บทที่ 171 สะกด! สะกด!! สะกด!!!
ต้นไม้ที่แปลงมาจากเงาแปลกประหลาดเหลือเกิน
บนนั้นมีดวงตาร้อยกว่าดวง ตอนนี้ฉายประกายแสงน่าขนลุกนัก สะท้อนให้หลุมแร่เป็นเหมือนโลกสีเลือด ความโหดเหี้ยมที่แผ่ออกมาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
ในความเหี้ยมโหดนี้ยิ่งมีความคุ้มคลั่งอย่างรุนแรง
เหมือนว่าเงานี้จะอดทนมานาน ในที่สุดเสี้ยวขณะนี้จากการทะลวงขั้นของขอบเขต ความคิดด้านลบต่างๆ ในใจก็เหมือนจะสะกดเอาไว้ไม่อยู่ เริ่มปะทุออกมา
แต่ว่าก็มีเรื่องแปลกประหลาดบางอย่าง ความคุ้มคลั่งและความเหี้ยมเกรียมของเจ้าเงาไม่ได้พุ่งไปที่สวี่ชิงทั้งหมด แต่มีครึ่งหนึ่งปกคลุมไปหาบรรพจารย์สำนักวัชระ
ต้องรู้ว่าการสะกดประจำวันของสวี่ชิงดำเนินมาเป็นเวลานานมาก เดิมจิตสังหารทั้งหมดควรพุ่งไปหาสวี่ชิงจึงจะถูก แต่เห็นได้ชัดว่าการกระทำบางอย่างของบรรพจารย์สำนักวัชระในด้านความแค้นก็สร้างผลลัพธ์อันน่าตกใจให้
บรรพจารย์สำนักวัชระสีหน้าหวาดกลัว สายฟ้าแลบแปลบปลาบทั้งในและนอกร่าง เขาจ้องมองเงาอย่างเคร่งเครียด แต่ในใจกับเบิกบานเหลือเกิน แอบพูดในใจว่า เจ้าเงาเอ๋ยเจ้าเงา ทำได้เยี่ยมมาก แบบนี้แหละ ต้องแสดงความคิดทรยศของตัวเองออกมาให้ชัดๆ เช่นนี้
ยิ่งเป็นเช่นนี้ตำแหน่งของตนก็จะมั่นคง
บรรพจารย์สำนักวัชระคำรามเสียงต่ำภายใต้ความคิดเช่นนี้
“เจ้าเงาชั่ว เจ้าคิดจะกัดกินเจ้านายเช่นนั้นหรือ!!”
บรรพจารย์สำนักวัชระพูดพลางขวางตนเอาไว้ระหว่างสวี่ชิงกับเงาทันที ท่าทางเหมือนปกป้องเจ้านายด้วยใจภักดี
ในขณะที่จับเป้าหมายเจ้าเงา อักขระอัสนีบนเหล็กแหลมก็เริ่มส่องกะพริบ กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามแผ่ออกมา
ประกายเย็นเยียบฉายออกมาจากในตาสวี่ชิง เขาไม่สนใจความเหี้ยมเกรียมของเจ้าเงาในตอนนี้ แต่ในสมองขบคิดถึงเสียงที่อีกฝ่ายเปล่งออกมาทำให้เขานึกถึงต้นกำเนิดของเสียงที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว
เสี้ยวขณะต่อมา สีหน้าของสวี่ชิงก็เปลี่ยนไปทันที เขานึกถึงที่มาของเสียงนี้ออกแล้ว!
‘ยักษ์ลากราชรถสัมฤทธิ์!’
สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน และในตอนนี้เขาก็พลันได้ยินเสียงครืนครันต่ำทุ้มดังมาจากโลกภายนอก
เสียงต่ำทุ้มนี้เหมือนมีของหนักๆ ร่วงลงพื้น เกิดเป็นระลอกคลื่นรุนแรงสร้างคลื่นซัดโหมในทะเล ทำให้เกาะที่เขาอยู่สั่นคลอน
ในขณะเดียวกัน ใต้ทะเลของเกาะแห่งนี้ อสูรคอยาวบรรพกาลทะเลต้องห้ามของสวี่ชิงก็ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่ไกล
ในเสี้ยวพริบตาที่มองไป ร่างของมันก็เกิดระลอกคลื่นรุนแรง
มหาสมุทรในที่ไกลลิบๆ ตอนนี้มีหมอกหนาแน่นแผ่ซ่าน ในขณะเดียวกับที่เสียงของหนักๆ ตกลงพื้นยิ่งหนักทุ้ม เสียงโซ่ก็ดังตามมา
จะเห็นใต้ทะเลพลันมียักษ์น่าพรั่นพรึงตนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ทีละก้าวๆ อย่างช้าๆ จากที่ไกลๆ
ร่างกายของมันใหญ่โตมโหฬาร มีหนวดรยางค์มากมายราวเป็นผมของมัน ตอนนี้ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงมาล้วนทำให้ใต้ทะเลสั่นคลอน เกิดเป็นกระแสน้ำซัดโหมบ้าคลั่ง หอบม้วนเป็นหมอกธุธีหนาแน่นลอยตลบ
ร่างของมันชัดเจนจนสามารถมองเห็นโซ่เหล็กสีดำน่าสยดสยองจากการเดินมาข้างหน้า
โซ่เหล็กแต่ละเส้นๆ มัดอยู่บนตัวมัน จากการเดินหน้ามา ที่ปลายโซ่เหล็กก็มีราชรถสัมฤทธิ์ปรากฏขึ้น
ราชรถสัมฤทธิ์คันนี้แฝงด้วยร่องรอยของกาลเวลา หลายๆ ที่บนนั้นมีสนิมเกรอะกรัง ดูแล้วค่อนข้างโทรม ถูกลากไปอย่างเอียงๆ ใต้ทะเลเกิดเป็นรอยยาวทางหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นยักษ์หรือราชรถสัมฤทธิ์ล้วนมีขนาดใหญ่โตมาก สวี่ชิงเทียบกับพวกมันแล้วเล็กจ้อยไร้ค่ามาก ทุกสิ่งในสายตาเขาเหมือนขุนเขาสูงใหญ่
โดยเฉพาะบนตัวราชรถสัมฤทธิ์มีรูปสลักที่ทั้งวิจิตรปราณีตและโอ่อ่ายิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นวัตถุของราชัน เหมือนว่ามีเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงส่งเท่านั้นถึงจะใช้ราชรถสัมฤทธิ์เป็นพาหนะของตัวเองได้!
ตอนนี้จากการเดินมาของยักษ์ จากการที่ราชรถสัมฤทธิ์ปรากฏชัดเจน มหาสมุทรคำรามลั่น
ผิวน้ำมีคลื่นท่วมฟ้าเกิดเป็นมหาพิบัติคลื่นยักษ์
กลิ่นอายน่ากลัวเหนือกว่าจวีอิงไม่รู้เท่าไรแตกต่างกันราวหิ่งห้อยกับคบเพลิงแผ่ซ่านออกมาจากร่างนี้ อสูรคอยาวบรรพกาลทะเลต้องห้ามของสวี่ชิงแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ในระลอกคลื่นรุนแรงทันที
ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงเจ็บปวดขึ้นมาทันที ในขณะที่เลือดสดๆ ไหลออกมา กำแพงหลุมแร่ที่เขาอยู่ก็ไม่อาจทนรับได้อีกต่อไป
รอยแยกเป็นทางๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพลันพังถล่ม ทำให้น้ำทะเลทะลักเข้ามา
นี่ทำให้ในเสี้ยวขณะนี้สวี่ชิงมองเห็นยักษ์จากที่ไกลๆ ด้วยตาของตัวเองโดยไม่ได้ผ่านจากตาของอสูรคอยาวบรรพกาล
กลิ่นอายของอีกฝ่ายทำให้ในหัวมีเสียงอัสนีฟาดผ่า
สวี่ชิงจุดไฟชีวิตในร่างโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เปิดสภาวะแสงนภาขึ้น ในกายเหมือนมีภูเขาไฟปะทุ ในขณะเดียวกับที่ต้านทานสุดกำลัง ในระยะที่ใกล้กันเพียงนี้ก็ทำให้เขามองเห็นภาพสัญลักษณ์ฝาผนังที่สลักอยู่ชั้นนอกของราชรถสัมฤทธิ์!
ภาพสัญลักษณ์ฝาผนังนี้สลักเป็นภาพเด็กหนุ่มงดงามสง่าที่สวมชุดหวาฝูสวมมงกุฎจักพรรดิคนหนึ่งอย่างชัดเจน
มือข้างหนึ่งของเขายันด้านข้างศีรษะ นั่งอยู่บนราชรถ ในมือถือม้วนไม้ไผ่กำลังอ่านมันอยู่
ภาพฝาผนังงดงามเป็นอย่างยิ่ง แกะสลักได้มีชีวิตชีวานัก
กระทั่งว่าสีหน้าและคิ้วของเด็กหนุ่มคนนั้นชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง เขาเหมือนอ่านบันทึกที่น่าสนุกอะไรบางอย่าง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ แฝงรอยยิ้ม
และราชรถที่เขานั่งอยู่ก็ลากด้วยยักษ์ที่ร่างพันล้อมด้วยมังกรทองห้าตัว กำลังมุ่งหน้าสู่ท้องฟ้า
ยักษ์ตนนี้เก่งกาจไม่ธรรมดา แม้จะเป็นเพียงภาพสลักภาพฝาผนัง แต่ก็ยังคงทำให้คนสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของเขาได้
ในขณะที่ยักษ์บนภาพฝาผนังลอยสู่ท้องฟ้าก็เหมือนกำลังหันหน้ามามองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง
สีหน้าแฝงด้วยความจงรักภักดี สายตายิ่งมีความฮึกเหิม เหมือนสำหรับเขาแล้ว เด็กหนุ่มข้างหลังคือชีวิตของเขา และสามารถลากราชรถให้กับอีกฝ่ายได้ก็เป็นเกียรติของเขาชีวิตนี้
ภาพฝาผนังยังไม่จบสิ้น ภาพหลายภาพต่อจากนั้นสวี่ชิงเห็นเด็กหนุ่มสวมมงกุฎหลังจากที่ราชรถพุ่งทะลุชั้นเมฆ จนถึงสวรรค์ชั้นสูงสุดแล้วก็เดินลงจากราชรถ แล้วแปลงร่างเป็น…ดวงอาทิตย์
ลอยสูงเด่นอยู่กลางนภา!
ประกายแสงสาดส่องใต้หล้า!
และภาพสลักสุดท้ายคือบรรยายช่วงเวลาสนธยา ดวงอาทิตย์กลับมาเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง เขากลับมาบนราชรถสัมฤทธิ์ นั่งลงอีกครั้ง ยักษ์ลากราชรถมุ่งหน้าสู่ทะเล
ภาพฝาผนังชุดนี้ทำเอาสวี่ชิงเห็นแล้วจิตใจซัดโหม ในขณะเดียวกับที่ระลอกคลื่นรุนแรง ในปากของยักษ์ลากราชรถก็มีเสียงดังออกมา
กรอดๆ กรอดๆ
เสียงแปลกประหลาดดังก้อง เหมือนขานตอบเจ้าเงา!
และเจ้าเงาของสวี่ชิงตอนนี้แม้จะอยู่ในทะเล ไม่มีใครเห็น แต่ในประสาทรับรู้ของสวี่ชิงมันก็ยังคงมีลักษณะเป็นต้นไม้แปลกประหลาดเช่นเดิม ส่งเสียงออกมาท่ามกลางความเหี้ยมโหดและบ้าคลั่งอีกครั้ง
กรอดๆ กรอดๆ
ร่างของยักษ์สะท้าน เดินมาทางที่สวี่ชิงอยู่ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้ในใจสวี่ชิงเกิดความกลัวมากขึ้น
สวี่ชิงมองยักษ์ที่อยู่ใต้ทะเลที่อยู่ไกลลิบอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เลือกที่จะถอย ขณะเดียวกันผลึกแก้วสีม่วงก็พลันปะทุขึ้นมา ทำการสะกดเงาทันที
ขณะเดียวกันก็เอาเรือเวทออกมา ก้าวขึ้นไปบนนั้น ทะยานออกไปจากทะเล
โลกภายนอกตอนนี้เป็นช่วงเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สดใส ในขณะที่ทอมาบนร่างสวี่ชิง ก็เผยเงาของเขาอย่างชัดเจนบนพื้นเรือ
เงากำลังบิดเบี้ยว เหมือนกำลังต้านทานการสะกดของสวี่ชิงอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่บิดเบี้ยว รูปร่างของมันก็เปลี่ยนไป แผ่หนวดรยางค์แต่ละเส้นๆ ออกมารอบๆ รูปร่างที่เหมือนต้นไม้ เริ่มคล้ายกับยักษ์ลากราชรถสัมฤทธิ์ขึ้นมาช้า
แววตาสวี่ชิงฉายจิตสังหารออกมา ช่องเวททั้งสี่สิบสี่ในร่างโคจรขึ้น ทะลักไปยังผลึกแก้วสีม่วงที่หน้าอก
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ผลึกแก้วสีม่วงถูกซัดโหม แสงสีม่วงรางเลือนสาดออกมาจากอกสวี่ชิงกระทบไปที่เงาบิดเบี้ยว
ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว สวี่ชิงทำการสะกดติดๆ กันทีเดียวห้าสิบกว่าครั้ง!
เงาสั่นสะท้านรุนแรงแต่ก็ยังคงคำรามเสียงต่ำ ประกายแสงสีแดงจากดวงตาทุกดวงรุนแรง ปากมหึมาที่อ้ากว้างเหมือนจะเปล่งเสียงออกมา แต่สวี่ชิงแค่แค่นเสียงขึ้นจมูก ก็ผสานพลังไฟชีวิตในร่างของตัวเองเข้าไปในผลึกแก้วสีม่วง ขณะเดียวกันมือขวาก็ยกขึ้นสะบัด ทันใดนั้นเงาร่มสีดำขนาดมหึมาเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ร่มดำนี้เพียงออกมา ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี ลมเมฆพัดตลบ สวี่ชิงครอบไว้เหนือเจ้าเงา ในขณะที่บดบังแสงอาทิตย์ ก็ตัดการติดต่อบางอย่างของมันกับโลกภายนอก
เงาที่อยู่ใต้ร่ม คนนอกไม่อาจมองเห็น 艾琳小說
แต่สวี่ชิงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเงาถูกตัดการติดต่อกับโลกภายนอก ตอนนี้ก็เผยสีหน้าตื่นกลัวออกมา ดิ้นรนอย่างรุนแรง
“โง่เง่า” สวี่ชิงเอ่ยเนิบนาบ จากการที่ไฟชีวิตผสานเข้าไปในผลึกแก้วสีม่วงผลึกแก้วก็ได้รับการกระตุ้นในระดับสูง ปะทุพลังสะกดที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา เกิดเป็นวงแสงสีม่วงที่เหมือนวัตถุจริงออกมา พุ่งครืนครันไปหาเจ้าเงา
สามครั้ง เจ็ดครั้ง สิบหกครั้ง!
การสะกดภายใต้สภาวะดวงไฟชีวิตเช่นนี้ พลานุภาพเหนือกว่าก่อนนี้มหาศาล เงาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ค่อยๆ ไม่สามารถดิ้นรนได้ภายใต้การสะกดนี้ ปากส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก สุดท้ายก็สั่นงันงกขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน ภายใต้การสังเกตอย่างละเอียดของสวี่ชิง จากการที่ร่มดำปกคลุมเงา จากการสะกดอย่างแข็งแกร่งของตน ในที่สุด…ฝีเท้าของยักษ์ลากราชรถใต้ทะเลก็หยุดลง
เหมือนสูญเสียการรับรู้ ยักษ์ค่อยๆ หมุนตัวลากราชรถไปยังจุดลึกของมหาสมุทร กลับคืนไปอีกครั้ง
จวบจนมั่นใจว่ายักษ์จากไปไกล ความหวาดกลัวในใจสลายไปแล้ว สวี่ชิงก็หันมามองเจ้าเงาที่ยิ่งสั่นสะท้านรุนแรง ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้วอย่างเย็นชา
“แผนของเจ้าล้มเหลวแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยเสียงราบเรียบ
เงาตัวสั่นงันงก รูปร่างกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน หนวดรยางค์หายไป กลับมาเป็นเงาต้นไม้อีกครั้ง ดวงตาทุกคู่บนนั้นยังคงเป็นประกายแสงสีแดง แต่กลับไม่กล้าส่องประกายโหดเหี้ยม กลับฉายแววประจบประแจงออกมา
ตอนนี้ดวงอาทิตย์รุ่งอรุณลอยสู่ท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ในทะเลยิ่งใหญ่กว่าบนฝั่งมากนัก เหมือนว่าดวงอาทิตย์ลอยจากพระราชวังในทะเลบินสู่ท้องฟ้า ประกายแสงแดงเพลิงสาดส่องไปทั่วทุกทิศเหมือนเปลวเพลิงแดงฉาน จะแผดเผาฟ้าดิน
กระทั่งว่าทะเลต้องห้ามสีดำในเสียวพริบตานี้ก็ไม่อาจประชันแสงได้ เหมือนว่าในช่วงเวลานี้ของทุกวัน ดวงอาทิตย์ถึงจะเป็นตัวละครหลักเพียงหนึ่งเดียว
แต่ตอนนี้สวี่ชิงไม่มีใจไปสนใจ มือขวาของเขาเพียงสะบัด ร่มดำก็หายไป เงาปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จากร้อนแรงของแสงอาทิตย์ เงาที่สะท้อนอยู่บนพื้นเรือมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ชัดเจนมาก
เพียงแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่ถูกสะกดหลายครั้ง สีของมันก็ไม่ได้ดำเหมือนตอนที่เพิ่งทะลวงขั้นขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้มันยิ่งสั่นสะท้านรุนแรงภายใต้การจับจ้องอย่างเย็นชาของสวี่ชิง
“ผิด…ข้า…”
ระลอกคลื่นอารมณ์เพิ่งแผ่ออกมา พลังสะกดในผลึกสีม่วงในร่างสวี่ชิงก็พลันซัดลงมา
สิบครั้ง สามสิบครั้ง เจ็ดสิบครั้ง ร้อยยี่สิบครั้ง…
สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิข้างๆ เสียเลย มองท้องฟ้าที่อยู่ไกลๆ ไม่มีความคิดว่าจะหยุด บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ข้างๆ ตอนแรกก็เบิกบานนัก แต่เมื่อดูๆ ไป เขาก็ใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
เขาเห็นเจ้าเงาภายใต้การสะกดนี้ก็ฉีกออกไม่หยุด อเนจอนาถแสงหมองหม่น รูปร่างไม่สมบูรณ์ กระทั่งว่ากลิ่นอายก็อ่อนแรง เหมือนว่าจะตายไปได้ทุกเมื่อ แล้วก็มองไปยังสวี่ชิงที่ใบหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยเสียงต่ำอย่างอดไม่ได้
“นายท่าน มัน…มันจะตายแล้ว”
สวี่ชิงปรายตามองบรรพจารย์สำนักวัชระแวบหนึ่ง
“เจ้าเห็นใจมันหรือ”
“ไม่อย่างเด็ดขาด!” สายตาของสวี่ชิงนี้ทำเอาบรรพจารย์สำนักวัชระขนลลุกขนพอง รีบตบอกแรงๆ กระทั่งว่าแรงจนตบเอาสายฟ้าออกมา ในขณะที่ฟาดผ่าเปรี้ยงปร้างไปข้างหลังก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง
“นายท่าน พวกเรามาร่วมกันสังหารเจ้าเงาเนรคุณกันเถิด!” พูดแล้ว อัสนีในร่างก็คำรามลั่น พุ่งไปที่เจ้าเงา ช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง กลัวว่าจะการกระทำจะช้าเกินไป