็อยากจะพาสาวใช้ของตัวเองออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน ถึงอย่างไรนับตั้งแต่ที่อิงอิงติดตามเขา ถ้าไม่ทำธุระในร้านหนังสือ ก็ถ่อไปทำงานกับเขาทั่วทุกทิศ เขาเองก็ไม่ค่อยได้พาเธอออกไปเที่ยวเล่นโดยเฉพาะเลย เมื่อเลือกอยู่ครู่หนึ่ง โจวเจ๋อพาอิงอิงนั่งแท็กซี่ไปจุดชมวิวรักนิรันดร์ลี่เจียงที่อยู่ในท้องถิ่นนี่เอง
‘รักนิรันดร์’ เป็นสวนสนุกสไตล์โบราณโดยมีการแสดงบนเวทีเป็นหลัก เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แบ่งออกเป็น รักนิรันดร์ซ่งเฉิงหางโจว รักนิรันดร์ซานย่า รักนิรันดร์จิ่วไจ้โกว และรักนิรันดร์ลี่เจียงในที่นี้ด้วย
ทันทีที่เข้าสู่ลี่เจียงก็จะมองเห็นการประกาศโฆษณาเยอะแยะมากมาย เหล่าโหมวจื่อก็เคยกำกับรายการ ‘ลี่เจียงอิมเพรสชัน’ ที่ลี่เจียงมาก่อน แต่นั่นน่ะอยู่บนเขา ซึ่งโจวเจ๋อขี้เกียจขึ้นเขาอย่างทุลักทุเลอีกแล้วจึงไม่เลือกไปที่นั่น
เมื่อนั่งแท็กซี่ไปถึงทางเข้าจุดชมวิวรักนิรันดร์ ประโยคบนป้ายใหญ่ของซุ้มประตูทางเข้าเขียนเอาไว้ว่า ‘ให้เวลาข้าหนึ่งวันตอบแทนเจ้าพันปี’ แสดงให้เห็นถึงความดุดันและความมั่นใจจริงๆ แต่ทว่า อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นรักนิรันดร์ที่ลี่เจียง หางโจว หรือซานย่า ภายนอกดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปอีกแบบ แต่ความจริงแล้วกลวิธีก็ยังเหมือนกันอยู่ดี ตรงจุดนี้มันก็คล้ายๆ กับนวนิยายหลายเล่มในร้านหนังสือของโจวเจ๋อ
อิงอิงไปซื้อตั๋วที่นั่งวีไอพีสองใบ ยังมีเวลาอีกกว่าสองชั่วโมงก่อนการแสดงจะเริ่ม ช่วงเวลานี้เหมาะแก่การไปเดินเล่นในเมืองโบราณ
แม้ว่าจะเป็นโสดมาแล้วสองชาติ ไม่มีประสบการณ์ส่วนตัวแต่ก็พอจะได้ยิน ได้เห็น ได้เข้าใจอยู่บ้าง
ในร้านค้าในเมืองโบราณ โจวเจ๋อเลือกเครื่องประดับและชุดชนเผ่าพื้นเมืองให้อิงอิง ดูเธอสวมใส่แล้วค่อยแสดงความคิดเห็น และในจุดชมวิวชื่อดังอันเป็นสถานที่ที่ฝีมือมนุษย์สร้างขึ้น โจวเจ๋อก็ช่วยถ่ายรูปให้อิงอิงและรบกวนขอให้นักท่องเที่ยวใกล้เคียงช่วยถ่ายรูปคู่ให้สองสามรูปหลายครั้ง
อิงอิงมีความสุขมาก เกาะติดข้างกายโจวเจ๋อเหมือนกับเด็กสาวมัธยมปลายจริงๆ ระหว่างความคลุมเครือนั้น โจวเจ๋อยังมีความรู้สึกเสมือนมีความผิดฐานลักพาตัวผู้เยาว์อยู่ด้วย
แต่ก็ไม่หรอก จริงๆ แล้วนักเรียนมัธยมหลายคนบรรลุนิติภาวะแล้ว
อืม
ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ด้านหน้า มีคณะการกายกรรมสวมชุดโบราณกำลังทำการแสดงชุด ‘ขุนเขากระบี่ทะเลเพลิง’ อิงอิงดึงโจวเจ๋อไปดูข้างๆ อันที่จริงโจวเจ๋ออยากจะบอกจริงๆ ว่า หนึ่งคุณไม่กลัวไฟ สองคุณไม่กลัวกระบี่พวกนี้ แล้วมันมีอะไรน่าสนุกกัน
นักแสดงเหล่านี้ยังคงให้ความสำคัญกับทักษะและเทคนิค พูดตรงๆ ยังต้องพึ่งพางานที่ใช้ทักษะและเทคนิคเพื่อหาเลี้ยงชีพ ซึ่งไม่เหมือนกับคุณ ไม่ใช่ยิงไม่เข้า ฟันไม่เข้า ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้อะไรทำนองนั้น แต่โชคดีที่เถ้าแก่โจวรู้วิธีที่จะยับยั้งตัวเองไม่ให้พูดคำเหล่านี้จนทำลายบรรยากาศ
“ผู้ที่สัญจรไปมาล้วนเป็นแขก การชุมนุมรวมตัวล้วนเป็นพรหมลิขิต ขอต้อนรับทุกท่านที่มาเยือนเราในฐานะแขก ลำดับต่อไปจะนำโชว์ที่อันตรายและน่าตื่นเต้นเร้าใจสุดขีดมาให้ทุกคนรับชม นั่นก็คือโชว์ขึ้นภูเขาดาบ! ต่อไปผมจะสุ่มเชิญเพื่อนๆ จากด้านล่างเพื่อช่วยเราทดสอบและยืนยันว่าดาบเหล่านี้เป็นดาบจริงหรือไม่! เคยลับคมหรือเปล่า!”
พิธีกรเป็นชายรูปร่างผอมสูงสวมชุดพ่อมด สายตาของเขากวาดมองกลุ่มฝูงชน และสะดุดตาเข้ากับหญิงสาวที่ดูเหมือนจะสวยที่สุดคนนั้น จึงชี้และบอกกับเธอว่า “คุณผู้หญิงแสนสวยท่านนี้ เชิญคุณขึ้นมาหน่อยได้หรือเปล่าครับ ทุกคนปรบมือให้กำลังใจหน่อย!”
อิงอิงประหลาดใจเล็กน้อย ชำเลืองมองเถ้าแก่ที่อยู่ข้างกาย โจวเจ๋อยิ้มพลางพยักหน้าและพูดว่า “ขึ้นไปสิ ผมจะถ่ายรูปให้คุณ”
อิงอิงขึ้นไปบนเวทีแล้ว พิธีกรยื่นแถบผ้าผืนหนึ่งให้เธอ “มาเลย เชิญคุณสุ่มเลือกดาบสักเล่มมาลองดูครับ ให้ผู้ชม ณ ที่แห่งนี้ดูว่าดาบของเราเป็นของจริงหรือไม่ โชว์ขึ้นภูเขาดาบนี้เป็นกังฟูจริงหรือเปล่า!”
อิงอิงชะงักไปครู่หนึ่ง เธอเข้าใจผิด และก็เป็นเช่นนั้น จากมุมมองของเธอ ‘ภูเขาดาบ’ ตรงหน้าที่ประกอบไปด้วยดาบหลายเล่มจนสูงประมาณสิบเมตร มีอะไรให้ต้องกลัวกัน อีกอย่าง เถ้าแก่ให้เธอขึ้นไป และบอกว่าจะถ่ายรูปให้เธอเชียวนะ!
ขึ้นไป ขึ้นไป ขึ้นไป ลุย!
ความเข้าใจผิดก็เกิดขึ้นเช่นนี้
อิงอิงหยิบผ้าและเอื้อมมือไปจับคมดาบด้านบน ใช้เท้าเหยียบด้านล่างแล้วเริ่มปีนขึ้นไป
“…” พิธีกร
“…” นักแสดง
“ว้าว!”
“โอ้โห เก่งจังเลย!”
“เธอใจเด็ดมากเลยนะเนี่ย!”
ผู้ชมด้านล่างเริ่มโห่ร้อง และคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เริ่มพากันโห่
“เห็นหรือยัง ปลอมนี่หว่า!”
“เธอปีนขึ้นไปแล้วด้วยซ้ำ ปลอมเห็นๆ!”
“ฮะฮ่าๆๆ ปลอม ของปลอมว่ะ!”
“ถูกเผยไต๋ซะแล้ว ฮ่าๆ ฮะฮ่าๆ!”
“โอ้โหเฮ้ย นี่เป็นการตบหน้าด้วยความเร็วแสงจริงๆ!”
พิธีกรรู้ดีว่าดาบเล่มนี้เป็นของจริง อย่างน้อยแถวล่างๆ นั้นก็เป็นของจริง ส่วนด้านบนแม้ว่าจะตั้งใจทำมุมป้านให้เรียบก็ยังคมกริบอยู่ดี แม้ว่าเด็กสาวจะสวมรองเท้าไม่ใช่เท้าเปลือยเปล่า แต่เขาเห็นเด็กสาวใช้มือจับคมดาบปีนขึ้นไปกับตา!
จงรู้ไว้ว่า แม้แต่นักแสดงอย่างพวกเขาเอง ตอนที่ปีนขึ้นไปก็แค่เหยียบคมดาบเท่านั้น แต่มือก็ยังคว้าหลักไม้เพื่อปีนขึ้นไป พิธีกรรู้สึกสับสนในตอนแรกรอจนกว่าเขาจะตั้งสติกลับมาได้ อิงอิงก็ปีนขึ้นไปแล้ว เขากระทืบเท้าด้วยความกระวนกระวาย แต่กลับไม่กล้าปีนขึ้นไปจับคนลงมา เขาเป็นแค่พิธีกรไม่ใช่นักกายกรรม
เพียงแค่อึดใจเดียวอิงอิงก็ปีนขึ้นไปถึงยอดสูงสุด ผู้ชมด้านล่างปรบมือและโห่ร้องทันที ต่อให้ไม่ใช่ภูเขาดาบ แต่เด็กสาวคนหนึ่งปีนขึ้นไปได้สูงขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสุดยอดแล้ว!
ตอนแรกโจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าอิงอิงทำไปทำไม ไม่ใช่ว่าเอาแถบผ้ามาทดสอบคมดาบหรอกเหรอ ทำไมถึงขึ้นไปล่ะ แต่ทว่าเมื่อโจวเจ๋อเห็นอิงอิงนั่งอยู่บนยอดภูเขาดาบ พลางแกว่งเท้าทั้งสองข้าวและทำมือเป็นท่าถ่ายรูปใส่เขา โจวเจ๋อก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ‘แชะ!’ รูปถ่ายจึงถูกถ่ายค้างไว้เช่นนี้
ในภาพนั้นอิงอิงนั่งอยู่บนภูเขาดาบทั้งอ่อนหวานและน่ารัก ส่วนเบื้องหลังเธอคือท้องฟ้าสีครามของลี่เจียง ทุกอย่างในรูปภาพล้วนสวยงามปานฉะนี้แล
…………………………………………………………….