ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 163 แปลกประหลาดนัก!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 163 แปลกประหลาดนัก!

แม้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตสำนักนี้จะมีผลประโยชน์เป็นหลัก และเพราะด้วยเหตุนั้นความเคารพที่ผู้อ่อนแอมีต่อผู้แข็งแกร่งจึงยิ่งเห็นได้ชัด ไม่ใครโง่ลดทิฐิไม่ลงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง

คนแบบนั้นส่วนมากล้วนอยู่ไม่ถึงตอนนั้น

ดังนั้นระดับความเคารพของผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานยอดเขาที่ห้าคนนี้จึงแทบจะใกล้เคียงกับความเคารพที่มีต่อผู้อาวุโสแล้ว

ไม่ว่าในใจของเขาจะเป็นอย่างไร แต่ท่าทีเช่นนี้น้อยนักที่จะมีคนเกลียด

สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า หลังจากกวาดสายตามองรอบๆ เขาก็หามุมหนึ่งนั่งลงขัดสมาธิ

รอคลื่นแรงดึงดูดแผ่มาถึง พลางทะลวงช่องเวทที่สี่สิบเอ็ดในร่าง

และวิญญาณของผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานขั้นไฟชีวิตก็มีประโยชน์จริงๆ เพียงพริบตาสวี่ชิงก็ทะลวงเปิดช่องเวทที่สี่สิบเอ็ดได้สำเร็จ กระทั่งว่ายังมีพลังเหลือทะลวงช่องที่สิบสอง

แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้ช่องเวทที่สี่สิบสองเกิดรอยร้าวจำนวนไม่น้อย

นี่ทำให้สวี่ชิงดีใจมาก เขารู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนน่าจะไม่ต้องใช้เวลานานเท่าไรก็สามารถก่อไฟชีวิตดวงที่สองได้ และถึงตอนนั้น เขาดูเหมือนผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสองดวง แต่กำลังรบที่แท้จริงถึงระดับไฟชีวิตสามดวงสุดยอดของผู้บำเพ็ญสร้างฐานส่วนมากได้แล้ว

‘น่าเสียดายที่ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานขั้นไฟชีวิตมีไม่มากนัก จะได้เจอหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่ดวง’ ความคิดของสวี่ชิงขยับ ขบคิดว่าต่อไปบางทีอาจจะลองรับภารกิจที่มีความยากบางอย่างดู

และในตอนที่เขาครุ่นคิดอยู่ทางนี้ ลูกศิษย์พวกนั้นที่อยู่นอกหุบเขาก็พากันเดินเข้ามาในหุบเขา ช่วยยอดเขาที่สองถอดเตาหลอมและอาวุธเวท

เวลาไม่นานนักเมื่อทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อย รอการดำเนินงานขั้นต่อไป ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ค่ายกลตรงนั้น ในขณะที่รอคลื่นแรงดึงดูดจากสำนัก ตอนนี้ก็ต่างลอบประเมินสวี่ชิง กระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์

การดำรงอยู่ของสวี่ชิงเหมือนกลายเป็นบุคคลสำคัญของพวกเขา แม้ตอนนี้จะอยู่ในสนามรบ แต่จิตใจของคนทั้งหลายในหุบเขาล้วนมีความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

ในระหว่างนี้ภูเขาสั่นสะเทือนครืนครันหลายครั้ง เสียงดังก้องไปทั่ว นั่นคือการเหนี่ยวนำของระลอกคลื่นพลังของค่ายกลอื่นๆ

และไอพลังประหลาดที่นี่ก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงการรอคอยนี้ฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง ชั้นเมฆในท้องฟ้าก็เปลี่ยนมาสลัวรางเลือน เหมือนมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่

“ศิษย์พี่ ข้าเคยฝังตาค่ายกลไว้หลายแห่งที่เกาะแห่งนี้ ตอนนี้แม้จะถูกทำลายไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นภาพบางอย่างได้” ในตอนที่สวี่ชิงกำลังนั่งสมาธิ มือขวาของหญิงสาวร้อนแรงยอดเขาที่สองคนนั้นก็ยกขึ้นปิดอาภรณ์ที่ขาดวิ่นบริเวณหน้าอกเอาไว้ พลางเดินมาข้างกายสวี่ชิง แล้วเอ่ยเสียงเบา

แม้หญิงสาวคนนี้อาการบาดเจ็บจะสาหัส สีหน้าจะขาวซีด แต่ก็ยังยากจะปกปิดความงามได้ นางมีใบหน้าเรียว คิ้วงามโก่งสวย นัยน์ตาหงส์แฝงโศก เป็นหญิงสาวที่งดงามซึ้งนัก อายุประมาณสามสิบ เนื่องจากหลอมลูกกลอนอยู่เป็นประจำ กลิ่นลูกกลอนจากตัวนางเหมือนกับกู้มู่ชิง ล้วนหอมมาก

สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็มองไป

ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ตั้งใจหรือไม่ เพราะสวี่ชิงนั่งอยู่ ส่วนนางยืน ดังนั้นเสี้ยวขณะที่สวี่ชิงเงยหน้า สายตามองตรงไปก็เห็นหญิงสาวคนนี้ให้มือปกปิดเสื้อผ้าที่ขาดแหว่งที่หน้าอก เพียงแต่มือของนางเหมือนจะปิดได้ไม่ตรงจุด

ผิวขาวราวหิมะข้างในท่ามกลางความวับแวมเหมือนซ่อนยอดเขาที่น่าตื่นตะลึงเอาไว้

สวี่ชิงเบนสายตาไปจับจ้องที่ใบหน้าของนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในเสี้ยวขณะที่ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน หญิงสาวยอดเขาที่สองคนนี้มองใบหน้าสวี่ชิงพลางสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังจากตัวเขา จิตใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

แต่ไม่นานนักนางก็รู้ตัวว่าตัวเองเสียกิริยาแล้ว จึงรีบประสานปางมือ ทันใดนั้นก็มีภาพฉากหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหน้านาง

ในภาพสามารถมองเห็นเผ่าสิงซากสมุทรจำนวนมหาศาลกำลังทยอยออกมาจากทะเลอย่างชัดเจน จำนวนมากมายมหาศาล ดูแล้วชวนประหวั่นพรั่นพรึงนัก

ขณะเดียวกันในพื้นที่หลายแห่งบนเกาะที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ก็มีเงาร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรเช่นกัน

กระทั่งว่ามีจำนวนหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาทางนี้แล้ว

“คลื่นแรงดึงดูดต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด” สวี่ชิงถาม

“อีกประมาณหนึ่งร้อยอึดใจ!” คนที่ตอบสวี่ชิงไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น แต่เป็นกู้มู่ชิงที่ตอนนี้สาวเท้ามาเร็วๆ

เหมือนว่าเดินมาค่อนข้างรีบร้อน เรือนผมงามจึงถูกสายลมเกี่ยวกะหวัด สะบัดปลิวน้อยๆ ตอนนี้จากการมาถึงก็มีปอยผมปลิวมาข้างหน้าพาดผ่านดวงหน้างามวิจิตร ช่างสวยยิ่งนัก

โดยเฉพาะดวงตาใสกระจ่างของนางยังมีกลิ่นอายความบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติฉายจากภายในสู่ภายนอก ทำให้กู้มู่ชิงในตอนนี้เหมือนถูกวาดเป็นม้วนภาพงามวิจิตรภาพหนึ่ง

ตอนนี้เมื่อมาถึง นางก็มองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะคารวะอย่างแผ่วเบา

“คารวะอาจารย์อาหลี่”

หญิงสาวอมยิ้ม มองเด็กสาวข้างหน้าคนนี้อย่างมีความหมายลึกซึ้ง

พูดจบดวงตางามของกู้มู่ชิงก็มองไปทางสวี่ชิง

“ศิษย์พี่สวี่…”

สวี่ชิงมองกู้มู่ชิง

เห็นสวี่ชิงไม่ได้ถือสาคำเรียกนี้ของตน กู้มู่ชิงเบิกบานนัก เอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า

“ศิษย์พี่สวี่ นี่คือแผ่นหยกควบคุมลูกกลอนต้องห้ามของที่นี่ ท่านคือผู้ที่พลังบำเพ็ญสูงสุด สำนักต้องการกระตุ้นมันก่อนที่จะถอย ท่านเป็นผู้ตัดสินใจเถิด” กู้มู่ชิงพูดพลางยื่นแผ่นหยกให้สวี่ชิง

สวี่ชิงรับแผ่นหยกมา ไม่แปลกใจว่าทำไมแผ่นหยกจึงอยู่กับกู้มู่ชิงแทนที่จะอยู่กับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานยอดเขาที่สองที่อยู่ข้างๆ เขารู้ว่าพวกชายชราเหล่านั้นของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ความจริงแล้วเชื่อในศิษย์หลักที่สุด

ดังนั้นจึงการจัดการเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

สวี่ชิงตอนนี้ถือแผ่นหยกเอาไว้ กวาดตามอง แต่ตอนนี้เอง นอกหุบเขาก็มีเสียงแหวกอากาศพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เงาร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรกลุ่มหนึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น แม้จะเห็นซากศพบนพื้น แต่สิงซากสมุทรก็ยังคงพุ่งมาหาพวกเขาทางนี้

สวี่ชิงไม่ได้เงยหน้าขึ้น ยังคงตรวจดูแผ่นหยกเช่นเดิมท่ามกลางความตื่นเต้นของคนทั้งหลายในหุบเขา

จากนั้นก็มีเสียงน่าสังเวชดังมาจากนอกหุบเขา เผ่าสิงซากสมุทรทุกตนที่เข้าใกล้มา ร่างล้วนมีสัญญาณเน่าเฟะปรากฏขึ้นทันที กระทั่งว่ามีบางตนเดินออกมาแค่สามสี่ก้าวก็ละลายกลายเป็นเลือดสีฟ้ากองหนึ่ง

ภาพนี้ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนในหุบเขาต่างสีหน้าเปลี่ยนไป ใจประหวั่นพรั่นพรึง แต่ลูกศิษย์ยอดเขาที่สองเรียกสติกลับมาได้เร็วที่สุด พวกเขาแต่ละคนต่างมองไปที่โลกภายนอก ในขณะเดียวกันกับที่สีหน้าเปลี่ยนไปก็มองไปทางสวี่ชิง ตื่นตะลึงเป็นแย่ยิ่ง

พวกเขารู้ นี่คือพิษ

และพิษที่ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรทนไม่ไหวจะต้องปรุงขึ้นโดยพิเศษแน่นอน การปรุงพิษที่เฉพาะเจาะจงเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ต้องมีความรู้ลึกซึ้งด้านสมุนไพรสูงมากเท่านั้น ยิ่งต้องมีการทดลองนับไม่ถ้วนถึงจะสำเร็จ

อย่างแรกยังพอว่า อย่างหลังยากที่สุด

นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมคนปรุงพิษยอดเขาที่สองจึงมีน้อยมาก เพราะหลายครั้งที่การปรุงพิษยังไม่ทันจะได้ใช้ฆ่าใคร ตัวเองก็โดนพิษระหว่างการปรุงเข้าเสียก่อน

และการมีอยู่ของพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ก็ทำให้ใจของคนทั้งหลายสุขสงบขึ้น ขณะเดียวกันนอกหุบเขาก็เงียบสงบแล้ว อย่างไรเสียภายใต้ผลจากพิษนั่นก็ยังมีเหล็กแหลมสีดำและเจ้าเงาที่ฉวยโอกาสที่ฟ้ามืดออกไปข้างนอก ย่อมเงียบเร็วอยู่แล้ว

เวลาร้อยอึดใจใกล้จะถึงแล้วเช่นนี้เอง และคนที่นี่ก็แบ่งกลุ่มยืนอยู่ทั้งในและนอกค่ายกลส่งข้าม รอเวลาเปิด ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ค่ายกลส่งข้ามของที่นี่ไม่ใหญ่มาก ตามจำนวนคนของที่นี่ต้องส่งข้ามสามครั้งถึงจะหมด

สวี่ชิงก็ยืนขึ้นเหมือนกัน ก่อนจะเดินมาข้างค่ายกล กำลังจะเอ่ยปาก ทว่าจู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หันไปมองทางนอกหุบเขาอย่างรวดเร็ว

แทบจะในพริบตาเดียวกับที่สวี่ชิงมองไป ในความมืดนอกหุบเขาก็มีเงาเพลิงท่วมฟ้าปรากฏขึ้น นั่นเป็นเงาร่างที่ห่อหุ้มด้วยชุดคลุมยาวสีขาว ตอนนี้กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจากที่ไกล

พิษศพในตัวของคนคนนี้ตลบอวล ไฟชีวิตในร่างลุกไหม้ พลังที่ปะทุออกมาภายใต้สภาวะแสงนภาเหนือกว่าผู้บำเพ็ญไฟชีวิตหนึ่งดวง ตอนนี้อัสนีสวรรค์ก็ฟาดผ่ากึกก้องจากการที่เข้ามาใกล้

ความเร็วของเขายากจะบรรยาย ในสายตาของผู้บำเพ็ญทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเลย ต่อให้เป็นหญิงสาวขั้นไฟชีวิตหนึ่งดวงก็เช่นกัน มองอะไรไม่ชัดเลย

มีเพียงพลังอำนาจกดดันในใจที่ตอนนี้ที่เดือดพล่านรุนแรงในใจของผู้บำเพ็ญสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่ที่นี่ตอนนี้อย่างไม่อาจควบคุมได้

มองไปไกลๆ แล้ว ในร่างผู้มาเหมือนก็มีภูเขาไฟลูกหนึ่งกำลังปะทุอยู่เช่นกัน อีกทั้งเมื่อรวมกับพิษศพของมันแล้วก็ทำให้เปลวไฟที่แผ่ออกมากลายเป็นสีเขียว

‘ไฟชีวิตสองดวง’ สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็กทันที

ผู้ที่มาเป็นผู้บำเพ็ญดวงไฟชีวิตสองดวงคนแรกที่สวี่ชิงได้เจอในสนามรบ

พลังของมันท่วมฟ้า จากการประชิดเข้าใกล้มาทำให้ฟ้าและผืนดินสะท้อนกลายเป็นสีเขียว

เหมือนมีฝ่ามือสีเขียวข้างหนึ่งตบลงมาที่หุบเขาแห่งนี้อย่างรุนแรง

จวบจนเสี้ยวพริบตาที่เข้าใกล้มา เงาร่างนี้ก็มองทุกอย่างในหุบเขาชัด เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ส่งเสียงหัวเราะที่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไรออกมา ความเร็วเร็วยิ่งกว่าเดิม

สวี่ชิงหรี่ตา ร่างก้าวไปข้างหน้า ในพริบตาที่เท้าเหยียบย่างลงไป ไฟชีวิตในร่างก็ลุกไหม้ทันที

เขาก้าวเข้าสู่สภาวะแสงนภาภายใต้ภูเขาไฟที่ปะทุตูมตาม ความรู้สึกคุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างรอบๆ ล้วนช้าเนิบ มีเพียงเงาร่างที่ประชิดเข้ามาใกล้ข้างหน้าเท่านั้นที่เป็นปกติ

ร่างสวี่ชิงแค่พุ่งออกไปก็อยู่กลางอากาศทันที พุ่งตรงไปหาผู้มาเยือน

เพียงพริบตา ทั้งสองก็ปะทะเข้าด้วยกันกลางอากาศ เสียงบึ้มปะทุขึ้นทันที ยิ่งกว่าอัสนีสวรรค์เสียอีก ในขณะเดียวกับที่ระเบิดออกไปทั่วทุกทิศ มือขวาสวี่ชิงกำเป็นหมัด ไฟชีวิตในร่างลุกไหม้ แล้วก็ชกไปหมัดหนึ่งอย่างเหี้ยมเกรียม

ไฟชีวิตในกายของเผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวขาวตนนั้นก็ลุกไหม้เช่นกัน ไฟชีวิตสองดวงสะเทือนฟ้าสะท้านดิน หมัดที่เหมือนกันหมัดหนึ่งพุ่งมา เสียงระเบิดดังขึ้นในเสี้ยวขณะนี้

สวี่ชิงสะเทือนไปทั้งตัว อวัยวะภายในล้วนกำลังเดือดพล่าน เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ความแข็งแกร่งนี้อยู่เหนือการวิเคราะห์เรื่องไฟชีวิตสองดวงของสวี่ชิง

เขารู้เป็นอย่างดีว่ารากฐานพลังรวมปราณของตัวเองรวมกับตะเกียงแห่งชีวิต ต่อให้เผชิญหน้ากับไฟชีวิตสองดวง ตนก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบได้อย่างแน่นอน แต่เผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสองดวงตนนี้เหมือนจะต่างออกไปนิดๆ

ดังนั้นในขณะที่เขาสะบัดมืออสูรคอยาวบรรพกาลก็ปรากฏออกมาแล้วคำรามพุ่งไปนั้น ไฟพิฆาตสีดำในกายก็ปะทุออกมา หลอมเป็นกริชเปลวเพลิง พุ่งตรงไปหาศัตรู

ในขณะเดียวกันมือซ้ายของสวี่ชิงก็ยกขึ้น เหนือศีรษะของเขามีดาบสวรรค์ปรากฏขึ้นทันที

ดังนั้นในขณะที่เขาสะบัดมืออสูรคอยาวบรรพกาลก็ปรากฏออกมาแล้วคำรามพุ่งไปนั้น ไฟพิฆาตสีดำในกายก็ปะทุออกมา หลอมเป็นกริชเปลวเพลิง พุ่งตรงไปหาศัตรู

ในขณะเดียวกันมือซ้ายของสวี่ชิงก็ยกขึ้น เหนือศีรษะของเขามีดาบสวรรค์ปรากฏขึ้นทันที

ดาบนี้อยู่ภายใต้การเพิ่มพลังจากสภาวะแสงนภาก็ยิ่งมีพลังแข็งแกร่ง ขอบเขตยิ่งกว้างขวาง ตัวดาบทั้งเล่มยังมีเปลวไฟดำลอยเอ่อ ฟันไปทางเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวอย่างโหดเหี้ยม

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทั่วฟ้า

ร่างของเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวตนนี้ถูกซัดจนถอยไปข้างหลัง เหมือนจะย่ำแย่เช่นกัน ไฟชีวิตในร่างเต้นระริก

เสี้ยวพริบตาต่อมา สีหน้าของสวี่ชิงก็ฉายความโหดเหี้ยม แล้วพุ่งมาอีกครั้ง

และเผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมขาวตนนี้แม้ทั้งร่างจะคลุมอยู่ในชุดคลุมยาวสีขาวทำให้มองหน้าตาไม่ชัด แต่ในขณะเดียวกับที่พิษศพเข้มข้นมาก ดวงตาก็ฉายความบ้าคลั่งออกมา

สวี่ชิงมองเห็นความบ้าคลั่งนี้ คิ้วของเขาพลันขมวด แต่ตอนนี้ไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย จึงยังคงพุ่งออกไป เพียงพริบตาก็ปะทะเข้ากับเผ่าสิงซากสมุทรตนนี้

เสียงระเบิดตูมดังขึ้นไม่ขาดสาย ทั้งสองอยู่กลางอากาศต่างอยู่ภายใต้สภาวะแสงนภาทั้งคู่ ลงมือรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง วิชาเวทยิ่งน่าตื่นตะลึง ต่างพลัดกันโจมตีไปมาไม่หยุด เวลาสิบกว่าอึดใจสั้นๆ ก็ลงมือไปแล้วร้อยกว่าครั้ง

จากนั้นก็ต่างโจมตีอย่างสุดพลังออกไป หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างถอย สวี่ชิงกระอักเลือดออกมา ส่วนเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน ในแววตาที่มองสวี่ชิงนอกจากความบ้าคลั่งแล้วยังมีความแปลกใจอย่างรุนแรง และ…ความเจ็บใจ

สวี่ชิงจ้องตาของอีกฝ่าย ไม่พูดอะไร ภูเขาไฟในร่างปะทุขึ้นทั้งหมด ร่างพุ่งออกไปเหมือนคมดาบบ้าคลั่ง

กริชในมือสะบัด ดาบสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันทะเลวิญญาณในร่างก็ก่อเป็นพลังสะกด ยิ่งมีเหล็กแหลมสีดำที่มีบรรพจารย์สำนักวัชระอยู่ พุ่งมาพร้อมด้วยเสียงกระดิ่ง

นอกจากนั้นสวี่ชิงก็ลงมือเรื่องผงพิษอย่างรวดรวดเร็วเช่นกัน โปรยออกไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เมื่อพุ่งเข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว กริชในมือก็ปาดไปที่คอของศัตรูอย่างโหดเหี้ยม

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวตนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ระหว่างที่สองมือประสานปางมือพิษศพก็ยะเยียบขึ้นทันที พุ่งไปหาสวี่ชิง เหมือนจะแช่แข็งผนึกเขา ขณะเดียวกันน้ำแข็งก้อนมหึมาก็ปรากฏขึ้นต่อมา ในขณะที่ต้านทานสวี่ชิงเอาไว้ ก็ซัดไปหาสวี่ชิงอย่างเต็มแรง

สวี่ชิงจำเป็นต้องถอยท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่วนผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรนั่นดวงตาฉายประกายวาบ ร่างเพียงขยับ ไม่รู้ว่าสำแดงเคล็ดวิชาลับอะไร สามารถแหวกมิติมาปรากฏต่อหน้าสวี่ชิงทันที แล้วคว้าไปที่คอของเขา

สวี่ชิงเห็นเช่นนั้น ทว่ากลับมีปฏิกิริยาที่อยู่นอกการคาดเดาของเผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมขาว เขาไม่หลบแต่ใช้ศีรษะโขกไปที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายเต็มแรง

เสี้ยวพริบตาต่อมา ทั้งสองเข้าปะทะกัน ศีรษะสวี่ชิงเลือดไหล ส่วนเผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมขาวร้องน่าสังเวช มือขวาแตกละเอียดทันที กำลังจะถอยหลังแต่สวี่ชิงก็ประชิดมาแล้ว กริชในมือกรีดไปที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม

รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมขาวรูม่านตาหดเล็ก จิตใจสั่นสะท้านรุนแรง ถอยหลังไปทันที หลบได้อย่างเฉียดฉิว ทว่าชุดคลุมกลับถูกสวี่ชิงกรีดขาด ทำให้สิ่งของบางอย่างในนั้นร่วงลงมา

ประเภทของสิ่งของเหล่านั้นมีมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือผลไม้จำนวนหนึ่ง มีส้ม ลูกท้อ สาลี่ ในบรรดาผลไม้ทั้งหลายผิงกั่วมีจำนวนมากที่สุด…

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท