ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 147 กล่องปรารถนา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 147 กล่องปรารถนา

ในเสี้ยวขณะที่เห็นกล่องใบนี้ รูม่านตาของสวี่ชิงก็หดเล็ก

กล่องใบนี้เขาเคยเห็นมาสองครั้ง

ครั้งหนึ่งคือที่เจ้าม้าในฐานที่มั่นคนเก็บกวาดตอนนั้น อีกครั้งหนึ่งคือที่เด็กหนุ่มเผ่าเงือก

แต่แม้จนถึงตอนนี้สวี่ชิงก็ยังไม่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร และเขาก็เคยหาในร้านค้าเมืองหลัก แต่ก็หาของที่เหมือนกับสิ่งนี้ไม่ได้เลย

วันนี้สวี่ชิงได้เห็นเป็นครั้งที่สาม

แทบจะในชั่วเวลาเดียวกับที่สวี่ชิงมองไป ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนั้นก็กอดของสิ่งนี้เอาไว้ในอ้อมแขน มองสวี่ชิงด้วยสีหน้าระแวดระวัง เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

“วันนี้กระอักเลือดสามร้อนครา แบ่งสมบัติเท่าๆ กันองอาจคุณธรรมที่สุด!”

“พูดภาษาคน” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเย็นเยือก มือขวายกขึ้นการป้องกันเรือเวทก็เปิดขึ้นทันที ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายจากไป

ชายหนุ่มยอดเขาที่เจ็ดเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจ ชกตัวเองหมัดหนึ่ง เค้นเลือดดำออกมา หลังจากแน่ใจว่าตัวเองโดนพิษอีกครั้ง ก็ใช้เคล็ดวิชาลับสะกดลงไปอีกหน มองสวี่ชิงอย่างจนปัญญา แอบพูดในใจว่าคนยอดเขาที่เจ็ดล้วนเป็นไอ้พวกเวรตะไลทั้งนั้น

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ภายใต้การจับตามองอย่างสงบนิ่งของสวี่ชิง องค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่งก็ถอนหายใจ ทำได้แค่เพียงพูดออกมา

“ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งให้ข้า ข้าเอาแค่อันนี้ ที่เหลือเป็นของเจ้าหมด”

สวี่ชิงไม่พูดอะไร เก็บของบนพื้นทั้งหมด ในนั้นเขาค้นเจอป้ายฐานะเจ็ดสีแผ่นหนึ่ง

ป้ายแผ่นนี้ทำจากไม้ เหมือนจะเป็นหลักฐานแสดงตัวตน เพียงแต่เสียหายเล็กน้อย

แต่เมื่อมองไปอย่างละเอียดก็จะเห็นรอยด่างบนนั้น เห็นได้ชัดว่าถือเอาไว้ประจำถึงได้เป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงมองไปทางชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่ง

“สุดปลายขอบฟ้า มนุษย์เมฆาเชื่อมต่อเป็นผืนเดียว…” ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งเพิ่งพูดออกมาประโยคเดียว หลังจากสังเกตเห็นสวี่ชิงขมวดคิ้ว เขาก็ทุกข์ระทม กังวลขึ้นมาเล็กๆ ว่าหากตนไม่พูดให้ดี อีกฝ่ายจะเลือกเอาชีวิตมาล้อเล่นอีกครั้ง ดังนั้นจึงฝืนพูดขึ้นว่า

“นี่คือป้ายของพันธมิตรเจ็ดสำนัก เผ่าสิงซากสมุทรที่พวกเราฆ่าตายตอนมีชีวิตอยู่น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญของพันธมิตรเจ็ดสำนัก”

“ของที่เจ้าถืออยู่คือสิ่งใด” สวี่ชิงถามขึ้น

ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งลังเล เขามองออกว่าลูกศิษย์ยอดเขาที่เจ็ดข้างหน้าคนนี้ไม่รู้เรื่องกล่องปรารถนา เดิมคิดจะปิดบัง แต่คิดถึงว่านี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร อีกทั้งหากอีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของวิเศษเลิศล้ำอัศจรรย์อะไร ตนเองจะมีความเสี่ยงเพิ่มไปโดยไม่จำเป็น

ดังนั้นจึงส่ายหน้า พูดตามความจริง

“นี่คือกล่องปรารถนา

“กล่องปรารถนาคือของกำนัลที่ผู้บำเพ็ญศักราชที่แล้วทิ้งไว้ให้ผู้บำเพ็ญศักราชต่อมา

“หลังจากที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาเยือน ทุกศักราชของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ล้วนมีจุดสิ้นสุด ดังนั้นจึงมีประเพณีสืบทอดแบบนี้ ส่วนมากในช่วงปลายศักราชก็เริ่มใช้วัสดุพิเศษทำกล่องปรารถนา ดังนั้นนับตั้งแต่โบราณมา กล่องปรารถนาที่ตกทอดมามีมากมาย”

ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งในตอนแรกก็ไม่ค่อยชินกับการพูดปกติเท่าไร แต่พูดๆ ไปก็เริ่มคล่องขึ้น กระทั่งว่าในใจยังเกิดความโปร่งโล่งบางอย่างมากๆ อีกด้วย

“วัสดุของกล่องปรารถนาค่อนข้างพิเศษ สามารถหลงเหลือตกทอดมาได้เมื่อศักราชสิ้นสุด แต่ได้ยินมาว่า แต่ก่อนมีคนเคยได้กล่องขอพรที่เหมือนโลงด้วย แต่ผู้บำเพ็ญในนั้นล้วนตายไปหมดแล้ว แล้วก็มีคนที่ได้กล่องปรารถนาที่ข้างในว่างเปล่าก็มีเหมือนกัน ดังนั้นเป็นหลักการอะไรที่ทำให้วัตถุหลงเหลือตกทอด ไม่มีใครรู้

“ในขณะเดียวกันต่อให้มีอะไรในนั้น แต่เนื่องจากผู้แข็งแกร่งแต่ละคนทำการใส่ของเอาไว้และผนึกเอง ดังนั้นในนั้นมีอะไร นอกจากคนที่ผนึกก็ไม่มีใครรู้ได้เหมือนกัน

“แต่ได้ยินมาว่ามีคนเปิดได้ของวิเศษเวทหรือไม่ก็เคล็ดวิชาของศักราชก่อนๆ ต่างๆ แล้วก็มีคนที่เปิดได้ของไร้สาระอย่างใบไม้อะไรพวกนี้เหมือนกัน สรุปแล้วเจ้าของสิ่งนี้จะพูดว่าสูงค่าไม่อาจประเมินก็ได้ จะบอกว่าธรรมดาพื้นๆ ก็ได้ สรุปแล้วดูที่ว่าโชคเป็นอย่างไร 艾琳小說

“ข้าเปิดมาสามใบแล้ว สิ่งที่ได้ธรรมดาๆ แต่ข้าเชื่อว่าโชคของข้าไม่เลว

“วิธีเปิดมันก็ง่ายมาก ใช้พลังเวทของตัวเองหล่อเลี้ยงให้จนถึงขีดจำกัดสูงสุดก็สามารถเปิดออกได้แล้ว

“โดยปกติขั้นตอนนี้ยาวนานมาก เหตุที่ข้าต้องการใบนี้เพราะมันได้รับการหล่อเลี้ยงจนใกล้จะเปิดออกแล้ว” อัจฉริยะยอดเขาที่หนึ่งไม่พูดก็แล้วไปเถิด แต่ตอนนี้พอได้พูด ก็ไม่รอให้สวี่ชิงถาม พูดทุกอย่างที่ตัวเองรู้ทั้งหมดออกมาทีเดียว

พูดจบก็ถอยหลังไปสามสี่ก้าว มองสวี่ชิงอย่างระแวงระวัง

“หากเจ้าไม่ตกลง ของชิ้นนี้ให้เจ้าก็ได้ แต่ข้าจะเอาอาวุธเวทกับของวิเศษอักขระหยกสองแผ่นนั่น”

สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากขบคิดก็สะบัดมือเปิดเกราะป้องกันเรือเวทออก ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งเข้าใจความหมายส่งแขกของสวี่ชิงจึงรีบบินออกไปทันที

จนเมื่อมองอีกฝ่ายไปจากเรือเวท เหยียบกระบี่ใหญ่ตามอยู่ข้างๆ สวี่ชิงก็ถอนสายตากลับมา หลังจากนั่งขัดสมาธิลงก็ควบคุมเรือเวทมุ่งหน้าไปทางสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

เขาอยากกลับไปถอนยันต์พันธะชีวินของสองคนให้เร็วที่สุด ส่วนเงาแม้จะค่อยๆ กัดกินได้ แต่ขั้นตอนนี้ช้ามาก สวี่ชิงไม่อยากเสียเวลา

ตอนนี้เขาเริ่มจัดระเบียบผลเก็บเกี่ยวของตัวเองครั้งนี้ขณะนั่งขัดสมาธิ

ต้องพูดเลยว่าความอู้ฟู่ในถุงเก็บของของผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณที่อยู่ขั้นเดียวกับผู้อาวุโสช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริง ลำพังแค่มูลค่าของตั๋ววิญญาณความกันแล้วก็เหมือนจะมีค่าถึงสองแสนกว่า

แม้ตั๋ววิญญาณจะไม่ใช่สำนักเจ็ดโลหิตแจกจ่าย แต่สำนักก็มีที่ให้แลก เพียงแต่มีเสียหายจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่มาก

ของอื่นๆ สวี่ชิงประเมินแล้วก็ขายได้แสนกว่าๆ หินวิญญาณ

ส่วนยันต์หยกสองแผ่นนั้น เมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตมีขายขั้นต้นหลายหมื่นหินวิญญาณ รายละเอียดต้องดูที่คุณสมบัติ

ส่วนของที่ราคาต่ำที่สุดคือของวิเศษเวทขนนกนั่น

ผลเก็บเกี่ยวแบบนี้ทำให้สวี่ชิงตื่นตะลึง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าสิ่งสะสมของอีกฝ่ายจะต้องไม่ใช่แค่ของพวกนี้เท่านั้นแน่ สิ่งที่ตนได้มาน่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง

ในเมื่อวัตถุอย่างถุงเก็บของประเภทนี้โดยปกติแล้วไม่มีทางมีเพียงแค่ใบเดียว

‘น่าเสียดาย หากไม่ถูกคนที่ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสชิงไป ก็ผู้บำเพ็ญคนนี้ก็คงเอามันเก็บไว้ที่อื่น’ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก หลังจากหยุดความคิดคาดเดา ก็สัมผัสเศษเสี้ยววิญญาณที่กำลังถูกเผาไหม้เหมือนฟืนสักหน่อย ดวงตาฉายประกายวาววาบ

‘ดูซิว่าเศษเสี้ยววิญญาณระดับผู้อาวุโส อีกทั้งยังเป็นเผ่าสิงซากสมุทรที่คัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณบอกว่ามีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งจะเปิดช่องเวทให้ข้าได้กี่ช่อง!’

คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็ตรวจสอบเกราะป้องกันรอบๆ แล้วมองไปยังชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งที่จ้องมองมาด้วยความระแวงระวังฉายเต็มอยู่บนใบหน้า จากนั้นก็หลับตา เพลิงดำในร่างก็พลันลุกไหม้

ทันใดนั้นช่องเวททั้งสิบสามช่องของเขาก็ส่งเสียงดังลั่นพร้อมกันทันที ในขณะที่เปลวไฟพวยพุ่ง เศษเสี้ยววิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรที่ถูกเผาก็พุ่งไปยังช่องเวทที่สิบสี่ภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง

ช่องเวทสั่นสะเทือนทันที แล้วถูกทะลวงเปิดออก

ยังไม่จบแค่นั้น สวี่ชิงควบคุมเศษเสี้ยววิญญาณที่ถูกเผาราวฟืนดวงนี้ให้ไปทะลวงช่องเวทที่สิบห้าต่อ ซึ่งก็ทะลวงเปิดขึ้นเหมือนกัน!

ต่อจากนั้นก็เป็นช่องที่สิบหก ช่องที่สิบเจ็ด…

สุดท้ายยามเมื่อช่องเวทที่ยี่สิบทะลวงออก เศษเสี้ยววิญญาณกลุ่มนี้ถึงได้สลายไป ใช้จนหมดสิ้น

‘ทะลวงช่องเวทได้ถึงเจ็ดช่อง!!’ สวี่ชิงดวงตาฉายประกายวาบ หัวใจเต้นเร็วขึ้น แม้เขาจะคาดเดาผลลัพธ์เรื่องนี้เอาไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังตื่นตะลึงอยู่ดี

การทะลวงช่วงเวทยิ่งทะลวงต่อไปก็ยิ่งยากลำบาก ก่อนหน้านี้เขาก็สัมผัสได้แล้ว นับจากช่องเวทช่องที่สิบมา พลังวิญญาณที่ต้องใช้ในการทะลวงช่องเวททุกช่องล้วนมหาศาล

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เศษเสี้ยววิญญาณกลุ่มนี้ก็เปิดช่องเวทให้เขาได้เจ็ดช่อง นี่มากพอจะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของมัน ทำให้ในใจสวี่ชิงมีความปรารถนาอยากได้เศษเสี้ยววิญญาณประเภทนี้มากขึ้น

‘แต่ว่าระดับความยากมากๆ เหมือนกัน’ สวี่ชิงรู้ดี ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ การช่วยเหลือจากชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งมากเลยทีเดียว หากก่อนหน้านี้เขาไม่ให้แผ่นหยกรักษาชีวิตกับเขาจำนวนมาก และไม่ได้คอยช่วยสนับสนุนอยู่ข้างๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้ตนก็ยังคงไม่อาจได้มา

‘ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้มากมายนัก ต้องรีบกลับสำนักถอนยันต์พันธะชีวินแล้วก็ทำการจัดระเบียบสักหน่อย แล้วค่อยออกทะเลอีกครั้ง ก่อไฟชีวิตให้ได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ให้ได้!’

ดวงตาสวี่ชิงฉายแวววาดหวัง หลังจากสัมผัสได้ถึงเสียงคำรามในช่องเวททั้งยี่สิบช่อง เขาก็หล่อเลี้ยงช่องเวทพวกนี้พลางหยิบเอาอาวุธเวทขนนกออกมา

หลังจากถือไว้ในมือ ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ถ่ายพลังเวทเข้าไป เริ่มทำการศึกษา

เวลาไหลผ่านไปช้าๆ ไม่นานก็ผ่านไปสามวัน

ในขณะที่ทางสวี่ชิงหล่อเลี้ยงช่องเวทและทำการศึกษาอาวุธเวท ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งที่ตามอยู่ข้างๆ นอกเรือในที่สุดก็หลอมเศษเสี้ยวสุดท้ายของกล่องขอพรใบนั้นสำเร็จ

ในเสี้ยวพริบตาที่สำเร็จ สีหน้าของเขาตื่นเต้นมา กวาดตามองสวี่ชิงทางนั้นอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง หลังจากสังเกตว่าเขายังฝึกบำเพ็ญอยู่ ก็จงใจลดความเร็วลง ทิ้งระยะห่างกับเรือเวทช่วงหนึ่ง เขารีบสะบัดมือ ทันใดนั้นก็มีเกราะป้องกันปกปิดสายตาปรากฏขึ้นรอบๆ

คราวนี้ถึงได้ก้มหน้ามองกล่องเหล็กที่อยู่ในมือ ดวงตาฉายประกายความตื่นเต้น

เขาไม่ได้หลอกสวี่ชิง เขาเปิดกล่องปรารถนามาแล้วสามกล่องจริงๆ แต่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดคือ ในกล่องปรารถนาใบแรกที่เขาเปิดเป็นม้วนตำราโบราณม้วนหนึ่ง

ม้วนตำราโบราณม้วนนี้ไม่มีค่าอะไร แต่เนื้อหาที่บันทึกในนั้นเกี่ยวกับเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณ

วัตถุใดก็ตามขอเพียงเกี่ยวข้องกับเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณก็มีราคามหาศาล และในม้วนตำราโบราณม้วนนั้นบันทึกเรื่องราวของเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณสามองค์

แม้จะเป็นเพียงแค่คำบรรยาย แต่นี่ก็ทำให้หลังจากที่ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้ได้อ่านก็เฝ้าปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำบรรยายที่เกี่ยวกับจักรพรรดิโบราณแห่งความมืดในนั้น บอกว่าเขาซ่อนความอัศจรรย์ทั้งชีวิตของเขาเอาไว้ในบทกลอน

นี่จุดประกายให้เขาได้เป็นอย่างมาก

ในความตื่นเต้นตอนนี้ ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งสูดลมหายใจลึก หลังจากที่ยืนยันอีกครั้งว่าสวี่ชิงไม่ได้ให้ความสนใจกับทางนี้ อีกทั้งรอบๆ ก็สงบดี เขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นถู แล้วตบไปที่หน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็ทุบอกของตัวเองสองสามครั้ง

เหมือนกำลังทำพิธีขอพรอะไรบางอย่าง ดวงตาปิดลง หลังจากนั้นครึ่งก้านธูป ดวงตาทั้งสองของเขาก็ลืมขึ้น ในขณะเดียวกับที่ฉายประกายแสงออกมา มือทั้งสองก็เปิดกล่องอย่างรวดเร็ว

เสียงแกร๊กดังขึ้น

ก่อนหน้านี้ไม่มีรอยใดๆ ทั้งสิ้น กล่องเล็กทั้งใบก็เหมือนกล่องจริงๆ เปิดออกทันที เผยให้เห็นขวดหยกขนาดนิ้วมือใบหนึ่งในนั้น

ขวดใบนี้มีจุดดำเล็กน้อย เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ เหมือนบรรจุยาอะไรเอาไว้ ข้างๆ ยังมีม้วนตำราโบราณเล่มหนึ่งวางอยู่ด้วย

ภาพนี้ทำให้ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้ตื่นเต้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น

เพราะหลายปีนี้นอกจากกล่องใบที่หนึ่งแล้ว อีกสองกล่องที่เหลือล้วนเปิดออกมาได้ของไร้ประโยชน์

ตอนนี้เขาเห็นกล่องใบที่สี่ใบนี้นอกจากจะมีม้วนตำราโบราณแล้วยังมีขวดที่เหมือนบรรจุยาเอาไว้ด้วย นี่ทำให้เขาฮึกเหิมเหลือเกิน

“กำไรสุดๆ เลย!” ในขณะที่เอ่ยพึมพำ ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งจู่ๆ ก็ระแวดระวังขึ้นมา เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองมีแนวโน้มที่จะพูดเป็นปกติ นี่ทำให้เขาได้สติตื่นขึ้นมาทันที ดังนั้นแล้วจึงรีบแก้

“ไม่เสียที่ที่ออกทะเลพบเจอแต่เรื่องอเนจอนาถน่าสังเวช มีเหตุให้ร่ำรวยเหลือล้ำในพริบตา”

หลังจากพึมพำใหม่อีกรอบ ในใจของเขาก็เบาสบาย หยิบขวดเล็กขึ้นมาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว หลังจากมองไปรอบๆ ก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว ยกขึ้นมาข้างหน้าแล้วสูดดม

ของชิ้นนี้เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี แต่หลังจากที่เปิดออกก็ยังคงมีกลิ่นเปรี้ยวๆ แปลกๆ แผ่ซ่านออกมาอยู่ดี

ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่กลิ่นนี้ทำให้เขาฮึกเหิม เพราะเขารู้สึกว่ามีกลิ่นก็หมายถึงของเหลวข้างในยังมีสรรพคุณยาอยู่

“ชะตามังกรหยกวิญญาณสวรรค์ มีเพียงข้าที่เป็นใหญ่คือวาสนา!”

แต่เขาก็ไม่กล้ากลืนมันลงไปในทันที ดังนั้นจึงดมอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม จากนั้นก็รีบปิดขวดก้มหน้ามองไปยังม้วนตำราโบราณในกล่อง

เอามันออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักข้อความในนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา

“ผู้มีวาสนา ขอให้โชคดี

“ข้าเกิดในศักราชแห่งความมืด จักรพรรดิโบราณมอบมรรคาให้ มิทราบว่าเทพหรู่ชางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ กล่องปรารถนาใบนี้คงเป็นสิ่งล้ำค่าของสหาย มีเพียงข้าที่คิดว่าไร้ค่า จึงทิ้งไปราวของไร้ราคา

“สมบัติของข้าอยู่ในสายเลือด โฉมตรูผู้เปิดกล่องปรารถนาใบนี้ ข้าขอมอบบุตรให้

“ผู้มีวาสนา มิต้องขอบคุณ ลาก่อน”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท