ตอนที่ 280 คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเขากล้าเก็บค่าผ่านทาง? (1)
ในสระปราณ
ฟางผิงค่อยๆ จับสัมผัส บริเวณรอบนอกของหัวใจปรากฏทางเดินปราณสีแดงขึ้นมาหนึ่งสายเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่บุกเบิกออกมาจากร่างกายก่อนหน้านี้
แต่ทางเดินเส้นนี้มืดสลัวและเลื่อนลอยอย่างยิ่ง
“ไม่เสถียรพอ อาจจะทลายลงเร็วๆ นี้”
ฟางผิงจำเป็นต้องดูดกลืนพลังปราณต่อ เริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทางเดินเส้นนี้
ตอนที่ทางเดินเพิ่มความเสถียรขึ้น ข้างหูของฟางผิงราวกับมีเสียงหัวใจเต้นตุบตับดังก้องอยู่
เสียงเต้นนั้นดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ!
คล้อยหลังที่หัวใจเต้นแรงขึ้น พลังปราณก็เริ่มเคลื่อนย้าย ทางเชื่อมของหัวใจปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางอีกครั้ง
“ยังไม่พอ!”
ฟางผิงไม่สนใจอีก เพิ่มการดูดกลืนปราณต่อ ทั้งเริ่มใช้พลังจิตใจไปจับปราณที่ท่วมท้นในห้องฝึกวิชาเช่นกัน
นี่ไม่ใช่อนุภาคพลังงาน แต่เป็นปราณที่แปรเปลี่ยนมาจากอนุภาคพลังงาน
ตอนที่เคลื่อนไหวพลังจิตใจ ฟางผิงก็พบว่าปราณพวกนี้จับง่ายกว่าอนุภาคพลังงานซะอีก
การสิ้นเปลืองปราณถูกฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
—
ห้าร้อยแคล…แปดร้อยแคล…
ฟางผิงเคลื่อนย้ายปราณต่อเติมสะพานฟ้าดินอยู่ตลอด
พลังปราณในสระปราณถูกเขาดูดกลืนอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
—
ข้างนอกห้อง
อาจารย์ผู้ดูแลสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า “คณบดีหลี่ คุณบอกกับเขาชัดเจนแล้วหรือยัง?”
ตาเฒ่าหลี่ปิดปากเงียบ
เขาลืมไปเรื่องหนึ่ง!
แน่นอน ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่
การเชื่อมต่อสะพานฟ้าดินนอกและใน ครั้งแรกไม่จำเป็นต้องเสถียรมากนัก สร้างทางเดินขึ้นมาคร่าวๆ ก็เพียงพอแล้ว ไม่อาจพังทลายได้ ภายหลังจะค่อยๆ เสถียรเอง
แต่…ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ใช้ปราณในร่างกายตัวเองไปไม่น้อยแล้ว ยังดูดกลืนปราณจากสระปราณไม่หยุดอีก
จนถึงตอนนี้ยังเชื่อมต่อทางเดินไม่สำเร็จสักเส้นเลย น่าจะ…กำลังเพิ่มความเสถียรสินะ?
“ไม่เป็นไร”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
อาจารย์ผู้ดูแลแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เอ่ยอย่างจนใจ “ครั้งนี้ขั้นห้าต้องตายแน่!”
“ตายก็ตายสิ”
“เฮ้อ!”
อาจารย์ผู้ดูแลถอนหายใจ คุณพูดออกมาง่ายๆ ตายแล้วก็เป็นปัญหาน่ะสิ
ตอนนี้ยังไม่ได้เชื่อมต่อทางเดินสำเร็จแม้แต่เส้นเดียว เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่นานขั้นห้าคนนั้นต้องถูกดูดกลืนปราณจนตายแน่
—
“ยากจัง คนอื่นๆ ทำยังไงกันนะ?”
ฟางผิงมึนงงอยู่บ้างเช่นกัน
ปราณเขาแตะถึงหนึ่งพันสี่ร้อยแคล ทั้งยังดูดกลืนปราณในสระปราณด้วยความรวดเร็ว
แม้แต่เขาทำแบบนี้ยังยากเลย หรือคนอื่นๆ อัดยาบำรุงเป็นบ้าเป็นหลัง กินยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามแทนข้าว?
“ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมพวกนั้นไม่มีสระปราณ อัดยาน่าจะเพิ่มปราณให้ตัวเองไม่ทันหรอกมั้ง?”
“ไม่ถูกสิ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้บางแห่งยังไม่มีสระปราณเลย หรือคนพวกนี้ยังมีพรสวรรค์กว่าฉันงั้นเหรอ เหลวไหล!”
ฟางผิงไม่เข้าใจอย่างยิ่ง!
เขาใช้ปราณตัวเองไปกว่าหนึ่งพันสามร้อยแคล เติมจากสระปราณอีกเท่าไหร่เขาไม่ได้นับ แต่น่าจะราวๆ หกร้อยเจ็ดร้อยแคล
ปราณสองพันแคลยังไม่สามารถทำให้ทางเดินหนึ่งเสถียรได้เลยด้วยซ้ำ!
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดคนอื่นๆ ปราณจำกัดอยู่ที่หนึ่งพันแคล อย่างมากก็สิ้นเปลืองเก้าร้อยแคล อัดยาอีกนิดหน่อย ช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้ สามารถฟื้นฟูปราณไม่กี่ร้อยแคลนั้นได้ นับว่าแข็งแกร่งแล้ว
ปราณหนึ่งพันกว่าแคลก็เชื่อมต่อสำเร็จแล้ว
ทำไมเขาถึงทำไม่ได้ล่ะ?
“แปลกเกินไปแล้ว หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พื้นฐานร่างกายของฉันแข็งแกร่ง?”
แม้ฟางผิงจะไม่เข้าใจ แต่พอเห็นสระปราณเติมเต็มการสิ้นเปลืองไม่ทัน จึงเริ่มใช้ค่าทรัพย์สินตัวเองมาช่วยเติมปราณ
—
ด้านนอกห้อง
ตอนที่เห็นปราณของฟางผิงไหลเวียนอย่างไม่ขาดสาย อาจารย์ผู้ดูแลก็แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “สระปราณ…เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของปราณจึงกั้นไม่ให้อนุภาคพลังงานแทรกซึม…”
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียงในลำคอ เอ่ยเรียบนิ่งว่า “นั่นแล้วยังไง?”
กั้นไม่ให้อนุภาคพลังงานแทรกซึม อันที่จริงมีความนัยค่อนข้างมาก
หรือการเติมปราณของฟางผิงมาจากความว่างเปล่า?
เขาดูดกลืนปราณอย่างรวดเร็วนั้นสามารถเข้าใจได้
แต่หลังจากดูดกลืนปราณจากสระปราณแล้ว ยังสามารถประคองพลังปราณในตัวไว้ได้ไม่ขาดสาย นั่นมีแต่ต้องมาจากร่างกายตัวเองเท่านั้น
พลังฟื้นฟูของคนมีจำกัด แม้ว่าจะฟื้นฟูก็ต้องใช้อนุภาคพลังงานมาเติมเต็ม
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือปราณพวกนี้ออกมาจากความว่างเปล่าจริงๆ
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยออกมาหนึ่งประโยคก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ไขกระดูกเขาแปรสภาพเป็นปรอท บางทีก่อนหน้านี้อาจจะดูดซับอนุภาคพลังงานกักเก็บไว้ในตัว ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกปิดกั้นพลังงานก็สามารถประคองพลังการต่อสู้ไว้ได้ตลอด นั่นเพราะกักเก็บไว้ในร่างกายเช่นกัน พวกเราไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ ไม่อาจเข้าใจเรื่องปกติพวกนี้ได้”
อาจารย์ผู้ดูแลไม่ได้พูดอีก ฟางผิงทำได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ยากที่จะเชื่อจริงๆ!
แต่ว่าตาเฒ่าหลี่ให้คำอธิบายเช่นนี้ แม้คุณจะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นสองวันก่อนฟางผิงก็ไปสถาบันวิจัยมาแล้วครั้งหนึ่ง เอาตัวอย่างเลือด เส้นผมรวมถึงผงกระดูกบางส่วนให้สถาบันวิจัย
เวลานี้ผลการวิจัยยังไม่ออกมา ทำได้เพียงมองว่าสมองของฟางผิงเกิดการกลายพันธุ์เท่านั้น
อันที่จริงอาจารย์ผู้ดูแลเชื่อมากกว่าว่าสมองของฟางผิงเกิดการกลายพันธุ์
ร่างกายมนุษย์นั้นซับซ้อนที่สุด การมีอยู่ของพลังจิตใจสิ่งเหล่านี้ก็ซับซ้อนเช่นกัน ฟื้นฟูพลังจิตใจ ฟื้นฟูจากที่ไหนกัน?
พลังจิตใจไม่อาจดึงอนุภาคพลังงานมาฟื้นฟูได้ ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์สิ้นเปลืองพลังจิตใจ ราวกับว่าฟื้นฟูได้โดยธรรมชาติ นี่ไม่อาจอธิบายได้
บางทีอาจเป็นพลังงานที่อยู่ในมิติสูง มนุษย์ไม่อาจสัมผัสได้
ความสามารถที่มาจากความว่างเปล่าของฟางผิงกลับคล้ายกับการฟื้นฟูพลังจิตใจอยู่บ้าง
อันที่จริงตาเฒ่าหลี่ก็กำลังสงสัยเช่นกัน ถึงกระทั่งมั่นใจว่าสมองของฟางผิงจะเกิดการกลายพันธุ์แน่ๆ
ครั้งก่อนพลังจิตใจของเขาก็ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
“สมองกลายพันธุ์…”
พึมพำเบาๆ ในใจ ตอนนี้มีแค่ต้องชำแหละสมองฟางผิงมาวิจัยเท่านั้น ไม่งั้นคงตรวจสอบสาเหตุไม่เจอ เขาไม่คาดหวังอะไรกับทางสถาบันวิจัยนักเช่นกัน
“ไม่สนแล้ว แล้วแต่เขาเถอะ หวังว่าสุดท้ายจะไม่พัฒนาไปทางที่แย่”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวเบาๆ กลายพันธุ์อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
—
ในเวลาเดียวกับที่ฟางผิงกำลังเลือกทะลวงด่าน
ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้
ประตูโลหะผสมถูกเปิดออก
พวกหลู่เฟิ่งโหรวทยอยสาวเท้าเดินออกมา
เพิ่งจะออกจากประตูกลับได้ยินเสียงที่คุ้นหูขึ้นมา
“ใช้สระผมที่อ่อนโยนก็สามารถมั่นใจได้!”
หลู่เฟิ่งโหรวตกตะลึงไปเล็กน้อย หันหน้าไปมองผู้ที่เฝ้าประตูแวบหนึ่ง
ตอนนี้ผู้เฝ้าประตูกำลังนั่งเอนตัวบนเก้าอี้ บนโต๊ะด้านหน้านั้นมีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ตอนที่เบื่อหน่าย พวกเขามักจะดูละครทีวีไม่ก็ภาพยนตร์กัน
หลู่เฟิ่งโหรวหันหน้าไปมองจอแวบหนึ่ง ในจอนั้นฟางผิงกำลังขยี้ผมสั้นของตัวเองอยู่ ในมือยังถือยาสระผมขวดหนึ่ง
เห็นภาพนี้ สีหน้าของหลู่เฟิ่งโหรวก็เปลี่ยนไปมาแทบไม่หยุด
ผู้เฝ้าประตูรู้ว่าพวกเขาออกมาเช่นกัน เห็นแบบนั้นจึงหัวเราะว่า “อาจารย์หลู่ ลูกศิษย์คุณคนนี้ถ่ายโฆษณาได้ไม่เลวเลย น่าสนใจจริงๆ”
“ใช่สิ ยังมีอย่างอื่นอีก บันเทิงใจไม่น้อย สนุกกว่าละครทีวีพวกนั้นเยอะเลย…”
หลู่เฟิ่งโหรวมองเขาสักพัก ผ่านไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “นายรู้ว่าฉันออกมาเลยตั้งใจเปิดให้ฉันเห็น?”
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว อยากจะแบ่งบันความบันเทิงให้ทุกคนนี่นา ในที่สุดสงครามถ้ำใต้ดินก็จบแล้ว ในใจแบกรับความกดดันเกินไปไม่ใช่เรื่องดี จะทำให้พวกเราเครียดได้ง่ายๆ เด็กคนนี้น่าสนใจ ดูโฆษณาที่เขาถ่าย ตอนนี้ฉันไม่เครียดอะไรอีกแล้ว!”
“โฆษณาอะไร?”
ถังเฟิงที่เพิ่งจะเดินออกมา ถามไปลอยๆ บนร่างกายเขายังอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
——————-