ตอนที่ 295 ไม่ช้าก็เร็วมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องเปลี่ยนเป็นแซ่ฟาง (1)
ระหว่างทางฟางผิงสลัดคำพูดพวกนั้นของศาสตราจารย์เฒ่าทิ้งไปทันที
รอตัวเองกลายเป็นปรมาจารย์ มีโอกาสเข้าใจลึกซึ้งกว่านี้ค่อยว่ากัน ตอนนี้รู้เรื่องพวกนี้แทบไม่มีประโยชน์อะไร
ฟ้าถล่มลงมาก็ให้ปรมาจารย์พวกนั้นแบกไว้ละกัน
—
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ฉินเฟิ่งชิงนั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนจะเรียกใช้เฉินอวิ๋นซี
“เปลี่ยนน้ำชาให้ฉันหน่อย ชาเย็นหมดแล้ว!”
“ฉันว่านะ ฟางผิงทำไมถึงให้พวกดอกไม้ประดับแจกันมาเป็นหัวหน้าฝ่ายสำนักงานซะได้ ฉันจำได้ว่าโจวเยียนคล่องแคล่วฉับไวมากกว่านี้…”
วันนี้เฉินอวิ๋นซีไม่ได้เข้าคลาสเรียน
ตอนนี้ได้ยินฉินเฟิ่งชิงดูแคลนตัวเอง เฉินอวิ๋นซีจึงใบหน้าขึ้นสี ช่วยจัดการถ้วยชาอย่างลนลาน ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้
ฟางผิงเข้ามาได้ยินคำพูดนี้จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นซี ปู่ของเธอมาหาอยู่ด้านนอก ได้ยินว่าปรมาจารย์ได้ยินกระทั่งเสียงมดเดินไกลกว่าร้อยลี้…”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ฝืนเอ่ยว่า “ขู่ฉัน?”
ฟางผิงทำราวกับเพิ่งเห็นเขา เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “อะไร?”
“นาย…นายบอกว่าอธิการเฉินมา จงใจขู่ฉัน?”
“ปัญญาอ่อน!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ฉันขู่นายมีประโยชน์อะไร? อวิ๋นซี เธอไปเถอะ ต้อนรับปู่ดีๆ ล่ะ”
เฉินอวิ๋นซีเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ละล่ำละลักว่า “งั้นฉันขอตัวก่อน จริงๆ เลยปู่จะมาหาทำไมไม่บอกกันล่วงหน้าหน่อย”
พูดจบเฉินอวิ๋นซีก็รีบออกไปข้างนอก
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “อย่าพูดเรื่องที่ฉินเฟิ่งชิงเรียกใช้เธอล่ะ บอกว่าเป็นดอกไม้ประดับแจกัน เธอก็อย่าคิดเป็นจริงเป็นจัง ดอกไม้ประดับแจกันมีความสามารถของขั้นสามหรือไง? ยังไงเขาก็เป็นรองประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ปู่เธอเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยจิงหนาน หากบานปลายขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดีแล้ว”
เฉินอวิ๋นซีพยักหน้าระรัว “ฉันไม่พูดอยู่แล้ว”
“ถ้าอธิการเฉินได้ยิน เธอก็เกลี้ยกล่อมเขาหน่อย ขอให้เขาอย่าใส่ใจ ฉินเฟิ่งชิงเป็นคนปากเสียแบบนี้แหละ ปรมาจารย์ต้องรักษาความเกรงขาม ถ้าไม่ไหวจริงๆ ออกจากมหาวิทยาลัยก่อนค่อยลงมือ ในมหาวิทยาลัยนั้นไม่ได้”
เฉินอวิ๋นซีทำหน้าร้อนใจ พยักหน้าว่า “งั้นฉันขอตัวก่อน จะไม่ให้ปู่ฉันเข้ามาในสมาคมแน่นอน!”
พูดจบ เฉินอวิ๋นซีก็รีบวิ่งออกไป
ฉินเฟิ่งชิงอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป ก่อนจะเอ่ยว่า “รุ่นน้องอวิ๋นซี เมื่อกี้แค่พูดเล่น รุ่นพี่อยากจะสร้างแรงกระตุ้นให้เธอเท่านั้น เธอทำได้ดีแล้ว…”
เฉินอวิ๋นซีไม่ได้ คนออกไปนานแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงนั่งไม่ติดที่อยู่บ้าง กระแอมเบาๆ “ฟางผิง นายก็รู้ว่าฉันคนนี้ปากร้ายแต่ใจดี ฉันแค่หวังดีต่อเฉินอวิ๋นซี…”
ฟางผิงพูดเหมือนเป็นเรื่องจริง เฉินอวิ๋นซีวิ่งออกไปแล้วเขาก็ยังไม่ขัดขวาง นี่ทำให้ฉินเฟิ่งชิงเชื่ออยู่บ้างว่าปรมาจารย์เฉินมาจริงๆ!
พอนึกถึงตัวเองที่ด่าคนอื่นไปว่าดอกไม้ประดับแจกัน…
นึกไปถึงอีกว่าสกุลเฉินมีทายาทรุ่นสามเป็นผู้หญิงคนเดียว!
ฉินเฟิ่งชิงก็ใบหน้าซีดเผือดอยู่บ้าง รังแกหลานสาวของสกุลเฉินไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่รังแกหลานสาวของท่านผู้เฒ่าเฉิน นั่นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่!
ไม่แน่ว่าพอเขาเดินออกจากมหาวิทยาลัยไปจะถูกปรมาจารย์ซ้อมจริงๆ ก็ได้!
โดนซ้อมเขาไม่กลัว
กลัวก็แต่ว่าจะโดนซ้อมไม่หยุดหย่อนน่ะสิ!
“ฉันนี่มันปากเสียจริงๆ!”
ฉินเฟิ่งชิงสบถในใจ ว่างจนไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง ด่าใครไม่ด่า อยู่ดีๆ ไปหาเรื่องเฉินอวิ๋นซี
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “รุ่นพี่ฉินพูดอะไรกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก อธิการเฉินเป็นคนดี ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เอาล่ะ เข้าประเด็นกัน ครั้งนี้ขอแรงสนับสนุนเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินเฟิ่งชิงจะมีใจพูดเรื่องนี้ได้ยังไง เซี่ยเหล่ยที่นั่งนิ่งอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด แค่นเสียงว่า “ปัญญาอ่อน!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉินเฟิ่งชิงและฟางผิงก็จ้องเขาด้วยแววตาอันตรายทันที
ไอหมอนี่ด่าใครกัน?
เซี่ยเหล่ยสีหน้าดูไม่ได้อยู่บ้าง ต่อจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก ฉันไม่บอกหรอกว่าด่าใคร!
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงค่อยสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ต้องรอนาน ด้านนอกเฉินอวิ๋นซีก็ตะโกนว่า “ฟางผิง ปู่ฉันไม่เห็นมาเลย!”
“ฉันจะฆ่านายซะ!”
ฉินเฟิ่งชิงระเบิดโมโห!
ลุกขึ้นเตรียมจะชักดาบใส่ฟางผิง ฟางผิงตะคอกใส่ทันที “ฉินเฟิ่งชิง นายมีเงินชดใช้หรือไง? ทำลายข้าวของต้องชดใช้หลายสิบล้าน นายมั่นใจนะว่าจะลงมือ นายเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน นายต้องชดใช้ทั้งหมด!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉินเฟิ่งชิงก็ห่อเหี่ยวทันที
“ฟางผิง นายนี่มันแน่จริงๆ!”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียง เอ่ยด้วยแววตาไม่พอใจ “รอก่อนเถอะ พวกเรายังไม่จบ!”
“ไร้สาระ ไม่จบง่ายๆ อยู่แล้ว นายติดเงินฉันเป็นสิบล้าน รีบคืนเร็วๆ ละกัน ไม่งั้นชีวิตปีสี่ตลอดทั้งปีนี้ก็รอฉันจัดการนายได้เลย!”
“รังแกคนเกินไปแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงโมโหขึ้นมา ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แต่ไหนแต่ไรก็มีแค่ฉันที่ไปรังแกคนอื่น ผลปรากฏว่าตอนนี้มาถูกคนรังแก โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
นึกถึงตอนแรกที่จางอวี่ถูกเขาบดขยี้แล้วบดขยี้อีก เจ้าฟางผิงกลับใช้อำนาจกลั่นแกล้งตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง
ทั้งสองคนถลึงตาใส่กันอย่างดุดัน เซี่ยเหล่ยลอบด่าในใจอีกครั้ง ไอ้พวกปัญญาอ่อน!
คร้านจะเสียเวลากับพวกเขาแล้ว เซี่ยเหล่ยเอ่ยออกไปตรงๆ “ครั้งนี้ฉันไปยี่สิบเจ็ดหลัง รวบรวมได้ทั้งหมดสี่ร้อยหกสิบล้าน…”
ฟางผิงไม่รอให้เขาพูดจบก็เอ็ดว่า “นายปัญญาอ่อนหรือไง?”
“บริษัทใหญ่ของปรมาจารย์สี่แห่ง กับบริษัทของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางยี่สิบสามแห่ง นายบอกฉันว่ารวบรวมได้สี่ร้อยหกสิบล้าน?”
เซี่ยเหล่ยแทบจะกัดฟันพูดอย่างโมโหว่า “นายบอกว่าปรมาจารย์ไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน ระดับกลางสิบล้าน ฉันทำถึงเกณฑ์แล้ว ฟางผิง อย่าได้รังแกคนเกินไป!”
“ฉันบอกว่าเกณฑ์ต่ำสุด นายยังจะยึดตามเกณฑ์ต่ำสุดจริงๆ? บริษัทที่ฉันเลือกให้พวกนายมีแต่บริษัทรวยๆ ศิษย์เก่าของเซี่ยงไฮ้เยอะขนาดนี้ คนที่ฉันเลือกมาเป็นพวกที่ซื้อรถให้ลูกหลานตัวเองคันละเป็นสิบๆ ล้าน พวกนายปัญญาอ่อนรึไง? เว้นเสียแต่ว่าลูกหลานของคนพวกนี้จะไม่เรียนในเซี่ยงไฮ้ ไม่งั้นเงินเล็กน้อยแค่นี้ไม่พอจะอุดซอกฟันได้ด้วยซ้ำ? ใช่สิ ในนี้ยังมีบางคนที่ลูกหลานเรียนในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เดี๋ยวนายไปเอารายชื่อและจำนวนเงินบริจาคมาให้ฉัน ใครให้เงินน้อย ขั้นสามส่งไปถ้ำใต้ดินให้หมด!”
เซี่ยเหล่ยมุมปากกระตุก เอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม “นายทำแบบนี้จะเป็นการล่วงเกินในที่แจ้งแล้ว!”
“กลัวไปทำไม!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ฉันไม่ใช่หาผลประโยชน์ให้ตัวเองสักหน่อย ปีนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เสียอาจารย์และนักศึกษาไปจำนวนมากในสงคราม ลูกหลานรุ่นหลังของพวกเขายังมีชีวิต ตัวเองจะคิดไม่ได้เลยหรือไง? ภารกิจอันตรายต้องสนใจหน้าตาของพวกเขา ไม่ให้คนพวกนี้ทำภารกิจงั้นเหรอ? หากภักดีต่อมหาวิทยาลัย ภักดีต่อมนุษยชาติ ยังไงก็ควรมีน้ำใจลงแรงในเรื่องนี้สักหน่อย ถ้าน้องสาวของฉันอยู่ในมหาวิทยาลัย พูดให้ระคายหูหน่อย ต่อให้ฉันขี้เหนียวแค่ไหน คนของเซี่ยงไฮ้มาหาถึงหน้าประตู ฉันทุ่มเทได้อยู่แล้ว ไม่กี่สิบล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร? มีความสามารถก็ให้ลูกหลานของพวกเขากลับบ้านไป อย่ามาที่เซี่ยงไฮ้ ไม่งั้นการจัดสรรภารกิจหลังจากนี้คนพวกนี้ต้องอยู่แนวหน้าสุด! ถือสิทธิ์อะไรพวกเขาถึงมีอภิสิทธิ์! รวมถึงเฉินอวิ๋นซี ฉันกลับไปจะติดต่อกับอธิการเฉิน บริจาคไม่ถึงร้อยสองร้อยล้าน ฉ้นจะส่งเฉินอวิ๋นซีไปถึงสนามบดเนื้อ! สนามบดเนื้อส่งคนอื่นไปได้ก็ส่งหลานสาวพวกเขาไปได้เช่นกัน!”
ฟางผิงด่ากราดออกมา ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ
เฉินอวิ๋นซีที่ยืนอยู่หน้าประตูกัดริมฝีปาก ไม่แทรกบทสนทนา
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน แค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะมองไปทางฉินเฟิ่งชิง “ทางนายได้เท่าไหร่?”
“ห้าร้อยล้าน!”
“ไร้ประโยชน์!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นายพูดง่ายๆ คนเขาไม่ให้ นายจะบังคับยังไงได้?”
“ใช้สมองไม่เป็นสักนิดเลยหรือไง คนที่ไปกับพวกนายก็ปัญญาอ่อนกันหมด นักศึกษาสายสังคมที่โดดเด่นด้านบริหาร แค่พวกปัญญาอ่อนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น!”
ฟางผิงโวยวายเสียงดัง รวมทั้งสองฝั่งแล้วไม่ถึงหนึ่งพันล้าน
ทั้งนี่เป็นเงินที่รวบรวมจากปรมาจารย์หลายคนและผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางนับร้อย
ครั้งนี้เขาไม่สนกระทั่งเรื่องหน้าตา แทบจะเป็นการบังคับบริจาค ผลปรากฏว่ากลับได้มาแค่เล็กน้อย คิดว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขาดแคลนเงินไม่กี่พันล้านนี้จริงๆ หรือไง
ฟางผิงถอนหายใจ เอ่ยว่า “เอารายชื่อมาให้ฉัน!”
ฉินเฟิ่งชิงและเซี่ยเหล่ยต่างเอารายชื่อของตัวเองส่งให้ ฟางผิงกวาดตามองแวบหนึ่ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน
“สวัสดีครับรุ่นพี่จาง!”
“…”
“ผมฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ขอโทษที่รบกวนด้วยครับ วันนี้ประธานเซี่ยกลับมาแล้ว บอกว่าคุณบริจาคอย่างใจกว้าง ช่วยเหลือมหาวิทยาลัยสิบสองล้าน ขอบคุณมากจริงๆ ครับ! ผมขอแสดงความขอบคุณแทนนักศึกษาและอาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัยด้วยครับ”
“…”
“จริงสิ เพื่อเป็นการขอบคุณ มหาวิทยาลัยตัดสินใจว่าหลังจากนี้วัสดุตกแต่งของโรงงานผลิตอาวุธจะไม่นำเข้าจากบริษัทคุณอีกแล้ว ยังไงการค้าของคุณก็ขาดทุนมาตลอดอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยรู้สึกเกรงใจ…”
“…”
ระหว่างที่ทุกคนอ้าปากค้าง ฟางผิงก็ยิ้มปฏิเสธว่า “ห้าสิบล้านเยอะเกินไป ไม่ต้องหรอกครับ รุ่นพี่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้”
“งั้นก็ได้ครับ ผมขอบคุณในความสนับสนุนของรุ่นพี่แทนทุกคนในมหาวิทยาลัยด้วยครับ”
“…”
วางสายแล้ว ฟางผิงก็ชำเลืองมองเซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยพึมพำว่า “ห้าสิบล้าน?”
“ใช่ ได้เพิ่มมาอีกห้าสิบล้าน!”
“รุ่นพี่จางเขา…เขาไม่มีลูกที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย”
“โรงงานผลิตอาวุธของมหาวิทยาลัยส่วนมากนำเข้าวัสดุจากบริษัทเขา”
“แต่ฉันตรวจสอบแล้ว เขาไม่ได้กำไรจริงๆ ทุกปีจะจัดหาให้มหาวิทยาลัยด้วยราคาต้นทุน ไม่งั้นมหาวิทยาลัยคงไม่ซื้อจากทางเขาหรอก…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ใครบอกนายว่าเขาได้กำไรจากมหาวิทยาลัย? ประเด็นสำคัญอยู่ที่เขาใช้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ใช้ฐานะที่จบจากเซี่ยงไฮ้รวมถึงการจัดหาวัสดุให้มหาวิทยาลัยถึงได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทผลิตอาวุธเช่นกัน กำไรแต่ละปีอย่างต่ำก็หลายร้อยล้าน ผ่านมาหลายปี เขาจะได้กำไรเท่าไหร่ล่ะ? มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มอบให้เขาทั้งนั้น! นายคิดว่าฉันให้ข้อมูลลวกๆ กับพวกนายเพื่อให้พวกนายไปขอเงินถึงหน้าประตูหรือไง? รุ่นพี่จากหน่วยทหารที่ไม่ได้ร่ำรวยจากมหาวิทยาลัย ฉันให้พวกนายไปหรือไง? คนที่ให้ไปหาตอนนี้ล้วนมีผลประโยชน์เอื้อแก่กัน! รวมถึงปรมาจารย์พวกนั้นด้วย นายคิดว่าพวกเขากลายเป็นปรมาจารย์ได้ยังไง?”
———————–
———————————————-