ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 645 เข้าสู่วิถีมาร!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 645 เข้าสู่วิถีมาร!

สวี่ชิงหล่างเดินอยู่ตามตรอกซอกซอยในเมืองโบราณเพียงลำพัง ใบหน้าของเขาได้ลอกคราบไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ผู้ชายก็รักความสวยความงามเช่นกัน ไม่อย่างนั้นพวกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะที่ขายในร้านค้าและในซูเปอร์มาร์เก็ตจะขายให้ใคร

บางทีอาจเป็นเพราะเพิ่งผลัดเซลล์ผิว เวลานี้ผิวของเหล่าสวี่ดูเรียบเนียนกว่าก่อนจะได้รับบาดเจ็บเสียอีก มันไม่เหมือนกับความนุ่มนวลเปี่ยมเสน่ห์แบบผู้หญิงซึ่งได้รับความนิยมจากกระแสเกาหลีที่พัดไปทั่วประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกลับคล้ายกับรูปลักษณ์ของหลี่อวี้กังหลังแต่งหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ทาแป้งจึงให้ความรู้สึกเบาสบายตามธรรมชาติของมัน

ในใจของสวี่ชิงหล่างยังคงมีกลิ่นอายของคนอารมณ์ศิลป์เล็กน้อย เมื่อคนคนหนึ่งสามารถหนีออกจากความยุ่งเหยิงวุ่นวายเพื่อความอยู่รอดได้ ล้วนมีกลิ่นอายของคนอารมณ์ศิลป์ติดอยู่นิดหน่อย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายที่มีห้องชุดมากกว่ายี่สิบห้องตั้งแต่เยาว์วัย ตลอดชีวิตที่เหลือก็จะสบายและผ่อนคลายมากขึ้น กระทั่งสามารถบอกว่า ‘ตายไปพร้อมกับประเทศ’ ได้โดยไม่เกินจริง

เดินเล่นเอื่อยเฉื่อยไปตลอดช่วงบ่ายเช่นนี้ พอตกกลางคืนแสงไฟจากบ้านเรือนหลายพันหลังในเมืองโบราณมีชีวิตชีวามากกว่าตอนกลางวัน ความมืดมิดในยามค่ำคืนยังทำให้กลิ่นอายของการค้าในตอนกลางวันเบาบางลงไม่น้อย ทำให้ผู้คนมีบรรยากาศที่เหมาะแก่การ ‘หลับฝัน’

‘กริ๊ง กริ๊ง…’ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น สวี่ชิงหล่างล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคำเชิญวิดีโอคอลจากนักพรตเฒ่า หลังจากกดยอมรับแล้ว หน้าของนักพรตเฒ่าก็ปรากฏขึ้นในโทรศัพท์มือถือ

“เหล่าสวี่เอ๊ย ยังอยู่ลี่เจียงเหรอ” นักพรตเฒ่าทักทายอย่างกระตือรือร้น สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะเขารู้สึกว่านักพรตเฒ่าดูกระตือรือร้นเกินเหตุ

ปฏิกิริยาแรกคือตื่นตระหนกเล็กน้อย คุณลักษณะดวงซวยก่อนหน้านี้ของนักพรตเฒ่าไม่ใช่ความลับในร้านหนังสือ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้โจวเจ๋อคงไม่ให้นักพรตเฒ่าไปเที่ยวเล่นในทงเฉิงกับบุตรแห่งโชคคนนั้นหรอก แต่ตอนนี้บุตรแห่งโชคและขุนพลผู้พิทักษ์ทั้งสองของเขายังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักอยู่เลย อีกอย่าง มีเรื่องรางวัลยันต์ก่อนหน้านี้ด้วย จึงมีม่านแห่งความลึกลับปกคลุมร่างของนักพรตเฒ่าเอาไว้

ปฏิกิริยาที่สองคือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับร้านหนังสือหรือไม่ นักพรตเฒ่าถูกบีบบังคับถึงได้แกล้งกระตือรือร้นมากขนาดนี้ ซึ่งเป็นการเตือนเขาเพื่อขอความช่วยเหลือใช่หรือเปล่า สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางครุ่นคิด

‘ว้าว นักพรตเฒ่าไม่ได้หลอกพวกเรา ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ โว้ย!!!’

‘สวยจัง เธอสวมใส่ชุดผู้ชายทั้งตัวยังดูดีมากจริงๆ!’

‘ฉันเป็นผู้หญิง แต่ฉันอยากได้เธอจัง!’

‘คอมเมนต์บนพูดถูก!!!!!!!!!’

‘พวกเธอข้างหน้าน่ะโง่เหรอ นักพรตเฒ่าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้พวกเราดูผู้ชายน่ะ! เธอเป็นผู้ชาย!’

‘คอมเมนต์บนเลิกปิดบังเสียที วิธีการพิมพ์ของคุณทำขายหน้าแย่แล้ว!’

‘ชิวเกอตบรางวัลจรวด เชิญทุกคนเปิดกล่องรับสมบัติ!’

‘โรงแรมไต้ฝุ่นตบรางวัลจรวดขั้นสูง เชิญทุกคนเปิดกล่องรับสมบัติ!’

‘ลูกพี่ตบรางวัลแล้ว ลูกพี่ก็ตื่นเต้นด้วยว่ะ!’

‘คนมีเงินมีสาวเยอะเกินไปเลยอยากจะเปลี่ยนรสชาติหรือไง’

‘ฉันไม่มีเงิน แต่พอได้พบเธอก็อยากจะลิ้มลองเสียหน่อย’

‘นักพรตเฒ่ารีบส่งวีแชตมาเร็ว ทุบอกเล็กๆ ของคุณ งื้อๆๆๆ!’

“เจ้าอยู่เมืองโบราณใช่ไหม เหล่าสวี่” นักพรตเฒ่าทักทายอย่างกระตือรือร้น

“อืม” สวี่ชิงหล่างตอบ

“ที่นี่มีถนนร่มด้วย อยู่ข้างๆ เจ้าหรือเปล่า เจ้ารู้ใช่ไหม มันคือถนนที่มีร่มดอกไม้อยู่เต็มไปหมด ที่นิยมสุดๆ ในแอปโต่วอินอันนั้นน่ะ!”

สวี่ชิงหล่างพยักหน้า เขาเพิ่งเดินผ่านที่นั่นไป แต่ตรงนั้นเป็นจุดที่โด่งดังทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่ เขาไม่แน่ใจจริงๆ ปกติไม่ใช่ว่าไม่ท่องอินเทอร์เน็ต แต่ความสนใจของเขายังอยู่ที่การวาดยันต์และศึกษาค่ายกลต่างๆ

“งั้นเจ้าเดินไปตรงนั้นให้หน่อยสิ ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา ครั้งนี้ข้าไปไม่ได้ไปอยู่จัดการเรื่องตกแต่งบ้าน ลำบากมากเลยนะ~~” นักพรตเฒ่าเริ่มคร่ำครวญแล้ว สวี่ชิงหล่างอยากจะวางสายวิดีโอคอลโดยไม่รู้ตัว เขาไม่สนว่านักพรตเฒ่าจะสบายดีหรือเปล่า เขาไม่อยากยุ่งแล้ว

“อย่าเพิ่งๆๆ!” ดูเหมือนว่านักพรตเฒ่าจะสัมผัสได้ ถ้าเหล่าสวี่วางสายไป เขาจะไลฟ์สดต่อไปได้อย่างไรเล่า รู้ไว้เลยว่าพวกแฟนคลับล้วนเป็นครอบครัวของเขาเชียวนะ!

“เหล่าสวี่ ขอร้องเจ้าละ จริงๆ นะ”

สวี่ชิงหล่างสูดหายใจเข้าลึก สุดท้ายก็พยักหน้า ถนนร่มอยู่ข้างหน้านี้เอง มันใกล้มาก

“เหล่าสวี่ถือโทรศัพท์สูงๆ หน่อยสิ โธ่เอ๊ย ยังไม่พอ มีร้านค้าเล็กๆ อยู่ข้างๆ เจ้าใช่ไหม ซื้อไม้เซลฟี่สักอันสิ!”

“เหล่าสวี่เอ๋ย เจ้าซื้อสักอันหนึ่งสิ เอางี้ เดี๋ยวข้าจะจ่ายเงินตกแต่งห้องส่วนตัวให้เจ้าเอง อีกหน่อยตอนที่เจ้าทำงานจะได้อารมณ์ดีจริงไหม”

“ขอร้องละ เหล่าสวี่ เจ้าเองก็รู้ว่าข้าคนนี้ไลฟ์สดอยู่ ครั้งนี้ไปลี่เจียงไม่ได้ ไม่ได้ไปถ่ายรูปเช็กอินด้วยตัวเอง ข้าก็รู้สึกแย่มากเลยนะ”

สวี่ชิงหล่างซื้อไม้เซลฟี่ แล้วชูไม้เซลฟี่ขึ้นพลางเดินไปที่ถนนร่มให้มันจบๆ ไป เขาไม่ได้เดินเร็วนักแต่กลับเดินแบบสบายๆ เขาไม่สนใจโพสท่าทางอะไรให้นักพรตเฒ่า แต่รูปแบบสบายๆ ขอไปทีแบบนี้กลับสามารถดึงอารมณ์และบรรยากาศออกมาได้ ทำเอาห้องไลฟ์สดของนักพรตเฒ่าแทบแตกทันที!

‘กรี๊ดๆๆ กรี๊ดๆๆ!!!! ฉันทนไม่ไหวแล้ว กรี๊ดๆ กรี๊ดๆ!!!!’

‘ฉันรู้สึกผิดต่อแม่ของฉัน ฉันรู้สึกว่าลูกชายของเธอถูกเบี่ยงเบนแล้ว!’

‘พี่ชายหน้าตาดีจริงๆ เลยน้า’

‘ตุนหวงเอนเตอร์เทนเมนท์ตบรางวัลแท่งเรืองแสง: นักพรตเฒ่า ผมเป็นผู้จัดการจากบริษัทบันเทิง สามารถบอกข้อมูลติดต่อของบุคลลนี้ได้ไหมครับ’

‘โม่เซี่ยวเสวียนตบรางวัลจรวด: ทนไม่ไหวแล้วน้า ฉันแฉะไปหมดแล้ว”

‘พี่สาวคอมเมนต์บนอดทนไว้นะ! แม้ฉันจะทนจนทรมานมากเช่นกันก็ตาม!’

‘นักพรตเฒ่าให้เขาเปิดไลฟ์สดสิ รับประกันว่าดังกว่าคุณแน่นอน!’

‘ใช่แล้ว คุณขายเงินกระดาษพวกเราจะซื้อ เขาขายกระดาษฟางพวกเราก็ซื้อ!’

หลังจากเดินไปตามถนนร่มแล้ว สวี่ชิงหล่างก็พยักหน้าให้นักพรตเฒ่า “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม”

นักพรตเฒ่าชำเลืองมองแท็บเล็ตที่เจ้าลิงน้อยถืออยู่ข้างๆ และกวาดสายตานับจำนวนรางวัลอยู่หลังระบบ พลางยิ้มจนตาหยี เขากังวลว่าจะถูกสวี่ชิงหล่างจับได้เสียก่อนจึงรีบพูด “โอเคแล้ว เหล่าสวี่ ขอบใจเจ้ามาก!”

สวี่ชิงหล่างวางสายวิดีโอคอล จากนั้นดึงไม้เซลฟี่ลงมาทิ้งลงถังขยะข้างถนน บิดขี้เกียจแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน จู่ๆ ก็ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ไม่มีดวงดาวหรือดวงจันทร์บนท้องฟ้า ไม่ใช่เพราะสภาพอากาศเลวร้าย แต่ความจริงแล้ว ผืนฟ้ากลางคืนดูเหมือนจะย้อมไปด้วยชั้นผงเรืองแสง ดำมืดแต่กลับแฝงไปด้วยความโปร่งใส

สวี่ชิงหล่างหายใจเข้าลึก และรู้สึกสำลักเล็กน้อย ไม่ใช่กลิ่นเหม็นของภูตผี แต่เป็นกลิ่นทุเรียนที่เพิ่งออกจากเตาที่ร้านทุเรียนย่างข้างๆ ต่างหาก

“คุณเก่งจังเลยค่ะ ฉันไม่ไหวแล้ว อ่อนระทวยไปทั้งตัวเลย” หญิงสาวนอนอยู่บนเตียงพร้อมดวงตาหยาดเยิ้ม

ทนายอันหัวเราะหึๆ และเดินไปที่ระเบียงด้วยร่างกายที่ผ่อนคลายพลางจุดบุหรี่ เพียงแต่ว่าดูดบุหรี่ไปคำหนึ่ง ทนายอันก็ชะงักกึก เงยหน้ามองท้องฟ้า “ภูเขาไฟจะปะทุเหรอ”

“สารีบุตร รูปลักษณ์ไม่ต่างจากความว่างเปล่า ความว่างเปล่าไม่ต่างจากรูปลักษณ์…”

การปีนเขาบนที่ราบสูงเดิมทีก็เป็นสิ่งที่ทรมานมาก พระขี้เรื้อนดูผอมลงกว่าแต่ก่อนมาก โดยเฉพาะใบหน้านั้นที่เดิมทีอวบอิ่ม แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ใจ หนวดเคราก็ยาวเฟื้อย เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง รองเท้าถุงเท้าก็ขาดวิ่น ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะเลียนแบบจี้กง แต่เป็นเพราะว่าลากสังขารที่ป่วยการทีละก้าวๆ จากทางเหนือของสวีโจวจนมาถึงที่นี่

ระหว่างทางที่ผ่านมาจะเศร้าและเจ็บปวดแค่ไหน เขากลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย พระพุทธเจ้าตรัสว่าร่างกายเป็นเพียงสังขาร ในเมื่อเป็นสังขารยังจะต้องสนใจอะไรอีก

เดิน เดิน และเดิน จนในที่สุดก็มาถึงบนยอดเนินเขาลาดชัน

ยูนนานมีภูเขามากมาย ส่วนและลี่เจียงยิ่งล้อมรอบไปด้วยภูเขา สาเหตุที่ลี่เจียงเจริญเฟื่องฟูขึ้นในตอนต้นก็เป็นเพราะเหตุผลทางภูมิศาสตร์เช่นกัน เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในตอนแรกมีกองคาราวานที่มีชื่อเสียงมารวมตัวกันที่นี่ แล้วออกเดินทางจากที่นี่เพื่อข้ามภูเขาสูงตระหง่าน ผ่านความยากลำบากและอุปสรรค

มีภูเขามากเกินไปจะขุดให้หมดนั้นยากมากเป็นธรรมดา ในความเป็นจริง นอกจากบางพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว พื้นที่ภูเขาส่วนใหญ่ไม่มีแม้แต่ถนน ดังนั้นจึงไม่มีการสำรวจและพัฒนาโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมีคนน้อยและทุรกันดารมาก

พระขี้เรื้อนเดินไปด้านหน้าหินแข็งแกร่งแล้วนั่งลงอย่างเงียบๆ เขามองก้อนหิน ราวกับก้อนหินก็จ้องมองเขาเช่นกัน เขาพนมมือประสานกันโดยไม่รู้ตัว แต่กลับวางมันลงอย่างเงียบๆ

‘ขอโทษด้วย มาผิดประตูแล้ว’

เสียงนี้ดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง นั่นคือเสียงของความเชื่อที่พังทลาย เป็นช่วงเวลาที่ทัศนคติต่อชีวิตเปลี่ยนไป นั่นเป็นฉากที่เขาไม่อยากจดจำ แต่กลับฉายภาพในความฝันและความงุนงงซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

เขาเชื่อในพระพุทธเจ้า และเชื่อมั่นว่าพระพุทธเจ้าคือแก่นแท้ของความจริงทั้งหมดทั้งมวลในโลก พระพุทธเจ้าเป็นอนันตกาล พระพุทธเจ้าไม่มีขอบเขต และพระพุทธเจ้าก็ไม่มีความเกรงกลัวเช่นกัน ราวกับเป็นความฝันอันแสนหวาน ทุกคนกำลังฝันดีกันอยู่ แต่เขากลับถูกเสียงกระแทกดังลั่นปลุกให้ตื่น

มีคำกล่าวที่โบราณ แต่มีประสิทธิภาพมาก ‘เมื่อก่อนรักมากแค่ไหน ตอนนี้ก็เกลียดมากเท่านั้น’

“ท่านบอกว่าท่านมรณภาพแล้ว ท่านบอกว่าท่านนั่งสมาธิละสังขารแล้ว ท่านบอกว่าท่านยิ่งใหญ่แล้ว! แต่ทั้งๆ ที่พวกท่านทั้งสามสามารถจัดการถ้ำผีสิงให้สิ้นซากได้ดันจงใจเก็บมันเอาไว้ ท่านมรณภาพอยู่ที่นี่ ปราบถ้ำผีสิง เมื่อก่อนข้าเคยคิดว่ามันคือมหาเมตตา มหากรุณา ตอนนี้จึงรู้สึก ถุย น่าขยะแขยงจริงๆ! เห็นได้ชัดว่าอยากอาศัยบุญกุศลนี้อีกหลายๆ ปีเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับการกลับชาติมาเกิดในชาติหน้า! สรรพสัตว์ทั้งหลาย ท่านกล่าวว่าท่านมีเมตตา แต่ท่านเมตตาเฉพาะตนเท่านั้น ทิ้งความโศกเศร้าทั้งหมดให้ทุกสรรพสิ่ง!”

พระขี้เรื้อนปล่อยหมัดกระแทกหิน หินไม่ขยับเขยื้อน มือพระขี้เรื้อนกลับมีเลือดไหลซิบ แต่เมื่อหินเปรอะไปด้วยเลือดก็เริ่มหลุดออกอย่างช้าๆ กระดูกแห้งโผล่ออกมาจากหิน บ่อน้ำยังไร้คลื่น ไม่ขยับเคลื่อนไหว

“เหอะๆ!” พระขี้เรื้อนลุกขึ้นยืน แล้วแลบลิ้นออกมาเลียแผลบนมือของตัวเอง เมื่อหันกลับไปมอง ดูเหมือนจะสัมผัสได้ “คนของยมโลกมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วเหลือเกินนะ”

เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง จู่พระขี้เรื้อนก็อยากหัวเราะ พระพุทธเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา ตอนนี้แม้แต่โลกมนุษย์นี้ก็เริ่มมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นหยินก็ไม่ใช่ หยางก็ไม่เชิง!

ความปั่นป่วนของถ้ำผีสิงเกิดจากการถูกกระตุ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่อีกสาเหตุก็คือกฎเกณฑ์ของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป

หยินหยางไม่แบ่งแยกแล้ว ใกล้จะมาแล้ว! ลมครั้งนี้จะพัดพาเอาทุกอย่างให้พังทลายลงทันที!

พระขี้เรื้อนหายใจเข้าลึกๆ แล้วเตะกระดูกแห้งจนแตกกระจาย พระขี้เรื้อนหัวเราะลั่นด้วยแววตาดุร้าย “ในเมื่อแสวงหาประตูแห่งพุทธะไม่ได้ เหตุใดไม่เข้าสู่วิถีมารแสวงหาจุดจบไปเลยล่ะ!”

………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท