ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 161 ภารกิจเปลี่ยนดาวก็เคลื่อนคล้อย

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 161 ภารกิจเปลี่ยนดาวก็เคลื่อนคล้อย

ไม่สนใจความไร้ซึ่งกำลังต่อต้านท่ามกลางเสียงกรีดร้อง สวี่ชิงสูดรับพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่แผ่ออกมาต่อเนื่องพลางเงยหน้ามองไปรอบด้าน ในหัวปรากฏพิกัดแผนที่ที่แนบมากับภารกิจ

ดูตามพิกัดในแผนที่ สถานที่นี้เป็นหนึ่งในจุดส่งข้ามบนเกาะที่ตำแหน่งค่อนข้างลับพราง

และที่นี่ก็ยังมีเผ่าสิงซากสมุทรมาคอยซุ่มหย่อนเบ็ดด้วย นึกภาพออกว่าสถานการณ์คงย่ำแย่มากแล้ว

จุดนี้ไม่ค่อยสอดคล้องกับแผ่นหยกภารกิจเท่าไร

ไม่นานนัก สวี่ชิงก็หันหน้าเดินไปยังค่ายกลส่งข้ามหลังจากเก็บวิญญาณของเผ่าสิงซากสมุทรที่นี่จนหมด คิดจะเปิดการทำงานแล้วเดินทางกลับ

ศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตมีสิทธิ์เลือกไม่เข้าร่วมสถานการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับที่บรรยายในภารกิจได้

แต่ไม่นานนัก จิตใจสวี่ชิงก็ดำดิ่ง

เขาพบว่าค่ายกลส่งข้ามเหมือนจะถูกแรงสะกดประหลาดบางอย่าง ไม่สามารถกลับไปได้ ทำได้เพียงเข้ามาเท่านั้น

“น่าสนใจ”

สวี่ชิงจึงพุ่งตัวออกไปปรากฏตัวอยู่กลางอากาศใต้สภาวะแสงนภา

เขาไม่ได้ยืนบื้ออยู่ตรงนั้น ขณะที่เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วไปด้านหน้าก็คอยจับตามองไปรอบๆ ด้วย

วิญญาณที่ร่างกายดูดซับมากำลังพุ่งปะทะช่องเวทด้วยเช่นกัน

แต่พลังวิญญาณที่ต้องการถัดไปจากการที่ช่องเวทเปิดมาจนถึงช่องที่สี่สิบจึงน่าตกตะลึง

เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานทั่วไปคนหนึ่งไม่สามารถทะลวงได้แล้ว ต้องมีจำนวนที่มากขึ้นถึงจะเพียงพอ

สวี่ชิงก็พอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง หลังจากที่เขามองไปทั้งเกาะเวลานี้ มองไปยังหิมะสีดำและฝนหินหนืดที่ร่วงลงมา ร่างกายก็ร่อนลงทนควน ซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ของป่าบนพื้นแห่งหนึ่ง

ปัจจุบันยอดไม้นี้ไหม้เกรียมไปหมด ใบไม้ไม่เหลืออยู่แล้ว เหลือแต่ต้นที่ยืนตายเท่านั้น

สวี่ชิงดับสภาวะแสงนภาลงที่นี่ ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เมื่อครู่เขาเห็นกองทัพใหญ่เผ่าสิงซากสมุทรจำนวนมหาศาลกำลังขึ้นฝั่ง

ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่าตำแหน่งส่วนใหญ่บนเกาะนี้มีเงาของเผ่าสิงซากสมุทรอยู่ทั้งสิ้น

และเผ่าสิงซากสมุทรจำนวนมากถึงเพียงนี้จำต้องมีผู้บำเพ็ญสภาวะแสงนภาเป็นแน่ กระทั่งระดับหลอมตันเถียนเองก็อาจจะมีอยู่ด้วย

ดังนั้นเมื่อครู่สวี่ชิงจึงดับสภาวะแสงนภาของตนเองลงในทันที

เขาไม่อยากจะดึงดูดความสนใจ

‘ภารกิจนี้มีปัญหาจริงๆ!’ สวี่ชิงระแวดระวังขึ้นมาในใจ

คำชี้แจงของภารกิจไม่ได้อธิบายว่าที่นี่จะวิกฤตถึงเพียงนี้ และเห็นได้ชัดว่าระดับสร้างฐานยี่สิบคนที่รับภารกิจมาก็ไม่มีทางต้านทานต่อกองทัพใหญ่ของเผ่าสิงซากสมุทรไหว มีช่องว่างต่างชั้นขนาดใหญ่ขั้นกันอยู่

ตอนนี้เองจู่ๆ ป้ายฐานะของสวี่ชิงก็สั่นสะเทือน เขากวาดตามอง สังเกตเห็นว่าภารกิจที่ตนเองรับมานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง

‘กองทัพใหญ่เผ่าสิงซากสมุทรเข้าจู่โจมหมู่เกาะไข่มุกกะทันหัน ภารกิจเคลื่อนย้ายและสนับสนุนมีการเปลี่ยนแปลง รางวัลของภารกิจนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว เป้าหมายภารกิจเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องคอยถ่วงเวลาแล้ว ให้โถมกำลังทั้งหมดตรงไปยังจุดศูนย์กลางเกาะ เข้าช่วยสนับสนุนการถอนตัวของผู้บำเพ็ญยอดเขาลำดับสองออกจากที่นี่!

‘ในพื้นที่ศูนย์กลางของแต่ละเกาะล้วนมีผู้บำเพ็ญค่ายกลจากยอดเขาลำดับห้าอยู่ทั้งสิ้น อีกหนึ่งชั่วก้านธูปค่ายกลใหญ่สำนักบนเกาะเงือกจะเปิดพลังกระแสน้ำขึ้นให้ชั่วคราว สะกดพลังต้องห้ามทั้งหมดของหมู่เกาะไข่มุก ศิษย์สามารถใช้จังหวะนั้นร่วมมือกับยอดเขาลำดับห้าส่งข้ามกลับมาได้’

สวี่ชิงมองป้ายฐานะ พิกัดภารกิจบนนั้นกลายเป็นสีแดง นี่เป็นตัวแทนว่าภารกิจนั้นอันตรายอย่างมาก

‘แค่อยากจะรับภารกิจง่ายๆ หน่อยแค่นั้นเอง น่ารำคาญเสียจริง’

สวี่ชิงลอบถอนใจ ร่างกายถอยหลังฉับพลัน พุ่งไปกระแทกที่ตัวผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรระดับรวมปราณที่ซุ่มตัวอยู่คนหนึ่ง

เสียงตูมดังขึ้น พลังบำเพ็ญที่ห่างชั้นกันมหาศาลทำให้ร่างผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรรวมปราณขั้นบริบูรณ์คนนี้ระเบิดทันที

และสวี่ชิงเองก็ไม่หันหน้ากลับมา ระหว่างที่ยกมือขวาอสูรคอยาวบรรพกาลขนาดยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ กระแทกลงมาบนพื้นอย่างแรง

เสียงตูมดังสนั่น กระพือแรงปะทะที่น่าตกตะลึงจนทำให้ต้นไม้รอบๆ พากันล้มระเนระนาด เผยให้เห็นร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรนับสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่กำลังถอยหนีต่อเนื่อง

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้เป็นระดับรวมปราณ แม้แต่ละคนจะร่างกายแตกสลายจากแรงปะทะ แต่การปรากฏตัวของพวกเขาไม่ปกติอย่างมาก

เพราะผู้บำเพ็ญรวมปราณจะกล้ามาซุ่มโจมตีสร้างฐานได้อย่างไร ต่อให้สวี่ชิงดับสภาวะแสงนภาไปแล้วตอนนี้ แต่คลื่นปะทะของสร้างฐานยังคงมีอยู่ ทว่าเพียงไม่นานสวี่ชิงก็เข้าใจสาเหตุ

เขามองเห็นสายสีขาวบางอย่างจากเศษเนื้อของผู้บำเพ็ญรวมปราณที่ร่างแตกสลาย

สายเหล่านี้ปลูกถ่ายอยู่ในร่างกายพวกเขาเหมือนสามารถควบคุมพฤติกรรมและจิตสำนึกพวกเขาได้ตลอดเวลา เหมือนกับหุ่นเชิดอย่างไรอย่างนั้น

และพริบตาที่สวี่ชิงมองเห็นเส้นสีขาวเหล่านี้ก็มีเงาอีกสองร่างปรากฏขึ้นกะทันหันข้างๆ ซ้ายขวา เข้าประชิดด้วยความเร็วสูง

สองคนนี้เป็นผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรระดับสร้างฐาน คนหนึ่งบนท่อนแขนมีเนื้องอกขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง บนนั้นมีรอยแตกหนึ่งรอยเผยให้เห็นดวงตาดวงหนึ่ง

ดวงตานี้จ้องสวี่ชิงเขม็ง เหมือนทำการสำรวจ ในดวงตาเปล่งแสงสีขาวออกมา

ภาพนี้เหมือนกับก่อนหน้าที่สวี่ชิงจะออกมาจากค่ากลส่งข้ามไม่ผิดเพี้ยน เห็นได้ชัดว่าเป็นการตรวจสอบระดับสร้างฐานว่ามีสภาวะแสงนภาหรือไม่อย่างหนึ่งของเผ่าสิงซากสมุทร

แต่เจ้าเงาอำพรางตะเกียงแห่งชีวิตในร่างกายสวี่ชิงไว้ จึงตรวจสอบได้ยาก

เวลานี้เหมือนเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานทั้งสองคนยืนยันว่าสวี่ชิงไม่ใช่คนที่มีสภาวะแสงนภา ตอนพุ่งออกมาจึงใช้ไม้ตายเข้าโจมตีเขา

หนึ่งในพวกเขาทำปางมือจนร่างกายภายนอกกลายเป็นขวานมังกรสงครามขนาดยักษ์เล่มหนึ่งตอนที่กำลังเข้าประชิด เปล่งพลานุภาพที่น่าตกตะลึงออกมา ขณะที่พลังท่วมท้น ด้านบนขวานสงครามก็มีภาพมายามังกรดำตัวหนึ่งปรากฏออกมา คำรามอย่างกราดเกรี้ยวใส่สวี่ชิง

อีกคนหนึ่งมีผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรหลายร่างเหมือนกับหุ่นเชิดปรากฏออกมารอบด้าน หุ่นเชิดเหล่านี้ดวงตามีประกายทึบทึมเข้าล้อมตัวสวี่ชิงเอาไว้

ขณะเดียวกันเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานทั้งสองคนนี้ก็ต่างล้วงอาวุธเวทออกมาเบื้องหน้า ทำให้พลังสังหารเพิ่มมากขึ้น

และเหมือนพวกเขาจะถนัดวิชาโจมตีประสาน เวลานี้ทั้งสองคนโคจรช่องเวท พลังเวทส่งเสียงดังกึกก้อง ด้านบนตัวสวี่ชิงก็ปรากฏมือกระดูกขาวข้างหนึ่งขึ้นรางๆ ที่มีพลานุภาพเทียบเคียงได้กับสภาวะแสงนภา ตะปบลงมาทางสวี่ชิงอย่างรุนแรง

สวี่ชิงมองพวกเขา และเงยหน้ามองออกไป หลังจากสังเกตเห็นว่าพื้นที่นี้ยังปลอดภัยอยู่ ตะเกียงแห่งชีวิตในร่างกายก็จุดพรึบขึ้นทันควัน!

แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่สภาวะแสงนภา แต่ราชสีห์จะล่ากระต่ายยังทุ่มกำลังทั้งหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่นี่คือสนามรบ

เรื่องอย่างคว่ำเรือในหนองน้ำ[1] สวี่ชิงไม่มีทางทำ

พริบตาต่อมา เสียงระเบิดครืนครัน ในร่างกายสวี่ชิงปรากฏภูเขาไฟปะทุขึ้นมาลูกหนึ่ง แสงเจิดจ้าแยงตา พลังสะเทือนฟ้า

พลังที่น่าสะพรึงแผ่ซ่าน ก่อตัวครืนครันระดับโถมเขาคว่ำทะเลพุ่งไปรอบทิศอย่างบ้าคลั่ง

และเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานที่ลอบโจมตีมาก็พากันหน้าถอดสี ม่านตาหดลงในพริบตา

เวลานี้เผ่าสิงซากสมุทรที่บนแขนมีดวงตาคนนั้นจิตวิญญาณสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดวงตาบนแขนเขาก็เปล่งแสงสีแดงจ้าออกมาในเวลานี้ เหมือนจะแจ้งเตือนกับพวกเขาว่าผู้บำเพ็ญเจ็ดเนตรโลหิตตรงหน้าคนนี้อันตรายมาก!

แต่การแจ้งเตือนก็ช้าเกินไป

เพียงแค่การแผ่ซ่านของกลิ่นอายจากการจุดตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิง ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรทั้งสองคนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ร่างกายมีลางเค้าเหมือนจะแตกสลาย

และฝ่ามือกระดูกขาวที่มาจากการโจมตีประสานของพวกเขายังไม่ทันจะตบลงมาก็เกิดเสียงกร๊อบแกร๊บขึ้นวลานี้

รอยร้าวหลายเส้นเกิดขึ้นบนฝ่ามือกระดูกอย่างชัดเจน และแผ่ลามไปในพริบตา

และหุ่นเชิดรวมปราณขั้นบริบูรณ์เหล่านั้นก็เหมือนกระดาษไหม้ ร่างกายแผดเผาอย่างรวดเร็วเหมือนถูกลบออกไป!

ส่วนขวานยักษ์ที่หวีดหวิวมาทางสวี่ชิงก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเหมือนจะหลอมเหลว มังกรดำด้านบนที่พันอยู่จากเดิมที่สีหน้ากราดเกรี้ยวก่อนหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสะพรึงกลัว ตั้งท่าจะถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งหมดนี้ ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานสองคนนี้เหมือนวิญญาณหลุดลอยไป

ความหวาดกลัวในใจปะทุขึ้นถึงขีดสุด สมองอื้ออึง

อย่างไรพวกเขาคาดไม่ถึง ทั้งที่ตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สภาวะแสงนภา แต่พริบตาต่อมาความน่ากลัวที่อีกฝ่ายสำแดงออกมากลับเกินกว่าไฟชีวิตหนึ่งดวงเสียอีก

นี่คือพลังของไฟชีวิตสองดวง นี่คือสร้างฐานขั้นกลาง ระดับความน่ากลัวพวกเขารู้ดีอยู่แล้ว!

สร้างฐานกับสร้างฐานนั้นไม่เหมือนกัน

จุดไฟชีวิตแล้วกับยังไม่จุดไฟชีวิตยิ่งแตกต่างกัน

ระหว่างไฟชีวิตหนึ่งดวงกับไฟชีวิตสองดวงจึงแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นกัน

พลังบำเพ็ญรวมปราณยังพอสู้ข้ามขั้นกันได้ แต่เนื่องจากความต่างชั้นที่น่ากลัวนี้ระหว่างระดับสร้างฐานด้วยกัน หากคิดจะข้ามระดับแทบจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย

และอันที่จริงการฝึกบำเพ็ญจนมาถึงสร้างฐานขั้นกลางที่มีไฟชีวิตสองดวง ในบรรดาขั้วอำนาจทั้งหมดมีอยู่ไม่มาก ผู้บำเพ็ญเช่นนี้ในบางระดับถือว่ามีสถานะอยู่ในจุดที่สูงส่งมากแล้ว

และทุกคนก็ล้วนใช่ว่าจะเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม

หากคิดจะต่อกรกับพวกเขา มีเพียงผู้มีไฟชีวิตสองดวงแบบเดียวกันเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นเวลานี้พวกเขาจึงพรั่นพรึงกันจนวิญญาณแทบหลุดลอย แยกย้ายถอยหนีกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่รอบด้านทั้งหมดในสายตาสวี่ชิงล้วนเชื่องช้าอย่างที่สุด เขามองเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานที่ใบหน้าพรั่นพรึงทั้งสองคน มือขวายกขึ้นตะปบคว้าไปส่งๆ

ฉับพลันขวานสงครามข้างๆ ก็พังเสียหายทันที

มังกรดำกรีดร้องสลายกลายเป็นฝุ่น

กระดูกขาวเหนือศีรษะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ร่างเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานที่คิดจะหนีสองคนนั้นถูกพลังมหาศาลปกคลุม ม้วนกลับเข้ามาหาสวี่ชิง

ความเร็วที่ม้วนกลับมาและความหนักแน่นของพลังทำร่างกายของพวกเขาส่งเสียงลั่นกร๊อบแกร๊บ บิดเบี้ยวไปทันที

เพียงชั่วพริบตาที่ถูกสวี่ชิงตะปบคว้าผ่ากลางอากาศ และเมื่อไฟพิฆาตสีดำในร่างกายแผ่ออกมาก็ดูดซับอย่างรุนแรงทันควัน

เสียงกรีดร้องยังไม่ทันได้แว่วออกมา ช่องเวทในร่างกายของเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานสองคนนี้ก็พังเสียหาย ร่างกายระเบิดจนเลือดเนื้อเหวอะหวะ ไฟพิฆาตพัดม้วนดวงวิญญาณเข้ามาในร่างกายสวี่ชิง

สวี่ชิงหมุนตัวโยกไหว เดินจากไปไกล

ขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วสะเก็ดไฟเท่านั้น รวดเร็วเหลือประมาณ

จนกระทั่งร่างกายของสวี่ชิงหายลับไป ทั้งหมดในบริเวณนี้ก็กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ว่า…ไม่เหลืออะไรอยู่อีกเลย

บนผืนดินแห้งผาก ต้นไม้ใบหญ้าสลายหาย กระดูกขาวเอยขวานสงครามเอย ซากศพทั้งหมดล้วนสลายกลายเป็นฝุ่นผง ผสานรวมเข้าไปกับหิมะสีดำในอากาศ พัดลอยไปเชื่องช้าโดยไม่มีแบ่งแยก

ที่ขอบฟ้าห่างออกไป สวี่ชิงใช้ความเร็วมากกว่าปกติ ร่างของเขาก็ราวกับเป็นสายอัสนีแล่นผ่านภายใต้สภาวะแสงนภา มุ่งตรงไปยังใจกลางเกาะแห่งนี้

การเปลี่ยนแปลงของภารกิจ สวี่ชิงเข้าใจได้

ถึงอย่างไรในสนามรบก็เปลี่ยนแปลงได้ในพริบตา เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายยากที่จะเข้าไปควบคุม แต่สามารถปรับเปลี่ยนภารกิจได้รวดเร็วเช่นนี้ก็อธิบายได้ว่าเจ็ดเนตรโลหิตมั่นใจกับสงครามนี้และยังเต็มที่อีกด้วย

ดังนั้นสวี่ชิงจึงเลือกปฏิบัติภารกิจต่อไปโดยตรงไปยังใจกลางเกาะ ช่วยสนับสนุนการถอนกำลังของผู้บำเพ็ญยอดเขาลำดับสอง

ส่วนศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตคนอื่นที่รับภารกิจมา สวี่ชิงสนใจขนาดนั้นไม่ไหว

ตอนนี้เสียงพุ่งทะยานราวสายอัสนีกึกก้องไปทั้งฟ้า เพราะมีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วก้านธูป ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่สนใจสายตาสนอกสนใจของคนอื่น ด้วยความเร็วเพียงสิบอึดใจ เขาก็มองเห็นหุบเขาใจกลางเกาะอยู่ห่างออกไปลิบๆ แล้ว

[1] คว่ำเรือในหนองน้ำ (阴沟翻船) ใช้อุปมาว่าในสถานการณ์ปกติที่ไม่ควรจะผิดพลาด

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท