ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 201 กรมปราบพิฆาตรับผิดชอบ!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 201 กรมปราบพิฆาตรับผิดชอบ!

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าช่วงนี้ดูจะโลภมากกว่าข้าเสียอีก!” นายกองเอ่ยอย่างเคืองๆ แต่กลับลงมืออย่างเต็มที่ ทำให้การตัดของสวี่ชิงเร็วยิ่งขึ้น

ดังนั้นขณะที่ความโกรธในใจของปลาหมึกยักษ์ยักษ์ระดับแก่นลมปราณโถมขึ้นฟ้า สวี่ชิงก็จัดการตัดส่วนปลายของหนวดเส้นหนึ่งออกมาได้สำเร็จ ยาวประมาณหนึ่งจั้งกว่า แบกไว้บนบ่าแล้วออกจากที่นี่อย่างรวดเร็วพร้อมกับนายกอง

กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง แรงกดดันบนตัวปลาหมึกยักษ์ยักษ์แก่นลมปราณก็สลายไป มันคำรามอย่างกราดเกรี้ยว คิดจะปีนขึ้นมา แต่พริบตามันก็ตัวสั่นสะท้าน หมอบลงไปกับพื้นใหม่อีกครั้ง

เพราะว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรเบื้องหน้าของมันมีเงาชายกลางคนร่างหนึ่งเดินเข้ามา ชายกลางคนคนนี้ใบหน้าอมทุกข์ ในมือถือไหสุราใบหนึ่ง เดินไปด้วยดื่มไปด้วย

เจ้ายอดเขาลำดับที่หกนั่นเอง

เดิมทีเจ้ายอดเขาลำดับหกคนนี้ คืออัจฉริยะฟ้าประทานเช่นเดียวกับผู้อาวุโสเจ็ดในอดีตของเจ็ดเนตรโลหิต เข้ามาในสำนักรุ่นเดียวกัน แต่ต่อมาตัวเขาก็เกิดเรื่องที่น่าเศร้าขึ้น

คนรักของเขาตายอย่างน่าเวทนา มีเพียงลูกชายคนเดียวที่รอดมาได้ และเขาก็ตั้งความหวังทั้งหมดเอาไว้กับลูกชายคนเดียวนี้ด้วยความโศกเศร้าและโกรธแค้นมหาศาล และลูกชายของเขาก็ไม่ทรยศความคาดหวังเขาจริงๆ

หลายปีก่อนในเจ็ดเนตรโลหิต ถือว่าเป็นคนที่โดดเด่นอย่างมากเช่นกัน

แต่ครั้งหนึ่งที่ออกทะเลไปฝึกบำเพ็ญ ลูกชายเขาก็หายสาบสูญ แผ่นหยกชีวิตที่อยู่ในสำนักแตกกระจุย เรื่องนี้เกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในตอนนั้น แต่สุดท้ายก็ยังหาคนร้ายไม่เจอ กลายเป็นปมในใจที่ไม่อาจปลดเปลื้องได้ในใจเจ้ายอดเขาลำดับหก

นับจากนั้น ไหสุราจึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่ห่างจากมือของเขา

เวลานี้เจ้ายอดเขาลำดับหกผู้ขมขื่นไปถึงกระดูกที่กำลังดื่มสุรา เดินมาอยู่เบื้องหน้าปลาหมึกยักษ์

“ช่วงนี้กำลังหลอมอาวุธเวทอย่างหนึ่ง ดวงตาของเจ้านั้นเหมาะมาก ส่งมาให้ข้าเถอะ”

ปลาหมึกยักษ์ยิ่งตัวสั่นเทา แต่กลับไม่กล้าที่จะลังเล ชูหนวดกดลงไปบนดวงตาของตนเองอย่างรวดเร็ว ออกแรงควักเอาดวงตาของตนเองออกมา ยื่นให้เจ้ายอดเขาลำดับหกอย่างนอบน้อมขณะที่อาบไปด้วยเลือด

“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว ไปรอเจ้านายของเจ้าข้างนอก” เจ้ายอดเขาลำดับหกรับดวงตามา โยนเข้าไปในไหสุรา หันหลังเดินไปทางยอดเขาลำดับหก

ปลาหมึกยักษ์นั่นก็ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม จนกระทั่งเจ้ายอดเขาลำดับหกหายไป มันจึงเงยหน้าขึ้นด้วยอาการสั่นเทา รีบร้อนกลับไปในทะเล ดำดิ่งลึกลงไป หลังจากห่างเจ็ดเนตรโลหิตมาไกล ร่างของมันก็เปล่งแสงประกาย กลายร่างเป็นชายฉกรรจ์คนหนึ่ง

แม้สองตานี้จะบอดไปแล้ว ขณะที่หว่างคิ้วของเขาตอนนี้เลือดเนื้อกำลังเต้น งอกออกมาข้างหนึ่งอีกครั้ง ตอนนี้เขามองไปทางเจ็ดเนตรโลหิต สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

“เมื่อบรรพชนสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทะลวงขั้น เจ็ดเนตรโลหิตยิ่งดูมีขุมพลังมากยิ่งกว่าในอดีต ดูแล้วเหมือนมันเป็นสำนักฝ่ายนอกที่พันธมิตรเจ็ดสำนักชายฝั่งทะเลจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์สร้างขึ้น แต่อันที่จริงในช่วงหลายปีนี้ เจ็ดเนตรโลหิต…ก็เกือบจะแยกตัวเป็นเอกเทศแล้ว

“ระดับล่างเลี้ยงกู่อย่างโหดร้าย ส่วนระดับกลางก็ชุบเลี้ยงอิสระอย่างไม่เลือกปฏิบัติ แต่พอเข้าสู่ลำดับรวมถึงย่างเข้าสู่ระดับสูง เจ็ดเนตรโลหิตก็จะเข้าปกป้องจุดอ่อนของตนเองแน่นอน!

“แม้ว่าพันธมิตรเจ็ดสำนักจะสังเกตเห็นมาหลายปีก่อนหน้า คิดจะสับเปลี่ยนบรรพจารย์รวมถึงเจ้ายอดเขา แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น้อยนิดเหลือเกิน บรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อยังคงอยู่และได้ทั้งขึ้นทั้งล่องมาโดยตลอด แม้เจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดบางครั้งจะสลับกลับมาที่พันธมิตรเจ็ดสำนักบ้าง แต่จิตใจนั้นยังคงอยู่ที่เจ็ดเนตรโลหิต”

“นี่เป็นสำนักที่กำลังผงาดขึ้น!” ความหวาดหวั่นในดวงตาชายฉกรรจ์ยิ่งลึกล้ำขึ้น

ขณะที่ชายฉกรรจ์ร่างจำแลงแก่นลมปราณคนนี้กำลังมีความคิดสารตะ สวี่ชิงกับนายกองก็แยกย้ายกลับไปยังท่าเรือของตนเอง ล้วงเอาตำราไม้ไผ่ของตนเองออกมาในห้องเรือ สลักชื่อเหยียนเหยียนลงไปบนนั้น!

แต่กลับวงเอาไว้วงหนึ่ง สิ่งนี้เป็นตัวแทนว่าคนผู้นี้ไปสังหารต่อหน้าผู้คนไม่ได้ ต้องรอให้อีกฝ่ายออกจากเจ็ดเนตรโลหิตแล้วค่อยหาโอกาสจัดการทิ้ง เช่นนี้จึงจะเลี่ยงความยุ่งยากได้

“มาแล้วมาอีกแล้ว!” บรรพจารย์สำนักวัชระในเหล็กแหลมสีดำข้างๆ ตอนนี้ฮึกเหิมสุดฤทธ์ มองไปยังชื่อบนตำราไม้ไผ่ โดยเฉพาะชื่อของตัวเองในนั้น

เมื่อสวี่ชิงสลักเสร็จ กำลังจะเก็บ สายตาก็ตวัดมองยังเหล็กแหลมสีดำที่สั่นเทาข้างๆ คิดไปถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายความพยายามอย่างหนัก จึงขีดฆ่าไปบนชื่อบรรพจารย์สำนักวัชระ

ตอนนี้ การขีดฆ่าบนตำราไม้ไผ่สลักลงไปในใจของบรรพจารย์สำนักวัชระ กลายเป็นความตื่นเต้นและซาบซึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาการสั่นเทาของเหล็กแหลมสีดำรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน

เขารู้สึกว่าคุ้มแล้ว ความทุ่มเทและความพยายามของตนเองก่อนหน้านี้มันคุ้มแล้ว!

“ขอบพระคุณมาก…นายท่าน!!” บรรพจารย์สำนักวัชระจำแลงร่างเงาออกมา คารวะไปทางสวี่ชิงด้วยเสียงสั่นๆ รู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองลำบากมากจริงๆ โดยเฉพาะการสร้างคุณความดีหลายครั้งของเจ้าเงา ทำให้แรงกดดันในใจบรรพจารย์สำนักวัชระเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด

หลายครั้งที่เขาฝึกบำเพ็ญเกือบจะเกิดจิตมาร มีความรู้สึกว่าจะถูกจะทอดทิ้งตลอดเวลา และทั้งหมดในตอนนี้ก็สลายหายไปกว่าครึ่งจากการขีดฆ่านั่นของสวี่ชิง

และบรรพจารย์สำนักวัชระที่กำลังตื่นเต้น เวลานี้ไม่ได้สังเกตเจ้าเงาที่อยู่ด้านหลังสวี่ชิง เวลานี้เบิกตาโพลงขึ้นมาข้างหนึ่ง กำลังพยายามสังเกตและเรียนรู้

สำหรับการตื่นเต้นของบรรพชนสำนักวัชระ สวี่ชิงให้กำลังใจไปหลายคำ หลังจากเก็บตำราไม้ไผ่ เขาก็เดินออกจากห้องเรือ นั่งอยู่ที่นั่นจ้องมองไกลออกไป

เขากำลังรอคนผู้หนึ่ง

รอไม่นานนัก ช่วงเที่ยงคืน ร่างกลมร่างหนึ่งเดินโย้ไปเย้มาปรากฏขึ้นในสายตาของสวี่ชิง เมื่อเดินใกล้เข้ามา ก็เห็นว่าเป็นหวงเหยียนนั่นเอง

เห็นได้ชัดว่าเขาดื่มสุราไปไม่น้อย เดินตัวเอียงกะเท่เร่ กระทั่งครั้งนี้ไม่ได้นั่งลงตรงนั้นแล้ว แต่กระโจนขึ้นมาบนเรือเวทของสวี่ชิง

พอร่อนลงเสียงดังตึง ก็นั่งลงที่ด้านหนึ่ง ถอนหายใจยาวออกมา

“ศิษย์น้องสวี่ชิง เรื่องวันนี้ถือว่าข้าติดค้างเจ้า ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าสหายสนิทคนนี้ของศิษย์พี่หญิงจะเป็นคนแบบนี้!”

พูดพลาง หวงเหยียนก็ล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาจากในอกยื่นให้สวี่ชิงอย่างเคร่งขรึม

“ศิษย์น้องสวี่ชิง ตอนนี้ในตัวข้ามีของไม่เยอะมาก ในนี้มีอยู่สองแสนก้อนหินวิญญาณ ถือเป็นน้ำใจของข้าในครั้งนี้แล้วกัน”

สวี่ชิงไม่ได้รับมาทันที แต่มองหวงเหยียน

“เจ้าคิดจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”

หวงเหยียนถอนหายใจ

“เจ้าสิ่งที่เรียกว่าความรักนี่ ทำไมจึงทรมานคนเสียขนาดนี้

“ข้าเสียใจจริงๆ สวี่ชิงเจ้ารู้หรือไม่ ข้ามาเจ็ดเนตรโลหิตก็เพื่อศิษย์พี่หญิงนะ ครั้งนั้น…ข้ามองเห็นนางไกลๆ ผาดหนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นในใจของข้าทั้งหมดก็เป็นเงาของนาง ในที่สุดข้าจึงตัดสินใจมาเจ็ดเนตรโลหิต ข้าอยากให้นางเป็นคู่ฝึกเต๋าของข้าจริงๆ”

อารมณ์ของหวงเหยียนวันนี้แตกต่างจากวันปกติไปบ้าง พูดถึงตรงนี้เขาหยิบไหสุราดื่มลงไปอึกใหญ่ จากนั้นก็ล้วงไหสุราอีกใบส่งไปให้สวี่ชิง

สวี่ชิงรับแล้วดื่มลงไปบ้าง

“ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเพื่อนสาวของนางจะเป็นคู่แข่งของข้าด้วย!!

“เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้พอนางเข้ามาก็เอาแต่วอแวอยู่กับศิษย์พี่หญิงตลอด ศิษย์พี่หญิงก็ไม่มีเวลาสนใจข้า วันนี้ตอนที่ข้าไปหาศิษย์พี่หญิง นางก็ดูกังวลมาก แล้วยังไล่ข้าออกมาด้วย!!

“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกว่าผิดปกติ ตอนกลับมาดื่มก็หาข่าวดูหน่อยจึงรู้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นมาแย่งศิษย์พี่หญิงจากข้าไป!”

หวงเหยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“เพิ่งจะมาเจอเอาป่านนี้ ถ้าเป็นก่อนหน้าสักสองสามเดือน ข้าคงเป่านางตายไปแล้ว”

หวงเหยียนอารมณ์รุนแรงมาก

ดวงตาสวี่ชิงเผยความสับสน เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเหล่านี้ และไม่เคยต้องกลัดกลุ้มอะไรแบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจ และไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไร ทำได้เพียงยกไหสุราขึ้นเท่านั้น

หวงเหยียนมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ถอนหายใจอีกครั้ง ยกไหสุราชนกับสวี่ชิง จากนั้นก็ดื่มลงไปอึกใหญ่

“เจ้ายังเด็กนัก…” พอพูดถึงจุดนี้ แผ่นหยกสื่อเสียงในถุงเก็บของของหวงเหยียนก็สั่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วล้วงออกมา หลังจากดูก็สีหน้าไม่สบอารมณ์

ขณะเดียวกัน แผ่นหยกสื่อเสียงของสวี่ชิงก็สั่นสะเทือนเช่นกัน สวี่ชิงล้วงออกมาอย่างสงบนิ่ง เมื่อถ่ายพลังเวทเข้าไป ข้อมูลด้านในก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“หนึ่งเค่อก่อนหน้า หน่วยปราบนิลกาฬกรมปราบพิฆาตได้รับแจ้งการขอกำลังสนับสนุนจากกรมลาดตระเวน มีผู้แข็งแกร่งสร้างฐานนอกสำนักเข้ามาทำลายกรมทดน้ำ เหล่าศิษย์บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก กรมลาดตระเวนที่ตรงไป นายกองของหน่วยได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่เหลือก็ถูกสะกดไว้

“หน่วยปราบนิลกาฬกรมปราบพิฆาตรับเรื่องตรงไปสนับสนุน ก็ยังไม่อาจต้านทานไหว ถูกสะกดอยู่ด้านในด้วยเช่นกัน

“ความต้องการของอีกฝ่ายคือให้หวงเหยียนจากหน่วยทดน้ำท่าเรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกออกไปพบทันที

“เรื่องนี้เกินกว่าขอบเขตความสามารถของข้า ท่านรองเจ้ากรมโปรดตัดสินใจด้วย”

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังหวงเหยียนที่อยู่ข้างๆ หวงเหยียนตอนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าปั้นยากเช่นกัน หลังจากสบตากับสวี่ชิง ก็เผยแววขอโทษออกมา จากนั้นลุกขึ้นฉับพลัน เดินโย้ไปเย้มาออกจากเรือเวท ตรงไปยังกรมทดน้ำทันที

สวี่ชิงมองแผ่นหลังหวงเหยียน คิดถึงภาพในร้านยอดเขาลำดับหกเมื่อครั้งนั้น จากนั้นก็มองไปยังถุงเก็บของที่เขาไม่ได้รับมาก่อนหน้าซึ่งวางไว้เงียบๆ ก่อนออกไป

“หวงเหยียนเป็นคนที่มีสัจจะมาก” สวี่ชิงลุกขึ้นยืนเงียบๆ เดินตรงไปที่กรมทดน้ำ

ความเร็วเขาเร็วกว่าหวงเหยียน ดังนั้นเพียงไม่นานก็มองเห็นหวงเหยียนที่กำลังทะยานอยู่ลิบๆ และการมาถึงของสวี่ชิง ก็ทำให้หวงเหยียนที่หลังจากนิ่งงันก็ส่งยิ้มให้แก่เขา

“เจ้ามาได้อย่างไร”

“กรมทดน้ำแจ้งความมา แน่นอนว่าข้าต้องไป” สวี่ชิงยิ้มขึ้นเช่นกัน

“สวี่ชิง เจ้าเป็นคนพิเศษมาก หลายปีนี้ที่ข้ามาเจ็ดเนตรโลหิต อันที่จริงไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว ในสายตาข้ามีแต่ศิษย์พี่หญิงเท่านั้น และในช่วงหนึ่งปีนี้ ข้าก็มีเจ้ามาเป็นเพื่อน

“เพื่อนของข้ามีน้อยมาก…” หวงเหยียนสูดลมหายใจลึก ไม่พูดอะไรต่อ พยายามห้อตะบึงต่อ ขณะที่มีสวี่ชิงอยู่ด้วย ก็เข้าใกล้กรมทดน้ำมากขึ้นทุกที

สิ่งปลูกสร้างในท่าเรือหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดของกรมทดน้ำ สร้างขึ้นมาเป็นรูปร่างเรือใบ พริบตาที่พวกเขาเข้าใกล้ คลื่นพลังน่าตกตะลึงวูบหนึ่งก็ระเบิดตูมขึ้นมาจากด้านในกรมทดน้ำเบื้องหน้า

สิ่งปลูกสร้างรูปเรือใบพังลงมาจากใจกลาง กระจัดกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างสีดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาฉับพลันจากด้านใน พุ่งมาหาหวงเหยียนด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

สวี่ชิงหรี่ตาลง ไฟชีวิตในร่างกายจุดสภาวะแสงนภาขึ้นฉับพลัน ก้าวขึ้นมาด้านหน้าหวงเหยียน มือขวายกขึ้นโบกอย่างแรง เพลิงสีดำขนาดใหญ่แผ่ลามออกมาทันควัน ปะทะเข้ากับร่างสีดำ

เสียงสนั่นดังก้องไปทั่วสารทิศ ร่างสีดำนั้นบิดเบี้ยว ปรากฏตัวขึ้นบนหินแตกข้างๆ และเป็นจุดที่สวี่ชิงปะทะกับเหยียนเหยียนหญิงสาวชุดดำก่อนหน้าพอดี

“ทำไมเป็นเจ้าอีกแล้ว!” หญิงสาวชุดดำจ้องสวี่ชิงเขม็ง

สายตาสวี่ชิงมองผ่านตัวเหยียนเหยียนไป มองไปยังกรมทดน้ำที่เสียหายย่อยยับ เขามองเห็นว่าที่นั่นมีศิษย์ของกรมทั้งสามอยู่นับร้อย นอนระเนระนาดอยู่ตรงนั้น

แต่ละคนบาดเจ็บหนัก แต่กลับยังไม่ตาย และในกลุ่มนั้นสวี่ชิงก็เห็นเจ้าใบ้ด้วย

สวี่ชิงกวาดตามอง สีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็มองไปรอบๆ

“ไม่ต้องมองแล้ว ด้วยสถานะของข้าอย่าว่าแต่ไม่สังหารพวกเขาเลย ต่อให้สังหารเขาไป เจ้าคิดว่าศิษย์ด้านล่างภูเขาที่พวกเจ้าเลี้ยงกู่ไว้พวกนี้จะขวางข้าได้หรือ ตั้งตอนข้าลงมือจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครเข้ามาขวางข้าเลยนะ”

หญิงสาวชุดดำมองหน้าสวี่ชิง เลียริมฝีปาก

“แต่ว่าข้าก็ไม่คิดเลย ว่าเจ้าจะเข้าไปในลำดับของเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จัดการยากอยู่เหมือนกัน”

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“สาเหตุที่สำนักไม่ลงมือกับเจ้า เป็นเพราะว่าเรื่องของเจ้าเป็นความรับผิดชอบของกรมปราบพิฆาต ตอนที่ข้ายังไม่รายงานขึ้นไป ที่นี่ยังคงเป็นความรับผิดชอบของกรมปราบพิฆาตอยู่”

พูดจบ สวี่ชิงก็ยกมือขวาขึ้น บีบแผ่นหยกสัญญาณของกรมปราบพิฆาตชิ้นหนึ่งจนแตกละเอียด พริบตาต่อมาแสงที่แข็งแกร่งสายหนึ่งก็ลอยขึ้นไปจากแผ่นหยกที่แตก ส่องสว่างเจ็ดสีเจิดจ้าขึ้นในค่ำคืนนี้ และรวมเป็นอักษร ‘ชั่วร้าย’ ขึ้นมา!

ขณะเดียวกัน เสียงของสวี่ชิงก็ดังก้องไปทั่วสารทิศ

“มาตราที่เจ็ดแห่งกรมปราบพิฆาต ผู้บำเพ็ญนอกสำนักก่อความวุ่นวายในเมืองหลัก กรมปราบพิฆาตสามารถจับกุมคนผู้นั้นได้ สมาชิกทั้งหมดของหน่วยนิลกาฬกรมปราบพิฆาตจงรับคำสั่ง ปิดล้อมท่าเรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกไว้ จับกุมคนร้ายผู้นี้เสีย!”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท