ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 644 บรรยากาศตึงเครียดก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้น

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 644 บรรยากาศตึงเครียดก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้น

โจวเจ๋อเดินเข้าไปในห้องของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล ของใช้ต่างๆ ในห้องก็เหมือนกับห้องของเขาก่อนหน้านี้ หญิงสาวหยิบใบชาออกมาจากกระเป๋า ชงชาหนึ่งแก้วแล้วส่งให้โจวเจ๋อ

ประตูห้องไม่ได้ปิด แม้ว่าอิงอิงจะไม่ได้เข้ามา แต่กลับยังยืนอยู่ที่ประตูห้องของเธอ นี่ไม่ใช่เพื่อสอดส่องอะไร แต่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเธอก็สามารถพุ่งเข้าไปได้ทุกเมื่อ ในด้านทักษะผู้พิทักษ์ อิงอิงนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยม

โจวเจ๋อนั่งไขว่ห้างบนโซฟาโดยไม่สัมผัสชาบนโต๊ะรับแขก ที่จริงเดินเข้าไปก็ถือเป็นการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความเสี่ยงแล้ว โจวเจ๋อไม่สนใจจะดื่มชาของเธอเพื่อแสดงให้เห็นถึงกิริยามารยาทอันสง่างามของตัวเอง

“ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ดิฉันแซ่มู่ค่ะ”

โจวเจ๋อหรี่ตา เอือมระอาและปวดหัวเล็กน้อย ตลอดการเดินทางในลี่เจียงทำไมถึงมีปัญหาวนเวียนกับตระกูลมู่ได้ล่ะเนี่ย

ขุดไชเท้าขึ้นมาย่อมติดดิน[1] พัวพันยุ่งเหยิงไม่เลิกราใช่ไหม

“จวนมู่หวังเคยปกครองที่นี่มาหลายราชวงศ์ แม้ว่าหลังจากการปลดแอกแล้วอำนาจและอิทธิพลในโลกมนุษย์จะเป็นเหมือนเมฆหมอกในอดีต แต่ภายใต้ความมืดมิดอีกด้านหนึ่ง จริงๆ แล้วจวนมู่หวังก็ยังเป็นผู้นำ”

โจวเจ๋อยกมือขึ้นขัดจังหวะการสนทนาและพูดติดตลกเล็กน้อย “สรุปว่า จวนมู่หวังของพวกคุณครอบคลุมไปถึงธุรกิจยมทูตประจำท้องที่ด้วยเหรอครับ”

ปรากฏการณ์นี้ค่อนข้างพบได้บ่อยในสมัยโบราณ เนื่องจากในสมัยโบราณถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขการคมนาคมและการสื่อสาร ยกเว้นเพียงนายอำเภอ ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ในอำเภอไม่กี่คนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากราชสำนัก ข้าราชการชั้นผู้น้อยระดับล่างส่วนมากเป็นคนในท้องถิ่นจริงๆ ตำแหน่งของพวกเขามั่นคงแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกลับเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งมักจะนำไปสู่สถานการณ์ที่ตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นควบคุมอำนาจที่แท้จริง

หลังจากที่นายอำเภอหลายคนที่คุ้นเคยกับสี่หนังสือห้าคัมภีร์มาถึงสถานที่นั้น พูดไม่เก่งเท่าตระกูลใหญ่ในท้องถิ่น แม้ในยุคปัจจุบันสถานการณ์แบบนี้ก็ออกจะพบบ่อย โดยเฉพาะบางที่ที่บรรยากาศของเส้นสายสัมพันธ์ค่อนข้างรุนแรง คนส่วนใหญ่ในแผนกหรือหน่วยงานกว่าครึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดสนิทกัน

แม้ว่าโจวเจ๋อจะไม่ได้คาดหวังอะไรกับยมโลกที่เน่าเฟะขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาไม่ค่อยเชื่อว่าจวนมู่หวังที่เป็นผู้นำชนเผ่าเล็กๆ ในตอนแรกจะสามารถยืดมือได้ยาวขนาดนี้

“ไม่ใช่ยมทูตและผู้จับกุมในท้องถิ่นล้วนเป็นลูกหลานของตระกูลมู่ แต่นับจากเมื่อหลายร้อยปีก่อนเป็นต้นมา จวนมู่หวังจะแต่งตั้งและทำพิธีรำลึกถึงยมทูตและผู้จับกุมท้องถิ่นเอง ถึงกับให้ใช้แซ่ ‘มู่’ เมื่อเวลาผ่านไป ประเพณีนี้ก็ยังได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดต่อไป ฉันชื่อมู่เตี๋ยค่ะ เป็นยมทูตลี่เจียง ยินดีที่ได้รู้จักท่านค่ะ”

โจวเจ๋อเอ่ยติดตลกเล็กน้อย “ดังนั้นยมทูตสาวที่ถูกฆ่าปิดปากก็เพราะว่าเธอไม่ได้แซ่มู่สินะ”

“เรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ไม่ใช่เหรอคะ” มู่เตี๋ยไม่สนใจ

ไม่ว่าวงการไหนย่อมมีกฎเกณฑ์ของวงการนั้นเป็นธรรมดา ยมทูตสาวที่น่าสงสารถูกฆ่าปิดปากนั่นพูดได้แค่ว่าความโชคร้ายมาเยือนตัวเอง ดันมาอยู่ในหน่วยงานที่ถือคติเห็นแก่ญาติ

“คุณเข้ามาหาผมก่อนนี่เป็นเพราะอะไรกันล่ะ คงไม่ได้จะมาแก้แค้นให้มู่เฉิงเอินใช่ไหม” เถ้าแก่โจวอยากให้อีกฝ่ายพยักหน้าตรงๆ จริงๆ แบบนี้แล้วเขาแค่จัดการเธอก็จะสงบสุขปลอดภัยแล้ว

ตอนอยู่ที่สวีโจวในตอนนั้น เขาเกือบจะกวาดล้างยมทูตท้องถิ่นในสวีโจวจนหมด ไม่สมเหตุสมผลหากจะบอกว่าตอนนี้เป็นผู้จับกุมแต่กลับขี้ขลาดกว่าเมื่อก่อน หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย โจวเจ๋อเข้าใจพฤติกรรมของเจ้าโง่ที่นรกในตอนแรกมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำปั้นมักเป็นเรื่องที่สบายใจและตรงจุดที่สุด

“มู่เฉิงเอินคิดร้ายกับท่านแล้วถูกท่านชี้ขาดเป็นเรื่องที่สมควรมากแล้ว แม้ว่าเราจะแซ่มู่ แต่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบความเห็นอกเห็นใจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เป็นเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองมาโดยตลอด อีกอย่างมู่เฉิงเอินยังตีตัวออกหากจากพวกเรามานานแล้วด้วย”

“พวกคุณยังมีองค์กรอีกงั้นเหรอ”

มู่เตี๋ยพยักหน้า “สาเหตุที่ยมทูตลี่เจียงในแต่ละยุคได้รับแซ่มู่และเพลิดเพลินกับการเซ่นไหว้ของจวนมู่หวัง หนึ่งคือเพื่อปกป้องดินแดนและผู้คน ปกป้องผู้คนบนภูเขาและแม่น้ำจากการบุกรุกของวิญญาณภูตผีปีศาจ สองคือเพื่อปกป้องถ้ำมังกรในลี่เจียง”

“ถ้ำมังกรเหรอ” โจวเจ๋อเอื้อมมือไปนวดขมับตัวเองอย่างลำบากใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะมีถ้ำมังกรอยู่ในลี่เจียงจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขามีอคติกับสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ แต่เป็นเพราะความจริงที่ว่าจวนมู่หวังในประวัติศาสตร์สามารถคงอยู่ได้เป็นเวลาหลายร้อยปี เหตุผลนั้นง่ายมาก เมื่อใดก็ตามที่กำลังจะมีการเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ ท่านอ๋องมู่ในยุคนั้นสามารถตัดสินใจตามสถานการณ์ได้ทันเวลาและกลายเป็นผู้นำทางของราชวงศ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพวกมองโกลในตอนแรก หรือกองทัพหมิง กองทัพชิงที่มาในภายหลัง ท่านอ๋องมู่จะรีบไปต้อนรับขับสู้มอบเสบียงและ ‘ความภักดี’ ของตัวเองเพื่อต้อนรับทัพหลวง!

หากที่นี่มี ‘ถ้ำมังกร’ ก็ยังไม่เคยเห็นจวนมู่หวังชักธงกบฏและสั่นคลอนแคว้นนี่นา

มู่เตี๋ยดูเหมือนจะเดาได้ว่าโจวเจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ เธอไม่โกรธ เธอรู้ดีว่าตั้งแต่สมัยโบราณ ชนเผ่าสุยโหย่ว (ตามที่ชาวบ้านเรียกกัน) มีความรู้สึกที่เหนือกว่าอยู่ในใจเสมอ ความรู้สึกเหนือกว่าที่ว่านี้อาจเกี่ยวข้องกับแนวคิดการสืบทอดวัฒนธรรม กระทั่งแม้แต่ตายไปกลายเป็นยมทูตแล้วก็ตาม เพราะยังคงสติสัมปชัญญะตอนยังมีชีวิตอยู่เอาไว้ทั้งหมด จึงไม่เปลี่ยนแปลงไป

“ดินแดนแห่งถ้ำมังกรเป็นถ้ำผีสิง ในช่วงระยะเวลาหนึ่งมันเคยสร้างภัยพิบัติให้กับพื้นที่โดยรอบ ไม่เพียงแต่พรมแดนของลี่เจียงในปัจจุบันเท่านั้น แม้แต่ครึ่งหนึ่งของมณฑลยูนนานก็ประสบปัญหาเช่นกัน ต่อมาได้ มีพระเกจิอาจารย์ สามรูปมาถึงที่นี่และปิดผนึกถ้ำปีศาจนั่น กระทั่งพระเกจิอาจารย์หนึ่งในนั้นมรณภาพอยู่ที่นี่ หลังจากนั้น สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับถ้ำปีศาจก็ค่อยๆ กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้

แต่พวกเรายมทูตลี่เจียงแต่ละรุ่นมีหน้าที่ช่วยจวนมู่หวังปราบปรามและเฝ้าดูผนึกของถ้ำผีสิงนั่น จวนมู่หวังมอบความเที่ยงแห่งนามแก่พวกเรา ยมโลกยอมรับตำแหน่งหน้าที่ของพวกเรา ในส่วนของแต้มผลงานและความดีความชอบก็จะบวกมันเข้าไปด้วยเพราะเหตุนี้ เหมือนกับเทพประจำศาลเจ้าในโลกมนุษย์”

“เข้าประเด็นเลยเถอะ” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน เขาออกมาท่องเที่ยวและไม่เคยสนใจการแสดงพื้นบ้านมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นธรรมดาที่จะไม่มีความสนใจประวัติศาสตร์ยมทูตท้องถิ่นอะไรเทือกนี้

“ที่น่ากระอักกระอ่วนมากก็คือ มู่เฉิงเอินที่เพิ่งถูกท่านชี้ขาดไป เป็นเพียงคนเดียวในบรรดายมทูตลี่เจียงในยุคของเราที่เข้าใกล้ผนึกของถ้ำผีสิงได้ และเมื่อเร็วๆ นี้เนื่องจากท่านได้กระตุ้นการเคลื่อนไหวของกองทัพวิญญาณนับหมื่นที่ชายแดน มันได้ไปกระตุ้นถ้ำผีสิงอีกด้วย ส่งผลให้ภายในถ้ำผีสิงเริ่มมีสัญญาณว่าเกิดความไม่มั่นคงเสียแล้ว ดังนั้น…”

“อา ผมเหนื่อยแล้ว” โจวเจ๋อลุกขึ้นยืน อย่างไรเสียชาก็ไม่ได้ดื่มสักอึก หลังจากลุกขึ้นก็รูดซิปเสื้อแจ็กเก็ตแล้วเดินไปที่ประตู “ผมมีตั๋วเครื่องบินจะกลับพรุ่งนี้ ลาก่อน”

มู่เตี๋ยตกตะลึงไปชั่วครู่ ราวกับไม่คาดคิดว่าโจวเจ๋อจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้จึงรีบพูดขึ้นทันที “นายท่าน เมื่อเกิดปัญหากับถ้ำผีสิงเข้าละก็ ผลกระทบและความเสียหายจะเลวร้ายมาก ท้องถิ่น…”

“ทางที่ดีที่สุดคุณควรจะเช็กเอาต์ออกจากที่พักก่อนที่ผมจะอาบน้ำเสร็จและเตรียมตัวพักผ่อน ไม่อย่างนั้นผมจะโกรธมาก อีกอย่าง คราวหน้าอย่าทำตัวงี่เง่าเลียนแบบคนอื่นอีก” โจวเจ๋อเอ่ยเตือนโดยไม่หันไปมอง จากนั้นก็เดินกลับห้องของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และให้อิงอิงปิดประตูห้อง

“เถ้าแก่ หญิงสาวคนนั้นไม่ชอบท่านหรือเจ้าคะ” อิงอิงถามขณะถูสบู่ให้เถ้าแก่

โจวเจ๋อนั่งอยู่บนม้านั่งพลางหลับตา ส่ายหน้าขณะเพลิดเพลินกับบริการอาบน้ำฟองสบู่ยี่ห้ออิงอิง “หญิงสาวสวยๆ ล้วนแต่ชอบแส่หาเรื่อง”

เขาเป็นยมทูตทงเฉิง อยู่ห่างจากยูนนานไม่ถึงพันไมล์ แต่ก็ขาดอีกไม่เท่าไรแล้วจริงๆ การทำหน้าที่แทนสวรรค์โดยถือว่าการช่วยเหลือชาวโลกเป็นหน้าที่ของเรา ไม่ใช่คติประจำใจของเถ้าแก่โจวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เรื่องถ้ำผีสิงมันยุ่งยากถึงขั้นนี้จริงๆ หรือไม่ แม้กระทั่งถ้ำผีสิงมีอยู่จริงๆ หรือเปล่านั้นโจวเจ๋อเองก็ไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้แน่นอนก็คือ แม้ว่ายมโลกจะล้มแหล่มิล้มแหล่ แต่ก็ยังสามารถรักษามาตรฐานการทำงานพื้นฐานได้ ก่อนหน้านี้ตัวเขายื่นคำร้องไปแม้ว่าจะเข้าทางลัดก็ตาม แต่ก็ทำให้เฝิงซื่อเอ๋อร์มาในนามของ ‘ธุระราชการ’ ดังนั้นแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทางลี่เจียง อย่างมากก็ให้ยมโลกส่งคนมาสิ สำหรับที่ว่าถ้าจะเกิดผลร้ายอะไรขึ้นหากไม่ดำเนินการให้ทันท่วงทีละก็ เหอะๆ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย

อิงอิงเริ่มถือฝักบัวช่วยชำระล้างร่างกายของโจวเจ๋อ พลางพูดด้วยความเสียใจเล็กน้อย “น่าเสียดายที่เป็นยมทูตตนหนึ่ง”

“มีอะไรให้น่าเสียดายกัน” โจวเจ๋ออดหัวเราะไม่ได้ เด็กคนนี้ยังคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ในหัวอยู่อีก

“เถ้าแก่ ท่านมีอคติต่อยมทูตใช่หรือไม่เจ้าคะ อืม ใช่สินะ เมื่อก่อนเถ้าแก่เป็นศัลยแพทย์ ดังนั้นจึงต้องมีบ้าง”

“นี่หมายความว่ายังไง”

“ผู้ชายหลายคนกังวลมากว่าผู้หญิงจะทำศัลยกรรมหรือไม่ ถ้าเป็นยมทูตละก็ นับว่าเป็นการทำศัลยกรรมที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกใช่ไหมเจ้าคะ” นอกจากจิตวิญญาณที่ยังเป็นของดั้งเดิมแล้ว ร่างกายทุกส่วนล้วนถูกเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเชียวนะ

เมื่อได้ยินคำพูดของอิงอิง โจวเจ๋อหันหน้าไปทางกระจกในห้องอาบน้ำพอดี เขามองตัวเองในกระจก นี่คือใบหน้าที่เขาเห็นจนคุ้นชินและคุ้นเคยในช่วงสองปีที่ผ่านมา ใช่แล้วละ รูปลักษณ์หน้าตาเดิมของตัวเองดูเหมือนจะพร่าเลือนแล้วเล็กน้อย

อิงอิงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของโจวเจ๋อ ยังพึมพำกับตัวเองต่อไป “แต่ว่าลองคิดดูแล้วก็ใช่นะเจ้าคะ ลูกที่เกิดกับยมทูตทั้งสองจะมีความแตกต่างอะไรหรือเปล่า แต่ว่าการมีลูกก็ยังเกี่ยวพันกับร่างนี้อยู่ น่าจะ…”

“อิงอิง น้ำเย็นแล้วนะ”

“อ๋อ ขอโทษเจ้าค่ะเถ้าแก่ ข้าจะรีบปรับเดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นอิงอิงมีแนวโน้มว่าจะเข้าใกล้หัวข้อ ‘ใครสวมเขาให้ใคร’ โจวเจ๋อก็รีบเปลี่ยนหัวข้อทันที

เมื่ออาบน้ำเสร็จ โจวเจ๋อก็ให้อิงอิงไปดูข้างนอกครู่หนึ่ง หลังจากแน่ใจว่ามู่เตี๋ยนั่นออกไปแล้ว โจวเจ๋อถึงเอนกายลงบนเตียงอย่างวางใจ

นอน นอนหลับ พรุ่งนี้กลับบ้าน

อิงอิงนอนข้างกายโจวเจ๋ออย่างเชื่อฟัง และนอนหลับไปพร้อมกับโจวเจ๋อ แม้ว่าวันนี้จะมีตัวประกอบอย่างมู่เตี๋ยปรากฏขึ้น แต่ก็นับว่าเป็นวันที่ได้ผ่อนคลายอย่างหาได้ยากสำหรับคนสองชาติ แถมมีความรู้สึกพึงพอใจหลังจากที่ได้ออกเดตกับสาวสวยอีกด้วย เถ้าแก่โจวได้เข้าสู่ความฝันอันแสนหวาน

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือตอนที่เขาหลับสนิท มู่เตี๋ยกำลังนั่งยองๆ อยู่ในลานเล็กๆ เผากระดาษเงียบๆ ระหว่างคิ้วของเธอเต็มไปด้วยความกังวล

มีป้าคนหนึ่งควบม้ายูนนานเข้าไปในหุบเขาใหญ่ สีหน้าของป้าจริงจังเคร่งขรึม และบนเนินหน้าหุบเขานั้นมีชายวัยกลางคนอยู่ในชุดขอทานกำลังเดินไปข้างหน้าทีละก้าว รูปร่างหน้าตาของชายผู้นี้ดูธรรมดา บางทีสิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจได้ก็คือโรคเรื้อนเต็มศีรษะของเขา

เมฆดำทะมึนบนท้องฟ้าเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ฤดูฝนในลี่เจียงผ่านพ้นไปแล้ว แต่ดูเหมือนฝนจะตกหนักอีกครั้ง…

……………………………………………………….

[1] ขุดไชเท้าขึ้นมาย่อมติดดิน หมายถึง ผู้กระทำความผิดที่ถูกจับกุมก่อนจะสาวตัวผู้กระทำความผิดอื่นตามออกมา.

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท