ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 180 วิหคทองจุติยังโลก

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 180 วิหคทองจุติยังโลก

พริบตาเมื่อครู่ สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าบนท้องฟ้ามีคลื่นไอพลังประหลาดของเผ่าสิงซากสมุทรอยู่วูบหนึ่งจากการที่ไข่มุกสีดำเม็ดนั้นร่วงลงมาจากเรือศึกไม้ดำ

จุดนี้ทำให้การพิจารณาทั้งหมดในใจเขา เดาออกว่าเรือศึกสามลำนี้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นของเผ่าสิงซากสมุทร

สวี่ชิงเดิมทีก็ไม่รู้สึกดีอะไรกับเผ่าสิงซากสมุทร เขาสังหารมานักต่อนักแล้ว

เรื่องในวันนี้ถือเป็นภัยที่ไม่คาดคิดสำหรับเขา แม้ว่าไข่มุกสีดำเม็ดนั้นจะไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บใด แต่พลานุภาพที่แฝงอยู่ด้านในนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เทียบได้กับการโจมตีสุดกำลังของผู้บำเพ็ญไฟชีวิตหนึ่งดวง!

โดยเฉพาะลายอักขระที่ปิดผนึกอยู่ด้านใน ดูลึกลับอย่างมาก

ในหัวสมองของสวี่ชิงฉายภาพที่เห็นทั้งหมดก่อนหน้า ลายอักขระนั้นเพียงแค่สว่างวาบขึ้น กลับทำให้ไข่มุกสีดำเม็ดนั้นเคลื่อนย้าย เพียงพริบตาก็ปรากฏขึ้นบนเรือเวทของตนเอง

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้สวี่ชิงไม่สามารถมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ทัน ยากจะหลบเลี่ยง

‘หากพลานุภาพของไข่มุกนั่น ไปถึงระดับไฟชีวิตสองหรือสามดวงล่ะก็…ของสิ่งนี้ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าเลยทีเดียว!’

สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก ในดวงตาเกิดประกายเย็นเยียบ

เขามั่นใจมากว่าผู้บำเพ็ญที่จะโยนสมบัติที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งออกมาส่งเดชแบบนี้ได้ ถ้าไม่ใช่พลังบำเพ็ญไม่ธรรมดาจนมีสมบัติอยู่มากมาย

ก็คงจะเป็นพวกพลังบำเพ็ญธรรมดาแต่สถานะไม่ธรรมดา

เขารู้สึกว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า

‘ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว จะต้องมีคนคุ้มกันอยู่ด้วยแน่นอน’

สวี่ชิงไม่ถอนสายตากลับ เขาไล่ตามจุดดำของเรือศึกสามลำบนฟากฟ้าไปอย่างรวดเร็วด้วยเรือเวทในรูปร่างกิ้งก่าทะเลที่แล่นทะยานอยู่ใต้ทะเล

ก่อนหน้าที่สวี่ชิงยังไม่แน่ใจว่าบนเรือมีผู้แข็งแกร่งระดับสูงอยู่หรือไม่ จึงไม่คิดบุ่มบ่ามลงมือ

เขาเคยชินกับการสะกดรอย และชินกับการสังเกตเงียบๆ เวลานี้จึงเหมือนกับนักล่าที่ค้นหาจุดอ่อนของเหยื่อรวมถึงพิจารณาพลังที่แท้จริง

ขณะเดียวกัน ในเรือศึกไม้ดำสามลำที่เส้นขอบฟ้า เผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวสีขาวในลำที่อยู่ด้านหน้าสุดถอนหายใจออกมา

เขายืนอยู่ริมเรือศึกมองลงไปยังมหาสมุทรเบื้องล่าง ในดวงตามีความกลัดกลุ้มอยู่ด้วย

เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าในทะเลเบื้องล่างมีกลิ่นอายวูบหนึ่งเพ่งเล็งมายังเรือศึกของพวกเขาทั้งสามลำ

กลิ่นอายนี้…เขาคุ้นเคยอย่างมาก

“พี่สวี่ชิงอย่างอนไปเลย ข้าเองก็ทำตัวเงียบๆ แล้วนะ เมื่อครู่เดิมคิดจะโยนอัสนีเทพลงไปสามเม็ดด้วยซ้ำ ท้ายสุดข้าก็โยนลงไปแค่เม็ดเดียว…”

องค์หญิงสามแอบเหล่มองเผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวสีขาว พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจตนเอง จึงเดินไปดึงแขนเสื้อ แกว่งไปแกว่งมา

“เอาน่าๆ จากนี้ข้าจะไม่โยนของทิ้งขว้างระหว่างทางอีกแล้ว พี่สวี่ชิงอย่าโกรธสิ ทำไมพี่ต้องขมวดคิ้วแบบนั้น กำลังคิดอะไรอยู่หรือ”

เผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวสีขาวได้ยินชื่อสวี่ชิงนี้ ถอนหายใจอีกรอบ หันหน้ามองไปยังองค์หญิงสาม

“ข้ากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้เจ้านี่ไม่มาสังหารเจ้า และกำลังคิดว่าจะทำให้เจ้านี่ไม่รู้ว่าข้าแอบทำงานอยู่ได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นเขาคงคลั่งเป็นแน่”

“พี่สวี่ชิง ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่ท่านพูดเลย…”

รอยยิ้มองค์หญิงสามหวานละมุนบริสุทธิ์ ท่าทีเหมือนฟังไม่ออก

เผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวสีขาวโบกไม้โบกมือ และขี้เกียจจะพูดมาก

เขาทอดถอนใจว่าตนเองแค่พบว่าแต้มคุณงามความดีได้มาค่อนข้างยาก ดังนั้นจึงคิดใช้เล่ห์เหลี่ยมเสียหน่อย จึงรับภารกิจค้นหาองค์หญิงสามคนนี้ และก็สำเร็จในการหาตัวนางรวมไปถึงการดึงดูดนางด้วย

ถัดจากนี้ขอแค่ส่งกลับไปยังเผ่าสิงซากสมุทร คุณงามความดีของตนเองไม่เพียงแค่พอจะแลกหัวใจศพระดับสูงดวงหนึ่งเท่านั้น กระทั่งหลังจากได้รับความเชื่อมั่นจากองค์หญิงสาม ตนเองยังสามารถไปยังสถานที่ซ่อนสมบัติแห่งบรรพจารย์ของเผ่าสิงซากสมุทรได้อีก เป็นการสำเร็จแผนการที่สองของตนเอง

ยิ่งไปกว่านั้นวิธีนี้ของตนเองก็ดำเนินการมาแล้วกว่าครึ่ง ตอนนี้ขาดแค่อีกหนึ่งเดือนก็สามารถเข้าไปยังพื้นที่ของเผ่าสิงซากสมุทรในทิศทางนี้ได้แล้ว

แต่…องค์หญิงของเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ยังอยากจะโยนไข่มุกอัสนีเทพนั้นลงไปเสียให้ได้

ตอนที่ชุดขาวกำลังทอดถอนใจ จู่ๆ ก็ร้องเอ๊ะขึ้น ก้มหน้าจ้องเขม็งไปใต้ทะเล

เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายที่สวี่ชิงเพ่งเล็งมาที่นี่ เลือกยอมแพ้ไป ไม่ติดตามมาอีก

“นี่มันอะไรกัน หรือเจ้าเด็กนั่นเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว หรือว่ามีเรื่องอื่นต้องไปทำกัน”

เผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวสีขาวประหลาดใจ สังเกตอยู่พักหนึ่ง กระทั่งเรือศึกไม้ดำออกห่างจากน่านน้ำผืนนี้ และผ่านไปอีกสามวัน ในที่สุดก็ยืนยันได้ว่าสวี่ชิงไม่ตามมา

“ประหลาด”

แม้ในใจจะอยากรู้อยากเห็น แต่ชุดขาวเองก็ถอนหายใจโล่ง เขาไม่ได้กลัวว่าสวี่ชิงจะล่วงรู้แผนการที่ตรงไปยังเผ่าสิงซากสมุทรของตนเอง แต่เขารู้สึกโหวงๆ กับเรื่องที่ตนเองแอบใช้ชื่อของอีกฝ่ายต่างหาก

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อหาคู่ครองให้เขา ใช่แล้วไม่ผิดหรอก ข้าในฐานะที่เป็นนายกองจึงใส่ใจชีวิตส่วนตัวของลูกน้อง ออกโรงไปหาคู่สมรสให้เขาด้วยตนเอง เรื่องนี้เขาควรจะต้องขอบคุณข้า!”

เผ่าสิงซากสมุทรชุดคลุมยาวสีขาวกระแอมไอออกมาครั้งหนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล และยังคงถ่ายทอดคำสั่งออกไปให้เพิ่มความเร็ว

ขณะเดียวกัน ส่วนลึกใต้ทะเล เรือเวทกิ้งก่าทะเลที่สวี่ชิงอยู่…ยังคงไม่ไปไหน!

เพียงแต่ว่าบนเรือเวทเวลานี้มีเงาดำกลุ่มหนึ่งคลุมอยู่ เจ้าเงานั่นเอง

สามวันก่อนหน้าตอนที่สวี่ชิงเพ่งเล็งไล่ตามจะเอาคืน เขาก็สัมผัสได้ว่าตนเองก็ถูกจับได้แล้วเช่นกัน จึงทำทีเป็นหนี อันที่จริงแอบควบคุมเจ้าเงาคลุมเอาไว้ จัดการนำกลิ่นอายของตนเองกับไอพลังประหลาดทะเลต้องห้ามผสานเข้าไว้ด้วยกัน

จากนั้นจึงสะกดรอยตาม สังเกตต่อ และครั้งนี้เขาไม่มีความรู้สึกว่าถูกจับได้แล้ว ทำการอำพรางได้อย่างแท้จริง

ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็ทำให้เขาตรวจสอบพบข้อมูลบางอย่างได้ทางอ้อมอีกด้วย อย่างเช่น…ในเรือศึกไม้ดำสามลำนี้มีโอกาสสูงที่จะไม่มีผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณอยู่ กระทั่งไฟชีวิตสามดวงเองก็น่าจะไม่มีด้วย

ไม่เช่นนั้น สามวันก่อนหน้าตอนที่อีกฝ่ายจับกลิ่นอายเพ่งเล็งของตนเองได้ ก็น่าจะลงมาสะกดแล้วจึงจะถูก จะยอมปล่อยตนเองหนีมาได้อย่างไร

และในสามวันนี้ สวี่ชิงเองก็สังเกตเห็นเรื่องราวอีกมากมาย อันดับแรกการปิดบังภายนอกของเรือศึกสามลำนี้ก็ถูกเขามองออกจากการสังเกตอย่างรอบคอบ

ถัดมาคือการเพิ่มความเร็วของอีกฝ่าย

ทั้งหมดนี้พอรวมเข้าด้วยกัน สวี่ชิงจึงแน่ใจไปแปดส่วนแล้ว ว่าในเรือศึกสามลำนี้ ไม่มีผู้แข็งแกร่งที่มั่นใจในพลังบำเพ็ญนัก

“เมื่อเป็นเช่นนี้…”

สวี่ชิงดวงตาเปล่งจิตสังหาร ด้านหนึ่งเขารู้สึกโมโหกับไข่มุกสีดำก่อนหน้านั้นมาก อีกด้านหนึ่งในเมื่อสวี่ชิงเห็นของบำรุงในการเปิดช่องเวทแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยไป

นอกเหนือจากนี้…ในเมื่ออีกฝ่ายทำให้เขาเสียเวลาเพิ่มระดับวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ เช่นนั้นเผ่าสิงซากสมุทรจึงมีหน้าที่เป็นของบำรุงที่จำเป็นส่วนสุดท้ายที่ช่วยเขาเสร็จสิ้นวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ

เช่นนี้จึงจะยุติธรรมสมเหตุสมผล

ดังนั้น ขณะที่ค่ำคืนที่สามมาถึง บนท้องฟ้าที่มืดมิด แสงจันทร์หม่นหมองลงครู่หนึ่ง สวี่ชิงอยู่ใต้ท้องทะเล ยืนบนเรือเวทยกสองมือขึ้นทำปาง กดลงไปฉับพลัน

ทันใดนั้นเรือเวทก็ส่งเสียงครืนครัน ปีกกิ้งก่าทะเลกางออก ตัวเรือยาวนับสิบจั้งพุ่งตรงขึ้นมาบนผิวน้ำทะเลในพริบตา

พริบตาที่โผล่พ้นน้ำทะเลขึ้นสู่ฟากฟ้า ปากอันใหญ่โตของกิ้งก่าทะเลก็อ้าออก ช่อแสงสีทองสายหนึ่งที่เกิดจากการส่องสว่างและการรวมตัวกันของแสงสีทองทั่วร่างก็พุ่งออกมาจากปากของกิ้งก่าทะเล

แสงสีทองช่อนี้คือการโจมตีจากการรวมกันของความเป็นเทพที่มีอยู่ในตัวเรือเวทกิ้งก่าทะเล

พอปรากฏออกมา ก็ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆลมตีเกลียว

ขณะที่แสงสีทองเจิดจ้าแยงตาท่ามกลางราตรีมืดมิด ความเร็วของมันก็น่าตกตะลึงด้วยเช่นกัน มาพร้อมกับความศักดิ์สิทธิ์พุ่งตรงไปยัง…เรือศึกไม้ดำลำที่สองจากทั้งสามลำ

ครู่ต่อมา ด้วยการมาถึงของแสงทองต่อให้เกราะคุ้มกันของเรือศึกลำนี้จะเปิดอย่างไรก็ไม่อาจช่วยเหลือใดๆ ได้เลย เพียงพริบตาก็ถูกตัดผ่า ซัดไปบนเรือศึกอย่างจัง

เรือศึกทั้งลำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่รูปร่างบิดงอ ผิวน้ำก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง อสูรสมุทรบรรพกาลยักษ์ขนาดสามร้อยกว่าจั้งตัวหนึ่งก็โผล่พ้นผืนน้ำแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า กระแทกใส่เรือศึกไม้ดำลำแรกที่อยู่ด้านหน้าสุดอย่างแรง!

ขณะเดียวกัน ร่างของสวี่ชิงก็กระโจนมาจากเรือเวทด้วย ตะเกียงแห่งชีวิตในร่างกายจุดภูเขาไฟระเบิดครืนครัน เปลวไฟทั่วร่างทะยานขึ้นฟ้าระดับความเร็วพุ่งสูงสุดในพริบตา พุ่งตรง…ไปยังเรือศึกไม้ดำลำสุดท้าย!

ส่วนเจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระ ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยเช่นกัน ระเบิดความเร็วตรงไปยังเรือศึกลำที่สองที่ถูกความเป็นเทพโจมตี

ทั้งหมดพูดแล้วเหมือนนาน แต่อันที่จริงเกิดขึ้นในชั่วสะเก็ดไฟเท่านั้น

ในชั่วอึดใจท้องฟ้าครืนครันไม่หยุด ร่างของสวี่ชิงพุ่งตรงไปบนเรือศึกลำที่สามด้วยความเร็วที่มากกว่าสายฟ้าฟาด

จังหวะที่เข้าประชิดเขาไม่ชะงักแม้แต่น้อย พลังกายเนื้อระเบิดออก กระแทกไปบนเกราะคุ้มกันของเรือศึกลำนี้จังๆ

เสียงกร๊อบดังไปทั่วสารทิศ รอยแตกมากมายหลายสายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิง จากนั้นก็ระเบิดตูมกระจัดกระจาย ร่างของสวี่ชิงพุ่งทะลวงเข้าไปแล้ว

จำนวนเผ่าสิงซากสมุทรบนเรือศึกลำนี้คือสามสิบกว่าคน นอกจากสร้างฐานขั้นต้นที่จุดไฟชีวิตแล้วคนหนึ่ง ยังมีผู้บำเพ็ญที่ยังไม่จุดไฟชีวิตอีกสองคน นอกนั้นล้วนเป็นระดับรวมปราณ!

พวกเขาตอนนี้ล้วนมีสีหน้าตกตะลึง การเคลื่อนไหวเชื่องช้าอย่างมาก กระทั่งไฟชีวิตในร่างกายของระดับสร้างฐานไฟหนึ่งดวงคนนั้นก็เพิ่งจะจุดขึ้น

สวี่ชิงเหลือบมองเย็นชา ร่างกายไม่ชักช้าแม้แต่น้อย ก้าวเท้าพุ่งไปเบื้องหน้าเผ่าสิงซากสมุทรระดับสร้างฐานที่เพิ่งจุดไฟชีวิตขึ้นมาคนนั้น

พริบตาที่ความตกตะลึงและความสิ้นหวังของอีกฝ่ายเพิ่งปรากฏออกมา มือขวาของสวี่ชิงก็ยกขึ้น กดลงไปบนหว่างคิ้วของอีกฝ่าย

เสียงตูมดังขึ้น เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณไหลเวียน!

เสียงฟุ่บดังขึ้น ภาพสัญลักษณ์กลางแผ่นหลังของเขาก็กลายเป็นขนหงส์นับไม่ถ้วน ปกคลุมเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานคนนี้ไว้ด้านใน และพริบตาที่โคจรสองวิชาขึ้นพร้อมกัน ร่างกายเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ก็แห้งเหี่ยวลงฉับพลัน

วิญญาณของเขาถูกสูบออกมา เลือดต้นกำเนิดกายเนื้อก็ถูกหลอมออกมาด้วยเช่นกัน

นั่นเป็นเลือดสดสีน้ำเงินเข้มดวงหนึ่ง ขณะที่ถูกขนหงส์รอบๆ สวี่ชิงเข้ากลืนกินตอนนี้ ร่างของสวี่ชิงก็สั่นสะเทือนขึ้น จุดที่ประทับภาพสัญลักษณ์บนแผ่นหลังเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มแผดเผาขึ้นมา

สวี่ชิงจิตวิญญาณสั่นสะท้าน ก่อนหน้านี้วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของเขาขาดเพียงส่วนสุดท้ายก็จะสำเร็จช่วงที่สองของเมล็ดพันธุ์สืบทอดได้แล้ว ตอนนี้หลังจากกลืนเลือดต้นกำเนิดของเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่ง วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ…ในที่สุดก็ก่อตัวขึ้น!

พริบตาต่อมา เสียงคำรามที่เหมือนจะส่งไปยังเก้าชั้นฟ้าได้ก็ดังก้องออกมาจากแผ่นหลังของสวี่ชิง ขนหงส์รอบๆ ตัวเขาเผาไหม้หมดจดในพริบตา กลายเป็นเปลวเพลิงสีดำพุ่งมารวมที่ด้านหลังเขา

ขนหงส์นับไม่ถ้วน เปลวเพลิงสีดำนับไม่ถ้วน ในช่วงที่เข้ามารวมกันอย่างต่อเนื่องนี้ ก็ก่อตัวขึ้นเป็นทะเลเพลิงที่ยิ่งใหญ่ผืนหนึ่งด้านหลังสวี่ชิง ทะเลเพลิงนี้สูงนับสิบจั้ง แสงจ้าสะท้อนไปทั่วทิศ สะท้อนทุกอย่างในที่นี้จนกลายเป็นสีดำ

เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ยิ่งแจ่มชัดขึ้น กำลังก่อตัวขึ้นมาจากในทะเลเพลิงสีดำผืนนั้น

และพริบตาที่ส่งออกมา…ทะเลเพลิงสีดำผืนนี้ก็เดือดพุ่งขึ้นสูงท้องฟ้าอย่างรุนแรง ระเบิดออกมา วิหคเทพสีดำตัวหนึ่งก่อตัวขึ้นด้านใน ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า!!

ราวกับมันถือกำเนิดขึ้นจากเปลวไฟ ราวกับมันก่อตัวขึ้นในกาลเวลา ความเป็นบรรพกาลระเบิดโถมสู่ฟ้าจากร่างของมัน ทำให้ค่ำคืนที่มืดมิดราวกับเดือดพล่านขึ้นมาในวินาทีนี้!

มองไกลๆ วิหคเทพตัวนี้มีหัวเป็นอีกา ตัวเป็นนกกระเรียน หางพญาหงส์ มีสามขาเหมือนกรงเล็บ!

ตอนนี้เพลิงสีดำไหลอาบบนตัวมันจากการทะยานขึ้นอากาศไปรวมกันที่หางด้านหลัง เชื่อมกับทะเลเพลิงผืนนั้น ก่อตัวขึ้นเป็นหางเพลิงรูปพัดที่น่าสะพรึง

วิจิตรงดงาม และเต็มไปด้วยความลึกลับ

และพริบตาต่อมาวิหคทองนี้ก็หมุนวน พุ่งตรงไปยังสวี่ชิงที่ยืนอยู่บนอากาศ

มันเข้าประชิดตัวสวี่ชิงระหว่างเสียงคำราม พร้อมด้วยความรู้สึกสนิทชิดเชื้ออย่างมาก หมุนวนรอบตัวเขาราวกับกำลังเริงระบำ

ทุกจุดที่แล่นผ่านหางเพลิงก่อตัวขึ้นเป็นทะเลเพลิง สะท้อนใบหน้าของสวี่ชิงออกมาแจ่มชัด และวางร่างของเขาเอาไว้บนตัวของมันอีกด้วย

ตอนนี้จิตใจเผ่าสิงซากสมุทรเกือบทั้งหมดในเรือศึกทั้งสามลำกลางอากาศกู่ก้อง พริบตาที่มองมายังสวี่ชิง สองตาของพวกเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ราวกับว่าสวี่ชิงในตอนนี้ ขณะเสียงคำรามและการโอบล้อมของวิหคทองสีดำก็กลายเป็นตัวตนที่ไม่อาจมองตรงๆ ได้แล้วอย่างแท้จริง!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท