ตอนที่ 281 หนึ่งปีสี่ขั้น (2)
หลู่เฟิ่งโหรวยังคงเผยสีหน้าเรียบนิ่ง
ตาเฒ่าหลี่ยิ้มบางๆ “เธอน่ะทำเป็นเข้มแข็ง ต้องรักษาหน้าตาตัวเองตลอด หวังว่าเหล่าอู๋จะอยู่ได้นานหน่อย ตายไปทั้งคู่ เธอคงไม่มีคนให้แค้นแล้ว ส่วนฉัน กลัวว่าเธอจะล้มพับไปจริงๆ…”
“หุบปาก!”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเยือกเย็น “นายคิดว่านายเป็นใคร คิดว่านายมีค่าพอให้ฉันเคียดแค้น? ตายไปให้หมดน่ะดีแล้ว!”
“ยัยตัวแสบปากแข็งจริงๆ กลัวก็แต่ว่าฉันตายแล้ว เธอจะแอบไปร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่หลายวัน…”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะออกมา “ตอนที่หนานอู๋ชางตายก็แอบไปดูสินะ? ร้องไห้หรือเปล่าล่ะ?”
“ไสหัวไป!”
หลู่เฟิ่งโหรวมีโทสะทันที ระเบิดพลังจิตใจขึ้นมาชั่วพริบตา สั่นสะเทือนตาเฒ่าหลี่จนนิ่งค้างไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะถูกหลู่เฟิ่งโหรวเตะหายไปแทบไม่เห็นเงา
อาจารย์ผู้ดูแลก้มหน้าก้มตา ยืนนิ่งไม่ไหวติงแม้แต่น้อย ทำราวกับเป็นหุ่นไม้ ไม่ได้ยิน ไม่เห็นอะไรสักอย่าง
ผ่านไปสักพัก อาจารย์ผู้ดูแลคล้ายกับมีสติขึ้นมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติว่า “อาจารย์หลู่ งั้นผมขอตัวไปทำธุระก่อน ทางนี้คุณดูแลด้วยแล้วกัน”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้พูดอะไร
อาจารย์ผู้ดูแลไม่มากความเช่นกัน หมุนตัวเดินออกไปทันที เขากลัวว่าหากอยู่ต่อนานอีกหน่อย จะถูกคนหักคอจริงๆ
ตอนนี้นับวันเซี่ยงไฮ้ก็ยิ่งผิดแปลกขึ้นเรื่อยๆ ขนาดอาจารย์ขั้นห้าสูงสุดยังตกอยู่ในอันตรายเลย
อาจารย์ผู้ดูแลคร่ำครวญในใจ อธิการเฒ่าจากไปแล้ว ตัวปัญหาพวกนี้ไม่อาจควบคุมได้ง่ายๆ แล้ว
อธิการอู๋จะควบคุมสถานการณ์อยู่หมัดจริงๆ เหรอ?
บางครั้งฝีมือแข็งแกร่งกว่าก็ไม่หมายความว่าจะควบคุมทุกอย่างได้
—
ฟางผิงที่อยู่ในห้องย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้
สะพานที่สามเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว
ผ่านไปสี่ชั่วโมงหลังจากเข้าห้อง สะพานที่สี่ก็เชื่อมเสร็จสิ้น
สะพานที่ห้ายากกว่าก่อนหน้านี้ ทางเดินสี่เส้นนั้นเริ่มเกิดความรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย
เชื่อมต่อทางเดินหลายครั้งก็ถูกปฏิเสธ สะพานที่เลื่อนลอยสั่นสะเทือนไม่หยุด ผ่านไปพักหนึ่งก็พังทลายลง
ฟางผิงลองอยู่หลายรอบ ย้ายปราณเข้าไปไม่ขาดสาย ไม่ใช้พลังจิตใจไล่จับอนุภาคพลังงานอีกแล้ว แต่เริ่มควบคุมทางเดินอื่นๆ ให้มั่นคงแทน
หลังจากทำหลายครั้ง สุดท้ายสะพานที่เลื่อนลอยก็ปรากฏออกมา!
ตอนที่สะพานที่ห้าปรากฏขึ้น ร่างกายฟางผิงสั่นไหวเล็กน้อย อวัยวะภายในเริ่มเป็นฝ่ายดูดซับอนุภาคพลังงานที่แหวกว่ายอยู่ ปราณฟื้นฟูขึ้นอย่างว่องไว!
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางสามารถเป็นฝ่ายดูดซับอนุภาคพลังงาน ฟื้นฟูปราณได้อย่างรวดเร็วสินะ?”
ฟางผิงหวนคิดเล็กน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ที่เขาเจอในถ้ำใต้ดิน คนที่เขาฆ่าอยู่ขั้นสี่ตอนต้นทั้งสิ้น จึงไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่
ขั้นสี่ตอนกลางคนนั้น เหมือนจะรักษาพลังต่อสู้ได้นานกว่าคนอื่นจริงๆ ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงผลาญปราณเขาอยู่พักใหญ่ อีกฝ่ายยังคงประคองพลังต่อสู้ไว้ได้
“ไม่แปลกใจที่บอกว่ายอดฝีมือขั้นหกแทบมีปราณอย่างไม่จำกัด ขั้นสี่ตอนกลางยังเป็นฝ่ายดูดซับอนุภาคพลังงานที่แหวกว่ายได้แล้ว งั้นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดล่ะ? ปิดผนึกประตูซานเจียว ปราณไม่สูญเสียออกไป รวมถึงพลังจิตใจแข็งแกร่งจนเป็นฝ่ายดูดกลืนอนุภาคพลังงาน…มีหลักประกันเยอะขนาดนี้ ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดน่าจะแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้มาก!”
ฟางผิงคาดเดาในใจคร่าวๆ ต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด บางทีอาจจะยากกว่าที่จินตนาการอยู่บ้าง
สังหารยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด หากไม่โจมตีโดนจุดตายที่หัว ฆ่าให้ตายในครั้งเดียว ก็ต้องอาศัยพลังจิตใจกดดัน
อยากผลาญปราณอีกฝ่ายให้ตาย เกรงว่าต้องทุ่มสุดแรงกายเท่านั้น
ในใจครุ่นคิดเรื่องนี้ ฟางผิงก็ไม่คิดจะถ่วงเวลาทำให้ทางเดินที่ห้าเสถียรช้าอีก
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ทางเดินทั้งห้าที่โปร่งใสแฝงไปด้วยปราณอยู่บางส่วน ค่อยๆ เสถียรลงมา ไม่สั่นคลอนอีก
ด้านฟางผิงรู้สึกแค่ว่าอวัยวะภายในกำลังสั่นสะเทือนไม่ขาดสาย ภายในร่างกายเหมือนกำลังลอกคราบ ผิวภายนอกก็คล้ายตกสะเก็ด คราบเลือดแดงคล้ำเป็นชั้นๆ เกาะกลุ่มข้างนอกร่างกาย ห่อหุ้มทั่วทั้งตัวของฟางผิงเอาไว้
“ยังไม่ถือว่าถอดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น แต่น่าจะมีแนวโน้มหลอมร่างทองแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่างและสามระดับกลาง อันที่จริงเป็นขั้นตอนของการหลอมร่างทองเหมือนกัน
ตอนนี้ฟางผิงค่อยๆ เข้าใจเส้นทางฝึกวิชาชัดเจนขึ้นแล้ว
ร่างกายมนุษย์เป็นพื้นฐานของเส้นทางฝึกศิลปะการต่อสู้
ฝึกศิลปะการต่อสู้ อันที่จริงไม่ได้ไล่ตามความแข็งแกร่งภายนอก แต่เป็นการไล่ตามความแข็งแกร่งภายในร่างกาย ทะลวงขีดจำกัดเป็นลำดับไป
หรือจะพูดอีกอย่างว่าเป็นการทำให้ขั้นตอนการพัฒนาชีวิตเสร็จสมบูรณ์
“ตอนที่มนุษย์แตะถึงขั้นแปด จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายอย่างสมบูรณ์ บางทีอาจไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้แล้ว”
“ขั้นแปด…อาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกอย่างหนึ่ง”
ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดมีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายอย่างสมบูรณ์ งั้นยอดฝีมือขั้นเก้า เทียบกับขั้นแปดแล้วแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ฟางผิงเกิดความสงสัยในใจเล็กน้อย
พอถึงเส้นทางของขั้นแปด เขาน่าจะมองออกจับทางได้แล้ว แต่เส้นทางขั้นเก้า ตอนนี้ยังขมุกขมัวไปหมด
“ยังเร็วไป อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้”
ฟางผิงไม่คิดเรื่องนี้อีก ทั้งไม่ได้ออกจากสระปราณในทันที แต่สำรวจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองก่อน
ทรัพย์สิน : 18,000,000
ปราณ : 820 แคล (1550 แคล+)
จิตใจ : 410 (619 แคล+)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 (30%+)
ค่าทรัพย์สินสิ้นเปลืองกว่าที่คาดการณ์ไว้อยู่บ้าง เสียไปกว่ายี่สิบสามล้าน นี่เป็นเพราะฟางผิงใช้เพื่อฟื้นฟูปราณให้เร็วขึ้น ทั้งยังรวมกับที่สระปราณปล่อยพลังให้แล้วเช่นกัน ไม่งั้นอย่างน้อยคงต้องสิ้นเปลืองเกือบสามสิบล้านแล้ว
“ปราณสามหมื่นแคล ปกติผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทำถึงขั้นนี้ได้ยังไง! เชื่อมต่อสะพานฟ้าดินทั้งห้าในครั้งเดียว เว้นเสียแต่ว่า…ที่บ้านเขาจะมีหินพลังงาน!”
บ้านใครจะมีหินพลังงานได้ หินฝึกวิชาปลดปล่อยพลังงานให้ นั่นอาจจะทำได้ หรืออย่างสระปราณที่ให้ยอดฝีมือระดับสูงจัดสรรปราณอย่างไม่ขาดสายออกมา ไม่งั้นเชื่อมต่อสะพานทั้งห้าในครั้งเดียว ฟางผิงคิดว่านี่น่าจะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทำได้
ส่วนเขานั้นเป็นกรณีพิเศษ อัจฉริยะไม่ได้เหมือนคนอื่น
“ขีดจำกัดปราณเพิ่มขึ้นไม่เยอะ พลังจิตใจก็เหมือนกัน แต่ว่า…”
ชั่วพริบตาที่ฟางผิงมองสำรวจ ขีดจำกัดปราณกลับเปลี่ยนเป็นหนึ่งพันห้าสิบเอ็ดแคลจากเดิมที่หนึ่งพันห้าสิบแคล กำลังเพิ่มขึ้นอยู่!
“ใช่สิ ปราณและอนุภาคพลังงานกำลังถูกอวัยวะภายในดูดซับเพื่อหลอมอวัยวะ นี่เป็นขั้นตอนที่ยาวนานอย่างหนึ่ง ในขั้นตอนนี้ร่างกายของฉันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ช่วงเวลานี้แม้ฉันจะไม่เป็นฝ่ายฝึกวิชา ขีดจำกัดปราณก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ดี”
ตอนนี้ฟางผิงนับว่าสัมผัสได้ถึงประโยชน์ของการเชื่อมต่อสะพานฟ้าดินสำเร็จแล้ว ร่างกายเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงให้แข็งแกร่งขึ้นเอง
ตอนนี้เขานับว่าเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางแล้ว
แต่เพราะข้ามขั้นต้น ใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงสั้น พื้นฐานร่างกายและปราณของเขาอาจจะแข็งแกร่งไม่เท่ากับขั้นสี่ตอนกลางคนอื่นๆ
คนอื่นทำตามลำดับไปช้าๆ สำเร็จการหลอมและเปลี่ยนแปลงระหว่างกระบวนขั้นตอนไปแล้ว
“แต่ขีดจำกัดของฉันเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ขวดน้ำของคนอื่นใส่น้ำจนเต็มแล้ว ตอนนี้ฉันเพิ่งจะเริ่มกรอกเท่านั้น ฉันค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน แต่พวกเขาทำได้เพียงรอทะลวงด่านต่อไป”
“ดีจริงๆ ขั้นสี่ตอนกลางแล้ว!”
ฟางผิงดีใจอยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดแค่จะทะลวงถึงขั้นสี่เท่านั้น
ก้าวสู่ระดับกลาง เขาและพวกเหล่าหวังถือว่าระดับเดียวกันแล้ว
คาดไม่ถึงว่าเขาจะข้ามสู่ขั้นสี่ตอนกลางได้เลย ระยะห่างจากเหล่าหวังมีแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!
“เวลาแค่หนึ่งปี!”
ตอนนี้นับจากวันที่เขาเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้คือหนึ่งปีสี่เดือน จากคนที่ธรรมดาสุดขีดอย่างเขา เกือบจะไล่ตามหวังจินหยางที่อยู่ขั้นสองสูงสุดในตอนแรกได้แล้ว
“เร็วจริงๆ บางทีอีกไม่นานฉันน่าจะล้ำหน้าเขาได้แล้ว”
“หลี่หานซง เหยาเฉิงจวิน เฉินเหวินหลง…คนรุ่นเดียวกันพวกนี้จะค่อยๆ ถูกฉันล้ำหน้าทั้งหมด!”
“บางทีฉันควรจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่สักหน่อย อย่างเช่น…พี่หม่า?”
จู่ๆ ฟางผิงก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนอื่น
คนรุ่นเดียวกันจะเป็นเป้าหมายของเขาได้ยังไง
เขาทะลวงสี่ขั้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
สองปีอาจจะขั้นแปดก็ได้
หากมีสิบสองขั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทะลวงสิบสองขั้นในสามปี!
กำลังคิดเพ้อฝันอยู่ จู่ๆ ข้างหูกลับมีเสียงดังขึ้น “ยังไม่ออกมาอีก คิดจะจำศีลตายอยู่ในนั้นหรือไง!”
ฟางผิงตื่นตัวขึ้นมาทันที หยัดกายขึ้นชั่วพริบตา รังไหมสีแดงด้านนอกพังทลาย ร่วงหล่นทีละชิ้น
กระทั่ง…เสื้อผ้ายังสลายไปด้วย
ฟางผิงปฏิกิริยาว่องไว รีบถอดเสื้อเกราะเอามาแทนที่กางเกงทันที ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นหัวเราะ หันหน้าสาวเท้าเดินออกมา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งไปพลาง “กล้าถ่ายโฆษณาน่าอายขนาดนั้นยังจะหน้าบางกับเรื่องแค่นี้?”
ฟางผิงทำหน้ากระอักกระอ่วน ฉันถ่ายโฆษณาไม่ได้ถอดกางเกงซะหน่อย น่าอายขนาดนั้นที่ไหนกัน?
“บางที…ผมอาจต้องซื้อกางเกงสักตัว”
ฟางผิงคิดอย่างฟุ้งซ่าน หลังจากนี้ทำอะไรนิดอะไรหน่อยเสื้อผ้าคงจะขาดกระจุย ท่อนบนไม่เท่าไหร่ แต่ท่อนล่างต้องดูแลให้ดีซะแล้ว
ครั้งก่อนซื้อรองเท้าคู่เป็นล้านก็คิดว่ายากจะเชื่อแล้ว
ไม่รู้ว่าซื้อกางเกงที่ทำจากหนังสิ่งมีชีวิตขั้นห้าขั้นหกตัวหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไหร่?
—————-