ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 204 เชือดแพะขู่หญิงสาว

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 204 เชือดแพะขู่หญิงสาว

สวี่ชิงเดินตรงไปยังกรมปราบพิฆาตท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกพร้อมกับความคิดเช่นนี้

ตอนนี้เป็นช่วงกลางดึก เนื่องจากความบ้าระห่ำของกรมข่าวกรอง ด้วยความหวั่นวิตกของผู้คนส่งผลกระทบไปยังธุรกิจพวกบ่อนพนัน ถึงอย่างไรเวลานี้คนมากมายก็ไม่มีกะจิตกะใจจะหาความสำราญกัน

ระบบกฎเกณฑ์ของเจ็ดเนตรโลหิต ทำให้หนอนบ่อนไส้ในนี้…มีอยู่ไม่น้อยเลย

ถึงอย่างไรการเลี้ยงกู่ของเหล่าศิษย์รวมปราณ ก็ทำให้พวกเขาไม่มีความรู้สึกร่วมกับสำนัก และสำนักเองก็ไม่ต้องการความรู้สึกร่วมด้วย ทั้งหมดล้วนมีผลประโยชน์เป็นหลัก

เมื่อรวมกับการชุบเลี้ยงอิสระไร้กฎเกณฑ์ของผู้บำเพ็ญสร้างฐาน ดังนั้นการที่หวั่นไหวชั่วขณะเพราะผลประโยชน์ และขายข่าวกรองที่ตนเองรู้มาบางส่วนก็ไม่ได้เป็นภาระทางใจอะไร

แน่นอน การขายของก็ย่อมมีสิ่งที่ต้องจ่าย

แต่ว่าเรื่องเหล่านี้สวี่ชิงไม่สนใจ เขาก้าวเดินในยามราตรี ผ่านสถานที่เปล่าเปลี่ยวหลายแห่ง ไม่สนใจเจ้าใบ้ที่ติดตามมาเบื้องหลัง

จนมาถึงกรมปราบพิฆาต

หน้าประตูกรมปราบพิฆาต ศิษย์ที่คุ้มกันอยู่ที่นั่นสองคน ตอนที่เห็นสวี่ชิง ดวงตาก็เผยความร้อนแรงขึ้นทันที ก้มหน้าคารวะ

“คารวะเจ้ากรม!”

สำหรับพวกเขาแล้ว สวี่ชิงชื่อนี้คือตำนานไปแล้ว

อีกฝ่ายตอนแรกสุดเป็นเพียงสมาชิกของกรมปราบพิฆาต จากนั้นก็โดดเด่นขึ้นมา หนึ่งปีกลายเป็นสร้างฐาน ต่อมาอีกหลายเดือนก่อไฟชีวิตดวงแรกได้ ไม่ถึงสองปีกลายเป็นผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสองดวง แล้วยังไปสร้างเรื่องระบือลั่นที่เผ่าสิงซากสมุทรนั่นอีก

ก่อนหน้านี้ยังสยบองค์หญิงเล็กเกาะบูรพาสงัดอีก ปัจจุบันอีกฝ่ายยังถูกขังเอาไว้ในกรมปราบพิฆาตหน่วยนิลกาฬ ทั้งหมดนี้ ทำให้สวี่ชิงกลายเป็นเป้าหมายของศิษย์ที่ร้อนแรงนับไม่ถ้วนในกรมปราบพิฆาต

สวี่ชิงสีหน้าปกติ พยักหน้าเดินผ่านไป หลังจากเข้าไปในกรงปราบพิฆาตเขาก็ตรงไปยังคุกใหญ่

คุกใหญ่ของกรมปราบพิฆาตสร้างอยู่ใต้ดิน มีเพียงชั้นเดียว

ไม่ว่าจะผู้บำเพ็ญรวมปราณหรือสร้างฐานหรือผู้บำเพ็ญพิเศษก็ถูกขังเอาไว้ที่ชั้นหนึ่งนี้ทั้งหมด ที่นี่มีห้องกรงเหล็กมากมายนับร้อย และมีค่ายกลสะกดรุนแรงอยู่อีกด้วย

ขณะเดียวกันความเลวร้ายของสิ่งแวดล้อมก็ทำให้กลิ่นของที่นี่ชวนสะอิดสะเอียดมาก ไม่ว่าจะความสกปรกของร่างกายหรือกลิ่นของอุจจาระปัสสาวะ เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วก็เพียงพอที่จะทำให้คนสำรอกได้

เวลานี้กว่าครึ่งคุมขังคนร้ายประกาศจับต่างเผ่าไว้ด้านใน ในนี้ไม่มีคนที่สวี่ชิงจับมา

เพราะเมื่อสวี่ชิงลงมือ สิ่งที่เก็บกลับมามีแค่ศีรษะเท่านั้น

การมาของสวี่ชิงก็ทำให้ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าเหล่านี้เกิดความสนใจของขึ้นมา แต่ละคนแสยะยิ้มยิงฟัน มีทั้งกระหยิ่มยิ้มย่อง มีทั้งขากเสมหะ และยังมีบางคนเมื่อเห็นสวี่ชิงก็ผิวปากทำท่าทางหยาบโลนออกมา

พวกเขาไม่กลัวตาย

พวกเขาที่ถูกคุมขังจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอยู่ในนี้ อันนี้จริงก็ไม่รู้สึกกลัวต่อความตายอีกแล้ว เวลานี้ยังส่งเสียงประหลาดออกมาเป็นระยะ กระทั่งสวี่ชิงเองก็ยังได้ยินเสียงที่มาจากเด็กสาวชุดดำไกลๆ อีกด้วย

“สวี่ชิง ข้าสาปแช่งเจ้าไม่ให้ตายดี รอให้ข้าออกไปก่อน ข้าจะจัดการควักหัวใจของเจ้าออกมากินต่อหน้าทั้งเป็นเลย!!”

สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ได้สนใจท่าทางต่างๆ ของพวกคนร้ายประกาศจับต่างเผ่าเล่านี้ หันหน้าไปเอ่ยเสียงเรียบกับเจ้าใบ้ที่ยืนอยู่ด้านนอกว่า

“อีกสักพักไม่ว่าด้านในจะมีเสียงอะไร ก็อย่าให้คนมารบกวนข้า”

เจ้าใบ้พยักหน้าทันที สมาชิกกรมปราบพิฆาตคนอื่นด้านนอกก็ค่อยๆ มีสีหน้าเคร่งขรึม

สวี่ชิงไม่พูดอะไรอีก ปิดประตูเสียงดังปึง

เสียงโห่ร้องทั้งคุกใหญ่ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นจากการปิดของประตู

“เจ้านี่เป็นเผ่ามนุษย์หญิงสาวในคราบชายหนุ่มหรือ ฮ่าๆ ข้าชอบของแบบนี้มาก พอเห็นแล้วมันตื่นเต้นไปหมด”

“มาๆๆ เจ้าเด็กน้อยเผ่ามนุษย์ มาช่วยเกาให้ข้าหน่อย”

“สร้างฐานแล้วมันทำไมกัน เก่งจริงก็มาสังหารข้านี่!”

“ผู้อาวุโสอย่าไปฟังพวกเขา ผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย ข้ารู้ความลับใหญ่เรื่องหนึ่ง”

ขณะเดียวกัน ในกรงขังที่เด็กสาวชุดดำอยู่ นางผุดลุกขึ้นมาฉับพลัน กำกรงเหล็กแน่น ยอมให้มือทั้งสองเกิดเสียงฉ่าจากการเผาไหม้ของค่ายกล แต่ก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย

ในดวงตานางมีความบ้าคลั่ง จ้องสวี่ชิงที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง ยิ้มบิดเบี้ยวขึ้นมา

“สวี่ชิง ข้าสาปแช่งเจ้าไปสองหมื่นเจ็ดพันสามเจ็ดแปดร้อยห้าสิบหกครั้งแล้ว!”

สวี่ชิงชำเลืองมองกรงขังรอบๆ อย่างสงบ ท้ายสุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาที่เชิดสะโพกมาทางเขา

ผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาคนนี้คือสมาชิกของนกเขาราตรี เป็นเผ่าอสูรประหลาดเผ่าหนึ่ง ทั้งร่างมีขนสีดำเต็มตัว เหมือนเคยมีพลังบำเพ็ญสร้างฐาน

เวลานี้ถูกผนึกพลังบำเพ็ญไว้ แต่พลังชีวิตยังคงแข็งแกร่ง พอเห็นว่าสวี่ชิงมองตนเอง ผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาเผ่าอสูรคนนี้ก็เลียริมฝีปาก

“ข้าหรือ มาๆๆ เลือกข้าสิเลือกข้าเลย ตอนนั้นข้ากินเผ่ามนุษย์ไปมากมาย สวยๆ อย่างเจ้านี่ข้าเองก็อยากจะลิ้มรสนัก ฮ่าๆ”

สวี่ชิงพยักหน้า ยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ ฉับพลันประตูใหญ่กรงที่หัวแพะภูเขาอยู่ก็เปิดออก พลังมหาศาลวูบหนึ่งพัดม้วนดึงผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาพุ่งมาหาสวี่ชิง

สุดท้ายก็ลอยอยู่กลางอากาศ ผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาเผ่าอสูรก็หัวเราะเริงร่าขึ้นมา ดวงตาเผยความบ้าคลั่ง พอกำลังจะอ้าปาก สวี่ชิงก็โบกมือ ผงพิษกองหนึ่งฟุ้งกำจายฉับพลัน ปกคลุมรอบตัวผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขา ซึมเข้าไปในร่างมันอย่างรวดเร็ว

“พิษ? ก็แค่นี้เอง ข้าน่ะ…”

ผู้บำเพ็ญแพะหัวภูเขาต่างเผ่าเพิ่งพูดและยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ร่างกายก็สั่นสะท้าน ทั่วร่างกระตุกอย่างรุนแรง แต่ใบหน้ายังคงโหดเหี้ยมอยู่

“สบายมาก!”

สวี่ชิงไม่สนใจ สังเกตอย่างละเอียด จนกระทั่งแพะภูเขาเผ่าอสูรคนนี้ยิ่งสั่นเทิ้มรุนแรงขึ้น กระทั่งหลังจากเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด สวี่ชิงก็หยิบเอาขวดแมลงสีดำออกมา เปิดออกแล้วสาดไปส่วนหนึ่ง

ฉับพลันแมลงสีดำเหล่านี้ก็พุ่งเข้าไปหาผู้บำเพ็ญแพะภูเขา นาบไปในผิวหนังชั่วพริบตา มุดเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

ความทรมานนี้ทำให้ดวงตาแพะภูเขาแดงเถือกขึ้นมา แต่ความคุ้มคลั่งบนใบหน้ายังอยู่ ทว่าเมื่อมองอย่างละเอียด ก็ยังเห็นว่าส่วนลึกของดวงตาซ่อนความพรั่นพรึงเอาไว้อยู่ลึกๆ

จนกระทั่งพริบตาต่อมา ร่างกายของเขาก็แห้งเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า แมลงสีดำมากมายบินออกมาและถูกสวี่ชิงเก็บมาสังเกต ส่วนผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาต่างเผ่านั่นเวลานี้ก็ร่วงลงมาบนพื้น กระตุกไปทั่วร่าง แต่ความคุ้มคลั่งบนใบหน้ากลับมากขึ้นกว่าเดิม

“แค่นี้เองหรือ”

สวี่ชิงไม่สนใจ สังเกตมองแมลงดำตัวน้อยของตนเอง และพบว่ากลิ่นอายพวกมันเหมือนจะเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงไม่เข้าใจ จากการค้นคว้าก่อนหน้าของเขา เมื่อผสมสมุนไพรเจ็ดชนิดเข้ากับอาหารเลือด ก็น่าจะทำให้แมลงสีดำของตนเองแกร่งขึ้นมาก แต่เวลานี้ที่การยกระดับกลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

“ต้องดูว่าขาดที่ไหนไป”

สวี่ชิงพึมพำ ยกมือขวาขึ้นโบก จัดการคว้าผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาต่างเผ่าคนนั้นมาอยู่ตรงหน้า ตอนที่แพะภูเขากำลังคิดจะหัวเราะเย้ยหยัน สวี่ชิงก็ล้วงเอากริชออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ กรีดลงไปที่ท้องของหัวแพะภูเขาต่างเผ่าคนนี้ จากนั้นก็ค้นหาตรวจสอบ

เสียงกรีดร้องแหลมดังออกมาในพริบตา จากนั้นก็เงียบลงทันที สุดท้ายกลายเป็นเสียงโหยหวนที่พรั่นพรึงดังก้องไปทั่ว แต่ไม่นานก็อ่อนแรงลง

และในกรงขังรอบๆ เสียงต่างๆ ที่กึกก้องแต่เดิมที เวลานี้กลับเงียบลงทันควัน สายตาพรั่นพรึงหลายสายพากันจับจ้องมาที่สวี่ชิง มองการค้นคว้าที่เงียบสงบของเขา

จนผ่านไปครู่หนึ่ง สวี่ชิงที่จัดการผู้บำเพ็ญหัวแพะภูเขาต่างเผ่าทั้งเป็นคนหนึ่งเรียบร้อยก็ทำท่าเหมือนครุ่นคิด จากนั้นจึงยกมือขึ้นคว้า ผู้บำเพ็ญกลางคนที่ขากคายเสมหะใส่เขาอย่างชั่วร้ายก่อนหน้านี้ที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกเขาคว้าตัวมา

นี่เป็นเผ่าเงือก

ดวงตาของเขาเผยความพรั่นพรึงออกมา ลมหายใจหอบถี่ พอคิดจะอ้าปาก สวี่ชิงก็สาดผงยารอบที่สองออกมา จากนั้นก็ปล่อยแมลงพิษสีดำ ทำการทดสอบอีกครั้ง

ครู่ต่อมา เพราะเสียงร้องที่ดังออกม ก็มีภาพแบบเดียวกันปรากฏขึ้น สวี่ชิงขมวดคิ้ว จัดการผ่าร่างผู้บำเพ็ญคนนี้ต่อ แล้วจัดการตรวจสอบ

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าทั้งหมดในคุกตอนนี้ปิดปากกันหมดแล้ว แต่ละคนหายใจหอบถี่และในดวงตาปรากฏความสะพรึงในระดับที่แตกต่างกันออกมา

พวกเขาบางทีอาจจะไม่กลัวตาย แต่การผ่าร่างทั้งเป็นเพื่อค้นคว้าเช่นนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน และพอเห็นจุดจบของคนอื่น ก็ทำให้จิตวิญญาณของพวกเขายากจะแบกรับได้ไหว

โดยเฉพาะสวี่ชิงทางนั้น จมจ่อมอยู่กับการค้นคว้าอย่างสมบูรณ์ เดี๋ยวก็ครุ่นคิด เดี๋ยวก็คว้าตัวคนร้ายประกาศจับ เดี๋ยวก็กรีดผ่า เลือดสดสีต่างๆ บนพื้นผสมเข้าด้วยกันมากขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งท้ายสุด มีผู้บำเพ็ญที่สติกระเจิดกระเจิงไปแล้ว หดตัวถอยอย่างบ้าคลั่งไปอยู่ในหลืบ สายตาที่มองสวี่ชิง เผยความหวาดกลัวและความสะพรึงมากขึ้นเรื่อยๆ ออกมา

แม้แต่เด็กสาวชุดดำคนนั้น หลังจากที่สวี่ชิงผ่าท้องคนร้ายประกาศจับคนที่สามสิบสี่ไป ก็หยุดสาปแช่ง ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย ในดวงตาปรากฏความสะพรึงวูบหนึ่งขึ้น

หนึ่งคืนผ่านพ้น

ช่วงเช้าตรู่ สวี่ชิงเดินออกไป

คืนนี้เขาได้อะไรมาเยอะมาก ในหัวสมองมีแนวคิดมากขึ้น และหลังจากที่เขาจากไป ศิษย์ของกรมปราบพิฆาตจึงเดินเข้ามาในคุก แต่ละคนหน้าถอดสีกันหมด

ที่นี่กลายเป็นลานอสูรไปแล้วจริงๆ

แต่หลังจากพวกเขามองหน้ากันเอง จึงไม่ทำการเก็บกวาด

เพราะว่า…คนร้ายประกาศจับต่างเผ่าเหล่านี้ ไม่คู่ควรให้พวกเขาเห็นใจ ในนี้ทุกคนสังหารคนบริสุทธิ์ไปไม่น้อย ข่มขืนปล้นฆ่าเป็นเรื่องปกติ และยังเหี้ยมโหดกับเผ่ามนุษย์อย่างมาก ซ้ำบางส่วนยังเลี้ยงเผ่ามนุษย์ไว้เป็นอาหารอีกด้วย

สาเหตุที่ยังไม่สังหาร ก็แค่จะเอาไว้ใช้แทนขยะเท่านั้น ช่วงเวลาที่จำเป็นต้องการเป้ากระสุน พวกเขาก็จะถูกส่งออกไปเป็นลำดับแรก

หลังจากออกจากกรมปราบพิฆาต สวี่ชิงก็ตรงไปร้านขายยาทันที ซื้อหญ้าสมุนไพรและสมุนไพรพิษมากมายจากที่นั่น กลับไปค้นคว้าต่อในเรือเวท พ้นเที่ยงคืน เขาก็กลับไปที่คุกใหญ่ปรมปราบพิฆาตอีกครั้ง

และครั้งนี้ ตอนที่เขาเดินเข้าไป ด้านในก็ไม่มีเสียงโห่ร้องหรือพฤติกรรมน่าขยะแขยงอีกแล้ว นักโทษประกาศจับต่างเผ่าทั้งหมดตัวสั่นสะท้านในพริบตา ดวงตาเผยความสั่นสะพรึงรุนแรง จ้องมองสวี่ชิงที่ราวกับเป็นอสูรเดินดิน

สวี่ชิงสีหน้าเรียบสงบ เดินผ่านกรงขังทีละห้อง ท้ายสุดสายตาก็ตกไปอยู่ที่ในกรงข้างๆ เด็กสาวชุดดำ ที่นั่นมีผู้บำเพ็ญสามตาต่างเผ่าที่มีบาดแผลบนคอคนหนึ่ง

สวี่ชิงมองอย่างประหลาดใจผาดหนึ่ง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา นึกไปถึงคนในกลุ่มนกเขาราตรี แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยฟันอีกฝ่ายไปหรือยัง จึงคว้าตัวเขามาท่ามกลางเสียงกรีดร้องสะพรึงของคนผู้นี้ สาดผงยา จากนั้นจึงปล่อยแมลงสีดำออกมา

คืนนี้เป็นเช่นเดียวกับเมื่อวาน

และเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็ผ่านไปถึงสามวัน

ศิษย์ในกรมปราบพิฆาตหน่วยนิลกาฬเริ่มเล่าขานความสะพรึงของสวี่ชิง และคนร้ายประกาศจับในคุกใหญ่ก็ตายหมดแล้ว เหลือเพียงเด็กสาวชุดดำเพียงคนเดียว สายตาที่มองไปทางสวี่ชิงมีความพรั่นพรึงล้ำลึกยิ่ง

“ให้หน่วยปราบเหลืองทองส่งคนร้ายประกาศจับมาที่นี่ ข้าไม่ไปที่นั่นแล้ว” การกำชับของสวี่ชิง เพียงไม่นานก็ถูกดำเนินการ ในคุกใต้ดินของหน่วยปราบนิลกาฬ ฉากของหลายวันก่อนหน้าจึงปรากฏขึ้นอีกครั้งเช่นนี้

เหล่านักโทษต่างเผ่าที่ถูกคุมขัง จากการประชดประชันที่บ้าคลั่งในช่วงเริ่มต้นจนถึงพรั่นพรึง ท้ายสุดคือตัวสั่นเทิ้มอย่างสิ้นหวัง

และการค้นคว้าแมลงดำของสวี่ชิงก็ยิ่งกระจ่างแจ้งมากขึ้น กระทั่งเขายังเพิ่มพิษศพเข้าไปอีก ในที่สุดก็ทำให้แมลงดำเหล่านั้นไม่เพียงแต่เพิ่มปริมาณอย่างมหาศาล ขณะเดียวกันระดับความคุกคามก็มากขึ้นเรื่อยๆ

คนร้ายประกาศจับต่างเผ่าทุกคนที่มันพุ่งเข้าหา ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นกระดูกขาวไปจนหมด เลือดเนื้อก็ถูกกลืนกินจนหมดจด

แต่สวี่ชิงยังไม่พอใจ

‘กลืนกินจากภายนอก จะถูกขัดขวางปัดป้องได้ง่าย ควรจะลับพรางเหมือนกับพิษถึงจะดี’ สวี่ชิงครุ่นคิด แจ้งกับกรมปราบพิฆาต ให้หน่วยปราบพสุธาส่งคนร้ายประกาศจับมา

และคนที่ถูกเล่นหนักที่สุดในนี้ ก็คือเด็กสาวชุดดำ

ก่อนที่จะพบสวี่ชิง นางไม่รู้ว่าความรู้สึกกลัวคืออะไร แต่การกระทำต่างๆ นานาของสวี่ชิงที่นางเห็นในหลายวันนี้ สีหน้าตั้งใจรวมถึงการกรีดผ่าอย่างเย็นชา การค้นคว้าค้นหาอย่างมีสมาธิไม่วอกแวกใดๆ สั่นกระเพื่อมอารมณ์ของนางอย่างมาก

จนถึงตอนที่คนร้ายประกาศจับหน่วยปราบพสุธาถูกนำเข้ามา ขณะที่เด็กสาวชุดดำมองสวี่ชิงโบกมือ นอกร่างกายปรากฏหมอกดำผืนหนึ่ง ร่างกายค่อยๆ สั่นเทา ส่วนลึกความหวาดกลัวในดวงตาก็มีความแปลกประหลาดที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็น

หลังจากมองใบหน้าด้านข้างของสวี่ชิง นางก็ยกมือขึ้นกัดนิ้วจนแตก ยื่นไปทางสวี่ชิง สีหน้าเหมือนจะสอบถามสวี่ชิงว่าจะกินหรือไม่

เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงไม่สนใจตนเอง นางจึงหดมือที่สั่นเทาของนางกลับมาวางไว้ในปาก และเริ่มดูดเลือดของตนเอง

กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นพร่า

“พี่ชายสวี่ชิง…ท่านให้ข้าช่วยได้หรือไม่”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท