ตอนที่ 288 เหิมเกริมทำให้คนตายได้ (2)
“พลังจิตใจเพิ่มยากกว่าปราณ ความเสี่ยงก็เยอะเหมือนกัน หนึ่งหมื่นเพิ่มหนึ่งเฮิรตซ์อาจไม่ได้เสมอไป”
ความเจ้าเล่ห์ของระบบ ฟางผิงกระจ่างใจดี
จ่ายออกไปเท่าไหร่ก็จะได้รับเท่านั้น
หากค่าทรัพย์สินสามล้านเจ็ดแสนหนึ่งหมื่นสามารถทำให้พลังจิตใจตัวเองแตะถึงหนึ่งพันเฮิรตซ์ได้ ฟางผิงไม่เชื่ออยู่แล้ว
ถึงกระทั่งจะเพิ่มถึงหนึ่งพันเฮิรตซ์ได้หรือไม่ ยังเป็นปัญหาด้วยซ้ำ
“ต้องมีข้อจำกัดอย่างแน่นอน”
ฟางผิงคาดเดาออกมา ทั้งเชื่อการคาดเดานี้เช่นกัน
“ลองดูละกัน ตอนนี้ยังมีค่าทรัพย์สินอยู่ อีกอย่างหลังจากนี้จะได้สวัสดิการเงินเดือนจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ทุกเดือน รวมถึงผลการรบของหน่วยทหารก่อนหน้านี้ด้วย สรุปออกมาแล้วตัวเองน่าจะได้ส่วนแบ่งเช่นกัน ค่าทรัพย์สินภายหลังมีอยู่แล้ว”
ในเมื่อตอนนี้มีรายได้ที่มั่นคง ฟางผิงจึงไม่จำเป็นต้องตระหนี่ขี้เหนียว กลัวว่าจะใช้ค่าทรัพย์สินหมดจนมีไม่พอฟื้นฟูปราณอีกแล้ว
—
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ฟางผิงรู้สึกว่าความสามารถของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง!
ทรัพย์สิน : 26,200,000
ปราณ : 1500 แคล (2000 แคล)
จิตใจ : 400 เฮิรตซ์ (699 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)
ฟางผิงส่ายหัว เพิ่มพลังจิตใจขึ้นมาเจ็ดสิบเฮิรตซ์ สิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินไปเจ็ดล้าน
ทั้งไม่มีเครื่องหมายบวกแล้ว!
“นี่หมายความว่าไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกแล้ว หรือว่าในขั้นนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว ต้องทะลวงด่านใหม่เท่านั้น?”
ฟางผิงเชื่อว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า ขั้นสี่ตอนกลาง พื้นฐานร่างกายของเขามีอย่างจำกัด ปราณจำกัด รวมถึงพลังจิตใจต่างแตะถึงจุดสูงสุดหนึ่งแล้ว ไม่สามารถเพิ่มได้อีก
“ทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย บางทีอาจจะเพิ่มขึ้นอีกได้”
ฟางผิงไม่คิดมากอีก เพิ่งจะหยัดกายขึ้น จู่ๆ ร่างกายกลับโคลงเคลง เผลอเหยียบพื้นจนเป็นหลุมออกมา
นี่ยังไม่เท่าไหร่ ฟางผิงรู้สึกว่าสมองของตัวเองเหมือนจะรวบรวมสติไม่ได้ มึนเบลออยากจะเคลิ้มหลับ
“อะไรกัน…”
“นี่เกิดอะไรขึ้น?”
“เร่งเพิ่มพื้นฐานร่างกายเร็วเกินไป ร่างกายปรับตัวไมทัน?”
“พลังจิตใจสูงขึ้น ไม่ใช่ว่าสมองจะยิ่งฉับไวขึ้นเรื่อยๆ หรือไง ทำไมถึงมึนหัวอยากนอนได้…”
จู่ๆ ฟางผิงก็หวาดกลัวขึ้นมา วิ่งตุปัดตุเป๋ออกไปข้างนอก!
ด้านนอกเฉินอวิ๋นซีเห็นเขาวิ่งโซซัดโซเซก็รีบตะโกนว่า “ฟางผิง นายไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปหาอาจารย์!”
ฟางผิงแทบไม่หันหน้ามาด้วยซ้ำ ตลอดทางไม่รู้ว่าเหยียบพื้นเป็นหลุมจำนวนเท่าไหร่ รีบเร่งวิ่งไปยังโซนหอพัก
สมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่รับหน้าที่ลาดตระเวนเห็นพื้นเป็นหลุมก็ถอนหายใจ เดินตามนับทีละก้าว แม้ว่าฟางผิงจะเป็นประธาน แต่การรักษาทรัพย์สินสาธารณะของมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
สองวันก่อนฟางผิงเพิ่งจะเพิ่มค่าปรับขึ้น เมื่อก่อนจ่ายค่าปรับสามแสนก็ตีกันได้แล้ว ตอนนี้มีไม่ถึงห้าแสนอย่าหวังเลย
ส่วนฟางผิง เหยียบพื้นจนเป็นหลุม สมาชิกของสมาคมที่รับหน้าที่ลาดตระเวนเห็นใจอยู่บ้าง
“งานนี้ไม่จ่ายห้าล้านหกล้าน ประธานอย่าคิดจะหนีไปได้ง่ายๆ เลย”
เห็นว่าจำนวนยังเพิ่มมากขึ้น ผู้ลาดตระเวนคนนั้นยิ่งเห็นใจขึ้นไปอีก “ตีไว้ที่แปดล้าน!”
“จบแล้ว ปาไปกว่าสิบล้านนู่น!”
“ประธานคงไม่เบี้ยวหนี้หรอกนะ?”
“จบจริงๆ แล้ว ประตูของอาจารย์หลู่ยังถูกกระชากออกไปด้วย นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว!”
ผู้ที่ลาดตระเวนเห็นฟางผิงกระชากประตูบ้านพักของหลู่เฟิ่งโหรวจนหลุดออกมา ดึงสติกลับมาได้ในชั่วพริบตา ไม่คำนวณเรื่องเงินอีกแล้ว ชักขาโกยแน่บทันที!
นี่ไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิต!
‘ปัง’
ครู่ต่อมาฟางผิงก็กระเด็นลอยออกไปไกลจากประตูบ้านพักของหลู่เฟิ่งโหรวกว่าสิบเมตร พื้นนั้นพังจนเป็นรูปร่างของคน!
“ไอ้เวร!”
เสียงโมโหของหลู่เฟิ่งโหรวลอยออกมา เด็กนี่จะเหิมเกริมไปแล้ว!
เมื่อก่อนยังเคาะประตู ตอนนี้กลับกระชากออกไปตรงๆ!
คราวหน้าจะไม่รื้อบ้านพักเธอเลยเหรอ?
—
“อาจารย์ช่วยผมด้วย!”
เสียงร้องคร่ำครวญของฟางผิงลอยมาแต่ไกล!
ผมไม่อยากทำแบบนั้นสักหน่อย แต่ตอนนี้ฟางผิงรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่บ้าง
—
เสี้ยวนาทีที่ฟางผิงถูกหลู่เฟิ่งโหรวหิ้วคอก่อนจะลากเข้าไปในบ้านพักที่ประตูเสียหาย
ผู้ลาดตระเวนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็วิ่งเร็วยิ่งกว่าเดิม!
จบแล้ว นี่จบจริงๆ แล้ว
“หรือสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต้องเปลี่ยนประธานใหม่อีกแล้ว?”
สมาชิกที่หนีตายคนนั้นอดผุดความคิดนี้ขึ้นมาในหัวไม่ได้
—
ภายในบ้านพัก
หลู่เฟิ่งโหรวสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ฉันอยากจะชำแหละเธอวิจัยสักหน่อย!”
ฟางผิงเผยสีหน้าขมขื่น เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “อาจารย์ อย่าล้อเล่นสิครับ”
“ไม่ได้ล้อเล่น”
หลู่เฟิ่งโหรวแววตาคมปราดขึ้นมา ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสนอกสนใจ
“เธอทำได้ยังไง?”
“นึกไม่ถึงว่าพลังจิตใจจะแข็งแกร่งขึ้น นี่เพิ่งจะกี่วันเอง ทั้งยังแข็งแกร่งอย่างผิดปกติอยู่บ้าง ถึงขั้นที่เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พื้นฐานร่างกายก็เหมือนกัน แทบเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุด! ปราณแข็งแกร่ง ไม่ถึงสองพันแคล แต่ก็คงไม่น้อยไปกว่านั้นเท่าไหร่ ฟางผิง เธอลองพูดมา ฉันควรจะชำแหละเธอวิจัยสักหน่อยหรือเปล่า? ยังมีเรื่องของไขกระดูกอีก ตกลงกลายสภาพเป็นหยกได้ยังไง ฉันยังทำถึงขั้นนั้นไม่ได้เลย! ฟางผิง เด็กดี ให้ความร่วมมือกับอาจารย์หน่อย ฉันรับประกันว่าหลังชำแหละเธอแล้ว เธอจะยังมีชีวิตอยู่แน่นอน…”
“ช่วยด้วย! อาจารย์หลี่! คณบดีหวง ช่วยผมด้วย!”
“ช่วยด้วยครับ!”
ฟางผิงแหกปากตะโกน โรคของหลู่เฟิ่งโหรวกำเริบแล้ว น่ากลัวจริงๆ นี่จะชำแหละเขาจริงๆ แล้ว!
หากไม่มีคนมาช่วย เขาต้องถูกชำแหละแน่
“เด็กดี ให้ความร่วมมือสักหน่อย ไม่ตายหรอก…”
“ช่วยด้วย!”
ฟางผิงตะเบ็งสุดเสียง พยุงร่างกายขึ้นสับขาวิ่งไปข้างนอกทันที
ฉันโง่ไปแล้วหรือไง ทำไมถึงคิดมาขอความช่วยเหลือจากหลู่เฟิ่งโหรวได้ หลู่เฟิ่งโหรวอยากทะลวงเป็นปรมาจารย์จะบ้าอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่มาส่งอาหารให้ถึงหน้าประตูหรือไง?
ในขณะที่ฟางผิงแผดเสียงร้องได้ไม่นาน เงาร่างหนึ่งก็กระโดดลงมาจากบนฟ้า
ฟางผิงจับอู๋ขุยซานที่ผมขาวไว้ทันที กอดขาเขาแน่นเอ่ยอย่างหวาดกลัวว่า “อธิการ อาจารย์จะชำแหละผม ช่วยผมด้วย!”
อู๋ขุยซานถอนหายใจเบาๆ ชำเลืองมองหลู่เฟิ่งโหรวแวบหนึ่ง
ตอนนี้หลู่เฟิ่งโหรวกลับนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟา เอ่ยด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ “ออกไป!”
“เฟิ่งโหรว…”
“ออกไป!”
“อธิการ อย่าไป ไปก็เอาผมไปด้วย!” ฟางผิงจับขากางเกงอู๋ขุยซานไว้ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อย
หลู่เฟิ่งโหรวเผยสีหน้าไม่พอใจ สบถด่า “โง่เง่า!”
ฟางผิงคล้ายกับคิดอะไรได้ ปล่อยมือทันที ขำแห้งๆ ว่า “อธิการ รีบไปทำธุระของคุณเถอะครับ ผมแค่หยอกเล่นกับอาจารย์”
อู๋ขุยซานมองเขาอย่างลึกล้ำ ก่อนจะมองหลู่เฟิ่งโหรวอีกที ไม่ได้พูดอะไรอีก ทะยานขึ้นอากาศไป
เขาไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ทำไมไม่ตะโกนแล้วล่ะ?”
ฟางผิงยิ้มเฝื่อนๆ “ผมกลัวอธิการอยากจะชำแหละผมเหมือนกัน”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียงในลำคอ เวลานี้จึงเอ่ยว่า “พูดมา ตกลงเรื่องเป็นมายังไงกันแน่? สถานการณ์นี้ของเธอ เป็นเพราะความสามารถเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป ฉันเคยเห็นตัวอย่างเหมือนเธอ คนโชคดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าฝ่าเข้าไปถึงหินพลังงานของถ้ำใต้ดินได้ยังไง ภายในเวลาหนึ่งวันทะลวงจากขั้นสามสูงสุดกลายเป็นขั้นสี่สูงสุด จากนั้นสถานการณ์ก็เป็นเหมือนเธอ คนเขาเจอกับหินพลังงาน ทั้งยังโชคดีมีชีวิตกลับมาได้ เธอล่ะ? เจอหินพลังงานเหมือนกันหรือไง?”
ฟางผิงกลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “อาจารย์ ถ้าผมบอกว่าผมหลับแล้วก็ตื่นขึ้นมาเป็นแบบนี้ คุณจะเชื่อหรือเปล่า?”
“เธอลองทายดูสิ?”
“ผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่เรื่องเป็นแบบนี้จริงๆ ผมมักจะนอนหลับตื่นขึ้นมา ความสามารถก็แข็งแกร่งขึ้น…”
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่?”
“เปล่านะครับ เป็นเรื่องจริง!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยยิ้มฝืดเฝื่อน “ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมมักรู้สึกว่าในสมองของผมมีพลังงานที่ไม่รู้จักผุดขึ้นมา พรั่งพรูออกไปข้างนอกเอง จากนั้นความสามารถก็แข็งแกร่งขึ้น อาจารย์คงไม่ผ่าสมองของผมจริงๆ หรอกนะครับ? นั่นตายได้เลย! ผมตายแล้ว ใครจะล้างแค้นให้คุณ!”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียง เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เธอมั่นใจนะว่าภายในสมองมีพลังงานเคลื่อนย้ายเข้ามา?”
“มั่นใจ!”
ฟางผิงพยักหน้างึกงัก ฉันไม่ได้หลอกใคร เป็นเรื่องจริง…แน่นอนว่าเป็นเพราะสมองหรือเปล่า เขาไม่แน่ใจเหมือนกัน ยังไงระบบก็เป็นตัวเคลื่อนย้ายพลังงานที่ฉันไม่รู้ว่ามาจากไหนเข้ามา
“สมองกลายพันธุ์งั้นเหรอ?”
หลู่เฟิ่งโหรวพึมพำ เรื่องนี้ไม่อาจตรวจสอบได้จริงๆ ทั้งไม่รู้ว่าจะดีหรือแย่ หากกลายพันธุ์ร้ายแรงจริงๆ ไม่อาจควบคุมพลังงานออกมาได้ ฟางผิงอาจจะถูกบีบจนตาย
ครั้งนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว
“ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี…”
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเบาๆ สถานการณ์นี้ของฟางผิง ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
“เธอปรับตัวให้คุ้นชินสักหน่อย ตอนนี้ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้ว ครั้งหน้าหากเกิดเรื่องแบบนี้อีก…ฉันจะหาปรมาจารย์มาช่วยดู ลองว่าจะสามารถปิดผนึกสมองเธอได้หรือเปล่า…”
“หมายความว่าตอนนี้ไม่เป็นไร?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อย”
ฟางผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รู้แบบนี้คงไม่มาหรอก เกือบจะตกใจตายแล้ว
ไม่เสียเวลาอีก ที่นี่อันตรายเกินไป ฟางผิงละล่ำละลักว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อาจารย์ ผมขอตัวก่อนละกัน”
หลู่เฟิ่งโหรวชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “อย่าลืมเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย ยื่นคำร้องยกเลิกคำสั่งห้าม!”
“ไม่ลืมๆ หลังจากเปิดเทอมรับนักศึกษาใหม่แล้ว ผมจะยื่นเรื่องทันที ช่วงนี้ทุกคนต่างงานยุ่ง พวกอธิการผมก็ไม่ได้เจอเหมือนกัน”
“ไปเถอะ”
ฟางผิงกำลังจะออกไป หลู่เฟิ่งโหรวกลับเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “หาคนมาซ่อมประตูให้ฉันด้วย ไม่งั้นเธอก็รอโดนฉันชำแหละได้เลย!”
ฟางผิงทำสีหน้ากระอักกระอ่วน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ จำเป็นต้องขู่คนอื่นด้วยหรือไง
“แน่นอนครับ จะทำเดี๋ยวนี้แหละ!”
ฟางผิงตอบรับอย่างว่องไว ในใจกลับลอบคร่ำครวญ ครั้งหน้าจะบุ่มบ่ามไม่ได้อีก นึกไม่ถึงว่าจะเสียการควบคุมได้ นี่ถ้าเสียการควบคุมระหว่างต่อสู้ คงจะมีคนตายแน่ๆ
——————
———————————————-