ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 200 ผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 200 ผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร

แรงกดดันนี้มีความเผด็จการวูบหนึ่ง แค่เพิ่งปรากฏก็กระพือคลื่นยักษ์ที่ท่าเรือ ทำให้คลื่นสีดำหอบม้วนอย่างรุนแรง กลายเป็นกำแพงน้ำกลางอากาศ ครืนครันเข้ามาทางประตูใหญ่นอกท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิต

คลื่นนี้ขนาดค่อนข้างใหญ่มีพลังบ้าคลั่งแฝงอยู่ภายใน กระทั่งกระตุ้นค่ายกลใหญ่เจ็ดเนตรโลหิต ม่านแสงสีแดงสายหนึ่งจากแสงที่เปล่งออกในจุดที่ห่างจากเจ็ดเนตรโลหิตก็ปรากฏขึ้นฉับพลัน เข้าสกัดคลื่นน้ำ

เสียงครืนครันดังออกมาในระยะใกล้เช่นนี้ เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนแก้วหูจนหูดับ ทำให้ผู้คนในท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกราวกับมีสายฟ้าอัสนีสะเทือนก้องที่ข้างหู

สวี่ชิงเลิกคิ้ว มือขวายกขึ้นโบก พลังเวทในร่างกายก็แผ่ซ่านปกคลุมกู้มู่ชิงและติงเสวี่ยไว้ด้านในฉับพลัน ตัดขาดจากเสียงครืนครันที่สามารถสั่นสะเทือนจิตวิญญาณนี้ไป

แต่ศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตที่เหลืออีกสามสิบกว่าคนก็แย่หน่อย พวกเขาแต่ละคนกระอักเลือดสด พากันถอยหนี เสียงนี้สามารถทำอันตรายกับศิษย์ระดับลมปราณได้จริงๆ

สวี่ชิงหรี่ตาลง นายกองที่อยู่ข้างๆ ลูบคาง มององค์หญิงสองที่อยู่ข้างกาย

องค์หญิงสองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน นางมองไปทางประตูใหญ่ของเจ็ดเนตรโลหิตไกลๆ เอ่ยขึ้นกะทันหันว่า

“นี่หมายความว่าอย่างไร”

“ไอ๊หยาพี่สาวอย่าเพิ่งโมโหนะ” จากเสียงองค์หญิงสองที่ดังออกมา ก็มีเสียงใสเสียงหนึ่งดังตอบกลับมาจากทางประตูใหญ่ของท่าเรือ

พริบตาต่อมาหนวดของปลาหมึกขนาดยักษ์เส้นหนึ่งก็โผล่พ้นผืนน้ำขึ้นมาจากใต้ทะเลด้านนอกประตูใหญ่ท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิต

หนวดปลาหมึกเส้นนี้หนาหลายจั้ง ขนาดความยาวก็ยาวนับร้อยจั้ง ดูแล้วยิ่งใหญ่มาก เวลานี้ผ่านประตูใหญ่ท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิตเข้ามาหยุดในอ่าว จากนั้นก็มีหนวดแบบเดียวกันค่อยๆ ยื่นออกมาจากน้ำทะเลเรื่อยๆ

พริบตาต่อมา หัวปลาหมึกที่ใหญ่โตยิ่งกว่าก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล

ด้านบนหัวปลาหมึกตัวนี้มีตัวตนที่เหมือนจะเป็นเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ สาเหตุที่ใช้คำว่าน่าจะ ก็เพราะชุดทะมัดทะแมงสีดำที่นางสวมอยู่ดูแล้วไม่ใช่การแต่งกายของเด็กสาวเลย กระทั่งเส้นผมก็ไม่ใช่ผมยาว แต่สั้นเอามากๆ

ทว่านางก็ดูอ้อนแอ้นบอบบางมาก ขณะพูดเวลานี้ ก็เข้าประชิดชายฝั่งท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกทันทีจากการที่ปลาหมึกขนาดยักษ์ตัวนั้นคลานออกมาจากใต้ทะเล

น้ำทะเลสีดำสาดลงมาบนพื้น บางส่วนสาดรดบนตัวศิษย์เจ็ดเนตรโลหิต กระทั่งเผ่าดาราสมุทรที่อยู่ข้างๆ เวลานี้คนในเผ่าส่วนใหญ่ตัวสั่นเทา พากันก้มหน้าลง

ร่างของปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ แผ่กลิ่นอายระดับเดียวกับผู้อาวุโสแก่นลมปราณที่น่าตื่นตะลึงออกมา!

เนื่องจากอสูรทะเลที่สะพรึงเช่นนี้มีร่างกายที่ใหญ่โต พลังการต่อสู้จึงมักจะเหนือกว่ากว่าระดับของผู้บำเพ็ญ เวลานี้แรงกดดันบนตัวก็ยิ่งแผ่ความน่าสะพรึงออกไปรอบด้านอย่างเหิมเกริม

เมื่อเห็นภาพนี้ สวี่ชิงก็ถอยหลังหลายก้าวหลบน้ำทะเลที่สาดกระเซ็นมา เงยหน้ามองเด็กสาวชุดดำที่ยืนอยู่บนตัวปลาหมึกขนาดยักษ์อย่างเย็นชา

เด็กสาวคนนี้อายุประมาณสิบห้าสิบหกปี ใบหน้ารูปแตง ริมฝีปากบาง คิ้วและดวงตามีชีวิตชีวาค่อนข้างพริ้มเพรา

เมื่อร่างบางกระโจนลงมาจากที่สูง ก็วิ่งตรงไปหาองค์หญิงสองทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองสวี่ชิงและนายกอง

“พี่สาว เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้ ต้องโทษเจ้าเสี่ยวผี” พูดพลาง เด็กสาวก็ยกมือขวาโบกไปด้านหลัง ฉับพลันเข็มแหลมหลายเล่มก็ปรากฏออกมากลางอากาศรอบตัวนาง แผ่แสงคมกริบออกมาพร้อมกับพลังที่น่าตกตะลึงพุ่งไปทางปลาหมึก

เป้าหมายไม่ใช่ร่างกายที่มีเนื้อหนังหยาบหนาของมัน แต่เป็นดวงตา

พริบตาต่อมา ปลาหมึกตัวนี้สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ในดวงตาถูกแทงด้วยเข็มแหลมสีดำจำนวนมาก แต่มันกลับไม่กล้าหลบ ทั้งๆ ที่เจ็บปวดก็ไม่กล้าขัดขืน ปล่อยให้เลือดสีดำไหลออกมา

“พี่สาวไม่ต้องโมโหนะ ข้าช่วยตีมันให้แล้ว”

ภาพนี้ปรากฏอยู่ในสายตาสวี่ชิง เขาหดม่านตาลงเล็กน้อย ตอนที่กวาดสายตามองสาวน้อยชุดดำ ก้นบึ้งจิตใจเขาก็ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นมา

สำหรับสวี่ชิง อีกฝ่ายแตกต่างกับคนทั้งหมดที่เขาเคยเจอมา ไม่ว่าจะนายกองหรือว่าผู้สืบทอดมรรคาเผ่าศพสิงซากสมุทร กระทั่งผู้อาวุโสสำนักและเจ้ายอดเขาก็ล้วนแตกต่างกับเด็กสาวคนนี้

อีกฝ่ายเหมือนจะดู…บริสุทธิ์กว่า!

ความบริสุทธิ์นี้ ทำให้สวี่ชิงเข้าใจสาเหตุในทันที และสาเหตุนี้ก็คือต้นกำเนิดระลอกคลื่นในก้นบึ้งจิตใจของเขา

‘นางไม่มีไอพลังประหลาด!’

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้บำเพ็ญที่ไม่มีไอพลังประหลาดนอกจากตนเอง ความบริสุทธิ์บนตัวอีกฝ่ายนั้นราวกับเทพธิดา กระทั่งทั้งร่างยังมองเห็นช่องเวทอีกหนึ่งร้อยกว่าช่องอยู่รางๆ กำลังเปล่งแสงออกมา

ไม่ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง

สวี่ชิงกวาดตาดูและมั่นใจว่ามีหนึ่งร้อยสี่ช่อง เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเปิดช่องเวท สุดท้ายจะต้องไปถึงหนึ่งร้อยยี่สิบช่องแน่นอน กระทั่งมากกว่านี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ถึงอย่างไรสวี่ชิงตอนแรกก็เคยได้สัมผัสแล้ว ว่าหนึ่งร้อยยี่สิบ…ไม่ใช่ขีดจำกัด

“เหยียนเหยียน ที่นี่คือเจ็ดเนตรโลหิต เจ้า…” องค์หญิงสองขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

“เอาล่ะๆ พี่สาวข้าผิดไปแล้ว” เด็กสาวชุดดำรีบเดินมาอยู่ข้างกายองค์หญิงสอง กอดแขนกำยำของนางไว้ เอ่ยด้วยเสียงออดอ้อน

ความสัมพันธ์ของนางกับองค์หญิงสองไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้องค์หญิงสองส่ายหัว มองไปทางนายกอง

“ศิษย์พี่ใหญ่…เหยียนเหยียนไม่ได้เจตนา”

นายกองยิ้มพิจารณาเด็กสาวเสื้อดำคนนั้นครู่หนึ่ง เด็กสาวคนนี้ก็มองนายกองอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงยิ้มบางๆ เผยลักยิ้มสองข้าง

“ดวงตาของเจ้าน่ารำคาญเสียจริง ถ้ายังมองข้าอีก ข้าจะให้เสี่ยวผีควักออกมาเสีย”

เมื่อนายกองได้ยินก็ตาเป็นประกาย พยายามถลึงตาโต ราวกับจะเผยให้เห็นว่าดวงตาของตนเองสวยเพียงใด จากนั้นก็ล้วงผิงกั่วออกมาใบหนึ่ง กัดไปหนึ่งคำ

“ไม่เป็นไร ข้าให้เจ้าเลยก็ได้ มาแลกกับน้ำยาบูรพาสงัดขวดหนึ่ง จะแลกหรือไม่”

เด็กสาวชุดดำเลิกคิ้วงาม

องค์หญิงสองรีบร้อนดึงเด็กสาวชุดดำที่อยู่ข้างๆ เด็กสาวแค่นเสียง สายตากวาดไปทางกลุ่มคน ท้ายสุดก็ไปหยุดอยู่บนตัวสวี่ชิง

เดิมทีก็แค่กวาดตามอง แต่พริบตาต่อมานางก็เห็นใบหน้าของสวี่ชิง

“พี่สาว คนคนนี้ใช่คนสำนักเดียวกับท่านใช่หรือไม่ ข้าอยากเอาใบหน้าของเขามาหลอมทำเป็นหน้ากาก ตอนใส่ออกไปด้านนอกต้องดูดีแน่ๆ”

เด็กสาวชุดดำไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น ในดวงตานางเผยประกายประหลาดออกมาจริงๆ กระทั่งปลาหมึกยักษ์ข้างๆ ตอนนี้ก็ยังเผยแววตาเย็นยะเยือกจับจ้องไปทางสวี่ชิง

ผู้คนรอบๆ พากันตึงเครียด โดยเฉพาะเผ่าดาราสมุทร ล้วนถอยหลังไปทั้งหมด

สวี่ชิงไม่พูดอะไร แต่พลังเวทในร่างกายควบรวมไว้นานแล้ว เงาใต้เท้าเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน

เด็กสาวชุดดำหรี่ตาลง องค์หญิงสองข้างกายนางก็ถอนหายใจ มองไปทางเด็กสาวชุดดำอย่างเอาจริงเอาจัง

“ไม่ได้!”

นางรู้จักสวี่ชิง และรู้ว่านางเป็นเพื่อนของหวงเหยียน เมื่อพูดแล้วจึงมองไปทางสวี่ชิง

“สวี่ชิงขอโทษด้วย เจ้ากลับไปก่อนเถิด เรื่องนี้ข้าจะให้หวงเหยียนไปอธิบายกับเจ้าภายหลัง”

สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า หันหลังตั้งท่าจะจากไป

แต่ตอนนี้เอง เมื่อเด็กสาวชุดดำได้ยินชื่อหวงเหยียน จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา

“พี่สาว ทำไมท่านถึงปกป้องเขานัก ชอบเขาแล้วหรือ เช่นนั้นข้าไม่เอาหน้าเขาแล้วก็ได้ ขอข้าข่วนเสียหน่อยแล้วกัน”

พูดจบ นางก็เคลื่อนไหวฉับพลัน ปะทุความเร็วขึ้นพริบตา พุ่งเข้าหาสวี่ชิง ดวงตาก็เผยความเป็นอริและความโหดร้ายรุนแรงออกมา

ความโหดร้ายและความเป็นอรินี้ประหลาดมาก ตอนลงมือก็รวดเร็วขีดสุด แต่สวี่ชิงก็เตรียมป้องกันไว้นานแล้ว ไฟชีวิตในร่างกายจุดติดขึ้นในพริบตา เข้าสู่สภาวะแสงนภาทันควัน เขาพุ่งออกไปด้วยเช่นกัน ทะยานไปหาเด็กสาวที่พุ่งมา

และขณะเดียวกัน ปลาหมึกที่อยู่ข้างๆ ก็แผ่แรงกดดันระดับแก่นลมปราณออกมาทันที คิดจะลงมือ แต่ตอนนี้เอง เสียงคำรามต่ำราวสายอัสนีเสียงหนึ่งก็ดังมาจากยอดเขาลำดับหกของเจ็ดเนตรโลหิต

“บังอาจนัก!”

ปลาหมึกแก่นลมปราณก็ตัวสั่นเทิ้มทันทีจากเสียงที่ดังมา กลิ่นอายดับสลายราวกับถูกสะกด และถูกพลังไร้ลักษณ์วูบหนึ่งกดลงไปบนพื้น ขยับตัวไม่ได้

ส่วนนายกองก็ไหววูบทันที พุ่งตรงไปยังปลาหมึกที่ถูกยอดเขาลำดับหกสะกด กลิ่นอายเย็นเยียบระเบิดออกมาทั้งร่างในพริบตา เมื่อเข้าประชิดก็กอดหนวดเส้นหนึ่งเอาไว้แล้วกัดลงไป

ขณะเดียวกัน สวี่ชิงกับเด็กสาวชุดดำก็ปะทะกันกลางอากาศ เล็บของเด็กสาววาดข่วนอย่างแรงไปบนใบหน้าสวี่ชิงท่ามกลางเสียงครืนครัน สวี่ชิงไม่หลบเลยสักนิด กริชปรากฏขึ้นในมือขวา ออกแรงวาดกรีดไปที่คอเด็กสาว

ร่างของเด็กสาวเบี่ยงหลบกริชของสวี่ชิง แต่พริบตาต่อมาสวี่ชิงก็ยกเข่าเสยไปที่หน้าอกนางอย่างจัง เสียงโครมดังขึ้น เด็กสาวพลันกลายเป็นเศษกระดาษ

สวี่ชิงม่านตาหดลง ล้วงขวดเล็กที่บรรจุของเหลวสีดำใบหนึ่งออกมาฟาดไปด้านหลังสุดกำลังอย่างไม่ลังเล

เสียงตูมดังขึ้น ขวดเล็กแตกกระจาย ของเหลวสำดำด้านในสาดกระจายออกมา ส่วนหนึ่งตกมาบนฝ่ามือสวี่ชิง แต่ส่วนที่มากกว่าสาดรดไปบนมือขวาของเด็กสาวที่จู่ๆ เดินออกมาจากความว่างเปล่าด้านหลังสวี่ชิง

หน้าเด็กสาวเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก สะบัดอย่างรุนแรง แต่ก็สะบัดไม่ออก ในของเหลวสีดำนั้นมีแมลงตัวเล็กอยู่นับไม่ถ้วน พริบตาที่สัมผัสเข้ากับฝ่ามือเด็กสาว ก็มุดเข้าไปในรูขุมขนอย่างรวดเร็วทันที

“เจ้า!”

เด็กสาวเพิ่งจะเอ่ยปาก จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายวาบ พุ่งออกไปฉับพลัน เหล็กแหลมสีดำก็ลอยขึ้นมาจากเงาทันควัน พุ่งตรงไปทางเด็กสาว

ในจังหวะวิกฤต บนยอดเขาลำดับหก ก็มีเสียงหมดความอดทนดังออกมา

“พอแล้ว”

พอเสียงนี้ดังขึ้น ร่างกายสวี่ชิงก็สั่นเทิ้ม ด้านหน้าเกิดพลังสกัดกั้นมหาศาล จึงทำได้เพียงถอยหลัง

เด็กสาวชุดดำคนนั้นก็เช่นกัน ระหว่างที่ถอยหลังใบหน้าก็ขาวซีด ก้มหน้าลงมองฝ่ามือ ล้วงเอายาลูกกลอนหลายเม็ดออกมากิน แต่ก็ยังไม่ได้ผล

สุดท้ายจึงทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ล้วงเอายันต์อักขระสีทองใบหนึ่งออกมาแปะบนมือขวา จึงสามารถสกัดการลามของแมลงเล็กสีดำในร่างกายนางเหล่านั้นไว้ได้

องค์หญิงสองทางนั้นก็รีบเข้ามา มองภาพเหล่านี้ก็ถอนหายใจ แสดงสีหน้าขอโทษไปหาสวี่ชิง ประคองเด็กสาวชุดดำเอาไว้

“เจ้าชื่อสวี่ชิงสินะ ข้าจำเจ้าไว้แล้ว ใบหน้านี้ของเจ้าข้ากำหนดไว้แล้ว นอกจากนี้เจ้าไปบอกเจ้าอ้วนหวงเหยียนนั่นด้วย ถ้ายังมาวุ่นวายกับพี่สาวข้า ข้าจะเอาเขาให้ตายเลย!” เด็กสาวชุดดำหน้ามืดครึ้ม หลังจากเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ก็ถูกองค์หญิงสองลากออกไปจากท่าเรือ

นายกองก็ลงมือสุดกำลังเช่นกัน แต่ก็ยังทำอะไรกายเนื้อของสิ่งมีชีวิตระดับแก่นลมปราณไม่ได้ สุดท้ายจึงเลือกส่วนปลายสุดแล้วออกแรงสุดกำลัง และกัดหนวดมาได้ส่วนหนึ่ง

ปลาหมึกตัวนั้นคิดจะต่อต้าน แต่ตอนนี้ถูกสะกดไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้ ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ออกมา แต่เด็กสาวชุดดำก็เหมือนลืมมันไปแล้ว

ส่วนเผ่าดาราสมุทรเหล่านั้นก็มองไปทางนายกองกับสวี่ชิงอย่างยำเกรง

จากที่พวกนางเห็น สองคนนี้เป็นคนบ้า คนหนึ่งถือโอกาสที่อสูรทะเลระดับแก่นลมปราณถูกสะกด พุ่งเข้าไปกัดอย่างไม่รักตัวกลัวตาย ส่วนอีกคนก็ยังกล้าลงมือกับองค์หญิงเล็กจากเกาะบูรพาสงัด ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะสังหารจริงๆ อีกด้วย

“แต่ละคนบ้าระห่ำไม่แพ้กัน ห้ามไปยั่วโมโหสองคนนี้โดยเด็ดขาด!”

นี่ทำให้พวกนางอดคิดถึงเงินค่าหัวของเผ่าสิงซากสมุทรขึ้นมาไม่ได้ ในใจรู้สึกว่าคนแบบนี้เท่านั้นที่สามารถทำเรื่องใหญ่เช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงค่อยๆ แยกย้าย

ไม่นานนัก ที่ท่าเรือก็เหลือเพียงสวี่ชิง นายกอง รวมไปถึงปลาหมึกยักษ์ที่ถูกสะกดอยู่ตัวนั้น ส่วนกู้มู่ชิงกับติงเสวี่ยก็ถูกนายกองสั่งให้ออกไปแล้ว

ติงเสวี่ยดูกังวลเล็กน้อย แต่รู้ว่าพวกเขามีเรื่องจะคุยกัน จึงบอกลาแล้วจากไป แต่กู้มู่ชิงก่อนจะออกไป ก็ส่งขวดลูกกลอนใบหนึ่งให้สวี่ชิง

“ศิษย์พี่สวี่ชิง ลูกกลอนนี้มีผลในการสะกดอาการบาดเจ็บจากแมลง”

สวี่ชิงพยักหน้าขอบคุณ จนถึงตอนที่คนทั้งหมดออกไป นายกองแบกหนวดที่กัดออกมาเส้นนั้นวิ่งตรงมาหาสวี่ชิง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้านะ เด็กคนนั้นชอบน้องสองมาหลายปีแล้ว เห็นได้ชัดว่าตรวจสอบมาแล้วว่าเจ้าคือเพื่อนสนิทของหวงเหยียน ครั้งนี้มาหาเรื่องหวงเหยียนแน่ ส่วนเจ้าแค่ติดร่างแหเท่านั้น

“แต่ว่านางก็คงคิดไม่ถึง ว่าเจ้าก็เคี้ยวยากใช่ย่อย”

ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายเย็นเยียบ ไม่พูดอะไร เดินตรงไปหาปลาหมึกยักษ์

“เจ้าจะทำอะไร” นายกองมองไปทางสวี่ชิง

“ตัดหนวดมาสักเส้น” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“อย่าเลย เวลาสะกดจะหมดอยู่แล้ว!!” นายกองร้อนรน

“เช่นนั้นท่านก็มาช่วยสิ รีบๆ ตัดออกมา” สวี่ชิงเดินไปเบื้องหน้าปลาหมึกยักษ์ตัวนั้น บนมือก็ปรากฏกริช สะบั้นอย่างแรงท่ามกลางสายตาเคียดแค้นของอีกฝ่าย

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท