ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 648 การตายของคังเฉวียน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 648 การตายของคังเฉวียน

เมื่อเห็นท่าทีของคนพรรคกระยาจกไปในแนวทางเดียวกันขนาดนี้ บนใบหน้าซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ก็มีเส้นดำขีดลงมาพร้อมกัน

ซานเย่ว์ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ไม่อาจเป็นฝ่ายเอ่ยคำบางคำออกมาก่อนได้ แต่เฟยอวี๋กลับไม่ได้กังวลเรื่องนี้ จึงถามในช่องทีมตรงๆ เลยว่า [NPC พรรคกระยาจกทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างคัดค้านไม่ให้ซานเย่ว์ถามว่าใครเคยมีสัมพันธ์กับคังหมิ่น ดูจากสถานการณ์แล้ว นางคงไม่ได้ฟันคนทั้งพรรคกระยาจกแล้วหรอกใช่ไหม อย่าบอกนะว่าขอทานทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้เป็น…]

[เก็บสำรวมความคิดที่กล้าหาญของเจ้าเอาไว้]

เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธการคาดเดาของเขาทันที [ต่อให้คังหมิ่นเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ทุกระดับของพรรคกระยาจก…

…อีกทั้งจากที่ข้าสังเกตดู ในบรรดาคนพวกนี้ คนเดียวที่ข้าแน่ใจที่สุดว่ามีความสัมพันธ์คลุมเครือกับคังหมิ่น ก็คงมีเพียงผู้อาวุโสสวีที่อายุมากที่สุดท่านนั้น…

…[ส่วนคนอื่นๆ น่าจะบริสุทธิ์ทั้งหมด…มั้ง]

เห็นได้ชัดเจนว่าเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้มั่นใจกับการตัดสินของตัวเองสักเท่าไร

เมื่อได้เห็นคำตอบ เฟยอวี๋อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ [ข้าเห็นท่าทางของเจ้าเมื่อครู่นี้ เหมือนแน่ใจมากกว่าคนพรรคกระยาจกต้องห้ามไม่ให้ซานเย่ว์ถามเรื่องนี้แน่ ถึงขั้นยอมขายพี่ใหญ่ผู้นำท่านนั้นด้วย ทำไมตอนนี้ถึงไม่มั่นใจแล้วล่ะ]

[คนพรรคกระยาจกจะห้ามซานเย่ว์ไม่ให้ถามเรื่องนี้หรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งคังหมิ่นหรือเปล่า…

…เพราะพวกเขาเห็นแก่ชื่อเสียงร้อยปีของพรรคกระยาจก]

เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายอย่างอดทน [เจ้าลองจินตนาการดูสักหน่อยสิ ในพรรคกระยาจกมีปลาเน่าแค่ตัวสองตัวที่เกิดสัมพันธ์แบบนั้นกับคังหมิ่น หากเทียบกับให้มีคนมากกว่านั้นเกิดความสัมพันธ์กับนาง หรือถึงขั้นเป็นผู้อาวุโสสวีที่มีความอาวุโสที่สุด สองแบบนั้นความหมายเหมือนกันหรือ]

หากคนสองคนมีปัญหา นั่นถือเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล

แต่ถ้า ‘ปัจเจกบุคค’ นี้มีจำนวนมากขึ้น ก็จะทำให้คนคิดว่านี่คือปรากฎการณ์ปกติของพรรคกระยาจก!

แม้จะไม่รู้ว่านี่คือปรากฎการณ์ปกติหรือไม่ แต่ข้าเชื่อว่าทุกคนของพรรคกระยาจกไม่อยากให้ปรากฎการณ์นี้ของพรรคกระยาจกกลายเป็นเรื่องปกติ

เมื่อเห็นท่าทางเฟยอวี๋ดูเข้าใจบ้างแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อว่า [ดังนั้น คนจำนวนมากกว่านี้แม้จะบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ยอมให้คังหมิ่นเกี่ยวข้องกับคนมากกว่านี้แน่นอน…

…บางครั้งก็ต้องเลอะเลือนบ้าง!…

…ส่วนพี่ใหญ่ผู้นำ?…

…ในบรรดาพวกเขา นอกจากผู้อาวุโสสวีที่ตัวไม่สะอาดแล้ว คนอื่นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร…

…บุคคลนิรนามคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ปลอดภัยหรือไม่ จะมาสำคัญเท่าชื่อเสียงร้อยปีของพรรคกระยาจกได้อย่างไร]

ในช่องแชททีม แม้เนื้อหาที่คุยกันจะค่อนข้างเยอะ แต่ก็คุยกันเร็วจริงๆ

ถึงอย่างไรทุกคนก็อาศัยพลังจิตในการใส่ตัวอักษรสื่อสารกัน ประกอบกับหลังจากทุกคนฝึกวรยุทธ์แล้ว ค่าสเตตัสความว่องไวก็เหนื่อยกว่าคนทั่วไป การอ่านก็ย่อมเร็วตามไปด้วย การคุยกันธรรมดาไม่อาจเทียบติดแล้ว

สื่อสารกันในช่องแชททีมมากขนาดนั้น ซานเย่ว์ที่อยู่ด้านนอกได้แต่ทำตามคำขอของเฉียวเฟิง ถามชื่อของพี่ใหญ่ผู้นำจากคังหมิ่น

ถึงอย่างไรตอนที่เฉียวเฟิงแจกรางวัลภารกิจก็ไม่เลอะเลือนเลยสักนิด ทำให้สามคนจากสำนักมือปราบเทพรู้สึกดีต่อเขามากขึ้น ย่อมยินดีที่จะช่วยเหลือเขาสุดความสามารถ ถามเรื่องพี่ใหญ่ผู้นำให้กระจ่าง

เมื่อได้ยินคำถามของซานเย่ว์ คังหมิ่นก็ตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “พี่ใหญ่ผู้นำท่านนนั้นเป็นคนเก่งกาจมาก เขาก็คือ…”

ฟิ้ว!

ตอนที่หม่าฮูหยินกำลังจะเอ่ยชื่อของพี่ใหญ่ผู้นำ จู่ๆ ในป่าก็มีหินก้อนหนึ่งบินมา

ความเร็วและความแรงของมันเหนือกว่าลูกดีดเหล็กจาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงสามส่วน!

ในบรรดาพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเฉียวเฟิงที่ตอบสนองไวคนแรก หรือจะเป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่ตอบสนองไวคนที่สอง ต่างก็หยุดยั้งเหตุการณ์นี้ไม่ทัน ได้แต่ดูศีรษะของคังหมิ่นถูกหินปาแตกกระจาย กลายเป็นภาพโมเสกสีแดงกลุ่มหนึ่ง!

ซานเย่ว์ที่ภาพโมเสกเกือบกระเด็นใส่ร้องอุทาน รีบใช้ท่าร่างระดับสุดยอดวิชา ‘มังกรเมฆาเก้ากายา’ หลบออกมาไกลมาก

ส่วนเฉียวเฟิงเมื่อเห็นคังหมิ่นตายอนาถ เห็นว่าโอกาสที่จะถามเรื่องพี่ใหญ่ผู้นำหายไปแล้ว ก็เดือดดาลมากเช่นกัน เขาคำรามเสียงดังทันที “ใคร” จากนั้นถลันตัวไล่ตามเข้าไปในป่าทึบ

ต้องทราบไว้ว่าจนกระทั่งตอนนี้ คังหมิ่นคือคนเดียวที่รู้ความจริง ทั้งยังเป็น NPC คนเดียวที่ยอมบอกด้วย!

ส่วนผู้เล่นคนอื่น?

ต่อให้รู้เนื้อเรื่องอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องก่อนหน้านี้ คำพูดที่พูดออกมาก็ไม่มีใครเชื่อ

เมื่อเห็นคังหมิ่นตาย กลุ่มคนของพรรคกระยาจกก็ถอนหายใจยาวพร้อมกัน

ตราบใดที่นางตาย เรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ของนางในพรรคกระยาจกก่อนหน้านี้ก็นับว่าผ่านไปแล้วโดยสิ้นเชิง นอกจากจะหมดกังวลว่าซานเย่ว์จะถามนางเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกแล้วด้วย

ถึงอย่างไร เรื่องฉาวโฉ่พวกนั้นก็มีแค่คังหมิ่นคนเดียวที่รู้…

เดี๋ยวนะ!

ในบรรดาผู้อาวุโสพรรคกระยาจก มีบางส่วนที่สมองค่อนข้างปราดเปรื่อง นึกออกทันทีว่าเรื่องนี้มีช่องโหว่อยู่อีกหนึ่งช่อง

เพราะอีกคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคังหมิ่นยังไม่ตาย เฉวียนกวนชิง!

ด้วยระดับความต่ำช้าไร้ยางอายของเจ้าหมอนี่ เมื่อถูกคุกคามจากการลงโทษโดยกฎของพรรค ก็รับประกันได้ยากว่าจะไม่กลายเป็นสุนัขบ้าที่กัดไปทั่ว

ไม่!

ไม่ใช่ว่ารับประกันได้ยากว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะเขาต้องทำอย่างนั้นแน่นอน!

พอนึกถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสอู๋ก็ถามผู้อาวุโสสวีทันที “ผู้อาวุโสสวี ตอนนี้แม้ประมุขพรรคได้จากไปแล้ว แต่คนต่ำช้าอย่างเฉวียนกวนชิงกลับปล่อยไว้ไม่ได้ พวกเราควรจัดการเขาอย่างไร”

ผู้อาวุโสสวีมีความผิดอยู่ในใจ ย่อมไม่หวังให้เรื่องนี้เกิดความผิดพลาดใดๆ จึงแสร้งบอกว่า “อิงตามกฎของพรรค หากคนในพรรคทำผิดกฎ ก็จะถูกลงโทษโดยประมุขพรรค…

…หากประมุขพรรคไม่อยู่ ก็ให้ผู้อาวุโสคุมกฎลงโทษแทนได้เช่นกัน…

…แต่ผู้อาวุโสคุมกฎของพวกเรา…

…เฮ้อ” หลังจากถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ในที่สุดผู้อาวุโสสวีก็พูดต่อ “หากประมุขพรรคกับผู้อาวุโสคุมกฎไม่อยู่ทั้งคู่ เช่นนั้นก็รวบรวมผู้อาวุโสหรือหัวหน้าในพรรคสักห้าคนขึ้นไปมาลงคะแนนเสียง ทั้งหมดต้องเห็นด้วยถึงจะบังคับใช้กฎพรรคได้”

“จำนวนของพวกเราที่อยู่ตรงนี้เพียงพอนะ!” ตอนนี้ผู้อาวุโสซ่งก้าวขึ้นมาพูดแล้ว “วันนี้วีรบุรุษพรรคกระยาจกของพวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่นี่ จำนวนคนเกินห้าคนแล้ว ตอนนี้ทุกคนมาลงคะแนนเสียงกันเถอะ ข้าเห็นด้วยที่จะใช้กฎพรรคลงโทษเฉวียนกวนชิง!”

เมื่อพวกเขาสามคนช่วยกันพูดช่วยกันเสริม บุคคลระดับสูงคนอื่นในพรรคกระยาจกก็คิดได้ถึงประเด็นสำคัญต่างๆ แล้วเช่นกัน การลงคะแนนเสียงผ่านทั้งหมดตามที่คาดไว้

จากนั้นผู้อาวุโสอู๋ก็ตะโกนเสียงดัง “ศิษย์พรรคกระยาจกฟังคำสั่งให้ดี บังคับใช้กฎพรรค ตั้งค่ายกลตีสุนัข!”

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งผู้อาวุโสอู๋ ศิษย์พรรคกระยาจกที่เดิมทีควบคุมตัวถานกงกับภรรยา คู่พ่อลูกตันเจิ้งไว้ก็เลี้ยวหัวหอกทันที กระโจนไปหาเฉวียนกวนชิงแล้ว!

ตามกฎพรรคของพรรคกระยาจก ลูกศิษย์ที่ละเมิดกฎพรรคเลือกที่จะปลิดชีพตนเองได้ หากปลิดชีพตนเอง ก็จะนับว่าลบล้างความผิดของเขาแล้ว ในภายหลังคนของพรรคกระยาจกก็จะปกป้องชื่อเสียงของเขา

แต่ปัญหาก็คือ เห็นได้ชัดว่าเรื่องแบบนี้ปิดบังไม่อยู่ มักจะมีแพะรับบาปคนหนึ่งเสมอ

ในยุทธภพ ความจริงบางอย่างไม่ได้ร้ายแรงเป็นพิเศษขนาดนั้น แต่เพราะข่าวที่แพร่ไปผิดพลาดไปครึ่งหนึ่ง จึงยิ่งทำให้คนจินตนาการไปเองได้ง่ายๆ

ประกอบกับเดิมทีเฉวียนกวนชิงก็สมควรได้รับโทษอยู่แล้ว คำประณามนี้หากเขาไม่รับแล้วใครจะรับ

ดังนั้นผู้อาวุโสพรรคกระยาจกทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ต่างก็เลือกมองข้ามความจริงที่ว่าเฉวียนกวนชิงเลือกปลิดชีพตัวเองได้

เฉวียนกวนชิงผู้น่าสงสารตอนนี้ถูกเฉียวเฟิงสกัดจุดแล้ว ก่อนหน้านี้ถูก ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงสกัดจุดตรงหลังศีรษะ ขยับร่างกายไม่ได้ พูดก็ไม่ออก แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับค่ายกลตีสุนัขสุดโหดของพรรคกระยาจก…

ผลลัพธ์ก็แน่นอนอยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่เฉวียนกวนชิงไร้ความสามารถตอบโต้ ถูกศิษย์พรรคกระยาจกกลุ่มใหญ่รุมตีตายอย่างไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

วิธีการลงโทษแบบนี้ อาจจะมีชื่อเรียกว่า…โบยให้ตาย!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท